xs
xsm
sm
md
lg

เครื่องแบบธรรมศาสตร์..ก็ไม่รู้สินะ?

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


บทความโดย : เอมอร คชเสนี

พี่เป็นศิษย์เก่าธรรมศาสตร์ ในยุคบุกเบิก มธ.รังสิต สมัยนั้นยังไม่มีอาคารต่างๆ โดยรอบมากมายเหมือนสมัยนี้ ต้นไม้ใหญ่ยังไม่โต วัวควายกลางทุ่งยังมีให้เห็น เปลี่ยนตึกเรียนแต่ละวิชาเดินกันขาลาก ไม่มีรถวิ่งในมหาลัยเหมือนสมัยนี้ ความคิดตอนนั้นก็คือช่างเป็นยุคแห่งเสรีชนโดยแท้

สมัยนั้นถ้าวิชาไหนขี้เกียจเรียน พี่ก็โดดเรียน แต่ไม่ได้หนีไปเกเรที่ไหน ก็นั่งร้องเพลงเล่นกีตาร์อยู่ใต้ตึก โชคดีที่หัวดีและรักดี เมื่อโดดเรียนแล้วต้องรู้ว่าจะทำยังไงให้เรียนทันเพื่อน ต้องหาเล็คเชอร์มาลอก เมื่อจะสอบต้องอ่านหนังสือ พี่เรียนไป โดดไป จบมาได้เกียรตินิยมอันดับ 2 ไม่ได้คุยโม้โอ้อวด เพียงแต่อยากให้น้องๆ เห็นว่า โดดเรียนได้ แต่ต้องรู้ว่าหน้าที่ของนักเรียนนิสิตนักศึกษา ก็คือ เรียนหนังสือ

การเรียนหนังสือ ไม่จำเป็นต้องคร่ำเคร่งเป็นเด็กเรียน เราเรียนเพื่อให้รู้วิชา และเรายังสามารถหาเวลาเพื่อเรียนประสบการณ์ชีวิตเพิ่มเติมได้ด้วยการทำกิจกรรม ทั้งการเรียนและกิจกรรมเปิดโอกาสให้น้องๆ ให้แสดงความคิด ความเห็น ความเป็นตัวของตัวเอง ผ่านในชั่วโมงเรียนที่คนไม่เยอะนัก ผ่านทางการบ้าน รายงาน กิจกรรมต่างๆ หรือแม้แต่ช่วงเวลาพักผ่อนที่น้องได้อยู่กับเพื่อนๆ

เข้าเรื่องซะที พี่พยายามบอกน้องๆ ว่าการแสดงความเป็นตัวของตัวเอง มันไม่ได้แสดงออกมาผ่านทางเสื้อผ้า เครื่องแบบ รองเท้า กระเป๋านักหรอก แน่ใจหรือว่าถ้าได้แต่งไปรเวท น้องจะไม่วิ่งตามกระแสแฟชั่น และจะได้แสดงอัตลักษณ์หรือตัวตนออกมาจริงๆ กว่าพี่จะรู้ว่าเสื้อผ้าแบบไหนกันแน่ที่เหมาะกับพี่ ก็ต้องค้นหาและเปลี่ยนแปลงอยู่บ่อยครั้ง

สมัยที่พี่ไปเรียน พี่แต่งไปรเวทไปแทบทุกวัน เหตุผลง่ายๆ ก็คือ รู้สึกว่ามันคล่องตัวกว่าใส่กระโปรงนักศึกษา เพราะบางทีพี่ก็กระโดดข้ามคูด้วยความแก่นเซี้ยว แต่เมื่อถึงเวลาสอบ กฎมีว่าต้องใส่เครื่องแบบ พี่ก็แต่งเครื่องแบบโดยไม่ได้รู้สึกว่าถูกลิดรอนสิทธิเสรีภาพ ถูกละเมิดสิทธิความเป็นส่วนตัว ถูกปิดกั้นไม่ให้แสดงความเป็นตัวของตัวเอง หรือถูกกดขี่กลายเป็นวัตถุทางเพศแต่อย่างใด สมัยนั้นจำไม่ได้แล้วว่า มีวิชาไหนมั้ยที่บังคับให้ต้องใส่เครื่องแบบเข้าเรียน ถ้าไม่ใส่จะโดนไล่ออกจากห้อง แต่ถึงจะโดนบังคับอย่างนั้นจริงๆ พี่ก็จะใส่เครื่องแบบเข้าเรียนอย่างไม่มีข้อกังขา

