xs
xsm
sm
md
lg

มิสลาว งามแท้ "กิ๊ก ไพลินดา" นางเอกฮักอ่ำหล่ำ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

กิ๊ก-ไพลินดา พิลาวัน อดีตมิสลาว 2009 และนางเอกจากภาพยนตร์เรื่อง ฮักอ่ำหล่ำ (รักกลมกล่อม)
"แม่หญิงลาว" ขึ้นชื่อทั้งเรื่องความงาม และความสวย อัตลักษณ์เด่นคือ อ่อนหวาน งามอย่างเพียบพร้อม รักนวลสงวนตัว นุ่งถือ และสวมใส่เสื้อผ้าอย่างมิดชิด

กิ๊ก-ไพลินดา พิลาวัน คือหนึ่งในสาวลาว ดีกรี "มิสลาว" ประจำปี 2009 ซึ่งเป็นนางสาวลาวคนแรกของประเทศที่มีความงามตามแบบฉบับแผ่นดินล้านช้าง ไม่ว่าจะเป็นรอยยิ้มพิมพ์ใจ กิริยามารยาทอ่อนหวาน ทั้งเป็นสาวรุ่นใหม่ที่ยังคงอนุรักษ์วัฒนธรรม ประเพณีดั้งเดิม "การนุ่งผ้าซิ่น" มาจนถึงทุกวันนี้

ครั้งนี้ นับเป็นโอกาสอันดีที่แม่หญิงลาวท่านนี้ได้เดินทางมาเยี่ยมถึงกองบรรณาธิการ ASTVผู้จัดการ Lite ณ บ้านพระอาทิตย์ หอบความน่ารักมาโปรโมตภาพยนตร์ ฮักอ่ำหล่ำ (รักกลมกล่อม) ซึ่งเป็นผลงานเรื่องแรกในชีวิตที่เข้าฉายในไทยไปแล้วเมื่อวันที่ 27 มิถุนายน

ด้วยความน่ารัก สดใส เราจึงไม่รอช้าที่ทำการล้วงลึกชีวิต และหัวใจของเธอผ่านการสัมภาษณ์ และถ่ายทอดเป็นตัวอักษรเพื่อส่งต่อสู่สายตาท่านผู้อ่านนับจากบรรทัดนี้

แรกพบสบตา "สบายดี (สวัสดี) ค่ะ" เป็นคำทักทายแรกของเธอ ซึ่งนอกจากเสียงที่อ่อนหวานแล้ว เธอมาในชุดประจำชาติลาว เสื้อทรงกระบอก นุ่งซิ่นยาว นั่นแสดงถึงการให้เกียรติแก่แขกที่มาหา รวมไปถึงสถานที่ ส่วนผมก็มีการเกล้ามวย ทัดดอกจำปาสดสีขาวชวนน่าหลงใหล

ทีมงานเริ่มคุยเล่น ๆ กับเธอถึงเรื่องชุดว่าอึดอัดไหม เพราะเห็นรัดรูปแน่นเปรี๊ยะมาก กิ๊กบอกว่า "นิดหน่อยค่ะ แต่ก็เป็นชุดที่ใส่แล้วดูสุภาพ และให้เกียรติแก่แขกที่ไปหา ทั้งยังเป็นชุดประจำชาติที่ทำงานราชการ หรือคนที่มาทำธุระในสถานที่ราชการ เข้าวัด หรือพบผู้ใหญ่ก็ต้องนุ่งซิ่น"

สำหรับ การนุ่งผ้าซิ่นต้องมีความยาวประมาณหัวเข่าลงมา ใส่กับเสื้อแขนยาวทรงกระบอก หรือเป็นเสื้อแบบอื่นก็ได้แต่ต้องมิดชิด ถ้าเป็นเสื้อสายเดี่ยว ไม่ได้เลย ซึ่งจะเห็นได้ว่า แม้สภาพบ้านเมืองจะเจริญก้าวหน้าไปตามกาลเวลา แต่คนลาวก็ยังพยายามที่จะอนุรักษ์วัฒนธรรมและประเพณีดั้งเดิมไว้อย่างดี

