xs
xsm
sm
md
lg

ชีวิตที่ใช้ธรรมะนำทางของ “นต - กนกรส พงศทัต สุวรรณสรางค์”

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นต-กนกรส พงศทัต สุวรรณสรางค์
ชื่อของ “นต” หรือ “กนกรส พงศทัต สุวรรณสรางค์” ขึ้นทำเนียบเป็นสาวสังคมมานาน ที่ผ่านมาหลายคนอาจสนใจเธอในแง่มีความรักกับพระเอกหนุ่มของวงการ มาวันนี้เวลาผ่านไป เธอกำลังสนุกกับบทบาทใหม่ ทั้งการสานต่อธุรกิจของครอบครัวสามีและบทบาท “คุณแม่” ของลูกสองคน

ใครจะรู้ว่าเบื้องหลังของเวลาผันผ่าน นตเจอมรสุมชีวิตครั้งใหญ่และได้เรียนรู้ประสบการณ์ชีวิตที่เธออยากแบ่งปันกับคนอ่านที่นี่แล้ว

Working woman

เห็นเธอห่างหายจากวงการบันเทิงไปนาน แล้วมาโลดแล่นอยู่ในวงการธุรกิจอยู่นานหลายปี มาตอนนี้นตมีโอกาสช่วยบริหารธุรกิจของครอบครัวสามีอย่างเต็มตัว น้ำเสียงเธอบอกว่ากำลังสนุกกับงานที่เรียกว่า “ขายกลิ่นน้ำหอม”

“ตอนนี้นตทำงานช่วยครอบครัวสามีค่ะ ชื่อ บริษัท จีทีซี จำกัด เป็นบริษัทนำเข้าน้ำหอมกลิ่นต่างๆ ที่ใช้ในผลิตภัณฑ์ค่ะ เช่น น้ำยาปรับผ้านุ่ม,น้ำยาสระผม, สบู่ล้างหน้า ยาสีฟัน ครีมทาผิว ฯลฯ เรียกว่าถ้าลูกค้าอยากได้กลิ่นอะไร เราก็สามารถหามาให้ได้หมด หลักๆ นตช่วยดูแลเรื่องการเงินและการตลาด จุดเด่นของบริษัทเราคือ มีขวดน้ำหอมประมาณ 2-3 พันกลิ่นให้ลูกค้าเลือก แล้วเราไม่ได้แค่ขายกลิ่นน้ำหอมให้ลูกค้าแค่อย่างเดียว แต่เราจะมีการผสมใส่ครีมก่อนว่ามันผสมกลิ่นแล้วจะเป็นอย่างไร เช่น ใส่แชมพู ใส่น้ำยาปรับผ้านุ่มมันเวิร์กไหม กลิ่นหอมติดทนนานไหม โดยเราจะมีการเทสต์ในแล็บเคมี นอกจากนั้นบริษัทเรายังมีแผนกเทคนิค คือ รถยก รถลากที่ใช้ใน Warehouse และมีแผนกเคมี ซึ่งมีจำพวกครีมเบส แชมพูเบส ที่ใช้กับกลิ่นต่างๆ ด้วยค่ะ” นตเล่า

เมื่อถึงคราวต้องสวมบทบาทมาเป็นผู้บริหาร นตบอกว่าเคล็ดลับการทำงานของเธออยู่ที่เน้นคุณภาพและการบริการให้แก่ลูกค้า

“เวลาเราไปหาพาร์ตเนอร์ทางธุรกิจ หรือหาสินค้าที่มีคุณภาพเข้ามา เราไม่ได้แค่ไปหาอย่างเดียว แต่เราเล่าให้เขาฟังว่าตลาดเมืองไทยเป็นอย่างไร คุณพร้อมจะดูแลตลาดไทยไหม เพราะกลุ่มพวกนี้เป็นซัปพลายเออร์ต่างประเทศล้วนๆ ฉะนั้นเราจะต้องสรรหาซัปพลายเออร์ที่มีคุณภาพ หรือถ้าเป็นในส่วนของเทคนิค เราก็สรรหาผู้ผลิตที่มีคุณภาพมาตรฐานและนำเข้ามาค่ะ”

