เปลือยใจแกนนำกปปส. “บี-พุทธิพงษ์ ปุณณกันต์” ที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นกบฏ เผยนาทีชีวิตที่หดหู่และต้องหลั่งน้ำตา ประกาศลั่นขอยืนอยู่เคียงข้างประชาชน เพื่อกำจัดระบอบทักษิณให้ได้!
ทำไมถึงตัดสินใจลาออกจากส.ส.มาเป็นแกนนำกลุ่ม กปปส.
ตอนแรกผมก็ไม่ได้ลาออกจากการเป็นส.ส.แต่มาเริ่มต้นชุมนุมก่อนที่เวทีสามเสน เห็นว่ารัฐบาลมีการเริ่มต้นนำ พ.ร.บ.นิรโทษกรรมเข้าสภา ซึ่งเนื้อหาเห็นชัดว่าไม่ได้ทำเพื่อคนส่วนรวม แต่เป็นการแก้ไขให้คุณทักษิณได้อานิสงส์จาก พ.ร.บ.นิรโทษกรรมฉบับนั้น แสดงให้เห็นถึงความไม่ชอบธรรมและไม่โปร่งใสของรัฐบาล แล้วพอเห็นพี่น้องหลากหลายอาชีพตอบรับและออกมาแสดงจุดยืนต่อต้านกฎหมายนิรโทษกรรม ผมเลยได้ซึมซับความรู้สึกของประชาชนด้วยตัวเองว่าประชาชนยอมรับไม่ได้จริงๆ ที่สำคัญคือรัฐบาลไม่ฟังเสียงประชาชน หรือจริงจังที่จะแสดงความรับผิดชอบ
วันนั้นที่ผมตัดสินใจลาออก เพราะโครงการจำนำข้าวมีแนวโน้มว่าเงินจะไม่พอ มีการทุจริตคอร์รัปชันในหลายขั้นตอน มีการครอบงำของนักการเมืองในหน่วยงานราชการต่างๆ เรื่องนี้จึงไม่ได้หยุดแค่พ.ร.บ.นิรโทษกรรมแล้ว ถ้าจะยกระดับการชุมนุมให้มากกว่านั้น ผมคงยืนอยู่ในฐานะนักการเมืองไม่ได้แล้ว ไม่อย่างนั้นทุกคนจะรู้สึกว่าเราทำเพื่อพรรคการเมืองที่สังกัดอยู่ หรือคิดว่าเราหวังผลทางการเมือง
วันที่ตัดสินใจลาออก ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าอนาคตตัวเองจะเป็นยังไง พอลาออกมาได้สักพักก็ถูกกล่าวหาว่าเป็นกบฏ มีโทษถึงจำคุกตลอดชีวิต ประหารชีวิต ทั้งที่ความจริงชีวิตผมไม่จำเป็นต้องเสี่ยงมากขนาดนี้ก็ได้ แต่ผมรู้สึกว่าการที่เรามีโอกาสได้เป็นแกนนำครั้งนี้ ถือว่าเป็นความภาคภูมิใจที่สุดแล้ว ไม่ได้คิดหวังเพื่อตัวเองในอนาคต รู้แค่ว่าวันนี้เราทำในสิ่งที่ถูกต้อง ได้ทำและอยู่เคียงข้างประชาชนพี่น้องประชาชน โดยที่เขารู้ว่าเราไม่ได้เป็นคนเลว ไม่ได้ทำเรื่องแย่แก่ประเทศชาติ ก็ทำให้ผมภูมิใจแล้ว
ทางคุณนุสบาและลูกๆ ว่ายังไงบ้างที่คุณมาเป็นแกนนำแบบนี้
ผมโชคดีที่ภรรยา คือ คุณนุสบา ลูกๆ คุณพ่อคุณแม่ และน้องสาวอีกสองคนให้กำลังใจมาโดยตลอด โดยเฉพาะภรรยาที่ไม่เคยทำอะไรให้เป็นภาระ แถมช่วยดูแลลูกเต็มที่