เธอคือ "มิสลาว" คนแรกของประเทศ

เปิดประเด็นต่อมา ถึงดีกรีความเป็นนางสาวลาวของเธอ กิ๊ก เล่าว่า เดิมใช้ชื่อว่า นางสาวอาพอนลาว (Miss Apone Laos) ซึ่งจัดขึ้นตั้งแต่ปี 2549-2551 จากนั้นได้เปลี่ยนชื่อเป็น นางสาวลาว หรือ มิสลาว เพื่อให้สอดคล้องกับสภาพการณ์ใหม่โดยเริ่มในปี 2552 ผู้เข้าประกวดต้องสูงอย่างน้อย 165 เซนติเมตรขึ้นไป อายุระหว่าง 18-26 ปี รู้ภาษาต่างประเทศอย่างน้อย 1 ภาษา และต้องไม่เคยผ่าตัดเสริมความงามใด ๆ ทั้งสิ้น ผู้ที่ชนะจะได้รับเงินสด 50 ล้านกีบ รถเก๋งยี่ห้อบีวายดี ชุดทองคำหนัก 3 บาท พร้อมมงกุฎ และสายสะพาย

"ก่อนที่จะเข้ามาประกวด กิ๊กได้ประกวดอยู่ที่วิทยาลัยบริหารธุรกิจรัดตะนา นครหลวงเวียงจันทน์ ในปี 2007 และก็ได้ตำแหน่งดาวมหาวิทยาลัย จากนั้นก็เริ่มถ่ายเป็นพรีเซ็นเตอร์ของคนอร์ ถ่ายนิตยสาร พิธีกร ซึ่งคุณพ่อเป็นผู้สนับสนุนในเรื่องนี้อยากให้ลูกลาวไปประกวดหลายเวทีแล้ว แต่ส่วนตัวตอนนั้นยังไม่มีความมั่นใจเลย สุดท้ายก็ลองประกวดมิสลาว และได้มา 3 ตำแหน่งรวด คือ มิสลาว สาวผิวใสสุขภาพดี และขวัญใจช่างภาพ" เธอเล่า

กระนั้น การประกวดความงามที่ประเทศลาว จะไม่มีการใส่ชุดว่ายน้ำ หรือโชว์เรือนร่างที่ดูหวือหวาจนเกินไป แต่จะเน้นความสุภาพ สง่างาม เหมาะกับความเป็นแม่หญิงแห่งแผ่นดินล้านช้าง

"ในการประกวด จะเน้นนุ่งซิ่น มีชุดราตรีผ้าซิ่นคล้าย ๆ ชุดแต่งงาน เป็นลาวประยุกต์ที่อาจจะใส่เสื้อไหมตกแต่งหลาย ๆ แบบ จะไม่มีการใส่ชุดลอยน้ำ (ว่ายน้ำ) ใส่ไม่ได้เลยค่ะ อาจจะมีชุดกีฬาที่สั้นเลยหัวเข่าขึ้นมาได้น้อยนึง ส่วนศัลยกรรมก็ยังเป็นเรื่องที่ห้ามกันอยู่" อดีตมิสลาวปี 2009 เผย

สำหรับตำแหน่งมิสลาว นอกจากเบี้ยเลี้ยงจากรัฐบาลหรือจากเจ้าภาพจัดงานเป็นค่าตอบแทน สิ่งที่เธอได้รับมากกว่านั้นก็คือ ประสบการณ์อันล้ำค่า กับโอกาสที่จะได้ออกท่องโลกกว้าง เพราะเป้าหมายหลักของการประกวดนี้ เพื่อต้องการโปรโมทวัฒนธรรมลาว วิถีชีวิตความเป็นอยู่และขนบธรรมเนียมประเพณีลาว โดยเฉพาะการแต่งกายตามขนบดั้งเดิมแบบลาว และสร้างความตระหนักให้แก่หนุ่มสาวลาวเลือดใหม่ ได้ระลึกถึงความมีเอกลักษณ์อันโดดเด่นของลาว เนื่องจากรายการบุกเบิกการประกวดก่อนที่จะมาเป็นนางสาวลาว คือ นางสาวอาพอนลาว

