xs
xsm
sm
md
lg

ไถ่กอริลลา พาต้าเตรียมปิดสวนสัตว์!?!

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ขอบคุณภาพจากเฟซบุ๊ก Nathalie Davies
เริ่มจากความรู้สึกเล็กๆ ของนักแสดงหญิงเพียงคนเดียว “นาตาลี เดวิส” โพสต์ภาพบนโซเชียลมีเดีย บรรยายชีวิตรันทดของเหล่าสัตว์ในสวนสัตว์พาต้า ผู้คนกดไลค์และแชร์ต่อไปเรื่อยๆ จนเกิดกระแส “Free Kingkong Pata” ระดมทุนเพื่อขอไถ่ชีวิตกอริลลาผู้น่าสงสารออกจากคุกในห้าง

ถึงวินาทีนี้ โครงการรณรงค์ที่ไม่น่าเป็นไปได้นี้ กลับเริ่มมีความเป็นไปได้มากขึ้นๆ เรื่อยๆ ล่าสุด ข่าวว่าทางผู้อำนวยการสวนสัตว์พาต้าเข้าเจรจากับเจ้าของอาณาจักรโบนันซ่า และตกลงย้ายสัตว์จากพาต้าไปเขาใหญ่เรียบร้อยแล้ว!!





ดีใจล่วงหน้า บ้านใหม่กอริลลาตกลงแล้ว
“พอจะเป็นไปได้มั้ย ถ้าจะเริ่มโครงการขอให้คนไทยร่วมด้วยช่วยกัน บริจาคเงินเพื่อเป็นการไถ่ชีวิตให้กับกอริลลา เพศเมียอายุ 25 ปีตัวนี้ ให้ได้ออกมาจากสวนสัตว์พาต้า เพื่อนำเขาไปอยู่ในที่ที่ดีกว่า ซึ่งเป็นสวนสัตว์ที่เหมาะสม มีต้นไม้ มีที่วิ่งเล่น ให้เขาได้สดชื่น มากกว่าภาพที่คุณเห็นกันตอนนี้ นาตาลีเชื่อว่าคนไทยใจดี มีน้ำใจ บริจาคกันคนละเล็กคนละน้อย อีกไม่นานน้องลิงน่าจะได้ออกไปรับแสงแดดและสายลมแล้วค่ะ ร่วมด้วยช่วยกันนะคะ หากมีความคืบหน้าอย่างไรจะรีบมาแจ้งให้ทราบค่ะ ขอบคุณค่ะ We will try our best to help u poor Gorilla, I believe it won’t be long

นี่คือหนึ่งในโพสต์ของ นาตาลี เดวิส ที่ฝากเอาไว้บนโลกออนไลน์ทั้งอินสตาแกรมและเฟซบุ๊ก บรรยายถึงความรู้สึกหดหู่ที่ได้เห็นสัตว์ชนิดต่างๆ ต้องอยู่ในสภาพน่ารันทด พร้อมกับแนบรูปที่ถ่ายเองและค้นมาจากอินเทอร์เน็ตแปะเอาไว้บอกเล่าความจริง โดยเฉพาะภาพของกอริลลาที่อยู่ในนั้นที่ชื่“บัวน้อย” ซึ่งดูหงอยเหงาเศร้าซึมอยู่ในกรงแคบๆ เพียงตัวเดียว หนักกว่านั้นคือมีหนูท่อคอยวิ่งเล่นแย่งอาหารอยู่เป็นเพื่อนด้วย

กรงกอริลลา ตอนที่ไปเห็นพนักงานเขาเอาสายยางน้ำแรงๆ มาฉีดล้าง แล้วก็มีหนูท่อ 3-4 ตัววิ่งอยู่ตรงนั้น ซึ่งเป็นไปไม่ได้เลยที่หนูท่อจะไม่มีเชื้อโรค เพราะมันคงขึ้นมาจากชุมชนข้างล่าง ต้องสกปรกแน่ๆ ในกรงลิงอุรังอุตัง ชิมแปนซี ตัวอื่นๆ ก็มีค่ะ หนูมันวิ่งเข้าวิ่งออก เห็นตัวใหญ่มาก เกือบเท่าแมวเลย พอดีพี่ที่ไปด้วยกันถ่ายรูปไว้ได้ก็เลยเอามาโพสต์ ส่วนกรงที่มีเสืออยู่ 2 ตัว อีกตัวหนึ่งไม่รู้เป็นฝีที่ตาหรือเปล่า แต่เหมือนมีเลือดอยู่ข้างในตาปูดๆ ออกมา รวมๆ แล้ว สัตว์ส่วนใหญ่ดูเป็นโรคผิวหนัง เพราะในนั้นมันอับมาก ไม่มีแดดมีลมอะไรเลย พอไปเห็นแบบนั้นแล้วก็รู้สึกว่า โห!ไม่ไหวละ ต้องทำอะไรสักอย่าง

