xs
xsm
sm
md
lg

เกรียนเกมคนสวย “มันแกว – รุ่งตะวัน” นมใหญ่ ใจดี มีคุณธรรม

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


“น้องเขาเป็นคนตรงๆหน่อยนะครับ” ฝ่ายการตลาดจากบริษัทเกมเอ่ยขึ้นด้วยท่าทีเหมือนคำเตือนวัตถุไฟไว ทีมงาน m - lite ทำใจล่วงหน้าจากบทสัมภาษณ์มากมายในหลากหลายประเด็น ทั้งการคุยเรื่องเพศอย่างเปิดอก ความเซ็กซี่เปิดเผยเนื้อหนังเป็นจุดขาย กระทั่งวิวาทะเชิงปรัชญา

“มันแกว - รุ่งตะวัน ชัยหา” อยู่ในเสื้อคลุมพร้อมทรงผมที่ดูยุ่งเหยิง มีห้วงยามหนึ่งที่เราแอบจำเธอไม่ได้ จากรูปโฉยมตัวจริงของเธอที่ไม่ผ่านแอปพลิเคชันใดๆ ไม่ผ่านมุมกล้องจับวาง และฟิลเตอร์ขาวเรื่อของกล้องฟรุ้งฟริ้ง แต่หลังจากเธอกล่าวทักทายด้วยสำเนียงเหน่อแบบเฉพาะตัว จัดหวีผมเข้าที่ ถอดเสื้อคลุมมาพับกองเผยให้เห็นเรือนอก เราจึงจำเธอได้มากขึ้น และระหว่างบทสนทนา ตัวตนของเธอก็ยิ่งชัดเจน ชีวิตวัยเด็กที่ผ่านการต่อสู้จนเป็นคนที่ไม่ยอมคน กระทั่งถึงตัวตนอันเป็นตัวเองของเกรียนเกมสาวที่มีความคิดงดงาม สมฉายา “นมใหญ่ ใจดี มีคุณธรรม” จริงๆ

สกิลเอาตัวรอด lv 100

สำเนียงเหน่อแบบแปลกๆของเธอเป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งที่ทำให้หลายคนจดจำ แต่จริงๆแล้ว สำเนียงเหน่อของเธอนั้นไม่ได้มีที่มาชัดเจนนัก มันไม่ใช่สำเนียงพื้นเดิมถิ่นเกิดของเธอ เพราะแม้จะเป็นคนชุมพร แต่พอถูกส่งไปเรียนโรงเรียนที่จังหวัดนครปฐมตั้งแต่เด็ก เธอก็ไม่ได้พูดภาษาใต้ ดังนั้นสำเนียงเหน่อแบบเฉพาะตัวของเธอนั้น ที่มาเป็นอย่างไร ตัวเธอเองก็ยังงงๆ

“จริงๆ ก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าแกวเหน่อไปแบบไหน เพราะแกวเองก็พูดภาษาใต้ไม่เป็น เกิดชุมพรแล้วที่บ้านส่งมาอยู่โรงเรียนประจำที่นครปฐมก่อนจะมาต่อมัธยมที่ประจวบคีรีขันธ์”

เมื่อย้อนกลับไปวัยเด็กเธอจึงไม่ได้ใช้ชีวิตกับครอบครัวมากนัก เธอโตมาแบบเด็กหอที่กลับบ้านเพียงเดือนละครั้งเท่านั้น และชีวิตเด็กหอสำหรับเธอคือชีวิตที่สอนให้รู้สึกเอาตัวรอด

“ตอนนั้นใช้ชีวิตแบบเอาตัวรอด แก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าด้วยตัวเอง อย่างเวลาเงินหายเราจะทำยังไง? โทร.ไปบอกแม่ก็โดนดุ เราต้องแก้ปัญหาด้วยการหาเงินมาใช้เองให้ได้”