"กิ๊กได้เป็นทูตวัฒนธรรมลาวทั้งในประเทศและต่างประเทศ ทั้งยังภูมิใจสุด ๆ ที่ได้เป็นตัวแทนต้อนรับในงานซีเกมส์ 2010 ซึ่งประเทศลาวเป็นเจ้าภาพอีกด้วยค่ะ" เธอบอก

กระนั้น มีข่าวมาเป็นระยะ ๆ ว่า แม่หญิงลาวแสนสวยกำลังจะถอดผ้าซิ่น สลัดผ้าสไบไปใส่ชุดว่ายน้ำ นวยนาดอยู่บนเวทีระดับนานาชาติ เรื่องนี้ เธอบอกว่า ยังไม่มีความคืบหน้าอะไร เพราะยังติดเรื่องวัฒนธรรมอยู่ โดยเฉพาะการใส่ชุดว่ายน้ำ ซึ่งประเทศลาวยังคงอยากรักษาคำว่าวัฒนธรรมเอาไว้อยู่ แต่โลกก็ต้องมีการเปลี่ยนแปลง ส่วนอนาคตการประกวดจะเป็นอย่างไรต่อจากนี้ คงต้องตามลุ้นกันอีกที

เบื้องหลังตัวตนอดีตมิสลาว

ลึกลงไปถึงตัวตนของอดีตมิสลาวคนสวยท่านนี้ ปฏิเสธไม่ได้ว่า ครอบครัวคือผู้อยู่เบื้องหลังคนสำคัญ

"กิ๊กเติบโตในครอบครัวธรรมดา เป็นชนชั้นกลางค่ะ แม่มีเชื้อจีน ส่วนคุณพ่อเป็นคนลาวขนานแท้ ในบ้านก็มีพี่กับน้องชาย ส่วนกิ๊กเป็นลูกคนกลาง และจะสนิทกับน้องชายมากกว่า เพราะกิ๊กต้องเลี้ยงน้อง ดูแลน้อง เราพี่น้องจะถูกเลี้ยงแบบจะตามใจก็ไม่ตามใจ ซึ่งก็มีห้ามในหลาย ๆ เรื่อง โดยเฉพาะตัวกิ๊กที่เป็นลูกสาวคนเดียวของบ้าน เช่น การออกนอกบ้าน ต้องไม่กลับบ้านดึก การแต่งตัวก็ต้องมิดชิด ไม่หวือหวา"

"ถามว่าที่บ้านมีตีบ้างไหม ไม่ค่อยตีนะคะ มีแต่จะดุมากกว่า แม่จะเป็นคนที่บ่นนิดหน่อย ส่วนพ่อจะไม่ค่อยพูด แต่จะตามใจบ้าง พ่อแม่จะบอกตลอดว่า อย่าเป็นคนขี้คร้าน อยากได้อะไรก็ต้องเก็บเงินซื้อมันมาเอง เรื่องนี้พ่อกับแม่จะปลูกฝังมาตั้งแต่เด็ก ไม่ได้เลี้ยงแบบฟุ่มเฟือย หรือตามใจจนเกินไป แต่ลูกสาวคนเดียว ก็ต้องมีหวง และห่วงเป็นธรรมดาค่ะ โดยเฉพาะหนุ่ม ๆ ที่เข้ามา พ่อกับแม่ก็ต้องช่วยดูก่อน ซึ่งท่านจะดูหลาย ๆ อย่างทั้งนิสัยใจคอ และอนาคตว่าจะเลี้ยงดูลูกสาวท่านได้ไหม"

เธอยอมรับว่านั่นคือสิ่งสำคัญที่สุดที่เธอได้จากครอบครัว และทำให้เธอไม่ออกนอกลู่นอกทาง แถมยังเป็นคนที่รักเรียน เวลาทำอะไรจะทำอย่างจริงจัง