ความคิดเยี่ยมชมสวนสัตว์พาต้าในครั้งนี้ เริ่มมาจากนาตาลีเห็นรูปในอินสตาแกรมของ โม-นภัสนันท์ พสวงศ์ ไฮโซรุ่นพี่ที่รู้จักกัน โพสต์รูปเจ้าบัวน้อยแห่งพาต้าเอาไว้เนื่องในวันอุรังอุตังโลก ทั้งสองสาวจึงมานั่งคุยกันว่าจะช่วยอะไรได้บ้าง สุดท้ายจึงตัดสินใจใช้ความเป็นดารากับโซเชียลมีเดียให้เกิดประโยชน์ กลายเป็นกระแสการแท็กรูป #Freekingkongpata แชร์กันกระหึ่มโลกออนไลน์

เริ่มแรกคิดไว้ว่าจะเป็นโครงการระดมทุนเพื่อไถ่ตัวคิงคอง แต่หลังจากใช้คอนเนกชันที่มีอยู่ ติดต่อไปทางภูผา (น้องชายสงกรานต์ เตชะณรงค์) จึงหาหนทางติดต่อกับทางสวนสัตว์พาต้าได้ ถึงตอนนี้ เรื่องถูกส่งต่อไปยังมือผู้ใหญ่ ถึงระดับ ไพวงษ์ เตชะณรงค์ เจ้าของอาณาจักรโบนันซ่า และ คณิต เสริมศิริมงคล ผู้อำนวยการสวนสัตว์พาต้า เรียบร้อยแล้ว ขณะนี้ยังไม่ทราบรายละเอียดแน่ชัดว่าตกลงกันไปถึงไหน ทราบเพียงว่าน่าจะมีข่าวดีสำหรับเจ้าบัวน้อย คิงคองแห่งพาต้า กอริลลาซึ่งเหลือเพียงตัวเดียวในประเทศไทย

ผู้ใหญ่ทางพาต้ายินดีมาเจรจาต่อรองกับทางพ่อของภูผา แต่คงไม่ได้ให้ฟรีๆ ค่ะ แต่หนูไม่ทราบว่าเขาตกลงตัวเลขกันเท่าไหร่ อาจจะทำเป็นแคมเปญพาคิงคองพาต้าไปเที่ยวเขาใหญ่ ในส่วนของการสร้างที่อยู่ให้เขาก็ต้องระวังมากๆ เพราะจะเอาเขาไปไว้ในดินปกติไม่ได้ค่ะ ดินของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มันมีเชื้อแบคทีเรียบางอย่าง เลยต้องให้เขาอยู่บนปูน

คุยกับพี่ที่เขาเชี่ยวชาญเรื่องนี้ เขาบอกว่ายังพอมีทางออก ให้เขาอยู่ในดินได้ แต่ต้องเป็นดินชนิดพิเศษ ฆ่าเชื้ออยู่ตลอด อาจจะอยู่ในดินเดือน 2 เดือน พอแบคทีเรียเริ่มก่อตัวขึ้นมา ก็ย้ายกอริลลาไปอยู่ในส่วนที่เป็นปูน คือพื้นที่ที่จัดให้เขาต้องมีทั้งส่วนที่เป็นแอร์และกลางแจ้งค่ะ ควรจะมีหลายๆ บรรยากาศให้เขา” นาตาลีให้รายละเอียดได้เพียงเท่านี้ ออกตัวว่ารอให้ผู้ใหญ่จัดแถลงข่าวอย่างเป็นทางการน่าจะเหมาะกว่า