ตัวเธอสมัยเด็กกับตอนนี้ก็ไม่แตกต่างกันมาก เธอเป็นคนชอบทำตัวเด่นเป็นจุดสนใจ ทั้งยังชอบตั้งคำถามกับสิ่งต่างๆ อยู่เสมอจนทำให้หลายคนรู้สึกรำคาญและไม่ชอบขี้หน้าเธอ การถูกเกลียดจากเพื่อนร่วมในวัยเด็ก สิ่งนี้นำมาซึ่งการถูกกลั้นแกล้ง เงินที่อยู่ๆก็หายไปจากกระเป๋า เธอมั่นใจว่าถูกขโมยไปอย่างแน่นอน

“เงินค่าเทอมที่แม่โอนให้พอกดมามันก็หายไปเลย กระทั่งเสื้อใน กางเกงในก็ยังหาย คือมีการขโมยกันไปใช้แน่ๆ ซึ่งแกวว่ามันก็มีในทุกๆสังคม เราก็ต้องแก้ไขปัญหาจะทำยังไงให้ไม่เกิดเหตุการณ์แบบนี้อีก แกวเคยไปหางานทำ ไปรับจ้างครู รับจ้างแม่บ้าน มีบ้างที่เขาส่งผ้าซักกัน เราก็ไปช่วยแม่บ้านซัก ได้เงินก่อนแล้วไปค่อยบอกแม่”

นอกจากนี้ เธอยังโดนเขม่นจากทั้งรุ่นพี่และรุ่นน้อง แม้จะย้ายโรงเรียนแล้วเธอก็ยังคงเป็นตัวเองที่ชอบทำตัวเด่น และยังโดนเขม่นจากคนรอบข้างอยู่เช่นเดิม

“แต่ยิ่งโตขึ้น เราก็ยิ่งรู้จักวิธีการเอาตัวรอด สกิลการเอาตัวรอดเราก็ยิ่งสูงขึ้น พอรู้ว่าทำตัวอย่างนี้แล้วเพื่อนเขม่นก็จะพยายามไม่ทำ แต่มันก็แก้ไม่หาย อย่างเวลาอยู่ในห้องเรียนแล้วครูชอบให้ท่องกลอน เราไม่เข้าใจทำไมต้องท่องกลอนทั้งที่ไม่ได้มีประโยชน์อะไร สู้ให้ไปเก็บขยะยังดีกว่า พอเราเสนออาจารย์ เพื่อนก็มองว่า อีนี่ อะไรของมัน นั่งเรียนไปก็ดีอยู่แล้ว แกวเลยกลายเป็นคนที่ชอบมีปัญหาตลอด อาจจะเพื่อนไม่ค่อยรัก(หัวเราะ)”

แต่เมื่อความสามารถในการเอาตัวรอดมีมากขึ้น เธอรู้ว่าตัวเองไม่ผิดจากที่ยอมความฝ่ายเดียวเพื่อพึ่งพาอาศัยก็มีการตอบโต้กลับไปบ้าง

“ถ้าแกวทำผิดแกวก็จะยอมรับ แต่ถ้าสิ่งไหนแกวไม่ผิดแต่มาพูดมาว่าหรือมาใส่ร้ายป้ายสี แกวจะไม่ยอมเด็ดขาด ทุกวันนี้แกวคิดว่าคนมันพูดกันไปเรื่อยตามใจปาก พูดแบบหาสาระไม่มีความจริงไม่เจอ พอถามหาความจริงก็พูดไม่ออก สืบเสาะต่อๆมา กลับบอกว่าก็เขาพูดต่อๆกันมา แกวคิดว่า คนเราควรจะรับผิดชอบกับการกระทำและคำพูดของตัวเอง คนอย่างแกว ตาต่อตา ฟันต่อฟัน ไม่มีหลักฐานไปเจอกันที่โรงพัก แกวจะไม่ยอมค่ะ เราจะต้องไม่โดนรังแก”

เกรียนเกมเข้ากรุง

หลังจากฝ่าฟันชีวิตวัยเด็กที่รู้จักหาเงินใช้ด้วยตัวเองจากการที่เงินถูกขโมยไป การตีสนิทกับผู้ใหญ่อย่างแม่บ้าน แม่ครัว คนซักผ้าจนได้งาน ก่อนจะทำงานเพื่อแลกเงินได้สำเร็จ “ความรับผิดชอบ” คือคำที่เธอรู้จักและให้ความสำคัญมาตั้งแต่ตอนนั้น

