แสนห้า!! คือราคาที่ อุ้ม-ลักขณา ถูกเอเยนต์ค้ากามแอบอ้างว่าคือค่าตัวของเธอ “ไม่รับงานกินข้าว ขึ้นเตียงอย่างเดียว” พร้อมสนนราคาใหม่ให้ในเรต สองแสน!! โดนหยามแรงถึงขนาดนี้ ผู้เสียหายจึงไม่ทน โร่เข้าแจ้งความฟ้องเอเยนต์ผู้แอบอ้างเสนอขายผ่าน Line ในทันที ยันไม่เคยขายเรือนร่างสนองความใคร่ของใคร แม้แต่ราคา ห้าแสน ก็ปฏิเสธมาแล้ว!!
เอเยนต์ St = ซั่มกัน!!?
“อ่านให้จบนะคะ จะบรรยายทีเดียว มีคนส่งไลน์ (Line) มาเพื่อติดต่ออุ้มไปรับงานขายตัว โดยมีลูกค้าชื่อ “Pat8000” คุยกับเอเยนต์เพื่อเสนอขายอุ้มครั้งละ 150,000 - 200,000 บาท นี่เป็นไลน์ที่พวกเอเยนต์คุยกัน ใช้คำนำหน้ากรุ๊ปว่า “St”
หลังจากเป็นตุเป็นตะเรื่องค่าตัวอุ้ม พวกนี้ก็พยายามจะหาทางติดต่ออุ้ม โดยไม่ให้บอกว่าเป็นงาน St อุ้มไม่รู้ว่า St คืออะไร สุดท้ายน้องที่ติดต่อมาก็บอกงานขายตัว! อ่ะพี่ และมีน้อง St ชื่อ “มีมี่” ซึ่งไม่ทราบว่าสาระแนรู้ว่าพี่ขายตัวโดยการคิดไปเอง ไปถามไลน์อุ้มจากเอก (แฟนเก่าอุ้ม) ว่าจะติดต่องานถ่าย แบบไม่ให้บอกงานขายตัว (St)
หลังจากนั้นได้การติดต่อจากน้องคนหนึ่งว่าพี่ไม่รับงาน St แล้วเหรอคะ อุ้มก็งง ว่างาน St คืออะไร น้องเขาก็บอกงานขายตัวอ่ะพี่ เห็นเขาว่าอุ้มทำอยู่ครั้งละแสนห้า มีลูกค้าอยากขึ้นพี่ แต่พี่ไม่ทำแล้ว เพราะพี่มีเสี่ยเลี้ยง
ลูกค้าอยากขึ้นงานกับพี่ 150,000 พี่รับมั้ยคะ โห! พูดแบบนี้ได้ไงคะ นี่เห็นอุ้มเป็นอะไร พวกคุณมีจิตสำนึกกันบ้างมั้ยคะว่ามันจะเสื่อมเสียชื่อเสียงแค่ไหน อุ้มไม่เคยทำ ไม่เคยรับ ไม่เคยคิดจะทำ ไม่คิดจะรับ กรุณาอย่าดูถูกกันนะคะ
ลูกค้าคือคนนี้ คือ “pat 8000” มันบอกอุ้มขายตัว 200,000 ก็จ่าย คืออุ้มทำงานหาเงินได้เองมากกว่านี้มั้ย มีปัญญา มีศักดิ์ศรี เงินจะมากจะน้อยซื้อคนไม่ได้เฟ้ย อีเ---- อยากด่าแต่ไม่รู้จะพูดภาษาอะไร มันยืนยันว่าอุ้มเคยขายให้มัน มึงเป็นใครวะ ดูถูกกันมากไปมั้ย”