ดูเหมือนว่าเธอจะไปได้สวยกับเส้นทางธุรกิจนี้ พอถามว่าคิดถึงงานวงการบันเทิงบ้างไหม นตตอบทันควันว่า

“ไม่นะคะ เพราะนตเรียนมาทางด้าน Marketing และเราก็ชอบงานด้านนี้ ชอบคิดทำโน้นทำนี่ เลยสนุกกับสิ่งตรงนี้ ตอนที่ทำงานวงการบันเทิง มันก็สนุกแต่คงเป็นคนละวัยไปแล้ว ตอนนั้นยังเป็นวัยที่เราออกไปเจอผู้คน เฟี้ยวฟ้าว ออกไปปาร์ตี้ตอนกลางคืน สนุกสนานเฮฮา มีเพื่อนในวงการมากมาย ก็สนุกไปอีกแบบ แต่พอเราโตเป็นผู้ใหญ่ขึ้นมาอีก เราก็รู้สึกว่ามีหน้าที่จริงๆ ที่เราต้องทำและต้องรับผิดชอบมากกว่างานในวงการบันเทิง”

ชีวิตใหม่- ครอบครัวอบอุ่น

ถ้ายังจำกันได้ หลายปีก่อน นตเคยตกเป็นข่าวว่าเป็น “แฟนสาว” ของพระเอกหนุ่ม “ชาคริต แย้มนาม” หลังจากทั้งคู่คบหาและเลิกรากันไปนานหลายปี ก็ถึงคราวเธอได้พบรักใหม่และสร้างความครอบครัวอบอุ่นกับ "อูโด้- ธนพัฒน์ สุวรรณสรางค์” นักธุรกิจหนุ่มลูกครึ่งไทย-เยอรมัน ซึ่งตอนนี้ทั้งคู่มีโซ่ทองคล้องใจแล้วเป็นน้องฮูโก้วัย 7 ขวบ และน้องฮันน่า วัย 4 ขวบ

พอถามว่าประทับใจอะไรในสามีบ้าง นตยิ้มและตอบว่า

“อูโด้มีนิสัยคล้ายกับนตค่ะ คือเป็นคนที่ชอบไปโน้นไปนี่เหมือนกัน แต่เราก็เป็นคนติดครอบครัว แล้วครอบครัวเรามี อยู่กัน4 คน คือพ่อ แม่ ลูก อูโด้กับนตเลยจะเป็นเหมือนเพื่อนกัน มีอะไรก็จะเล่าให้กันฟัง”

เรื่องประทับใจล่าสุดที่สามีทำให้คือเรื่องอะไรคะ ?

“คงเป็นวันวาเลนไทน์ที่ผ่านมาค่ะ ปกตินตกับอูโด้จะมีการ์ดให้กันเสมอทุกวันวาเลนไทน์ แต่ว่าปีที่ผ่านยุ่งมากๆ เลย วันเกิดอูโด้ นตก็ลืม พอวันวาเลนไทน์นตก็เกือบจะลืม แต่พอนึกได้ว่าเราไม่ได้ให้ดอกไม้กันมานานแล้ว นตเลยโทร.บอกเลขาฯ ว่าสั่งดอกไม้ให้อูโด้หน่อยนะ พอถึงวันวาเลนไทน์ นตเดินเข้าออฟฟิศมา ก็เห็นมีร้านดอกไม้มาส่งดอกไม้ให้อูโด้ พอสักประมาณ 15 นาทีต่อมา ร้านดอกไม้เจ้าเดิมก็เอาดอกไม้มาให้นตเหมือนกัน สรุปว่าอูโด้โทร.ให้เลขาสั่งดอกไม้มาให้นตเหมือนกัน กลายเป็นว่าได้ดอกไม้ร้านเดียวกันค่ะ แต่ก็ประทับใจนะคะ (หัวเราะ)