“ตอนนั้นเราก็เริ่มบริหารเงินเอง เงินหายก็จะไม่ค่อยขอแม่เพราะกลัวว่าความไว้วางใจมันจะหายไป ความรู้สึกของคนเติมเต็มให้เป็นเหมือนเดิมยาก ดังนั้นเราต้องรับผิดชอบตัวเอง ตัวเองทำผิดพลาดก็ต้องแก้ไขเอง”

เมื่อเข้าสู่ช่วงมหาวิทยาลัย เธอยิ้มพลางบอกว่าเป็นช่วงชีวิตที่สนุกมากเพราะเธอได้เป็นตัวเองอย่างถึงที่สุด

“ไปเรียนไม่ค่อยทันคะ เล่นเกมยันเช้าเลย” เธอเอ่ยพลางหัวเราะ “เพื่อนๆก็จะรู้ว่า อีแกวไปเล่นเกมอีกแล้ว แกวชอบไปอยู่ตามร้านเกมบ้าง ไม่ก็อยู่หอคนเดียวมีคอมพิวเตอร์หนึ่งเครื่องก็นั่งเล่นเกม เพื่อนมาก็ปล่อยเพื่อนอยู่ในห้องไป เราก็นั่งเล่นเกม เป็นคนที่ชอบเล่นเกมมาตั้งแต่นานแล้วคะ”

ช่วงเวลาดังกล่าวถือเป็นยุคสมัยอันเฟื่องฟูที่สุดของเกมแนว Multiplayer online battle arena หรือ moba เป็นเกมแนวสงครามกลยุทธ์ที่แบ่งผู้เล่นเป็นทีม 2 ฝ่าย มีส่วนผสมของแอ็คชั่นของการตัดสินใจในเสี้ยววินาที การวางแผนกลยุทธ์ และการเล่นร่วมกันเป็นทีม และเธอหลงรักเกมแนวนี้เข้าอย่างจัง

“แต่แกวก็พยายามตั้งใจเรียนในคลาสให้มากที่สุดเพราะว่าเราไม่มีเวลากลับไปอ่านหนังสือเลย” เธอเอ่ย “เพราะนอกเวลาเรียนเราจะเล่นเกมอย่างเดียว เราแบ่งแยกเวลาชัดเจน เรียนคือเรียน เกมคือเกม ดังนั้นเวลากลับบ้านคือเวลาของเกมจะไม่เอาเรื่องเรียนกลับมาเด็ดขาด”

จากเด็กต่างจังหวัดเข้ามาเรียนในกรุงเทพฯ สิ่งหนึ่งที่หลายคนหอบหิ้วมาด้วยคือความหวังจากที่บ้าน แต่ไม่ใช่สำหรับเธอ ก่อนจากบ้านมาไกล พ่อแม่บอกกับเธอเพียงว่า อย่าตายอย่างเดียวพอ! เธอก็บอกกับที่บ้านว่า หลังจบ ม.6 ขอใช้ชีวิตในแบบที่ตัวเองเป็น!

“ขอใช้ชีวิตแบบที่ตัวเองเป็นแล้วเดี๋ยวจะเอาใบปริญญากลับมาให้” เธอว่าไว้แบบนั้น “จากนั้นแกวก็สะพายกระเป๋าเป้บอกแม่ว่า ไม่ต้องตาม ไม่ต้องถาม ไม่ต้องอะไร เดี๋ยวขอหาที่พักหลักแหล่งได้แล้วเดี๋ยวจะบอก ก็เหมือนแบบสาวน้อยบ้านนาค่ะ นั่งรถทัวร์ไปสมัครเรียนปีหนึ่ง”

อย่างไรก็ตาม ช่วงเข้ามาหาที่เรียนสำหรับเด็กต่างจังหวัดก็เป็นเรื่องชวนปวดหัวอยู่หลายอย่าง จากเดิมทีที่เธอเล็งมหาลัยวิทยาลัยเกษตรศาสตร์เอาไว้ ที่นั่นกลับปิดรับสมัคร เธอจึงลองผันตัวมาเรียนคุรุเพื่อเป็นครูโดยเลือกที่มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทาที่มีชื่อว่าเป็นวิทยาลัยครูเก่าแก่ระดับประเทศ