ทั้งหมดนี้คือความในใจที่ “อุ้ม-ลักขณา วัธนวงส์ศิริ” โพสต์เอาไว้ในอินสตาแกรมส่วนตัว “Aummy” บอกเล่ารายละเอียดในฐานะผู้เสียหายจากกรณีถูกเอเยนต์ค้ากามบนไลน์แอบอ้าง กล่าวหาว่าเธอคือหนึ่งในดาราที่อยู่ในลิสต์ “เต้าไต่” แลกการเงินและการงาน
ยิ่งมารู้ทีหลังว่า ตัวอักษรย่อ “St” ที่กลุ่มเอเยนต์ค้ากามใช้กันนั้นย่อมาจาก “Something” หมายความว่า “มีอะไรๆ กัน” หรือภาษาดิบๆ เถื่อนๆ ที่เรียกว่า “ซั่มกัน” ยิ่งทำให้อุ้มเดือดจนต้องระบายความรู้สึกทั้งหมดในฐานะคนที่ถูกหยามเกียรติฝากเอาไว้ในโลกออนไลน์ว่า
“สุดท้ายนะคะ จะบอกไว้เลยว่าทุกๆ อาชีพ ทุกๆ คนมีศักดิ์ศรีเท่าเทียมกัน อย่าเหมารวมว่าใครมีภาพลักษณ์ภายนอกดูแรง เซ็กซี่ถ่ายแบบโป๊ๆ มันไม่ได้หมายความว่าเราจะเอาอาชีพที่เราเคารพรักไปแลกกับความเป็นคนและศักดิ์ศรีของลูกผู้หญิง อย่าดูถูก อย่าเหมารวมอาชีพการงานของพวกเรา นักแสดงมีเกียรติมีศักดิ์ศรีค่ะ ขอร้องเถอะนะคะ เลิกตัดสินคนแค่เพียงภายนอกเถอะค่ะ
อุ้มเจอเรื่องนี้มาบ่อย แต่ครั้งนี้มันแรงจริงๆ ค่ะ ทั้งขายตัว ทั้งมีเสี่ยเลี้ยง ทุกวันอุ้มยังทำงาน 7 วัน ถ่ายละคร 2-3 เรื่องเหนื่อยแทบตาย ไม่ได้หรูหรา เวอร์วัง ยังเป็นอุ้มคนเดิม เป็นลูกของพ่อแม่ อุ้มทำงานเลี้ยงครอบครัว ไม่เคยให้ใครมาเลี้ยงหรือขอเงินจากใคร ถ้าเป็นอย่างนั้น อุ้มคงไม่ทำงานเหนื่อยหนักขนาดนี้ หยุดทำลายกับสิ่งที่พวกคุณตัดสินกันเอง คิดกันเองเถอะนะคะ ถ้าอุ้มทำจริง อุ้มจะไม่สะทกสะท้านอะไรเลย แต่อุ้มไม่ได้ทำ และไม่คิดจะทำ
เพื่อเป็นการพิสูจน์ว่าอุ้มไม่เคยทำ ถ้าใครที่อ้างว่าเป็นเอเยนซี่ เคยส่งอุ้มรับเงินจากการขายตัวของอุ้ม เอาหลักฐานมายืนยันกันค่ะ พรุ่งนี้บ่ายสองโมงตรงที่กองปราบฯ และอุ้มจะแจ้งความกลับทุกข้อกล่าวหาที่พวกคุณหมิ่นประมาทและแอบอ้างอุ้มในทุกกรณีนะคะ เรียนเชิญพี่ๆ สื่อมวลชนทุกท่านด้วยนะคะ บ่ายสองโมงตรงกองปราบปรามฯ ค่ะ ขอบคุณทุกๆ ข้อความและกำลังใจนะคะ เรื่องนี้อุ้มไม่ได้ต้องการจะพาดพิงหรือกล่าวหาผู้ใดทั้งสิ้น ใครผิดก็ว่ากันไปตามผิด และขออภัยมา ณ ที่นี่ด้วยนะคะ”
ขายอย่างลับๆ ไม่ถูกหักหลัง!