นตยอมรับว่าพอโตขึ้น ประสบความรักที่ผ่านมาก็ช่วยให้เธอนิ่งขึ้น ใจเย็นขึ้น กลายเป็นเคล็ดลับครองคู่ที่เธอใช้ได้ผลมาจนถึงทุกวันนี้

“อูโด้อยู่กับนตมา 8-9 ปีแล้วค่ะ อาจจะเป็นด้วยวัยที่เราไม่เป็นผู้หญิงจู้จี้แล้ว มันเลยทำให้เราอยู่ด้วยกันได้ ทั้งๆ ที่ตอนเด็กๆ นตเป็นคนจู้จี้มากนะคะ แต่พอโตขึ้น เราก็เริ่มเรียนรู้ เริ่มจะนิ่งขึ้น ใจเย็นขึ้น ซึ่งอูโด้ก็คงเป็นเหมือนกัน เราเลยอยู่ด้วยกันได้โดยไม่มีปัญหาอะไร (ยิ้ม)

นอกจากนั้นประสบการณ์รักครั้งเก่ากับพระเอกหนุ่ม ก็ทำให้เธอรู้จักนำบทเรียนใหม่นั้นมาใช้สอนตัวเองด้วย เธอบอกว่ารักครั้งนั้นสอนบทเรียนให้เธอหลายอย่าง

“ความจริงชาคริตเป็นคนนิสัยดีและน่ารักมาก เขาเป็นคนให้ความรักกับแฟนระดับหนึ่ง ให้เกียรติแฟนมาก แต่ด้วยความตอนนั้นนตยังเป็นวัยรุ่นอยู่ เลยชอบคิดว่าทำไมเขาทำอย่างนี้กับเรา ทำไมๆ แต่พอเวลาผ่านไป โตเป็นผู้ใหญ่เราก็คิดได้ว่าเรานี่แหละเป็นคนทำเขา เรานี่แหละทำให้เขามาทำอย่างนี้กับเรา อาจเป็นเพราะว่าเราเป็นเด็ก จึงคาดหวังกับเขาเยอะมาก พอบางครั้งเขาไม่ได้ทำอย่างที่เราต้องการหรือมาตรฐานตกไป เราก็จะรู้สึกจี๊ด แต่ ณ วันนี้ที่เราเป็นผู้ใหญ่แล้ว นตเรียนรู้ที่จะไม่คาดหวัง

“เราคิดว่าสิ่งที่เราทำ มันจะเป็นสิ่งที่ก่อเกิดให้อีกคนทำดีกับเรา มมุติว่าถ้านตทะเลาะกับอูโด้ พอเลิกทะเลาะกัน นตก็จะมองว่า มันคือการกระทำของเรา ถ้าเราเงียบมันก็จบ แต่ถ้าเราใส่อารมณ์เข้าไป มันก็ทะเลาะกันต่อไปเรื่อยๆ ทุกอย่างอยู่ที่ตัวเราทุกอย่าง เราสามารถคอนโทรลได้ด้วยตัวเราเอง ฉะนั้นมันเลยทำให้เราเข้าใจชีวิตมากขึ้นค่ะ”

ใช้ธรรมะดับทุกข์

แม้นตจะมีภาพเป็น working woman แบบนี้ แต่อีกมุมหนึ่งเธอก็เป็นนักปฎิบัติธรรมตัวยงคนหนึ่ง ซึ่งธรรมะนี้เองที่สามารถมาช่วยเธอดับทุกข์ใจในยามที่เธอเจอปัญหาหรือมีมรสุมชีวิต