“แต่กลายเป็นว่าที่นี่ก็เปิดเหมือนกัน เหลือแต่การตลาด แกวก็คิดว่า การตลาดก็ได้นี่นา ทุกวันนี้การค้าขายเป็นสิ่งสำคัญ มีวิชาไว้อย่างไรก็ไม่ยากจน ต้องเป็นประโยชน์ได้แน่ก็เลยลองเรียน”

ล้มเหลวหรือล้มเลิก

พอขึ้นชั้นปีที่ 3 ในช่วงมหาวิทยาลัย เธอก็รู้ตัวเองแล้วว่า อย่างไรก็ต้องทำงานเกี่ยวกับเกม มันกลายเป็นสิ่งที่เธอสามารถใช้เวลาอยู่ด้วยได้ทั้งวันโดยไม่เบื่อ เธอเดินหน้าเข้าบริษัทเกมแห่งหนึ่งก่อนจะขอสมัครงาน จนมาลงตัวที่บททดสอบแรกในวงการ นั่นคือการจัดรายการเกม

“ครั้งแรกกดดันมากเพราะเขาก็ไม่ยอมรับเรา อะไรเนี่ย อีผู้หญิงโชว์นมมานั่งเล่นเกมใครเขาอยากจะดู ไปๆ ไปไกลๆ ก็ด่าๆ แต่เราไม่สนก็นั่งเล่นเกมของเราไป พยายามใช้ความอดทน แกวก็นั่งเล่นจัดรายการ 6 - 7 ชั่วโมงติดต่อกันเลย จันทร์ถึงศุกน์ แกวก็ใช้ความอดทนอยากให้คนมาเล่นเกมเยอะๆ อยากให้งานประสบความสำเร็จ”

ช่วงแรกของการจัดรายการนั้น มีคนเข้ามาดูไม่ถึง 10 คน มีแต่คำถามว่า เธอเป็นใคร? แต่เธอก็ทำหน้าที่ของตัวเองต่อไปโดยหวังว่า ท้ายที่สุดแล้วจะได้รับการยอมรับตอบกลับมา

“แกวเชื่อว่า ถ้าเรามุ่งมั่นมันไม่มีคำว่าล้มเหลวหรอกอยู่ที่ว่าเราจะล้มเลิกตอนไหนเท่านั้นเอง ทุกวันแกวก็จะไปเรียน พอเรียนเสร็จแล้วก็มาจัดรายการต่อ ใช้ชีวิตแบบนี้จนเรียนจบมา”

ความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับลูกเพจหรือผู้ชม เธอมองว่าทุกคนเป็นเพื่อนทั้งในเกมในโลกเสมือนหรือในชีวิตจริง ไม่แบ่งความสัมพันธ์ให้แยกขาดจากกันแต่อย่างใด

“จริงๆก็เพราะเป็นคอเกมด้วยกัน จะสื่อสารอะไรก็เข้าใจกันง่าย ตัวตนของแกวระหว่างจัดรายการกับตัวจริงก็ไม่ต่างกันเท่าไหร่ ต่างแค่ว่าแกวตอนจัดรายการจะมีความอดทนมากกว่า ตัวจริงจะไม่ทนอะไรเลย”

คอมเมนต์แรงๆ ด่าเสียหาย กระทั่งคอนเมนต์หื่นๆ เธอก็ใช้ความอดทนและให้ความสำคัญกับทุกคอมเมนต์ อย่างน้อยเข้าไปอ่าน และตอบบ้างในบางครั้ง การจัดรายการไปพร้อมกับแต่งตัวเซ็กซี่นั้น เธอเผยว่า ส่วนหนึ่งมาจากชุดคอสเพลย์ของตัวละครในเกม อีกส่วนหนึ่งก็มาจากรสนิยมส่วนตัวของเธอเอง ไม่ใช่เปลี่ยนการแต่งตัวมาเพื่อทำงานแต่อย่างใด การเปิดเผยเรือนร่างดูจะเป็นสิ่งที่หลายคนไม่ชอบมากนัก