ปิดสวนสัตว์พาต้า? ข่าววงในรอวันพิสูจน์
ลองพิจารณาดูแล้ว กลุ่มธุรกิจโบนันซ่า เขาใหญ่ มีแผนจะเปิดโครงการ “สวนสัตว์ โบนันซ่า เอ็กโซติก ซู” อยู่แล้วในปลายปีนี้ ภายใต้เนื้อที่ 100 ไร่ และงบลงทุน 10 ล้านบาท หากจะดึงเรื่อง Free Kingkong ในครั้งนี้มาเสริมทัพโปรโมต ก็น่าจะดีไม่น้อย แต่ที่น่าตกใจคือ แหล่งข่าวจากวงในให้การว่า การเจรจาซื้อขายสัตว์ระหว่างผู้บริหารโบนันซ่าและผู้อำนวยการสวนสัตว์พาต้า ไม่ได้ตกลงกันเฉพาะกอริลลาเท่านั้น แต่รวมถึงสัตว์ทุกตัวในสวนสัตว์พาต้าเลย นั่นหมายความว่า “วาระแห่งการอวสานพาต้า” กำลังเดินทางมาถึงแล้วจริงๆ

“กิจการสวนสัตว์พาต้ามีลักษณะเป็นเหมือนกงสี ทำให้มีญาติๆ หลายฝ่ายคิดไม่ตรงกัน คือมีคนที่เห็นด้วยกับการมอบสัตว์ให้โบนันซ่า ซึ่งจะเป็นคนรุ่นใหม่ เป็นรุ่นลูกของเขาที่ไม่ได้อยากทำสวนสัตว์ต่อ มันไม่ได้ทำกำไรอีกต่อไปแล้ว แต่เห็นว่าเป็นธุรกิจครอบครัว อีกอย่าง สวนสัตว์ไม่เหมือนออฟฟิศอื่นที่อยากจะปิดก็ไล่พนักงานออกได้ทันที เขาก็เลยต้องเปิดต่อไป จนเห็นว่ามีข้อเสนอที่น่าสนใจ ก็เลยยอมขายสัตว์ให้และน่าจะปิดตัวลงสักที แต่ก็มีอีกฝั่งหนึ่งที่ไม่เห็นด้วย ซึ่งจะเป็นคนรุ่นเก่า”

แต่เมื่อสอบถามเรื่องการซื้อขายคิงคองในวันเดียวกันนั้น ทางสวนสัตว์พาต้ากลับให้ข้อมูลคนละชุดกับที่ได้ยินมา โดย นราธิป ยิ้มเนียม ผู้จัดการ บริษัท สวนสัตว์พาต้า จำกัด ยังคงยืนยันด้วยน้ำเสียงหนักแน่นว่า ใครจะรณรงค์ขอไถ่กอริลลาอย่างไรก็ไม่สน แต่ขอให้รู้ไว้อย่างเดียวว่า “เราไม่ได้ต้องการให้ช่วยเหลือ และไม่เคยมีนโยบายที่จะขายต่อตั้งแต่แรกอยู่แล้วครับ อันนี้ท่านผู้อำนวยการก็ยืนยันมาโดยตลอด”

ส่วนเรื่องที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์ไปต่างๆ นานาว่าสัตว์ในพื้นที่แห่งนี้ถูกทารุณทางจิตใจ อยู่ในภาวะเครียด หงอยเหงา และไม่มีความสุข ขอบอกเลยว่าน่าจะเป็นเรื่องเข้าใจผิดของคนส่วนใหญ่ที่ไม่เข้าใจพฤติกรรมของสัตว์อย่างแท้จริงมากกว่า

“ที่พูดกันบ่อยมากและเราก็ตอบไปหลายครั้ง คือเรื่องที่คนบอกว่ากอริลลาดูหน้าเศร้า ไม่มีความสุข บางคนบอกเห็นมันร้องไห้ ผมบอกได้เลยครับว่ากอริลลาเป็นสัตว์ที่ไม่มีต่อมน้ำตา ลองถามนักสัตววิทยาก็ได้ และมันก็ไม่ใช่สัตว์ที่มีความสุขแล้วจะแสดงออกด้วยการยิ้ม เขาไม่ใช่คน เขาทำแบบนั้นไม่ได้ ปกติเขาก็จะมีกิจกรรม เดิน นอน กิน เล่น อยู่ในกรง แต่คนอาจจะมาดูในช่วงที่เขามานั่งพักอยู่หน้ากรง เลยคิดไปเองว่าเขากำลังเศร้า