นอกจากนั้น ผมยังประทับใจลูกชาย คือน้องปุณณ์ อายุ 13 และน้องกันต์ อายุ 6 ขวบ ซึ่งถือว่ายังเด็กมาก แต่ทุกครั้งที่ลูกมาเยี่ยมผมที่ม็อบ เขาไม่เคยถามเลยว่าเมื่อไหร่พ่อจะกลับบ้าน แต่เขาจะถามว่า "เหนื่อยไหมพ่อ สู้ๆ นะครับพ่อ" ทีแรกคิดว่าเป็นแค่คำของเด็กที่พูดว่าสู้ๆ แต่พอดูจากสายตาและการกระทำของเขาแล้ว เห็นได้ว่าเขารู้ว่าพ่อกำลังทำอะไร เลยไม่แสดงความอ่อนแอให้เห็น เขาเข้าใจเลยเข้ามากอด เข้ามาหอม แล้วบอกว่าจะมาหาอีก พ่อต้องสู้ๆ ทั้งที่มันควรกลับกัน เราควรจะบอกให้ลูกเข้าใจเรา แต่ลูกกลับเข้าใจเรา (ยิ้ม)
การที่คุณออกมาเป็นแกนนำของ กปปส. ทำให้คุณมีปัญหากับน้องชายคือ คุณบรู๊ค- ดนุพร ปุณณกันต์ ด้วยไหม เพราะเห็นได้ชัดว่าพวกคุณอยู่คนละขั้วการเมือง
เรื่องนี้ชัดเจนมานานแล้วว่าผมและน้องชายเดินอยู่บนเส้นทางที่ต่างกันตั้งแต่แรก เพราะเราอยู่ในพรรคการเมืองที่มีนโยบายต่างกันชัดเจน คือผมอยู่พรรคประชาธิปัตย์ ส่วนเขาอยู่พรรคเพื่อไทย ตั้งแต่ผมกลายมาเป็นแกนนำของ กปปส. ผมไม่เคยโทรศัพท์คุยกับน้องชายเลย และเขาก็ไม่เคยโทร.หาผม เพราะเข้าใจว่าไม่มีเหตุผลจะต้องคุยกัน แน่นอนว่าความเป็นพี่น้องยังมีอยู่ เพราะเราทั้งคู่เติบโตมาด้วยกัน มีพ่อแม่เดียวกัน มีความห่วงใยให้กันและกัน แต่สิ่งที่ผมทำและสิ่งที่เขายืนอยู่นั้นยากจะคุยกันได้ กลายเป็นเรื่องลำบากใจของเราทั้งคู่ ถ้าคุยกันก็คงไม่สามารถทำให้อีกฝ่ายเปลี่ยนใจได้
ถามว่าเคยโกรธเขาไหม ผมไม่เคยโกรธเขาเลย เพราะผมเป็นคนรุ่นใหม่ จึงเคารพในความเห็นต่าง แม้กระทั่งผมเป็นแกนนำในวันนี้ ผมอยากบอกคนที่เห็นต่างว่าทุกคนมีสิทธิจะคิดต่างกัน การที่ผมมาเป็นแกนนำ ผมก็ไม่ได้เห็นด้วยไปกับทุกเรื่องของ กปปส. บางเรื่องผมก็ติงว่าไม่เห็นด้วย และทำเท่าที่ทำได้ เรื่องนี้ผมชื่นชมในตัวคุณสุเทพ เทือกสุบรรณ มากที่ท่านไม่เคยบังคับผม ผมสามารถทำในสิ่งที่ตัวเองสบายใจ สามารถนำเสนอความคิดเห็นที่แตกต่างได้ มีการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันและกันมาโดยตลอด
อะไรคือสิ่งที่คุณไม่ชอบในระบอบทักษิณ
ผมเป็นคนมีเหตุผลและเป็นคนรุ่นใหม่พอสมควร ดังนั้น ไม่ได้มองว่าต้องด่ากราดทุกเรื่อง บางเรื่องที่ผมคิดว่าเขาทำดี ผมก็ไม่ได้ด่าเขา แต่เรื่องแย่ของระบอบทักษิณ คือ ทำให้คนไทยมีทัศนคติว่าโกงไม่เป็นไร ไม่ต้องเป็นคนดี ไม่ต้องตั้งใจทำงาน ขอแค่มีเส้นหรือเป็นคนของนักการเมือง ก็สามารถเติบโตในองค์กร,หน่วยงานราชการ, หน่วยงานรัฐวิสาหกิจได้ ซึ่งตอนนี้กลายเป็นว่าครอบงำไปทุกระบบแล้ว แม้กระทั่งหน่วยงานเอกชน