หลายคนใส่เครื่องแบบด้วยความภาคภูมิใจ จนน้องๆ เถียงว่า นี่คือการแบ่งชนชั้นซะยิ่งกว่าใส่ไปรเวท ถามว่าหัวเข็มขัดหรือกระดุมธรรมศาสตร์มันมีศักดิ์ศรีกว่ามหาวิทยาลัยเปิดหรือ ก็ไม่ใช่เลย และหวังว่าคงไม่มีใครคิดแบบนั้น แล้วมันผิดหรือที่เขาภูมิใจ สมัยพี่กว่าจะเอนทรานซ์เข้ามาได้ เลือดตาแทบกระเด็น แล้วก็ช่วยไม่ได้ถ้าบริษัทจะคัดเด็กจากมหาวิทยาลัยปิด แต่นั่นก็ไม่ได้รับประกันความสามารถหรือความสำเร็จในชีวิต จะเรียกว่าเป็นการแบ่งชนชั้นก็ไม่ถูกนัก หรือจะเรียกว่าแบ่งสังกัด ก็ไม่ใช่เรื่องแปลก ก็มันคนละมหาวิทยาลัย พี่จะไม่พูดถึงประเด็นประหยัด เพราะคนจะประหยัด ใส่อะไรมันก็ประหยัด คนจะฟุ่มเฟือยใส่อะไรมันก็ผลาญได้

เหตุผลที่พี่ยอมใส่เครื่องแบบแต่โดยดีมาตั้งแต่ประถมยันมหาวิทยาลัย ไม่ใช่เพราะพี่ยอมจำนนต่อการตีกรอบ หงอต่อกฎเกณฑ์ที่เขาวางไว้ แต่เป็นเพราะพี่ไม่เห็นว่าเสื้อผ้าคือปัญหา ไม่ว่าจะใส่เครื่องแบบหรือไม่ใส่เครื่องแบบ ก็ไม่เห็นจะใช่ประเด็นปัญหาซักนิด เพราะที่จริงแล้วหน้าที่ของพี่ก็คือมาเรียน พี่ก้าวข้ามเรื่องเครื่องแต่งกายที่ถือเป็นเปลือก ไม่เกี่ยวอะไรกับการเรียนซักนิด เหมือนที่น้องๆ ชอบยกมาพูดนั่นแหละว่า “จะใส่เครื่องแบบหรือใส่ไปรเวทก็ไม่ได้มีผลต่อการเรียน” ใช่เลย ไม่ว่าจะแต่งตัวแบบไหนก็ไม่ได้มีผลต่อการเรียน แล้วจะเรียกร้องเพื่ออะไร

เพื่อปลดแอกตัวเองจากการกดขี่เหรอ พี่ไม่เคยรู้สึกสักครั้งในชีวิตว่าถ้าต้องอยู่ในกรอบ แปลว่าพี่ต้องแบกแอก พี่เริ่มต่อต้านกฎเล็กๆ น้อยๆ เป็นครั้งแรกสมัยที่เรียนมัธยม ครูผู้ปกครองไม่อนุญาตให้ไว้ผมยาวเลยหูมากนัก และไม่ยอมให้พับถุงเท้าสูงเกินเหตุ แต่พี่ก็พับถุงเท้าสูงอยู่เสมอ และไว้ผมยาวกว่ากฎ เพราะคิดว่ามันสวยดี แต่เมื่อครูจับได้และลงโทษ พี่ก็ยอมรับแต่โดยดี เพราะกฎกติกาในโรงเรียน ทำให้คุณครูดูแลเด็กร้อยพ่อพันแม่อย่างพวกเราได้ง่ายขึ้น และเกิดความเป็นระเบียบเรียบร้อยขึ้นจริงๆ

