xs
xsm
sm
md
lg

“เบส-เฟิร์ส” พ่อสอนว่า “รักสายัณห์น้อยๆ แต่ขอให้รักสายัณห์นานๆ”

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


หลังจากสายัณห์ สัญญา นักร้องลูกทุ่งชื่อดัง เจ้าของฉายาแหบมหาเสน่ห์ล้มป่วยลง ในช่วงวันที่ฟ้าฝนพรำตกโศกเศร้าไม่แพ้จิตใจแฟนเพลง ทว่าสิ่งที่เป็นกำลังใจสำคัญให้กับเขาก็คือ ครอบครัวของเขา ที่ประกอบไปด้วยเขา ภรรยา - วรรณพร สัมฤทธิ์ และลูกอีก 4 คน

หลายต่อหลายปีกับชื่อเสียงในวงการของสายัณห์ สัญญา หรือชื่อ - สกุลจริงว่า สายัณห์ ดีเสมอไม่ได้เปิดเผยเรื่องราวในชีวิตส่วนตัวมากนัก ไม่ต่างจากปากคำของลูกสาว 2 คนที่ทีมงาน m - lite ได้พูดคุยด้วยในวันนี้ ลูกสาวคนโตเบส - สวามินี และลูกสาวคนเล็กเฟิร์ส - ภัทรกัญญา เพราะพวกเธอไม่เคยอวดอ้างชื่อเสียงของพ่อด้วยเช่นกัน
มาถึงตอนนี้ข่าวการมาเยือนของโรคร้ายที่บอกกล่าวถึงวันคืนอันไม่แน่นอนในชีวิตของพ่อ ทำให้ครอบครัวต้องหันมาให้กำลังใจซึ่งกันและกัน

นี่คือการเปิดใจครั้งแรกของ 2 ลูกสาวท่ามกลางอาการป่วยไข้ของคุณพ่อ ภาพของพ่อที่ป่วยไข้นั้นเป็นภาพตรงข้ามกับภาพจำของพ่อในหัวของลูกสาวทั้ง 2 ที่มักจะเห็นภาพของนักร้องหนุ่ม ไว้เคราแพะ ยิ้มแย้มให้แฟนๆ ก่อนก้มหัวสวัสดีอย่างเป็นเอกลักษณ์บนเวทีคอนเสิร์ต ในช่วงเวลาดังกล่าว เป็นวันคืนแสนนานหากแต่เต็มไปด้วยความรุ่งโรจน์ของชีวิต พวกเธอที่ยังเด็กรู้เพียงว่า พ่อเป็นนักร้องดัง แต่ยังไม่เข้าใจถึงความยิ่งใหญ่ของสิ่งนั้น

ปัจจุบันนี้ทั้ง 2 คนดูเหมือนว่าจะเดินมาในสายงานบันเทิงทั้งคู่...เบส - สวามินี เรียนจบจากคณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต ขณะที่เฟิร์ส - ภัทรกัญญากำลังศึกษาที่ชั้นปีที่ 2 คณะนวัตกรรมสื่อสารสังคม เอกการแสดงและกำกับการแสดงผ่านสื่อ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ บอกได้ว่า ลูกไม้ 2 ลูกอาจตกไม่ไกลต้นนัก

ภาพพ่อบนเวทีคอนเสิร์ต

ชีวิตครอบครัวถือเป็นอีกด้านหนึ่งที่สายัณห์ สัญญาไม่เปิดเผยให้แก่สื่อมวลชนมากนัก อาจเพราะความเป็นศิลปินที่ก็ได้ถ่ายทอดไปสู่ครอบครัวของเขา โดยเฉพาะลูกสาวคนโตและลูกสาวคนเล็กที่เหมือนเดินตามรอยของพ่อในวงการบันเทิง

ภาพพ่อบนเวทีคอนเสิร์ตใหญ่เป็นวันวานอันโชติช่วงที่แม้เวลาผ่านมาหลายปี ก็ยังคงตราตรึงอยู่ในใจหลายๆคน แน่นอน...กระทั่งลูกสาว 2 คนของเขาที่เลือกเดินทางเรียนต่อในสายงานในวงการอย่างด้านนิเทศฯ
ภาพคุณพ่อบนเวทีคอนเสิร์ตฉายชัดในวัยเด็กของพวกเธอ วัยเด็กที่เป็นเด็กชอบทำกิจกรรมด้วยกันทั้งคู่