คนอาจคิดว่าไม่ใช่เรื่องหนักหนา แต่ลองคิดดูว่าถ้าระบบนี้ครอบงำไปทุกระบบของประเทศไทย ลูกหลานเราในอนาคตจะลำบากมาก เพราะเขาจะไม่มีหลักยึด ไม่มีความรู้สึกว่าต้องเป็นคนดี หรือต้องตั้งใจทำงาน เขาจะคิดว่าทำยังไงก็ได้ แค่มีเงินก็วิ่งเต้นไปเอาตำแหน่ง นี่เป็นสิ่งที่ผมกังวลมากที่สุด เพราะเรื่องนี้จะทำให้การขับเคลื่อนในทุกระบบเดินหน้าต่อไปไม่ได้ กลายเป็นวัฒนธรรมที่ผิดๆ ซึ่งจะทำให้ภาพรวมของประเทศไทยมีปัญหาและแก้ไขยาก
ดังนั้น เรื่องนี้ไม่ใช่แค่การคอร์รัปชันแล้ว แต่มันจะกลายเป็นวัฒนธรรมแทรกซึมที่ไม่ดี ใครที่โอกาสได้อ่านบทความนี้ ผมอยากให้ลองถามใจตัวเองดูว่า ตอนนี้เกิดเหตุการณ์ที่ผมพูดจริงไหม ผมเชื่อว่า 9 ใน 10 จะต้องตอบว่าจริง และถ้าต่อไปมีจำนวนแบบนี้มากขึ้นเรื่อยๆ ลูกหลานเราในอนาคตจะอยู่ยังไง ขนาดเรายังเหนื่อยเลย
มีกระแสข่าวในโซเชียลเน็ตเวิร์กว่าคุณแอบไปลงคะแนนเสียงเลือกตั้งล่วงหน้า ความจริงคืออะไรกันแน่
นี่เป็นการกล่าวร้ายหรือการให้ข้อมูลผิดๆ ความจริงผมแค่ไปเจรจากับเจ้าหน้าที่คูหาเลือกตั้งที่เขตวังทองหลางมาเท่านั้นเอง ผมไปบอกเขาว่าไม่ได้มาขัดขวาง เราแค่ต้องการปฏิรูปก่อนการเลือกตั้ง พูดเสร็จก็กลับ ไม่ได้เข้าไปในคูหาเลือกตั้งเลย แต่กลับมีคนเอาภาพที่ผมกำลังเจรจากับเจ้าหน้าที่ไปเผยแพร่ตามอินเตอร์เน็ต และบอกว่าผมไปลงคะแนนเสียงเลือกตั้งล่วงหน้าที่เขตนี้
ถ้าผมไปเลือกตั้งล่วงหน้าจริงๆ ผมจะต้องไปเขตอื่นที่เป็นเขตบ้านผม ไม่ใช่ไปที่นี่ ดังนั้นเรื่องนี้ไม่มีมูลความจริงเลย แต่เหตุการณ์นี้ทำให้เห็นวิธีการทำลายความเชื่อถือของผม มีการพยายามสร้างความสับสนให้แก่ประชาชน แต่ผมเชื่อว่าเมื่อเวลาผ่านไป คนจะรู้เอง เพราะเป็นไปไม่ได้ว่าผมจะไปเลือกตั้งล่วงหน้า ทั้งที่ตัวเองเป็นแกนนำของกปปส. แบบนี้
พอมีโอกาสมาเป็นแกนนำของ กปปส. เหตุการณ์ไหนที่ทำให้คุณรู้สึกหดหู่ใจมากที่สุด
เรื่องที่ผมเสียใจมากที่สุดในการมาทำงานครั้งนี้ คือ ผมไม่คิดว่าคนไทยจะทำร้ายกันเองได้ขนาดนี้ ผมเห็นชีวิตที่ต้องสูญเสียไปหลายคน เห็นพี่น้องประชาชนที่ได้รับบาดเจ็บเป็นร้อยราย ทั้งถูกยิงบ้าง ถูกสะเก็ดระเบิดบ้าง เลยรู้สึกว่าคนไทยไม่ควรจะทำร้ายคนไทยด้วยกันเองจนถึงชีวิตหรือได้รับบาดเจ็บ ในฐานะแกนนำ ผมเลยรู้สึกมากกว่าคนอื่นหน่อย เพราะผมมีหน้าที่ดูแลและเยียวยาผู้ที่ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต พอมีเหตุการณ์เกิดขึ้น ผมจะต้องเข้าไปดูแลผู้ที่บาดเจ็บ ไปพูดคุยกับญาติที่เสียชีวิต ไปที่วัด ไปให้กำลังใจครอบครัวที่สูญเสีย เลยเห็นทุกภาพที่เกิดขึ้น