“ทำไมต้องทำให้ผู้หญิงดูด้อยค่าด้วย” เธอเอ่ยถึงคอนเมนต์หนึ่งที่เธอรู้สึกไม่ดี “เป็นผู้หญิงส่งมา คือแกวว่า ผู้หญิงด้อยค่าไม่ด้อยค่าไม่ได้อยู่ที่ลักษณะภายนอกที่เขาแสดงออก แต่มันอยู่ที่การแสดงออกจากภายในของเขา บางทีผู้หญิงแรงๆ เขารักครอบครัว เขารักตัวเองแล้วเขาก็อาจจะมีการทำงานที่ทำให้เขาแสดงออกมาอย่างนั้น สิ่งสำคัญคือการบอกว่าด้อยค่าไม่ด้อยค่า เขามาตัดสินเราแต่เพียงภายนอกมันไม่ยุติธรรมคะ”

หลังจากเพจเธอมีชื่อเสียง เป็นที่จดจำด้วยวลีเด็ดตั้งแต่ทาสนม นมคุณธรรม กระทั่งข้อคิดการมองโลกที่เธอมักแบ่งปันกับลูกเพจ การตอบคอนเมนต์อย่างเอาใจใส่ หยอกล้อแรงบ้าง ขำบ้างก็เป็นอีกสิ่งที่ทำให้หลายคนชื่นชอบ

“เพราะทุกคนก็อยากจะมีความสำคัญกันทั้งนั้น แกวอาจจะเป็นจุดๆ หนึ่งที่ให้ความสำคัญเขา และให้เขามีกำลังใจในการใช้ชีวิตต่อไปก็ได้ แกวคิดอย่างนี้ก็เลยตอบไป บางคนมาหื่นๆก็ขอบคุณค่ะ แต่ถ้าหื่นอีกก็ไม่ตอบ หลายครั้งก็มีลูกเพจพยายามปกป้องเรา คอยบอกเราว่ามีคนเอารูปเราไปใช้ในทางไม่ดี หรือมีคนมาด่าเราก็พยายามปกป้อง ซึ่งแกวรู้สึกดี เพราะว่าตั้งแต่เด็กมาแกวต้องปกป้องตัวเองมาตลอด พึ่งจะมีคนมาปกป้องเราก็ตอนมีแฟนเพจนี่แหละคะ ดังนั้นพวกเขาจึงถือเป็นคนสำคัญในชีวิตแกวเหมือนกัน”

โชว์นมอย่างปลอดภัย

ความเซ็กซี่ถือเป็นจุดดึงดูดอย่างหนึ่ง เธอไม่ปฏิเสธว่าส่วนหนึ่งมันเป็นจุดแรกเริ่มที่ทำให้หลายคนรู้จัก และในอีกมุมการโชว์เรือนร่างก็มีความหมายเท่ากับอันตราย ทั้งต่อตัวเองและความเป็นห่วงของคนรอบข้าง

“พ่อแม่หนูเขาก็ปล่อยให้หนูใช้ชีวิตแบบวัยรุ่น เขาเข้าใจเหตุผล มีหลายๆคนบอกแม่แกวว่า มันแกวมันโชว์นมนะ มันไปโชว์นมในเฟซบุ๊ก แม่ก็บอก เอา ก็ให้มันโชว์ไปสิ สมัยก่อนเขาก็โชว์มากกว่านี้ไม่เห็นเป็นไรเลย”

ทว่าสิ่งที่ต้องตามมานั้น เธอมองว่า คือการระวังตัวที่ต้องเพิ่มมากขึ้น ยิ่งโชว์ก็ยิ่งต้องดูแลความปลอดภัยของตัวเองให้มากขึ้น

“การแต่งโป๊มันมีหลายประเด็น คนบอกว่า แต่งโป๊แล้วยั่วยวนทางเพศ แกวคิดว่าคนที่โดนข่มขืนส่วนมากเป็นคนไม่ดูแลตัวเอง คือคุณเผอเรอต่อให้คุณแต่งตัวเรียบร้อย ต่อให้คุณไม่เซ็กซี่ แต่คุณปล่อยปละละเลยตัวเองไม่ดูแลเรื่องความปลอดภัยของตัวเองให้ดีก็เสี่ยง