วัยเด็กทั้งสองเป็นเด็กแบบไหน

เฟิร์ส - ถือเป็นเด็กกิจกรรมนะคะ เป็นดรัมเมเยอร์ เชียร์ลีดเดอร์ ถือป้ายโรงเรียน รำตามงานๆต่าง วันพ่อวันแม่ สงกรานต์ ทำฉากอะไรก็ทำ ทำหมดเลย เป็นคนเหมือนอยู่นิ่งไม่ได้ บางทีอาจารย์บอกคิดไม่ออก เราก็จะไปช่วย พอมีกิจกรรมก็อยากไปทำ มันก็รู้สึกคันไม้คันมือนะ คนอื่นอาจจะเฉยๆ แต่เราอยากทำ กิจกรรมที่ชอบที่สุดคือกีฬาสี ห้องหนูจะมีอยู่ไม่กี่คนเพราะเรียน 2 ภาษา ทำให้ทั้งห้องสนิทกันหมด พอได้ทำทุกอย่างมันก็เลยสนุกมาก

ตอนขึ้นปี 2 กิจกรรมจะไม่ค่อยได้ทำเท่าไหร่ เพราะว่างานเยอะมาก คณะหนูเป็นคณะที่เวลาสั่งงานมันเป้นงานประเภทต้องลงมือทำ งานมหา'ลัยเลยไม่ได้ร่วมเท่าไหร่ ทำงานที่ส่งอาจารย์เสียมากกว่า ตอนปี 1 ก็มีงานตัดต่อทำคลิป เขาจะให้หัวข้อมา ให้สื่อผ่านคลิป เขียนบท แสดงส่งอาจารย์ก็มี

เบส - ก็คล้ายกับน้องเลยคะ ชอบทำกิจกรรมเป็นเชียร์ลีดเดอร์ มีเต้นบ้าง พอมาช่วง ม.ปลายก็จะชอบอะไรเกี่ยวกับการแสดงโชว์ มีเล่นละครของโรงเรียนด้วย ส่วนกิจกรรมที่ประทับใจจะเป็นช่วงงานกีฬาสีตอน ม. 6 เพราะเป็นกิจกรรมรุ่นม. 6 ซึ่งใหญ่ที่สุดในโรงเรียนจัดกันเอง จะสนุกมาก เพราะเหมือนเป็นกิจกรรมครั้งใหญ่ครั้งสุดท้ายที่เราจะได้ทำร่วมกับเพื่อนๆ ก่อนจบ

เมื่อเพื่อนรู้ว่าเป็นลูกของสายัณห์ สัญญา?

เฟิร์ส - ตอนเด็กก็ไม่มีอะไรคะ หนูย้ายโรงเรียนบ่อย ตั้งแต่เด็กๆทุกคนจะรู้อยู่แล้วเพราะคุณพ่อไปรับ - ส่ง แต่ก็ไม่ได้คิดอะไรมาก พอเริ่มโตขึ้นย้ายแต่ละครั้งหนูจะไม่บอกว่าหนูเป็นลูกใคร ก็ใช้ชีวิตปกติ หนูก็แค่เป็นเด็กธรรมดา ไม่ได้โดดเด่นอะไร ไม่ได้เรียนเก่ง ดังนั้นหนูจะรู้สึกว่า ถ้าเขารู้ว่าหนูเป็นลูกใคร มันเหมือนหนูแบกชื่อเสียงของพ่อไว้ ซึ่งถ้ากับเพื่อนที่สนิทกันรู้ก็ไม่เป็นไร แต่ก็ถ้าคนไม่สนิทอย่างพวกอาจารย์ อันนั้นก็จะเกร็งๆ บ้าง เขาก็อาจจะดุเราเป็นพิเศษ มุมมองของเขาที่มีต่อเรามันก็จะเปลี่ยนไปจากเด็กปกติ เวลาดุเราเขาอาจจะพูดถึงคุณพ่อบ้าง มันก็กดดันเหมือนกัน เหมือนแบกชื่อเสียงเขาไว้ แต่เราก็เป็นคนธรรมดา