วันที่ไปเยี่ยมผู้ที่ได้รับบาดเจ็บเป็นยี่สิบราย ผมนอนไม่หลับไปหลายวัน เพราะความรู้สึกที่ไปเยี่ยมเยียนพวกเขายังติดอยู่ในใจ วันแรกๆ ที่ไปเยี่ยม คนที่ได้รับบาดเจ็บถามผมว่าเพื่อนเป็นยังไงบ้าง กำนันเป็นยังไงบ้าง เขาอยากจะรีบออกมาสู้กับพวกผมอีก ทั้งที่ตัวเองถูกยิงอยู่ ผมรู้สึกพูดไม่ออก ได้เห็นภาพนี้ทุกวัน ผมต้องไปรับร่างที่ไร้วิญญาณของผู้ที่เสียชีวิต ต้องไปช่วยงานศพที่วัด เป็นภาพที่สะเทือนใจ ทุกครั้งที่เกิดเรื่องแบบนี้จะเครียด เพราะผมสัมผัสความรู้สึกของผู้สูญเสียอย่างใกล้ชิด
อย่างกรณี “คุณประคอง ชูจันทร์” ผู้ชุมนุมกลุ่ม กปปส.ที่เสียชีวิตในเหตุการณ์ระเบิดที่ถนนบรรทัดทอง พอรู้ข่าว ผมก็ไปเยี่ยมอยู่หน้าห้องผ่าตัด ตอนนั้นญาติคุณประคองยังไม่มา ผมเห็นตั้งแต่คุณหมอช่วยชีวิตเขาอยู่ในห้องไอซียู เห็นภาพวันที่ภรรยาและลูกเข้าไปดูร่างของคุณประคอง ลูกเขาอายุ 7 ขวบวิ่งเข้าไปกอดพ่อแล้วร้องไห้ เป็นความรู้สึกที่รับไม่ได้จริงๆ ผมนอนไม่หลับไปสองวัน ยอมรับว่าร้องไห้หลายครั้ง อยู่คนเดียวก็เป็น หรือวันที่เห็นภาพวันนั้นก็น้ำตาไหล เพราะความรู้สึกสุดจะเกินทนแล้ว ผู้ที่เสียชีวิตเขาก็มีชีวิต มีครอบครัว เห็นแล้วสะท้อนว่าคนไทยต้องทำร้ายกันขนาดนี้เหรอ ชีวิตเขาก็มีคุณค่านะ
หรือกรณีของ “คุณสุทิน ธราทิน” ที่ถูกยิงเสียชีวิตในเหตุการณ์ปะทะกันที่หน้าวัดศรีเอี่ยม เขาก็มีลูกตัวเล็กๆ อายุ 5 ขวบ ทำให้ผมเห็นภาพแบบนี้ซ้ำอีกรอบ และทุกครั้งบอกได้ว่าสุดจะบรรยายจริงๆ ครับ
แล้วเหตุการณ์ครั้งไหนที่คุณรู้สึกประทับใจมากที่สุด
คงเป็นเรื่องที่ผมมีโอกาสเดินชุมนุมกับคุณสุเทพ เทือกสุบรรณ ไปสถานที่ต่างๆ ในกรุงเทพฯ แล้วมีภาพพี่น้องประชาชนมากมายออกมาชุมนุมพร้อมกัน ออกมาไม่พอ ยังแปลกใจที่เขาเอาเงินมาให้เป็นแบงก์ร้อย แบงก์พัน แบงก์ห้าสิบก็มี เขาเอาเงินมาให้และบอกว่า “ขอบคุณกำนันสุเทพ ขอบคุณแกนนำที่สู้เพื่อเราทุกคน” ไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะมาเห็นภาพคนเบียดเสียดเพื่อเอาเงินมาให้แบบนี้ บางคนยืนรออยู่ 3 - 5 ชั่วโมงเพื่อจะยื่นเงินขอร่วมกู้ชาติครั้งนี้ด้วย คิดว่าความรู้สึกแบบนี้ไม่ได้มาง่ายๆ นี่จึงเป็นสิ่งที่ผมประทับใจ
ตอนนี้ไม่มีใครบอกได้ว่าเราจะชนะเมื่อไหร่ และจะชนะยังไง แต่เชื่อว่าถ้ามีคนออกมามากขนาดนี้ มวลมหาประชาชนจะไม่มีทางแพ้แน่นอนครับ
คิดยังไงที่รัฐบาลออก พ.ร.ก. ฉุกเฉิน และเรื่องนี้ส่งผลกระทบกับคุณอย่างไรบ้าง