คงเป็นธรรมดาที่ “เซ็กซี่สตาร์” จะถูกมองว่า “ขายเซ็กซ์” และจากประเด็นร้อนที่เกิดขึ้นกับ อุ้ม-ลักขณา ก็ได้รับการยืนยันจากเจ้าตัวเป็นที่เรียบร้อยแล้วว่า ไม่ได้ขาย ไม่เคยขาย และไม่เคยคิดจะขายแต่อย่างใด แต่ถึงอย่างนั้น ก็ไม่ได้หมายความว่าไม่มีการขายเนื้อหนังในวงการเกิดขึ้น ต้องยอมรับว่าเรื่องนี้อยู่คู่กับวงการมายามานานมากแล้ว
“บางคนก็จะมีคำถามว่า มันเป็นไปได้เหรอ รายได้ออกอีเวนต์ทีหนึ่ง ได้เป็นแสนๆ เล่นหนัง-เล่นละคร เรื่องหนึ่งได้ไปเป็นล้าน ทำไมจะต้องขายตัว ก็ต้องบอกว่าเรื่องการขายตัวมันไม่ได้อยู่ที่ตัวเงินอย่างเดียวน่ะค่ะ มันอยู่ที่ Back อยู่ที่อำนาจ บางทีก็อยู่ที่ความต้องการของผู้ใหญ่ ผู้ใหญ่บางคนเขาอยากได้เด็กคนนี้ๆ นะ จัดให้มาคุย มากินข้าว แล้วก็ตกลงเรื่องผลประโยชน์กัน มันกลายเป็นเรื่องของการทำงานมากกว่าเรื่องขายตัว สมมติ เวลามีปัญหาอะไรขึ้นมา ก็จะมีคนมาคอยหนุนหลัง มีคนมาอุดข่าวให้
อย่างล่าสุด มีดาราคนหนึ่งจะไปเล่นหนังเรื่องนึง ผู้กำกับชื่อดังขอให้เปิดนมให้ดูหน่อยว่าเป็นยังไงบ้าง เพราะเขาอยากได้คนที่หุ่นเซ็กซี่นิดนึง ซึ่งจริงๆ แล้วมันจะต้องเปิดดูกันขนาดนั้นเลยเหรอ ดูแค่ข้างนอกก็น่าจะรู้แล้ว และเปิดให้ดูแล้วก็ยังไม่รู้ว่าจะได้หรือไม่ได้บทด้วยนะคะ นี่คือการลงทุนภายนอก เรื่องพวกนี้มีอยู่ในวงการเยอะแยะค่ะแม้กระทั่งการไปนอนแลกงานก็ยังมีเลยค่ะ นอนแลกกระเป๋ายังมีเลยค่ะ ทำไมการขายตัวจะมีไม่ได้ คนที่ไม่ยอมก็มี เราก็เห็นกันอยู่เยอะแยะ บางคนก็ดับไปเลยก็มี แต่บางคนถ้าเก่งจริงก็หา Back ใหม่ดันเขาต่อไป อยู่ที่ว่าเป็นเด็กใคร
คนที่จะขาย คงไม่เหมือนการนั่งขายของตามแผงที่ติดป้ายไว้ว่า Sale หรอกค่ะ เขาไม่รับงานจากคนที่เขาไม่เคยรับอยู่แล้ว เพราะมันอันตราย เข้าไปในห้องกับผู้ชาย 2 คน ไม่รู้ผู้ชายคนนี้เป็นใคร สกรีนมาแล้วหรือยัง มีกล้องมาแอบถ่ายไว้หรือเปล่า เพราะฉะนั้น