เบส - สมัยเรียนเพื่อนๆ จะทราบกันเพราะพ่อไปรับ - ส่งตลอด ซึ่งต่อหน้าคุณพ่อเขาจะไม่กล้าเล่นกล้าแหย่อะไร แต่ถ้าพออยู่กับเราเป็นกันเอง แซวบ้าง แต่สำหรับหนูไม่มีอะไรพิเศษ ทุกคนก็ปกติ หนูไม่ได้เป็นคนโอ้อวดอยู่แล้ว อย่างในมหาวิทยาลัยหนูไม่ได้บอกใคร จนคุณพ่อล้มป่วยเป็นข่าว เพื่อนๆถึง เฮ้ย! จริงเหรอ? นี่เป็นลูกของพี่เป้าเหรอ? ก็ตกใจกัน เพื่อนบางคนก็บอกพ่อเราเป็นแฟนเพลงมานานมากแล้ว

ถือเป็นลูกไม้หล่นใต้ต้นอยากทำงานในวงการเหมือนพ่อหรือเปล่า?

เฟิร์ส-หนูอยากเป็นนักร้องนะ แต่อาจจะไม่ใช่แนวลูกทุ่งเพราะหนูไม่ถนัด คือหนูชอบมาตั้งแต่เด็กๆแล้ว ชอบเต้นชอบร้องเพลง หนูชอบไปดูคอนเสิร์ตเหมือนกัน เวลาเห็นเขาอยู่บนเวทีก็อยากอยู่บ้างจัง ตรงนี้อาจจะมีส่วนจากที่เราได้เห็นพ่อเล่นคอนเสิร์ตมาตั้งแต่เด็กๆด้วย ตอนนั้นหนูก็ชอบไปดูพี่แดนเซอร์เขาซ้อมกัน เราอยากเข้าไปซ้อมด้วย

เบส - อ้อ จริงๆ หนูอยากทำธุรกิจส่วนตัวมากกว่า แต่ตอนนี้ยังเปิดเผยไม่ได้ว่าจะทำอะไร ส่วนงานในวงการ ถ้ามีคนมาติดต่อให้ไปเล่นละครหรือเล่นหนังก็ได้ แต่ก็ต้องดูตามความเหมาะสมของตัวละคร กับบทบาทนั้นๆ อีกทีว่าเข้ากับตัวเบสเองด้วย

สนใจงานอะไรในวงการบ้าง?

เฟิร์ส - ก็อยากลงประกวดสักเวทีนะคะ ร้องเพลงอะไรแบบนี้ ชอบร้องเพลงแนวสตริงแหละค่ะ ถ้าได้ก็ทำงาน เอาตังค์ให้คุณแม่ ไม่ต้องให้คุณแม่เหนื่อย จะเป็นงานเบื้องหน้าก็ได้เบื้องหลังก็ได้ เพราะเบื้องหลังก็ทำฉากทำอะไรเป็นอยู่

เบส - ความจริงแล้วเป็นคนที่ชอบด้านเดินแบบถ่ายแบบมากกว่า รู้สึกว่าเป็นงานที่เราได้ขึ้นไปบนเวที เราไม่ต้องพูดอะไรมาก เราใส่ชุดตามที่ดีไซเนอร์เขาออกแบบมา เราทำหน้าที่พรีเซ็นต์ตัวเสื้อผ้า รองเท้า สินค้าแล้วก็เดินบนแคตวอล์กไป ทุกคนต้องจับตามองมาที่เรา มันเป็นความรู้สึกที่พิเศษอย่างหนึ่ง แล้วหลังจากเดินเสร็จลงมา หนูก็กลับมาเป็นคนธรรมดาได้

ถ้าเป็นดาราคนจะยังติดภาพดาราอยู่ แต่ถ้าเป็นนางแบบมันไม่ได้มีภาพแบบนั้น เราก็มีชีวิตส่วนตัว หนูค่อนข้างเป็นคนมีโลกส่วนตัวสูงนิดนึง เวลาไปไหนมาไหน พออยู่บนแคตวอล์กคนจำไม่ได้ พอลงมาหนูก็เป็นเด็กน้อยคนหนึ่งใช้ชีวิตธรรมดา ไม่ต้องมีใครมาจับจ้องหนู