ส่วนเรื่องการใช้ชีวิต และการทำงาน พ่อกับแม่จะก็ให้เป็นคนตัดสินใจเอง เพราะครอบครัวเธอ เป็นครอบครัวที่ให้อิสระในการคิด อยากให้ลองดู ลองหาประสบการณ์ใหม่ ๆ ทำ พอมีโอกาสหรืองานอะไรเข้ามาก็พร้อมจะสนับสนุน แต่ก็จะคอยช่วยกันดูว่า เหมาะสมหรือไม่ อย่างไร

"ส่วนตัวเป็นคนสบาย ๆ ตลก ๆ ถ้าอยู่กับกลุ่มเพื่อนจะเฮฮาตลอด ถ้าบางคนที่ไม่รู้จักก็จะมองกิ๊กว่าเป็นคนเงียบ ๆ หน้าดุ แต่ถ้าลองได้รู้จักแล้ว คุณจะรู้ว่า ไม่เป็นเช่นนั้นแน่ (หัวเราะ)"

ยืนยันได้จากตัวเองทีมงานเอง ที่มองเธอในแวบแรก ต้องบอกเลยว่า ไม่ค่อยกล้าคุยเท่าไร แต่พอได้คุยแล้ว เธอมีความเป็นกันเองมากถึงมากที่สุด แถมยังขี้เล่นอีกต่างหาก

"แม่หญิงลาว" ผู้เพียบพร้อม

นอกจากบ้าน จะเป็นสถานที่ที่เต็มไปด้วยมวลของความรักพัดผ่านไหลเวียนถ่ายเทดี จนทำให้สมาชิกในบ้านมีสุขภาพดีทั้งกาย และใจแล้ว สถานที่แห่งนี้ยังสอนให้เธอเป็นแม่หญิงลาวผู้เพียบพร้อมอีกด้วย

"ผู้หญิงกับผู้ชายลาวก็มีความเท่าเทียมกัน แต่สุดท้ายแล้ว หัวหน้าครอบครัวก็ต้องเป็นผู้ชาย เพราะโลกมันเปลี่ยนไป ผู้หญิงก็ทำงานไม่ด้อยไปกว่าผู้ชาย แต่ในความเป็นแม่บ้านแม่เรือนก็ยังต้องมีอยู่ อย่างกิ๊กเองทำอาหารเป็นบ้าง ส่วนใหญ่จะเป็นอาหารพื้นบ้านของลาว สิ่งเหล่านี้ กิ๊กได้มาจากคุณพ่อที่จะชอบเข้าครัวทำอาหารให้กินตั้งแต่เด็ก ๆ ส่วนแม่ก็เข้าครัวบ้าง สลับกันกับคุณพ่อค่ะ"

นี่คือจุดเด่นอีกอย่างของคนลาวที่มักจะนิยมกลับมารับประทานข้าวกับครอบครัวที่ "บ้าน" ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความรัก ความอบอุ่นในครอบครัว รวมไปถึงความเรียบง่ายของคนลาว

แม้จะมีพรมแดนที่ติดกับไทย แต่วิถีชีวิตของคนลาว ซึ่งเป็นดั่งบ้านพี่เมืองน้อง ก็ไม่ได้เหมือนบ้านเราเสียทีเดียว ซึ่งอาจจะเป็นเพราะประเทศนี้เป็นประเทศเล็ก ๆ ไม่ได้วุ่นวายเหมือนในเมืองหลวงของประเทศไทย ไม่แปลกที่การเดินทางมาไทยครั้งนี้ กิ๊กจะแอบบ่นว่า "ในกรุงเทพฯ รถติดมาก แถมยังใช้เวลาเดินทางไปไหนมาไหนนานอีกด้วย ไม่เหมือนกับที่ลาว รถไม่ค่อยติดเท่าไร ส่วนหนึ่งอาจจะเป็นเมือง เป็นประเทศเล็ก ๆ ด้วยค่ะ"