พี่เห็นน้องๆ มีปฏิกิริยากับคำว่า เป็นระเบียบเรียบร้อย พี่อาจจะไดโนเสาร์เต่าล้านปีอย่างที่น้องๆ ว่าก็ได้ เพราะพี่ไม่เห็นโทษภัยของความเป็นระเบียบเรียบร้อยแต่อย่างใด น้องๆ บอกว่าพวกที่ก้มหน้ายอมรับกฎเกณฑ์แต่โดยดีคือพวกโง่ ยอมให้เขาจูงจมูกไปทางไหนก็ได้ พี่คิดว่าก็อาจจะมีคนที่ว่าง่ายแบบนั้นจริงๆ แต่ก็คิดว่าคนอีกจำนวนไม่น้อยที่ยอมทำตามกฎ ไม่ใช่เพราะเขายอมจำนน แต่เพราะเขาเห็นว่าเขาสามารถกระทำตามกฎได้โดยที่มันไม่ใช่ปัญหาต่างหาก

หลายคนคงเคยเดินย่ำสนามที่มีป้ายปักไว้ว่า ห้ามเดินลัดสนาม ความรู้สึกแบบเด็กๆ เมื่อได้แหกกฎ คือ กรูควบคุมโลกนี้ได้นิดหน่อยแล้วเว้ย แต่ความจริงผลที่เกิดขึ้นมันก็คือ หญ้าตาย ต้องเสียเงิน เสียแรง เสียเวลา ปลูกหญ้าใหม่ เท่านั้นเอง

บางคนบอกว่ามหาวิทยาลัยกับบริษัทแตกต่างกัน บริษัทใช้เงินจ้างให้เข้าทำงาน ก็เลยสามารถทำตามกฎได้ แต่มหาวิทยาลัยไม่ได้จ้างให้เข้ามาเรียน ไม่เห็นต้องทำตามกฎ ถ้าคิดแบบนี้พ่อแม่ก็ไม่ได้จ้างให้เรามาเกิด เราไม่ต้องเชื่อฟังพ่อแม่ก็ได้ ครูอาจารย์ก็เป็นคนอื่น เราไม่ต้องเคารพเชื่อฟังก็ได้ ถ้าใครมีเงินให้เรา เราค่อยยอมทำตามกฎของเขางั้นหรือ ในชีวิตที่ต้องเติบโตต่อไป น้องๆ จะได้รู้จักความสัมพันธ์ในหลายๆ รูปแบบ ที่จำเป็นต้องมีกฎกติกาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

การคิดนอกกรอบเป็นสิ่งดี แต่ควรเป็นเรื่องสร้างสรรค์ เป็นประโยชน์และไม่กระทบกระเทือนต่อส่วนรวม จึงจะเรียกว่าเจ๋งโดยแท้ โปสเตอร์ที่โยงเรื่องเซ็กส์เข้ากับชุดนักศึกษา ถ้าน้องกะว่าทำให้แรง คนจะได้สนใจ ก็โอเคนะ ได้ผลในแง่นี้ อย่างน้อยพี่ก็หันมามองหน่อยนึง แต่อยากจะบอกว่าน้องไม่ประสบความสำเร็จในการเรียกร้องให้เลิกใส่ชุดนักศึกษาแล้วมาใส่ไปรเวท พี่เรียนการสื่อสารมา สำหรับพี่ งานชิ้นนี้ถือว่าไม่ผ่าน ไม่โดน ไม่เก็ท ที่จริงน่าจะดัดแปลงไปใช้สำหรับการรณรงค์ใส่ชุดนักศึกษาให้งดงามมากกว่า