คุณเอาอะไรมาเป็นเกณฑ์วัดว่าเขาไม่มีความสุข ผมเป็นสัตวบาลนะครับ เป็นผู้ช่วยสัตวแพทย์ เป็นคนดูแลความเป็นอยู่ของสัตว์ทุกชนิด ตัวไหนเป็นอะไร ทำไมผมจะไม่รู้ และการที่มีดาราออกมาโพสต์เรื่องความเป็นอยู่ของสัตว์ในสวนสัตว์ของเรา ผมบอกได้เลยว่ามันไร้สาระ มันไม่ใช่ประเด็นเลย จะระดมทุนมาขอซื้อทำไม ในเมื่อทางเราก็ดูแลดีอยู่แล้ว และเราก็ไม่เคยมีนโยบายที่จะขายต่อตั้งแต่แรกอยู่แล้วครับ

ส่วนเรื่องความสะอาดในสวนสัตว์และสุขอนามัยของสัตว์นั้น ทางผู้จัดการยืนยันว่าเพิ่งมีกรมอุทยานฯ, ตำรวจป่าไม้ และนักข่าว เข้ามาตรวจสอบความเป็นอยู่ จนได้ผลสรุปออกมาว่าสัตว์ที่นี่มีความเป็นอยู่ดี เมื่อช่วงเดือนที่แล้วนี่เอง “ผมอยากรู้ว่าคนที่บอกว่าสวนสัตว์เราไม่ได้มาตรฐานเขาใช้อะไรวัด เคยเข้ามาดูแล้วหรือยัง หรือแค่พูดตามๆ กันไป ส่วนเรื่องที่บอกกันว่าสัตว์บางตัวเจ็บป่วย ผ่ายผอม ทางเราก็ดูแลตลอดครับ มีสัตวแพทย์คอยรักษา คอยเอาใจใส่ ถ้าเราปล่อยทิ้ง ไม่รักษาสิครับ ว่าไปอย่าง

ในฐานะผู้จัดการสวนสัตว์พาต้า เขามองว่าการทำงานตรงนี้ถือเป็นการตอบแทนคุณแผ่นดิน “ผมภูมิใจด้วยซ้ำครับที่ได้ทำงานตรงนี้ ช่วยเพาะขยายพันธุ์สัตว์ไทย ถือว่าเป็นการช่วยประเทศทางหนึ่ง ทุกวันนี้ ป่าค่อยๆ หายไป คนอยู่กับเมืองมากขึ้น สัตว์บางชนิดที่ปล่อยให้อยู่ตามป่าก็ถูกล่าจนสูญพันธุ์ไปเกือบหมดแล้ว ผมเลยมองว่าสวนสัตว์เป็นแหล่งเพาะ-บำรุงพันธุ์เอาไว้ ถือเป็นการช่วยเหลือสัตว์ให้รุ่นลูกรุ่นหลานของเราได้ดูต่อไป

พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ ท่านเคยบอกไว้ว่าคนเราเกิดมาต้องตอบแทนคุณแผ่นดิน ผมว่าการเพาะ-ขยายพันธุ์สัตว์ เป็นการตอบแทนแผ่นดินอย่างหนึ่งแล้ว บางคนอาจจะคิดว่าสัตว์ป่าต้องให้อยู่ในป่าอย่างเดียว แต่ถามว่าป่าทุกวันนี้เหลือเท่าไหร่ ถ้าพื้นที่ป่ากลับมามีมากพอ ป่ามีความสมบูรณ์และปลอดภัยสำหรับสัตว์ ทางเราก็ยินดีจะปล่อยพวกเขาคืนสู่ป่าครับ เราไม่ได้บอกว่าเราจะเลี้ยงเขาไว้อย่างนี้ไปตลอด เราก็คิดโครงการปล่อยคืนสู่ป่าเอาไว้เหมือนกัน




ย้าย “บัวน้อย” ไปไหน ก็มีค่าเท่าเดิม
ท้ายที่สุดแล้ว ไม่ว่าเจ้า “บัวน้อย” กอริลลาซึ่งหลงเหลืออยู่เพียงตัวเดียวในประเทศไทยจะได้ย้ายออกจากกรงคับแคบที่เดิม ไปสู่บ้านหลังใหม่ที่กว้างขวางกว่าหรือไม่ สภาพจิตใจของมันคงไม่ต่างไปจากเดิมมากนัก เพราะไม่ว่าอย่างไร บัวน้อยก็หนีไม่พ้น “ความเหงา” อยู่ดี โรเจอร์ โรหนันทน์ เลขาธิการสมาคมพิทักษ์สัตว์ไทย บอกเอาไว้อย่างนั้น