ดาราที่จะรับงานขายแบบนี้เขาต้องเซฟตัวเองอยู่แล้ว ถ้าเขาเคยรับงานกับใคร เขาก็จะรับผ่านคนนั้นแค่นั้น จะมีนายหน้าติดต่อว่าต้องรับกับคนนี้ๆ เท่านั้นนะ จะไม่รับจากเอเยนซีเยอะแยะค่ะ ต้องเป็นคนที่ไว้ใจได้จริงๆ เพราะเขาต้องรักษาชื่อเสียงของเขาเอาไว้” แหม่ม-อิงณภัทร์ อุดมสิทธิศักดิ์ ผู้สื่อข่าวสายบันเทิง ผู้คลุกวงใน คร่ำหวอดอยู่กับข่าวคราว (คาว) ของคนในวงการมาแล้วหลายปี เปิดเผยรายละเอียดให้ฟัง
ในเมื่อสมัยนี้ติดต่อขายกันอย่างลับๆ ผ่านไลน์ ถามว่าสมัยก่อนใช้วิธีแบบไหน ผู้รู้ข้อมูลเชิงลึกจึงอธิบายเพิ่มเติมว่าติดต่อผ่านเอเยนซี่เหมือนกัน เพียงแต่อาจจะใช้วิธีโทรศัพท์คุยกันแทน
“คงต้องมีเอเยนซีติดต่อให้ค่ะ แต่ต้องเป็นคนที่เขาเคยใช้งานกัน คุ้นเคยกัน เพราะมันอันตราย และทุกคนที่มีเงินไม่ได้หมายความว่าจะนอนกับเขาได้หมด เขาก็ต้องเลือกด้วยว่าเป็นใคร แบบไหน ดาราที่ขายส่วนใหญ่คงไม่ได้รับโทรศัพท์เองโดยตรง ต่อให้เขาเคยขายอยู่แล้ว และมีคนโทร.เข้ามาว่าอยากซื้อ ก็คงไม่มีใครจะกล้าตอบว่าขายแบบสุ่มสี่สุ่มห้า บางทีเจอจุดไต้ตำตอ เจอมาชวนคุยเพื่อหลอกล่อซื้อ หรือเจอคู่แข่งดาราด้วยกันอยากเอาข่าวไป Black Mail มันเกิดขึ้นได้หมดค่ะ วงการนี้ ฉะนั้น คนที่ทำเขาต้อง Save ตัวเองอยู่แล้ว ไม่รับงานแบบสุ่มสี่สุ่มห้า
ทุกวันนี้ว่าข่าวที่เกิดขึ้นพักหลังๆ เกิน 50 เปอร์เซ็นต์เกิดจากการ Capture หน้าไลน์ทั้งนั้นเลย ดาราที่จะขายก็คงต้องดูแลตัวเอง ในการที่จะพูด, คิด, เขียน อะไรออกมา แม้ว่าจะเป็นเรื่องส่วนตัวก็เหอะ เพราะคำว่าดารา มันไม่มีคำว่า “ส่วนตัว” หรอก อะไรที่หลุดออกมาก็กลายเป็น “สาธารณะ” หมดแหละ”
ไม่เรียกว่า “ขาย” แต่เรียก “ดูแล”
เห็นค่าตัวพุ่งทะลุหลักแสนไปแบบนี้ หลายคนคงตกใจ ไม่เชื่อว่าเรื่องเหล่านี้เป็นจริง แต่คนคลุกวงใน รู้เบื้องลึกเบื้องหลังอย่างแหม่ม บอกเลยว่าหลักแสนนี่แค่เบาะๆ ราคาเพิ่มต้นเท่านั้น!!