ไม่เคยใช้ชื่อเสียงของพ่อเป็นใบเบิกทางเข้าวงการ

เบส-พูดได้เต็มปากเลยคะ ว่าไม่เคยใช้ชื่อเสียงของคุณพ่อเป็นใบเบิกทางในวงการบันเทิงเลย ใช้ความสามารถของตัวเอง และด้วยนิสัยของเบสเองที่เป็นคนตรงต่อเวลา เรียบง่ายในการทำงาน ยังไงก็ได้คะ คิวงานมายังไงก็ทำตามนั้น เต็มที่กับงาน ซึ่งก็เป็นสิ่งหนึ่งที่พ่อสอนเสมอ การเคารพผู้ใหญ่เป็นสิ่งสำคัญมาก เราเป็นเด็ก ต้องรู้จักอ่อนน้อมถ่อมตน วางตัวให้เป็น ไม่ใช่ว่า เราจะไปกร่างกับคนอื่น ไม่ว่าเราจะทำงานมานานหรือไม่นาน แต่ถ้าเป็นผู้ใหญ่เราต้องเคารพ เราต้องไหว้ ให้เกียรติกับทุกคนที่อยู่ในวงการนี้

กิจกรรมยามว่างของทั้ง 2 คนคืออะไร?

เฟิร์ส - ส่วนมาก ถ้าไปก็คงไปดูหนังดูได้ทุกแนว ชอบดูหนังเก่าๆ ไปหาซื้อมาดู หรือไม่ก็มีกลับไปหาเพื่อนๆ มัธยม รำลึกความหลัง ไปหาอะไรกินกัน เที่ยว ชอปปิ้งบ้าง ชอบดูหนังเก่าๆ ไปหาซื้อหนังเก่าๆมาดู ออกกำลังกายก็ชอบเต้นให้เหงื่อออก

เบส - หนูจะชอบปักครอสติตช์ เป็นงานผู้หญิงๆคะ คือหนูว่ามันสนุกดี เป็นงานละเอียดอ่อนที่ต้องใช้สมาธิ ซึ่งในชีวิตประจำวันของหนูมันจะต้องวุ่นวายทำโน่นทำนี่แข่งกับเวลา บางทีมีงานช่วงเช้า พอตอนเย็นหนูต้องรีบทำเวลาตีรถกลับมาเพื่อให้ทัน ทำให้หนูรู้สึกว่า สมองหนูล้าแล้วอยากทำอะไรที่นิ่งๆ ช้าๆ เนิบๆ อะไรที่ใช้สมาธิเบาๆ หนูจะไม่ปักอันใหญ่มาก เพราะมันจะต้องเปลี่ยนไหมบ่อย หนูจะชอบรูปเล็กๆ ใช้ไหมสีเดียวเยอะๆ เพลินๆไป ไม่ได้จริงจัง ช่วยผ่อนคลายดึงสมาธิกลับมา

วันที่คำสอนของพ่อแม่ยังจดจำอยู่ในใจ

สิ่งหนึ่งที่ผูกพันสายสัมพันธ์รักของครอบครัว คือความรักที่มีให้ต่อกัน และความสัมพันธ์ที่ผ่านช่วงเวลาของการเติบโตก็ถูกถักทอขึ้นอย่างไม่มีวันตัดขาด

สิ่งหนึ่งที่สานสร้างเป็นสายสัมพันธ์นั้น ในครอบครัวของนักร้องดังคือ คำสอนที่เขาบอกเสมอว่า ให้รักกัน เหมือนอย่างคำพูดติดปากที่ตลกหลายคนนำไปพูดต่อ

“รักสายัณห์น้อยๆ แต่ขอให้รักสายัณห์นานๆ”


พ่อแม่เลี้ยงดูมาอย่างไร

เฟิร์ส - พ่อสอนอยู่เสมอว่า พ่อไม่ชอบให้ใครโกหก ดังนั้นมีอะไรต้องบอก แล้วเขาจะพูดเสมอๆ ว่า พวกหนูจะเป็นอะไรก็ได้นะ แต่ขอให้เป็นคนดี แล้วคุณพ่อคุณแม่จะหวงหน่อย แต่ก็ไม่ได้บังคับให้อยู่ในกฎเป๊ะๆ มันจะมีบ้าง แต่ความรู้สึกของหนูเวลาจะทำอะไรจะคิดเสมอว่า ถ้าคุณพ่อคุณแม่ปล่อยแล้วหนูก็จะไม่ไปเกเร เหมือนเขาให้อิสระมา เราก็ต้องทำให้ดี ซึ่งคุณพ่อจะแบ่งเวลาให้ครอบครัวเสมอ ไม่ค่อยมีช่วงที่หายไป มีแค่ตอนที่ไปอเมริกา 3 เดือนช่วงที่หนูยังเด็กอยู่เท่านั้น จากนั้นตลอดมาพ่อก็อยู่ที่บ้านตลอด