“หลายคนอาจจะคิดว่า ย้ายกอริลลาไปอยู่สวนสัตว์อื่นแล้ว จะช่วยให้เขามีความสุขขึ้น แต่ผมไม่ได้มองอย่างนั้น คือสภาพความเป็นอยู่อาจจะดีขึ้นหน่อยหนึ่ง มีที่กว้างขึ้นให้เดินเล่น แต่ปัญหาของกอริลลาตัวนี้จริงๆ ที่สังคมมองว่าเขาถูกทารุณคือ เห็นว่าเขาอยู่ลำพัง ต้องบอกว่าปัญหาของเขาคือความเหงา

ก่อนหน้านี้เขาเคยมีเพื่อน แต่เพื่อนเขาตายไปเป็นสิบๆ ปีแล้ว ก็เลยเหลือเขาอยู่ในสวนสัตว์พาต้าตัวเดียว จะนำเข้ากอริลลาตัวใหม่มาอยู่เป็นเพื่อนก็ทำไม่ได้แล้ว เพราะกฎหมายโลกห้ามเอาไว้ องค์กรอนุรักษ์กอริลลาสากล ซึ่งมีอิทธิพลในสหประชาชาติมาก กำหนดเอาไว้เลยว่าจะไม่ให้มีการค้าขายกอริลลาในประเทศไหนอีกต่อไป เพราะฉะนั้น ถึงจะย้ายเขาไปที่อื่น ไม่ว่าจะไปอยู่ที่ไหน เขาก็อยู่ลำพัง

ถ้าต้องการแก้ปัญหาให้ตรงจุดจริงๆ ควรปล่อยให้องค์กรระดับสากลเกี่ยวกับกอริลลาเข้ามาช่วยแก้ไขปัญหานี้ คือเจ้าของกอริลลาต้องยอมปล่อยให้บัวน้อยคืนสู่คองโก เพื่อให้เขาได้มีเพื่อน และเพื่อให้สามารถอยู่ร่วมกับกอริลลาตัวอื่นๆ ได้ เพราะทุกวันนี้ บัวน้อยไม่รู้ว่าตัวเองเป็นกอริลลา เนื่องจากโตมากับคนและอยู่กับพี่เลี้ยงมาทั้งชีวิต

“ต้องปล่อยให้กอริลลาเข้าโครงการปรับพฤติกรรมสัตว์ในระดับสากล ให้เขากลับมามองตัวเองเป็นกอริลลาเหมือนเพื่อนตัวอื่นๆ เพราะตอนนี้บัวน้อย ยังไปอยู่กับกอริลลาตัวอื่นไม่ได้ ถ้าเอาไปอยู่ เขาจะคลั่งเพราะคิดว่ากอริลลาตัวอื่นเป็นศัตรู เขาคิดว่าเขาเป็นคน เขาโตมาในพาต้า เห็นแต่หน้าคนเลี้ยง เห็นหน้าเพื่อนตัวเองที่เป็นกอริลลาเหมือนกันตัวหนึ่ง เขาก็แค่คิดว่าหน้าเราไม่เหมือนกัน คนเลี้ยงก็หน้าไม่เหมือนกัน แต่เรามีสองขาเหมือนกัน สองแขนเหมือนกัน เขาก็ยอมรับว่าฉันอาจจะขนยาวกว่าคนเลี้ยง”

การจะช่วยกอริลลาตัวนี้ให้มีสภาพจิตใจกลับมาเป็นสุขตามปกติ ต้องพูดคุยกันในระดับสากล “ไม่ใช่แค่ใครคนเดียวที่มีเงินซื้อได้ แล้วจะสามารถแก้ปัญหาได้ มันไม่จบง่ายๆ แบบนั้นครับ ยังต้องมีขั้นตอนอีกเยอะ อีกอย่าง กอริลลาตัวนี้เขาอยู่ห้องแอร์มาตลอด เขาเหมือนเด็กที่ไม่เคยเจอแดด เจอลม ถ้าจู่ๆ เอาไปเจอแดด เจอเกสรดอกไม้ เจอยุง อะไรต่างๆ เขาจะมีปัญหาเรื่องแพ้ฝุ่น แพ้สารพัดเลย