ผมพูดตลอดว่าการออก พ.ร.ก. ฉุกเฉินในวันนี้ พี่น้องประชาชนไม่ได้ฉุกเฉินด้วย เราชุมนุมปกติ ถ้ามันอันตรายถึงขนาดต้องออก พ.ร.ก. ฉุกเฉิน คงไม่มีใครกล้าเอาพ่อแม่หรือลูกหลานออกมาเดินด้วยหรอกครับ แต่คนออกมาเยอะแยะ เพราะไม่ได้อันตราย จึงไม่จำเป็นที่จะต้องมาออก พ.ร.ก. ฉุกเฉินในวันนี้ รัฐบาลอาจทำเพื่อต้องการขอคืนพื้นที่หรือกระชับพื้นที่ แต่สิ่งที่รัฐบาลทำจะเกิดผลกระทบต่อประเทศ ไม่ว่าจะเป็นการท่องเที่ยวหรือเศรษฐกิจ
พอมี พ.ร. ก. ฉุกเฉิน ยอมรับว่าผมต้องระมัดระวังมากขึ้น และมีความยากลำบากในการทำงานมากขึ้น แต่ตอนนี้ใกล้ถึงจุดที่เราจะชนะแล้ว เพราะการที่รัฐบาลออก พ.ร.ก. ฉุกเฉินแบบนี้ คนยิ่งจะออกมามาก เพราะเขาเห็นว่ารัฐบาลใช้อำนาจในทางที่มิชอบมากขึ้นเรื่อยๆ และเกินกว่าเหตุ จึงใกล้ถึงเวลาที่รัฐบาลชุดนี้จะจบลงแล้ว
รู้สึกอย่างไรที่ DSI กล่าวหาว่าคุณ “เป็นกบฏ”
แน่นอนว่าถ้าผมแพ้ โทษก็เป็นกบฏ อาจถูกจำคุกคลอดชีวิต ถูกประหารชีวิต ดีไม่ดีอาจถูกทำร้ายจนถึงชีวิต หรือถูกลอบยิงได้ตลอดเวลา แต่ผมเดินผ่านจุดนั้นมาแล้ว จึงไม่คิดว่าเราจะรอดชีวิตไปจากตรงนี้ได้หรือเปล่า เชื่อว่าหลายคนเข้าใจว่าเราทำเพื่ออะไร เมื่อเดินหน้ามาขนาดนี้ ผมก็คิดว่าคนเราเกิดมาครั้งหนึ่งก็ตายครั้งเดียว ในเมื่อเรายังมีชีวิตอยู่และได้ทำขนาดนี้ ผมก็ภาคภูมิใจว่าเราทำด้วยความบริสุทธิ์ใจจริงๆ
ถ้ามวลมหาประชาชนได้รับชัยชนะแล้ว คุณจะยังลงเล่นการเมืองอีกไหม หรือเบื่อหน่ายการเมืองแล้ว
ผมคงต้องตัดสินใจอีกครั้งหนึ่งครับ ยังบอกเวลานี้ไม่ได้ ตอนนี้ขอแค่มีการปฏิรูปทางการเมืองโดยไม่มีนักการเมืองมาเกี่ยวข้อง มีปรับกติกาหรือข้อบกพร่องของกฎหมายให้เรียบร้อย มีการเดินหน้าไปสู่การเลือกตั้งที่รอบคอบและชอบธรรม ผมก็สบายใจแล้วครับ
คิดว่าวันที่ประชาชนได้รับชัยชนะ ผมก็คงกลับบ้านไปอยู่กับลูกและภรรยา อยากให้เวลาพวกเขาบ้าง เพราะพอผมออกมาทำแบบนี้ ก็ทุ่มเทเวลาทั้งหมดให้กับการชุมนุม ถือว่าบกพร่องในการทำหน้าที่ครอบครัว
อยากฝากข้อความอะไรไปถึงคุณยิ่งลักษณ์และคุณทักษิณบ้างไหม
ผมอยากให้คุณยิ่งลักษณ์และคุณทักษิณได้ใช้ข้อมูลข้อเท็จจริงที่สะท้อนจากความรู้สึกประชาชนจริงๆ อย่าไปฟังข้อมูลจากคนรอบข้างที่อาจไม่ได้ใช้ข้อเท็จจริง มีการปิดบังหรือตัดทอนข้อมูล ทำให้คุณยิ่งลักษณ์หรือคุณทักษิณไม่สามารถตัดสินใจได้ และอาจเกิดข้อผิดพลาดได้
คือผมพยายามมองในมิติที่ดี คิดว่าถ้าท่านเห็นว่าประชาชนออกมาเยอะจริงๆ ไม่ใช่ทำเพื่อพรรคการเมืองใดๆ ไม่มีการแบ่งสีแบ่งข้าง เชื่อว่าคุณยิ่งลักษณ์หรือคุณทักษิณจะตัดสินใจได้ง่ายและถูกต้องกว่านี้ครับ
เรื่องโดย ASTV ผู้จัดการ LIVE