สิ่งหนึ่งที่คุณพ่อไม่ชอบเลยคือเวลาที่พี่น้องทะเลาะกัน เหมือนตอนเด็กทะเลาะกับพี่น้อง คุณพ่อจะให้มานั่งคุยกันเลย 4 คน เขาไม่ชอบเลยทะเลาะกัน 4 คน ซึ่งเหมือนตอนเด็กๆ ก็ทะเลาะกันไปเรื่อย พอโตมาก็โตๆกันแล้ว

เบส - ตอนเล็กๆ คุณพ่อคุณแม่ก็สอนหลายอย่างค่ะ เรื่องมารยาทหรือว่าอะไรอย่างนี้ พ่อจะเน้น เรามีพี่น้องกันอยู่ 4 คนจะต้องรักกัน เรามีพี่น้องกันอยู่แค่นี้ ไม่ว่ายังไงก็ห้ามทิ้งกัน ต้องช่วยเหลือดูแลกันและกัน และการเป็นลูกคนโตจะต้องดูแลและเป็นเสาหลักให้กับแม่และน้องด้วย ต้องคอยดูแลเป็นเสาหลักในเรื่องต่างๆที่บ้าน ถึงแม้ว่าเราจะเป็นผู้หญิงแต่ว่า เราก็สามารถเป็นผู้นำดูแลน้องทุกคนได้ ซึ่งหนูไม่ได้รู้สึกกดดัน คือคำว่าครอบครัว เราเป็นลูกต่อให้เป็นลูกผู้หญิง เราก็ต้องดูแลซึ่งกันและกันอยู่แล้ว

รู้สึกประทับใจอะไรในตัวคุณพ่อ?

เฟิร์ส - หลายๆ อย่าง มันก็ตั้งแต่เด็กเลย พ่อจะมีมุมน่ารักของเขา เหมือนกับว่าชอบคิดให้ครอบครัวได้ทำกิจกรรม ได้ใช้เวลาร่วมกัน มันมีความสุขนะ อย่างเมื่อก่อนตอนเด็กๆ ต้องไปเที่ยวด้วยกันบ่อยๆ พ่อจะชอบให้ขี่คอ ชอบอุ้ม แล้วความรู้สึกตั้งแต่เด็กๆ โตมาก็ยังรู้สึกแบบนั้น

เบส - หนูประทับใจแฟนเพลงของคุณพ่อที่มาให้กำลังใจทุกวัน ไม่ว่าจะเป็นมาเยี่ยมหรือกระเช้าดอกไม้ผลไม้ที่เอามาให้ที่โรงพยาบาล คิดไม่ถึงว่าทุกวันนี้ยังมีแฟนเพลงอีกมากที่ยังรัก แล้วก็ยังคิดถึงคุณพ่อ ยังให้การสนับสนุนคุณพ่อตลอด โตมาหนูก็ไม่ค่อยได้ไปสัมผัสหรือใกล้ชิดแฟนเพลงของคุณพ่อเหมือนตอนเด็กๆ ที่ได้ไปออกงาน เลยไม่ทราบว่าคุณพ่อเขายังมีแฟนเพลงที่ชื่นชอบยังรักและให้กำลังใจคุณพ่ออยู่เสมอ

วัยเด็กที่ได้ตามคุณพ่อไปเล่นคอนเสิร์ตมีความรู้สึกต่อช่วงเวลาเหล่านั้นอย่างไรบ้าง?

เบส - ยังมีรูปอยู่เต็มเลย ตอนเด็กๆที่ไปคอนเสิร์ตกับคุณพ่อ หนูก็เหมือนยังไม่เข้าใจว่า คุณพ่อเป็นคนสำคัญมาก ร้องเพลงลูกทุ่งที่มีแฟนเพลงหรือประชาชนให้ความสนใจ ให้ความรักกับพ่อมากขนาดไหน หนูก็ไม่ค่อยสนใจก็จะดูเฉยๆ ส่วนใหญ่จะตามๆ ไปเล่นมากกว่า มีไปดูหางเครื่องแต่งหน้า ดูเขาซ้อมเต้นหลังเวที หนูก็จะชอบดูคุณพ่อ พอโตมานึกย้อนกลับไป ภาพตอนที่เราเห็นตอนเด็กที่เรารู้สึกเฉยๆ ความจริงมันเป็นอะไรที่สุดยอดมาก ความรู้สึกของหนูตอนนี้คือครั้งหนึ่งนั้น...คุณพ่อจัดคอนเสิร์ตยิ่งใหญ่อลังการมีแฟนเพลงมากมาย เราก็ภูมิใจในตัวคุณพ่อที่เป็นสุดยอดไอดอลของตลกหรือนักร้องหลายๆคน เพราะตอนที่โตมาจะมีตลกหลายคนเอาบุคลิกเฉพาะตัวของคุณพ่ออย่างเรื่องไฝ เรื่องเคราแพะ หรือว่าเรื่องที่คุณพ่อจะชอบไหว้ก้มหัวเยอะๆ เอาไปเล่นกัน หรือแม้แต่เรื่องการพูด “รักสายัณห์น้อยๆ แต่ขอให้รักนานๆ”