จะสร้างที่อยู่เหมาะสมและปลอดภัยสำหรับกอริลลา มันเป็นโครงการระยะยาว ต้องวางแผนดีๆ ต้องมี “คอกปลอดโรค” ให้เขา แต่ถ้ายังไม่มีคำตอบที่ชัดเจนเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้ อย่าเพิ่งเริ่มอะไรเลยดีกว่า ไม่งั้นมีปัญหาแน่ ผมไม่อยากเห็นสวนสัตว์ที่รับกอริลลาตัวนี้ต่อ แค่รับมาเฉยๆ แล้วมาสร้างคอกปูนให้อยู่ ถ้าเขาตายขึ้นมา คนที่ย้ายเขาออกต้องรับผิดชอบนะ

เรื่องที่น่าเป็นห่วงอีกอย่างสำหรับประเด็นนี้คือมาตรฐานสวนสัตว์ในประเทศไทย โดยเฉพาะสวนสัตว์พาต้า เลขาธิการสมาคมพิทักษ์สัตว์ไทย บอกเอาไว้เลยว่า “พาต้าไม่ได้มาตรฐาน ได้ก็แค่ใบอนุญาตให้เปิดต่อไป”

“ในกฎหมาย หมวดของสวนสัตว์ เขาเขียนไว้ในเรื่องตรวจสอบมาตรฐานแค่ว่า “ให้เจ้าหน้าที่ใช้ดุลยพินิจ” คำว่าดุลยพินิจในประเทศไทยก็คือคุณรวย คุณใหญ่ คุณโต คุณรู้จักเจ้านายผม ผมก็ต้องอนุญาตให้คุณได้เปิดสวนสัตว์ และการประกอบการสวนสัตว์ในประเทศไทย แทบจะทุกแห่งเกิดขึ้นมาจาก คุณสะสมสัตว์ เสร็จแล้วขออนุญาต เขาก็ให้อนุญาต แทนที่จะขออนุญาตก่อนแล้วค่อยไปขอใบอนุญาต ขั้นตอนในบ้านเรามันกลับด้านไปหมด

ที่เมืองนอก นักข่าวก็เคยมาทำข่าวสวนสัตว์พาต้าเป็นเรื่องใหญ่เลย แต่สุดท้ายก็ทำอะไรไม่ได้ สื่อมวลชนก็ทำได้แค่วิจารณ์ กดดันหน่วยงานเอกชน แล้วเรื่องก็เงียบไป แต่ถ้าสื่อในบ้านเรา หันไปกดดันหน่วยงานภาครัฐ อันนี้จะเวิร์กกว่า เพราะกดดันภาคเอกชน เขาไม่แคร์หรอก ตราบใดที่ไม่มีกฎหมายอะไรเล่นงานเขาได้

ส่วนคำตอบเรื่องสวนสัตว์พาต้าจะปิดตัวลงหรือไม่ ยังคงเป็นปริศนาคาใจที่ไม่มีใครตอบได้ แต่หากให้พิจารณาจากในมุมผลประโยชน์แล้ว คงเป็นไปได้ยาก เพราะใบอนุญาตสวนสัตว์เป็นใบอนุญาตค้าสัตว์ป่าอย่างเดียวที่หลงเหลืออยู่ในโลกใบนี้ ทำให้สามารถเพาะสัตว์ป่ามาซื้อขายกันระหว่างสวนสัตว์ในประเทศไทย โดยใช้ข้ออ้างจากคำว่า “แลกเปลี่ยน” และอาจมีการแลกเปลี่ยนในระดับนานาชาติตามแต่จะตกลงกัน เพราะฉะนั้น ถ้าใครมีไว้ในครอบครองแล้ว คงไม่อยากเอาไปเผาทิ้งหรือยกเลิกง่ายๆ เป็นแน่

ขอบคุณภาพจากเฟซบุ๊ก Nathalie Davies
ข่าวโดย ASTV ผู้จัดการ LIVE


โพสต์ระดมทุนจากนาตาลี




มีหนูวิ่งแย่งอาหารอยู่ในกรง
รักสัตว์เป็นทุนเดิม
กำลังโหลดความคิดเห็น