พี่ไม่ได้กระแดะโลกสวยรับไม่ได้เรื่องเซ็กส์ มันมีอยู่จริงในสังคม แต่มันไม่ใช่เรื่องที่จะมาทำให้การมีเซ็กส์ในวัยเรียนกลายเป็นเรื่องธรรมดา โดยเฉพาะผู้หญิง เราถูกสอนมาให้รักนวลสงวนตัว เพราะผู้หญิงเมื่อพลาดคือท้อง กระเทือนถึงอนาคต ไม่ได้แปลว่าเขาสอนแบบนั้นเพราะกดผู้หญิง ให้ท้ายผู้ชาย เซ็กส์เป็นเรื่องสวยงามเมื่อมันถูกที่ ถูกคน ถูกเวลา และไม่เกี่ยวกับชุดนักศึกษา เด็กกลุ่มนึงเท่านั้นที่ใส่ชุดนักศึกษารัดติ้วเสมอหู และกลุ่มนี้ต่อให้เปลี่ยนไปใส่ไปรเวทก็รับรองได้เลยว่า ก็จะกลายเป็นวัตถุทางเพศในแบบไปรเวทเหมือนกัน ส่วนประเด็นคนจะหื่นกับผู้หญิงในชุดเครื่องแบบนั้นจริงหรือ พี่คิดว่าแล้วแต่คน ถ้าคนมันจะหื่น ใส่อะไรมันก็หื่น ส่วนคนที่หื่นเข้าหาเครื่องแบบ ก็ไม่ได้ผิดปกติ และต่อให้ใส่ชุดนักศึกษาแบบถูกระเบียบ มันก็หื่นได้

คนที่คิดว่าชุดนักศึกษาแบบถูกระเบียบเป็นชุดที่ใส่แล้วดูน่ารัก ไม่ได้มีแต่รุ่นใหญ่ ลุงป้า หรือพวกไดโนเสาร์เต่าล้านปีเท่านั้นนะ น้องลองออกมาจากกลุ่มพวกของตัวเองที่คิดเหมือนๆ กัน แล้วลองไปถามความเห็นคนอื่นๆ รอบๆ ตัว พี่ว่าหลายคนก็คงคิดเหมือนพี่ ชุดถูกระเบียบไม่ได้ดูเชยหรือล้าสมัย เราอาจจะมองไม่เหมือนกัน แต่เหนืออื่นใด มันเป็นแค่เสื้อผ้า จะใส่เครื่องแบบหรือใส่ไปรเวท ถ้าถึงกับจะต้องปลดแอกความเป็นมนุษย์กันแล้วล่ะก็ ในชีวิตต่อไปภายหน้าอีกหลายสิบปีของน้อง แม่งโคตรยาก พูดเลย

การใส่เครื่องแบบ จะว่าไปก็เหมือนให้เราได้ซ้อมเพื่อเข้าสู่วัยทำงาน เสื้อผ้าที่เรียบร้อยทำให้บุคลิกของเราดีขึ้น พี่ใส่ไปรเวทเป็นเด็กกะโปโลมาตลอด พอเข้าวัยทำงานพี่เงอะงะอยู่ซักพักเชียวนะกว่าจะเข้าที่ เราไม่ได้ตัดสินคนที่ภายนอก แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่ามันเป็นเรื่องที่คนส่วนใหญ่ให้การยอมรับ แต่เมื่อจบวันทำงาน เราสามารถถอดเสื้อผ้า ถอดหัวโขน นุ่งขาสั้นลากแตะ อยู่กับคนที่รู้ใจ ซึ่งเข้าใจเราเสมอและไม่เคยตัดสินเราจากเสื้อผ้ารูปลักษณ์ภายนอก นี่คือชีวิตจริง ไม่ใช่โลกในอุดมคติ