เมื่อความป่วยไข้มาเยือน

ความเจ็บป่วยของมนุษย์คือสัจธรรมอย่างหนึ่งของชีวิต และเป็นสัจธรรมแสนเศร้าที่ไม่บอกวันเวลาและกำหนดการให้ทราบล่วงหนึ่ง ราวกับเป็นอุบัติเหตุที่รอวันเกิด

และอาการป่วยหนักถึงขั้นล้มหมอนนอนโรงพยาบาลครั้งนี้ของนักร้องชื่อดัง คือสัญญาณที่อาจหมายถึงการจากไปอย่างไม่มีวันกลับของชายคนหนึ่ง มันคือวาบถาโถมของอุปสรรคที่หลายคนหวั่นเกรง แต่ก็ไม่อาจหลีกเลี่ยง

ทว่าสิ่งหนึ่งที่มันนำพามาด้วยคือบททดสอบที่จะบ่งบอกความหมายของความรัก และการกระทำทั้งหมดของชีวิตคนหนึ่งคน กับครอบครัวที่จะผ่านพ้นอุปสรรคที่ยิ่งใหญ่ไปด้วยท่าทีแบบใด เพราะอย่างไรก็ตาม เวลาที่ไหลผ่านย่อมนำพาให้สรรพสิ่งผ่านพ้นไปอยู่แล้ว

และพี่น้องคู่นี้ผ่านอุปสรรคครั้งใหญ่นี้ด้วยวิธีการแบบใด?

รับมือกับอาการล้มป่วยของคุณพ่ออย่างไร?

เฟิร์ส - ก็ให้กำลังใจ เหมือนต้องอยู่ด้วยกำลังใจค่ะ ความรักความผูกพัน มาให้เขาเห็นว่าลูกมานะ เขาดูแลเรามาตั้งแต่เด็ก ตอนนี้มันก็ถึงเวลาที่เราต้องดูแลเขา ช่วงนี้อาการก็ดีขึ้นแล้ว ช่วงนี้ก็พูดให้กำลังใจพ่อเสมอก็มาหาทุกวัน

เบส - อันดับแรกเลยต้องพร้อม เพราะการที่จะต้องดูแลคุณพ่อซึ่งป่วยหนัก เราต้องเข้มแข็งและให้กำลังใจคุณพ่ออยู่เสมอ บอกเสมอว่าห้ามยอมแพ้เด็ดขาดแล้วก็ต้องสู้ ไม่ว่าผลตรวจจะออกมาอย่างไร เราก็ต้องยอมรับมันให้ได้ ก็ต้องให้กำลังใจ ยิ้มให้คุณพ่อบ่อยๆ พูดให้ตลก เฮฮา เพราะว่าคนที่เป็นโรคเกี่ยวกับพวกนี้ ถ้าเกิดจิตใจอ่อนแอเกิดความเครียดขึ้นมา ร่างกายจะยิ่งทรุดหนัก เพราะฉะนั้นจะบอกน้องทุกคนให้ช่วยกัน ทั้ง 4 คนรวมทั้งคุณแม่จะให้กำลังใจคุณพ่อจะมาพูดให้คุณพ่อผ่อนคลายอารมณ์ดี

การเป็นลูกคนโตต้องรับมือมากกว่าคนอื่นหรือเปล่า?

เบส - ก็จะบอกน้องทุกคนต้องให้กำลังใจคุณพ่อนะ มีเรื่องเครียดหรือไม่ดีก็ยังไม่ต้องเล่าให้คุณพ่อฟัง คือจะพูดทุกอย่างให้คุณพ่อสบายใจหมดกังวล หมดห่วง แล้วจะเตือนกันอยู่เสมอว่า ยังไงก็ต้องเป็นเด็กดีของคุณพ่อคุณแม่ ไม่ว่าโตมาจะเรียนจบประกอบอาชีพอะไรทำงานอะไรในสิ่งที่ชอบหรือไม่ชอบ แต่สิ่งสำคัญคือเราต้องเป็นคนดีต่อพ่อแม่และเราต้องกตัญญู ทำอะไรก็ต้องนึกถึงพ่อแม่

จากเหตุการณ์ครั้งนี้ส่งผลต่อชีวิตอย่างไรบ้าง?

เบส - กับตัวเองเหมือนกลายเป็นคนที่สื่อสนใจอยู่ในกระแส ณ ขณะนี้ คือปกติหนูก็ใช้ชีวิตของหนูทั่วไป แต่พอพ่อไม่สบายขึ้นมา นักข่าวก็มาให้กำลังใจ มาสัมภาษณ์ มาช่วยเป็นสื่อในการบอกอาการแก่ประชาชน แต่ทีนี้พอหนูมาดูแลคุณพ่อทุกวัน นักข่าวมาก็ถ่ายรูปคนก็จะเห็น จำได้...เวลาไปเดินที่ไหนกับน้องก็จะมีคนมาทัก ทำให้มีคนทักเยอะขึ้น ก็ทำให้นึกถึงคุณพ่อที่มีแฟนคลับเยอะ คนมาทักก็จะบอก นี่ป้าฟังมาตั้งแต่สมัยสาวๆเ ลย ไปดูคอนเสิร์ตของพ่อเราประจำ ก็รู้สึกดี มีคนเชียร์พ่ออยู่แล้วนะ มีคนให้กำลังใจพ่ออยู่ทั่วเลย

ได้เตรียมใจกับสิ่งที่จะเกิดต่อไปไว้อย่างไรบ้าง?

เฟิร์ส - ช่วงที่เขาเหนื่อยจะน่าเป็นห่วงเพราะเขาจะมีไข้ ถ้าได้พักก็จะดีขึ้น แต่ถ้าไม่ได้พักเลย อย่างวันก่อนที่นักข่าวมาเยอะๆ คุณพ่อจะเหนื่อยมาก เขาจะมีไข้ขึ้นเลย ตัวจะร้อนเลย กับสถานการณ์แบบนี้ก็อยากจะฝากถึงทุกครอบครัว เหมือนมันก็ต้องมีอยู่แล้ว ทะเลาะกัน ความเห็นไม่ตรงกัน แต่พอถึงจุดหนึ่งที่ครอบครัวมันมีปัญหาร้ายแรง ครอบครัวเป็นสิ่งสำคัญ ครอบครัวยังไงก็คือครอบครัว ดูแลอยู่กับครอบครัวให้ดีที่สุดแล้วกัน

เบส - ก็เตรียมใจไว้หมดทุกเรื่องแล้ว ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็จะดูแลคุณพ่อให้ดีที่สุด ทางทีมแพทย์ก็จะหาวิธีรักษาคุณพ่อที่มีผลร้ายผลข้างเคียงที่น้อยที่สุด ก็อยากจะบอกว่า ถ้ามีใครต้องประสบเหตุการณ์เหมือนอย่างที่เบสกับครอบครัวเบสประสบอยู่ อยากจะบอกว่า กำลังใจเป็นสิ่งที่สำคัญมากเพราะว่า การที่เป็นครอบครัวกันเราต้องรัก ต้องดูแลซึ่งกันและกันอยู่ตลอดเวลา เพราะคนที่เจอกับโรคร้ายร่างกายเขาก็แย่อยู่แล้ว เราต้องเป็นยาใจที่จะช่วยให้เขามีกำลังใจที่ดี ที่จะต่อสู้กับโรคร้ายนั้นๆ ต่อไปคะ

ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต


คุณแม่ เฟิร์ส เบส
เมื่ออาการป่วยไข้มาเยือน
4 พี่น้องตระกูลดีเสมอ เรียงตามลำดับ บิ๊ก,เกรซ,เบส,เฟิร์ส
เฟิร์ม น้องคนเล็ก
เบส พี่คนโต
โปสเตอร์คอนเสิร์ต “วันอำลาขวัญใจคนเดิม”
ครอบครัวดีเสมอ
กำลังโหลดความคิดเห็น