“สมัยก่อน เท่าที่เคยได้ยินมาเป็นหลักแสนค่ะ แต่สมัยนี้คงว่ากันที่แสนไม่ได้แล้ว เพราะอีเวนต์งานหนึ่ง ถ้าเป็นดาราผู้ชายตัวหลักๆ ก็อยู่ที่ 200,000 บาทไปแล้ว แล้วดาราผู้หญิงที่จะต้องมาขายอะไรแบบนั้น ค่าตัวมันคงต้องมากกว่านั้นอยู่แล้วแหละ เดี๋ยวนี้ราคาขายก็สูงถึง 1,000,000 แล้วค่ะ
ราคาที่เอเยนต์แอบอ้างว่าเป็นค่าตัวของอุ้ม ที่บอกว่าอยู่ที่ 150,000 - 200,000 บาท ส่วนตัวมองว่าเป็นราคาที่ถูกไปนะคะ เพราะเวลาอุ้มออกงานอีเวนต์งานนึงก็ได้เยอะแล้ว ได้เป็นแสน แล้วถ้าจะต้องไปทำเรื่องแบบนั้น ได้เท่านี้ไม่คุ้มเสียหรอก เพราะฉะนั้น เรื่องเอเยนซีมาอ้างว่าเขามาขายอาจจะไม่จริงก็ได้”
ถามว่าปกติแล้ว การขายแบบนี้ เรตราคาอยู่ที่ประมาณเท่าไหร่? นี่คือคำตอบที่ได้จากแหล่งข่าววงใน “ถ้าหลักพันคงต้องไปขายกันที่สนามหลวง (หัวเราะ) หลักหมื่นคงไม่ใช่ค่ะ ยังไงก็ต้องแสน ตัวเลขไม่น้อยกว่า 100,000 บาทอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเกรดไหนก็ช่าง มันก็พูดยากว่าเรตต่ำสุด-สูงสุดเท่าไหร่ คงแล้วแต่จังหวะชีวิตของคนที่ขายด้วยแหละค่ะว่ามีความเดือดร้อนอะไรมั้ย แต่ถ้าไม่ได้เดือดร้อนรีบใช้เงินอะไร ราคาค่าตัวของเขาก็จะสูงอยู่แล้ว บางคนเขาอาจจะไม่ได้คิดว่าเป็นการขายหรือเรียกว่าค่าตัวด้วยซ้ำค่ะ ถือเป็นการเสนอว่าจะดูแลกัน ก็แล้วแต่ว่าเขาตกลงกันยังไงบ้างค่ะ
อย่างดาราบางคนที่มีข่าวว่าคบกับเสี่ยคนดังที่รวยมากๆ ซึ่งตอนนี้ก็แต่งงานแล้ว มีดาราหลายคนที่ไปคบ ก็ได้กันคนละ 40-50 ล้าน ก็อย่าเรียกว่า “ขาย” เลยแล้วกันค่ะ รูปแบบนี้อาจจะเรียกว่า “ดูแลกัน” มากกว่า วงการบันเทิงคงต้องเรียกอย่างนี้ เหมือนคบกันเป็นแฟนแล้วก็ให้ของบ้างอะไรบ้าง แล้วแต่มูลค่าค่ะ แต่รวมๆ แล้ว ที่ดาราคนนั้นได้ก็จะอยู่ที่ 40-50 ล้านค่ะ ซึ่งมันก็คงเป็นเรื่องธรรมดาที่ผู้ชายเขาจะเสนอให้ผู้หญิง ถือเป็นการช่วยเหลือดูแล”
