xs
xsm
sm
md
lg

แรงศรัทธา “บั้งไฟพญานาค” ก่อดรามา! เมื่ออาจารย์ให้ความรู้ แต่ถูกมองลบหลู่ขู่ทำร้าย

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


“ปรัชญา ศาสนา การเมือง” คือหัวข้อสนทนาที่ต้องระวังเป็นอย่างดี เพราะหยิบประเด็นเหล่านี้ขึ้นมาพูดคุยทีไร เป็นต้องมีเรื่องขุ่นข้องหมองใจได้ง่ายๆ ด้วยสิ่งเหล่านี้แฝงเรื่อง “ความเชื่อ” ซึ่งเป็นวิจารณญาณของแต่ละบุคคลเอาไว้ ทำให้ตัดสินว่าเหตุผลจากฝั่งใดถูกหรือผิด




ครั้งนี้ก็เช่นกัน เมื่อ “ผศ.ดร.เจษฎา เด่นดวงบริพันธุ์” อาจารย์ประจำภาควิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย นักวิชาการชื่อดังหยิบประเด็น “บั้งไฟพญานาค” ขึ้นมาแสดงความคิดเห็น จากปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นในวันที่ 8 ต.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งมีรายงานว่าเกิดลูกไฟลอยขึ้นเหนือน้ำเป็นจำนวนรวมกันแล้วหลายร้อยลูก

“ลูกแรกเกิดที่บ้านหนองแก้ว ต.รัตนวาปี อ.รัตนวาปี 3 ลูก กระทั่งมีลูกต่อๆ มาอย่างต่อเนื่อง บ้านหนองแก้ว 3 ลูก, บ้านตาลชุม 116 ลูก, บ้านท่าม่วง 68 ลูก, บ้านโป่งสำราญ 122 ลูก รวมทั้งสิ้นเกิดบั้งไฟพญานาคที่ จ.หนองคายประจำปี 2557 นี้ถึง 444 ลูก”

และจากข้อมูลตรงนี้เองที่ทำให้อาจารย์เจษฎาสังเกตเห็นจุดร่วมบางอย่างและออกมาโพสต์แสดงความคิดเห็นในฐานะนักวิชาการด้านวิทยาศาสตร์ท่านหนึ่งผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวที่ใช้ชื่อว่า “Jessada Denduangboripant”


(โพสต์ต้นเรื่องที่ทำให้เกิดดรามา)

“บั้งไฟพญานาค จริงๆ แล้วคืนๆ นึงขึ้นกี่ลูกกันแน่? จากภาพที่ “สมภพ ขำสวัสดิ์” ถ่ายมาจากแถววัดไทย กับภาพที่ “Nick Dhapana” และ “ขจรเกียรติ ธิปทา” ถ่ายมาจากชุมพลที่อยู่ใกล้ๆ พอมาเทียบกับแผนที่และมุมที่ขึ้น รวมถึงเวลาที่ขึ้นแล้ว ค่อนข้างชัดเจนว่าเป็นลูกเดียวกัน แต่คนถ่ายอยู่คนละโค้งน้ำกัน แสดงว่าก็เป็นไปได้ที่ลูกไฟหลายร้อยลูกที่นับๆ กันนั้น จริงๆ แล้วอาจจะมีนับซ้ำกันเยอะก็ได้ครับ... ข้อดีอีกอย่างของการถ่ายรูปพิสูจน์ครับ

ด้วยเหตุนี้เอง จึงจุดชนวนให้ฝ่ายที่เลื่อมใสศรัทธาในเรื่องนี้เกิดความไม่พอใจ ส่งสัญญาณผ่านโลกออนไลน์ในเชิงท้าทาย ขู่ว่าจะดำเนินการอะไรสักอย่างเพื่อให้อาจารย์ยุติการวิจารณ์เรื่องนี้เสียที และเพื่อไม่ให้เหตุการณ์บานปลายไปมากกว่านี้ ท้ายสุด อาจารย์จึงตัดสินใจออกมาชี้แจงหวังจบดรามาลงด้วยเหตุผล โดยโพสต์ชี้แจงเอาไว้ดังนี้


(ต้องออกมาอธิบาย ก่อนมือมืดจะฉุนมากกว่านี้)

หลังจากมีหลังไมค์มาเรียกร้องให้ผมขอขมาพร้อมชี้แจงประเด็นบั้งไฟพญานาค ไม่งั้นก็ขอเตือนไว้ว่ามีคนที่โมโหผมอยู่เป็นจำนวนมาก และจะประสบชะตากรรมเหมือนไอทีวีในอดีต

1.ผมขออภัยที่ทำให้หลายท่านขุ่นข้องหมองใจ ซึ่งผมเชื่อว่าเป็นความเข้าใจผิด อันเนื่องจากการที่ปีนี้ผมไม่ได้ชี้แจงซ้ำบนเฟซบุ๊คถึงแนวทางในการที่ผมและเพื่อนๆ ถ่ายรูปบั้งไฟ และทำคลิปอธิบายทฤษฎีกระสุนส่องวิธี