“นตไปเรียนวิปัสสนากับท่านอาจารย์โกเอ็นก้า ท่านสอนให้มองดูภายในตัวเราเองว่าตอนนี้เรากำลังคิดเรื่องอะไรอยู่ เรากำลังโกรธใครอยู่ พอเรานั่งดูแบบนี้ เราจะเห็นเลยว่าเคมีคอลในร่างกายของเราจะแสดงออกมาเป็นปวดหัวยิบๆ ที่หัว มือชา เห็นได้ชัดเลยว่าสิ่งต่างๆ มันเกิดจากอารมณ์เราทั้งนั้น มันคือเคมีคอลในร่างกายที่จะออกผลมาเป็นแบบนี้ ดังนั้นคนที่คิดอะไรเยอะๆ มันถึงได้ป่วยง่าย มันถึงได้เจ็บ แล้วท่านอาจารย์โกเอ็นก้ายังอธิบายธรรมะที่เป็นแบบวิทยาศาสตร์ นตเลยถูกจริตกับทางนี้มาก กลายเป็นคนเข้าใจอะไรมากขึ้นเยอะเลยค่ะ”

“พอได้ธรรมะ ก็ได้นำมาใช้กับครอบครัวและสามีด้วย คือ เราเรียนรู้ที่จะปิดหูปิดตาปิดปาก และปล่อยวางอะไรบางอย่างมากขึ้น รู้ว่าอะไรที่ไม่ควรพูด อย่างสมัยก่อนเวลาทะเลาะกับแฟนหรือสามี เราจะคิดว่าลุยเลยดีกว่า แต่พอนตมาปฏิบัติธรรม มันก็ทำให้เราเงียบลงได้และเก็บมาไตร่ตรองก่อนว่าถ้าเรื่องไม่สำคัญมาก ก็เก็บไปเถอะ เดี๋ยวพรุ่งนี้มันก็หายไป เลยทำให้เราไม่ทะเลาะกัน”

ช่วงที่เป็นมรสุมชีวิตของนตคือ ตอนที่เธอต้องแท้งลูกเนื่องจากลูกหัวใจหยุดเต้น แถมพอตั้งครรภ์ลูกคนที่สองคือน้องฮันน่า ก็ต้องลุ้นว่าลูกจะมีชีวิตรอดไหม ในขณะเดียวกันแม่สามีก็ป่วยหนัก เรียกว่าเจอมรสุมรุมเร้า ถ้าไม่มีธรรมะ เธออาจไม่สามารถผ่านเวลาช่วงนั้นไปเลยก็ได้

“ตอนท้องลูกคนที่สองคือ น้องฮันน่า นตไม่มีความสุขเลย เพราะหมอบอกว่าไม่เห็นหัวใจนะ สงสัยต้องแท้งอีก แต่พอไปหาหมออีกหลายๆ คน หมอก็บอกว่าเก็บไว้ก่อน เด็กอาจยังเล็กอยู่ หัวใจเลยเต้นไม่แรง เรามองไม่เห็น ในใจตอนนั้นก็ทุกข์มาก จนวันหนึ่งมีโอกาสได้ไปคุยกับหมอใหญ่ ความจริงตอนนั้นไม่อยากฟัง ไม่อยากจะรู้เรื่องทั้งสิ้น แต่พอหมอใหญ่บอกว่าผมดูแล้ว เด็กปกติทุกอย่าง เราก็คิดว่าโชคดีมากเลย (ยิ้ม) แต่ทีนี้ด้วยความที่รกเกาะต่ำ ลูกอาจไม่ได้อยู่ในท้องครบเทอม นตเลยต้องระวังมาก ช่วงนั้นปวดท้องแบบเดินไม่ได้เลย เพราะว่าตัวลูกจะหลุดออกมาแล้ว นตต้องนอนเฉยๆ อยู่เดือนหนึ่งแทบคลั่ง เจ็บหน่วงมากแล้ว ตอนหลังนตบอกไม่ไหวแล้ว หมอผ่าเหอะจำได้ว่าวันที่คลอดน้องฮันน่าปุ๊บ นตไม่ได้ยินเสียงเด็กร้องเลย ก็ช็อกอีกว่าเกิดอะไรขึ้น ลูกเราจะเป็นอะไรไหม คุณหมอรีบอุ้มลูกไปห้องไอซียูเด็กทันที ตอนหลังถึงรู้ว่าลูกอยู่ในห้องไอซียู 5 วัน ลูกตัวเล็กแค่ 700 กรัม เหมือนลูกหนูเลย”