ถ้าลองเสิร์ชดูข่าวคราวของดาราที่เคยถูกกล่าวหาว่ามีเสี่ยมาทาบทาม จะเห็นว่ามีอยู่ไม่ใช่น้อยเหมือนกัน ก็ขึ้นอยู่กับว่าใครจะขายหรือไม่ “ซึ่งดาราที่ถูกกล่าวหาก็ออกมาปฏิเสธหมดแหละ ไม่มีใครเขายอมรับหรอก มันเป็นเรื่องธรรมดา แต่สุดท้าย เขาขายหรือไม่ขาย เราไม่รู้ แต่คนที่ต้องการเขา มันมีอยู่แล้ว ฉะนั้น คนที่เสนอราคามันมี ส่วนเขาจะเอา-ไม่เอา อันนี้ก็เป็นอีกเรื่องนึง ขนาดแฟนคลับของดารา แฟนคลับ AF (Academy Fantasia) ห้อยพวงมาลัยให้นักร้อง แบงก์พันนี่เต็มไปหมด หรือของขวัญ Amarni, Gucci มีหมด หอบกันเข้าไปแต่ละคอนเสิร์ต นั่นก็ไม่รู้เท่าไหร่แล้ว อันนั้นแค่ได้สัมผัสมือเขานะคะ แล้วคิดดูถ้าได้อะไรๆ กับเขามากกว่านั้น มันต้องจ่ายเท่าไหร่
ต้องบอกว่า พวกที่แฝงตัวมาเข้าวงการเพื่อวัตถุประสงค์ในการขายแบบนี้ก็มีเยอะแยะ เข้ามาในวงการเพราะแค่ต้องการชื่อเสียง บางทีก็เข้าวงการมาเพื่อ Upgrade ตัวเอง แต่ส่วนมากไม่ดังหรอกค่ะคนประเภทนี้ เพราะเขาไม่ได้มีจุดมุ่งหมายในการทำงาน ฉะนั้น ผลงานเขาก็จะไม่ได้โดดเด่น แค่จะมีชื่อให้คนเห็น ถ้าคนพอจะคุ้นหน้าคุ้นตาหน่อย คนนั้นก็จะดูมีราคาขึ้นมา
ถามว่าคุ้มมั้ยกับการขายแล้วได้เงินขนาดนี้ โคตรจะคุ้มเลยค่ะ เพราะว่าถ้าไปขายอยู่อาบอบนวด คงจะได้ค่าตอบแทนอยู่ไม่กี่พัน ค่าทิปรวมกันแล้วคงไม่เท่าไหร่ ซึ่งขนาดได้ทิปไม่เท่าไหร่ คนที่ทำงานตรงนั้นยังอยู่แบบสบายๆ ได้เลย แล้วยิ่งเป็นดาราแล้วมาขายแบบนี้ จะไม่คุ้มได้ยังไง นอนกับแฟนปีนึงไม่รู้ตั้งกี่รอบก็ยังไม่ได้เท่านี้ ถ้าพูดถึงเรื่องความคุ้มกับเรื่องเม็ดเงิน มันยิ่งกว่าคุ้มอยู่แล้วแหละ แต่ถ้าพูดถึงเรื่องความดี มันไม่ดีอยู่แล้ว มันไม่มีศักดิ์ศรี
แต่ปรากฏการณ์ทั้งหมดนี้คงสะท้อนให้เห็นว่า เรื่องขายตัวเป็นเรื่องอมตะที่เกิดขึ้นในวงการบันเทิงมั้งคะ มันมีมาตั้งแต่ยุคไหนๆ แล้ว ตั้งแต่โบราณก็มี “นางโลม” มาถึงปัจจุบันนี้ก็ยังมี เพียงแต่รูปแบบมันก็เปลี่ยนไป การสื่อสาร-การประกาศขายมันก็เปลี่ยนไป
ไม่เกี่ยวกับว่าเป็นดาราเกรดอะไรทั้งนั้นถึงจะขาย เพราะดาราบางคนที่รวยอยู่แล้ว เกรดดีอยู่แล้ว บางทีเขาก็ไม่ได้ต้องการเงิน แต่ต้องการอำนาจ ต้องการสิ่งอื่นมากกว่า ต้องการคนมาดูแล หรืออาจจะต้องการสายป่านในการทำงานที่ยาวมากขึ้น มันเป็นไปได้หมดค่ะ และจริงๆ แล้ว ไม่ต้องพูดถึงแค่ดาราหรอก แค่นักศึกษาที่ขายตัวแลกกระเป๋าเราก็เห็นๆ กันอยู่ว่ามี หรืออาจจะเป็นดาราที่ไม่ค่อยมีงานแล้ว ความเป็นไปได้มันมีทั้งหมดเลยค่ะ เพราะในเมื่อปัจจัยมันอยู่ที่ความฟุ้งเฟ้อ ก็อาจจะต้องหาเงินด้วยวิธีนี้ แต่ถ้าเขาใช้เงินแบบพอดีตัว เขาก็ไม่จำเป็นต้องทำ แต่เมื่อไหร่ที่คนเราฟุ้งเฟ้อ ไม่รู้จักพอ ก็คงต้องหาคนมา Support ตัวเองค่ะ”
ไม่ใช่แค่วัยขบเผาะและสาวสะพรั่งเท่านั้นที่เป็นที่ต้องการของเสี่ย แม้กระทั่งดารารุ่นใหญ่ๆ ทุกวันนี้ก็มีคนเลี้ยงอยู่เหมือนกัน
“ในทุกวงการต้องมีทั้งคนดีและคนไม่ดี ดาราก็เหมือนกัน และคำว่ามนุษย์ดารามันต่างจากมนุษย์ทั่วไปอยู่แล้ว คนอะไรที่จะกอดกับผู้ชายที่ไม่ใช่แฟนได้ กอดกับผู้หญิงที่ไม่ได้มีความสัมพันธ์อะไรกันได้ จูบกันได้ มีอะไรกันได้ เดินโชว์ได้ ถ่ายแบบได้ แก้ผ้าได้ คนพวกนี้เขาไม่มีความธรรมดาอยู่แล้ว ต้องพูดว่ามีความกล้ามากกว่าปกติ เรื่องบางเรื่องก็เป็นเรื่องธรรมดาสำหรับเขา
ดาราบางคน การมีเซ็กซ์ก็เหมือนการกินข้าว หิวก็กิน ได้เงิน-ไม่ได้เงิน ไม่ใช่ประเด็น บางคนกินอิ่มแล้วก็จบ เราก็คงจะเคยได้ยินกันเยอะแยะ ดาราบางคนที่เขาเป็นเพื่อนกับอีกคนหนึ่งอยู่ แล้วก็ไปกินแฟนของเพื่อน อันนี้ขอย้ำว่าดาราบางคนนะคะ ยกตัวอย่างเพื่ออยากจะบอกว่าเหล่าดาราเขาไม่ธรรมดากันอยู่แล้ว แต่คนที่ธรรมดาก็มีค่ะ แต่คงจะไม่เหมือนคนทำอาชีพอื่นอย่างพวกเราๆ
คงจะบอกไม่ได้ว่าอายุเท่าไหร่ จะไปตรวจบัตรเขาก็คงไม่ใช่ และบางคนเขาขายแบบนี้มาอยู่แล้วตั้งแต่ก่อนเข้าวงการ ตั้งแต่สมัยเป็นพริตตี้ หรือแม้กระทั่งดารารุ่นใหญ่ๆ ทุกวันนี้ก็ยังมีคนเลี้ยงเลย อย่างนี้ก็ไม่รู้เรียกว่า “ขาย” หรือเปล่า คงแล้วแต่ว่าใครจะนิยามคำว่า “ขาย” ว่าคืออะไร”
ข่าวโดย ASTV ผู้จัดการ Live
ตามมา Follow Instagram และ Facebook Fanpage
"ASTV ผู้จัดการ Live" กันได้ที่นี่!!
**สามารถส่งข่าวสารและเรื่องราวร้องทุกข์ในสังคมมาได้: astvmanager.live.lite@gmail.com
หรือ โทร.0-2629-4488 ต่อ 1477, Fax 0-2629-4754
ข่าวที่เกี่ยวข้อง (คลิก)
“อุ้ม” เดือด! โดนแอบอ้างชื่อขายตัว จ่อฟ้องเอเยนต์ข้อหาหมิ่นประมาท
“อุ้ม” น้ำตาคลอ ควงพ่อร้องกองปราบ โดนอ้างชื่อขายตัว