2. ผมและเพื่อนสนใจหาคำอธิบายทางวิทยาศาสตร์เกี่ยวกับลูกไฟประหลาดที่เรียกว่าบั้งไฟนี้ ว่าไม่น่าเป็นไปได้ที่จะเกิดจากแก๊สธรรมชาติตามที่หลายคนเข้าใจกัน โดยไม่ได้สนใจในสาเหตุอื่นที่เหนือธรรมขาติ เช่น พญานาคทำหรือไม่ หรือพญานาคมีจริงหรือไม่ หรือเกี่ยวข้องกับศาสนาและความเชื่อพื้นถิ่นอย่างไร

3. การอธิบายถึงสาเหตุทางวิทยาศาสตร์นึ้ จำเป็นต้องเริ่มจากการตอบคำถามให้ได้ก่อนว่าลูกไฟผุดขึ้นจากน้ำจริง อย่างที่หลายต่อหลายคนอ้างว่าเห็น แต่กลับไม่มีภาพถ่ายหลักฐานเลย ซึ่งวิธีที่ดีที่สุดในการตอบคำถามนี้ คือการถ่ายรูปแบบเปิดหน้ากล้องนานๆ จนเห็นว่าลูกไฟนั้นพุ่งมาจากกลางลำน้ำ หรือจากฝั่งกันแน่

4. ด้วยวิธีนี้ เราได้ลองถ่ายรูปในหลายอำเภอ ตำบล หมู่บ้านที่มีการดูบั้งไฟกัน รวมทั้งจากฝั่งลาวด้วย ซึ่ง 3-4 ปีที่ผ่านมานี้ เรายังไม่เคยถ่ายภาพลูกไฟขึ้นจากน้ำได้ แต่ได้ภาพแสงไฟขึ้นจากฝั่ง หรือจากเรือไฟ แทน รวมทั้งคลิปวิดีโอด้วย ซึ่งมีลักษณะตรงกับภาพที่จะได้จากกระสุนส่องวิถี Tracer Round ทั้งหมด

5. กระนั้น เราไม่เคยพูดว่าลูกไฟบั้งไฟทุกลูกที่ไปดูกันในวันออกพรรษานั้นเป็นกระสุน เพียงแต่รูปถ่ายทุกรูปที่ถ่ายได้นั้น น่าจะเป็นกระสุนแน่ๆ แต่ใครยิง เราไม่ทราบ


(ปรากฏการณ์ บั้งไฟพญานาค ที่เกิดขึ้น ณ จ.หนองคาย เมื่อวันที่ 8 ต.ค.ที่ผ่านมา)

6. ข้อมูลภาพและคลิปที่เราเผยแพร่ในแต่ละปีนี้ น่าจะช่วยให้คนที่สนใจ และไม่เชื่อพวกเรา ได้ออกมาลองถ่ายภาพพิสูจน์ด้วยตนเองในปีต่อๆไป เผื่อว่าจะได้มีภาพบั้งไฟขึ้นจากกลางลำน้ำ มาใช้ศึกษาทางวิทยาศาสตร์ต่อไป ว่าเกิดจากอะไรกันแน่

7. การที่หลายคนที่ผมถกเถียงด้วยหลังไมค์ ได้ยอมรับในภาพถ่ายกระสุนขึ้นจากฝั่ง ว่าบั้งไฟของปลอมนั้นมีจริงและมีเยอะด้วย ขณะที่บั้งไฟของจริงนั้นหายากมากแล้ว จึงน่าจะเป็นโอกาสร่วมกัน ที่จะรณรงค์ในปีหน้าๆ ต่อไปให้คนแยกแยะออกในการดูบั้งไฟของจริงของปลอมเทียบกันด้วยวิธีการถ่ายรูป จะได้ช่วยกันนับว่าจริงๆ แล้วบั้งไฟของจริงนั้นมีมากน้อยแค่ไหนกันแน่

8. ขอสรุปอีกครั้งว่า ผมขอขมาลาโทษด้วยที่ทำให้โมโหกัน ซึ่งผมมีเจตนาเพียงงานทางวิทยาศาสตร์เท่านั้น และไม่เคยพูดว่า บั้งไฟทุกลูกเป็นกระสุนครับ ด้วยความเคารพในสิทธิที่แต่ละท่านจะเลือกเชื่อเรื่องใดๆ



หวังว่ากรณีนี้จะเป็นบทเรียนให้แก่ทุกดรามาที่เกิดขึ้นในบ้านเมืองเราด้วย “ความเชื่อ” ที่แตกต่างกัน หากรู้จักรับฟังด้วยเหตุและผล เคารพสิทธิของกันและกัน ไม่ว่าจะเห็นต่างแค่ไหน รับรองว่าจะพบหนทางแห่งปัญญา หากมองกันที่ “เจตนา” ก็จะก่อให้เกิดความเข้าใจโดยไม่จำเป็นหาทางออกโดยวิถีที่รุนแรงให้ต้องเสียขวัญและกำลังใจเลย

ข่าวโดย ASTVผู้จัดการ Live
ขอบคุณภาพและข้อมูล: แฟนเพจ “Jessada Denduangboripant”



ตามมา Follow Instagram และ Facebook Fanpage
"ASTV ผู้จัดการ Live" กันได้ที่นี่!!
**สามารถส่งข่าวสารและเรื่องราวร้องทุกข์ในสังคมมาได้: astvmanager.live.lite@gmail.com
หรือ โทร.0-2629-4488 ต่อ 1477, Fax 0-2629-4754


กำลังโหลดความคิดเห็น