น้องเป็นแค่คนกลุ่มหนึ่ง แต่น้องกำลังทำสิ่งที่กระเทือนถึงคนกลุ่มใหญ่ที่เขาใส่ชุดนักศึกษากันได้โดยไม่มีปัญหา พวกเขาเหล่านั้นได้ชื่อว่าเป็นธรรมศาสตร์เหมือนกันกับน้อง พวกเขาต้องพลอยรับผลจากการกระทำของน้องไปด้วย นี่ยังไม่นับสถาบันอื่นที่ใส่เครื่องแบบเหมือนๆ กัน

สิ่งที่น้องๆ กำลังทำอยู่ อาจจะรู้สึกภูมิใจว่า กรูนี่เจ๋งว่ะ กล้าลุกขึ้นมาต่อสู้กับอำนาจที่กดหัวให้ต้องยอม แต่พี่ขอพูดในฐานะที่ผ่านวัยนั้นมาแล้ว วัยรุ่นทุกยุคทุกสมัยก็เป็นแบบนี้ น้องไม่ได้เจ๋งกว่าวัยรุ่นสมัยพี่ ทุกยุคทุกสมัยจะมีวัยที่พี่ขอเรียกว่า “วัยขบถ” มันอยู่ที่ว่าในยุคนั้นสมัยนั้น จะหยิบยกประเด็นอะไรขึ้นมาเป็นขบถต่อสังคมเท่านั้นเอง

พูดไปน้องก็อาจจะไม่ยอมรับ หงุดหงิด อยากเถียง แต่เมื่อถึงวันนึงที่น้องโตขึ้น ผ่านวัย ผ่านชีวิต ประสบการณ์จะบอกน้องๆ เองว่า ไอ้เรื่องเครื่องแบบหรือไปรเวท ตัดผมเสมอหู บ้าบออะไรนี่ มันเปลือกทั้งนั้น จะมีเรื่องให้ต้องเจอ ต้องคิด ต้องแก้ปัญหาที่ได้สาระกว่าเรื่องนี้อีกมาก

อีกอย่างนึงก็คือ คนจะเจ๋ง ไม่จำเป็นต้องหยาบคาย ก้าวร้าว พี่ไม่ได้กระแดะ ในชีวิตจริงพี่ก็ไม่ได้สุภาพนัก แต่ถ้าเข้าหูเข้าตาคน มันย่อมดีกว่าระคายหูระคายตาแน่นอน น้องๆ ก้าวร้าวน้อยลงได้โดยไม่ต้องสูญเสียความเป็นตัวเอง

สุดท้ายพี่อยากบอกอีกครั้งว่า การเป็นตัวของตัวเองอยู่ที่ความคิด คำพูด และการกระทำ ไม่ได้อยู่ที่เสื้อผ้า ชุดเครื่องแบบ ชุดไปรเวท หรือสิ่งประกอบอื่นใดเลย และในชีวิตจริงที่ไม่ใช่โลกในอุดมคติ เรื่องพวกนี้เขาไม่เรียกว่าการถูกกดขี่ กดหัว หรือลิดรอนสิทธิเสรีภาพอะไรพวกนั้น
น้องแค่เรียนให้รอด และเก็บเกี่ยวประสบการณ์ที่น่าจดจำในช่วงวัย เมื่อพ้นวัยเรียนเข้าสู่วัยทำงาน วันที่ต้องต่อสู้ชีวิต น้องจะโหยหาวันเวลาในช่วงนี้ และอาจเข้าใจสิ่งที่พี่พยายามจะบอก

คลิปข่าวที่เกี่ยวข้อง


ที่มา : facebook@ป้าอร เอมอร คชเสนี
ขอบคุณคลิปประกอบข่าว : nationchannel


กำลังโหลดความคิดเห็น