“แกวจะไม่ไว้ใจเลยนะ ต่อให้เดินถนนคนโล่งๆ แกวจะหันมองว่าใครจ้องแกวหรือเปล่า เพราะยิ่งเราโป๊คนยิ่งหวังจะฟันเรา ดังนั้นเราก็ต้องเดินดูอะไรทุกอย่าง คนเดินข้างๆ มาเฉียดนมเราก็ไม่ได้นะคะ แกวจะไม่เดินตลาดนัด หรือไม่อยู่ในผับ ไม่อะไรเลย เพราะ 1 นมแกวจะไปเสียดสีใครก็ไม่รู้ แล้วใครก็มาแตะอั๋ง มันมีความเสี่ยง ถึงแกวจะจัดรายการเกมแกวก็มีเสื้อคลุมกลับบ้าน แกวนอนเล่นเกมมาทำงาน แค่นี้แหละคะ ชีวิตแกว”

สิ่งหนึ่งที่หลายคนอาจไม่รู้คือเบื้องหลังการถ่ายทำของเธอ เบื้องหลังหน้าอกสวย ผิวขาวเนียน ตาโตน่ารักได้รูปนั้น แท้จริงแล้ว ผ่านแอปพลิเคชัน ผ่านการจัดแสง ผ่านการจัดมุมกล้องที่บิดหามุมจนเข้าที่สวยงามที่สุดแล้ว

“เคยมีผู้หญิงคนหนึ่งส่งข้อความมาด่าแกว แล้วก็ร้องไห้กับแกวบอกว่า เขาโกรธที่แกวดูเป๊ะ ดูดี แกวก็บอก ทุกอย่างมันมีเบื้องหลัง มันผ่านการปรับแต่งมาแล้ว และก็ส่งรูปหน้าสดของแกวไปให้ดู”

นี่จึงเป็นเหตุผลว่า ทำไมไม่ค่อยมีใครได้เห็นรูปมุมซ้ายของเธอนัก แต่ก็ถือเป็นการทำงานอย่างมืออาชีพที่ต้องทำให้ตัวเองสวยที่สุดเท่าที่จะทำได้

แต่การเปิดอกเซ็กซี่ก็เป็นสิ่งที่ไม่ได้รับการยอมรับจากสังคม แม้ว่าคนจะชอบดูแต่กลับไม่ให้คุณค่า ทั้งยังดูถูกดูแคลน กับหญิงสาวที่อยากถ่ายรูปเซ็กซี่ เธอให้คำแนะนำว่า ต้องคุยกับพ่อแม่และคนรอบข้างให้ดีก่อน

“ตอนแรกเราต้องคุยกับพ่อแม่ก่อน ต้องบอกก่อนว่าเราทำอะไรอยู่ แล้วเราทำไปเพื่ออะไร ทีนี้ต่อให้สังคมมันถาโถมเข้ามาเป็นแสนเป็นล้าน เขาเข้าใจเรา ก็เหมือนเรามีสกิลป้องกันตัวอยู่แล้ว มันเหมือนมีเกาะในการที่จะอธิบายคนรอบข้างเรา เขาก็จะเข้าใจ ต่อให้มีกระแสต่อต้านหรือมีกระแสแอนตี้ในเรื่องของการแต่งตัวหรืออะไรก็ตาม ขอแค่คนรอบข้างเราเข้าใจ เราก็พอใจแล้ว”

เรื่องโดย อธิเจต มงคลโสฬศ
ภาพโดย พงษ์ฤทธิ์ฑา ขวัญเนตร




ตามมา Follow Instagram และ Facebook Fanpage
"ASTV ผู้จัดการ Live" กันได้ที่นี่!!
**สามารถส่งข่าวสารและเรื่องราวร้องทุกข์ในสังคมมาได้: astvmanager.live.lite@gmail.com
หรือ โทร.0-2629-4488 ต่อ 1477, Fax 0-2629-4754






กำลังโหลดความคิดเห็น