นตบอกว่าเธอผ่านเหตุการณ์เหล่านี้มาได้ เพราะได้ธรรมะและกำลังใจจากคนรอบข้างด้วย

“ตอนนั้นนตได้กำลังใจจากคนรอบข้างด้วยนะ ช่วงนั้นทุกคนก็สงสารเรา เป็นห่วงเป็นใยเรามาก ส่วนนตก็คิดว่าอะไรจะเกิดก็ต้องเกิด เราต้องอยู่กับปัจจุบันให้ได้ พอมันมาถึงจุดนี้ ถึงได้บอกว่าทุกวันที่เราออกจากบ้าน ถ้าเรามีสติทุกอย่างในสิ่งที่เราทำ ทุกอย่างจะดีตามไปเอง เหมือนวันนั้นที่นตมีสติ มันเลยส่งผลให้เราในวันนี้ค่ะ คือ เราจะไม่ทุกข์มาก เพราะเรามีสติ (ยิ้ม)”

ช่วยเล่าความน่ารักของลูกๆ คือ น้องฮูโก้และน้องฮันน่าให้ฟังหน่อยค่ะ ?

“ถ้าไม่รู้จักฮูโก้ อาจจะคิดว่าเขาเป็นคนเล่นเสียงดัง นิสัยแบบนักกีฬา หรือเป็นคนรุนแรง แต่จริงๆ แล้วเขานิสัยอ่อนโยนมาก เขาเห็นนตเจ็บนิดหนึ่งไม่ได้เลย คือ ถ้าเกิดนตพูดคำว่า “โอ้ย” ขึ้นมาคำหนึ่งนะ ฮูโก้จะเข้ามาถามแล้วว่าหม่ามี้เป็นอะไร เดินชนอะไร หายหรือยัง คือเขาเป็นคนแคร์คน บางทีครูที่โรงเรียนเล่าให้ฟังว่าถ้าเพื่อนนิ้วหัก หรือนิ้วซ้น วันรุ่งขึ้นเขาจะถามเลย ว่าเพื่อนเป็นยังไง คือเขามีจิตใจอ่อนโยนมาก ส่วนฮันน่าก็จะเป็นอีกแบบหนึ่ง คือ ข้างนอกดูเปรี้ยวดูหวาน มีหลากหลายอารมณ์ แต่ข้างในใจเขาเข้มแข็งมากเลย” (ยิ้ม)

ทุกวันนี้แม้นตจะเป็นนักธุรกิจสาวไฟแรง แต่เธอก็ยังยืนยันว่าชีวิตครอบครัวต้องมาก่อนเป็นอันดับหนึ่ง เพราะเธอค้นพบแล้วว่านี่คือความสุขในชีวิตของเธอ

“สำหรับนตแล้ว ครอบครัวต้องมาอันดับ 1 ค่ะ คือพ่อ แม่ น้องสาว ลูก สามี เรียกว่าชีวิตคนเราก็มีแค่นี้จริงๆ ค่ะ” (ยิ้ม)

ข่าวโดย ASTV ผู้จัดการ Lite 
เรื่องโดย สุพรรษา แก้วแสงธรรม
ภาพโดย ปัญญพัฒน์ เข็มราช





ตามมา Follow Instagram และ Facebook Fanpage
"ASTV ผู้จัดการ Live" กันได้ที่นี่!!
**สามารถส่งข่าวสารและเรื่องราวร้องทุกข์ในสังคมมาได้: astvmanager.live.lite@gmail.com
หรือ โทร.0-2629-4488 ต่อ 1477, Fax 0-2629-4754





นตในออฟฟิศสูงใจกลางเมือง
ชีวิตครอบครัวอบอุ่นของนต

กำลังโหลดความคิดเห็น