ไม่เพียงแต่งานบ้านงานเรือนเท่านั้น เธอยังเป็นสาวสมัยใหม่ที่ทำงานเก่ง และไม่ชอบอยู่กับที่

"กิ๊กไม่ชอบทำงานในออฟฟิศ เข้า 8 โมง เลิก 5 โมง แต่ส่วนตัวเป็นคนรักอิสระ ชอบออกไปพบปะผู้คนอยู่ตลอด คุยกับลูกค้าบ้าง หรือตอนนี้ก็ทำเบื้องหลังด้านมีเดียโปรดักชันเฮาส์ อยู่ในส่วนการตลาด ซึ่งเป็นงานที่สนุก ไม่ได้อยู่กับที่ ชอบค่ะ ส่วนหลักในการทำงานมีอยู่แค่อย่างเดียว คือ ตั้งใจ ถ้าเลือกที่จะทำงานอะไรแล้ว กิ๊กจะตั้งใจทำเต็มที่" เธอบอก

วันสบาย ๆ สไตล์คนน่าฮัก

ทุกวันนี้ นอกจากจะใช้เวลาอยู่กับครอบครัว และช่วยธุรกิจที่บ้าน (ธุรกิจอาหารเสริมชื่อรมิตา มีสินค้าเด่น ๆ คือ กาแฟมะรุม) แล้ว เธอจะใช้เวลาว่างออกไปพักผ่อนกับกลุ่มเพื่อน

"เวลาว่าง ๆ จะชอบออกไปหาเพื่อน ต้องบอกว่า เป็นคนที่ค่อนข้างติดเพื่อนมาก เวลาอยู่กับเพื่อนจะเต็มที่มากค่ะ เมาท์มอยกันตามประสาผู้หญิง มีไปเที่ยว ไปกินอาหารกันบ้าง ตอนกลางคืนก็ไปนั่งสบาย ๆ ที่ร้านอาหาร มีดนตรีสดให้ฟัง ประมาณนี้ค่ะ นอกจากนั้นก็จะใช้เวลาอยู่กับตัวเอง เล่นกีฬาบ้าง เช่น ว่ายน้ำ หรืออีกงานอดิเรกหนึ่งที่สนใจก็คือ การถักครอสตริซเป็นลวดลายต่าง ๆ ช่วยเรื่องสมาธิอย่างมาก"

แล้วถ้าให้เป็นเจ้าบ้านแนะนำสถานที่สำคัญ ๆ ในประเทศลาว เธอบอกว่า จุดเด่น ๆ ของที่นี่ก็คือ วัด และแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ

"ไปลาว สิ่งแรกเลยควรไปกราบพระธาตุหลวงที่วัดพระธาตุหลวง ซึ่งมีทัวร์ไทยไปเที่ยวกันเยอะ แล้วก็ไปอนุสาวรีย์ มีน้ำตกสวยงาม ถ้าเข้าไปในตัวเมืองหลวงพระบาง ติดหนึ่งในมรดกโลก ถือว่าสุดยอด เพราะที่นี่จะรวมทุกอย่าง ทั้งวัด วัฒนธรรม ผู้คน และสถานที่เที่ยวมากมาย ส่วนตัวภูมิใจที่เกิดเป็นคนลาว เพราะลาวมีวัฒนธรรมประเพณีที่ยังคงอยู่มานาน และเราก็ยังคงรักษาเอาไว้ต่อไปอีกนาน" ถ้าหากมีโอกาส เธอชวนให้มาสัมผัสความเป็นลาวกัน

ยก "อั้ม พัชราภา" เซ็กซี่ไอดอล

เป็นอีกหนึ่งสาวลาวที่ติดตามความเคลื่อนไหววงการบันเทิงไทยอยู่บ้าง ซึ่งเธอบอกว่า งานในวงการบันเทิงไทยก็อยากจะได้รับโอกาส แล้วแต่อนาคต ส่วนดาราไทยมีปลื้มอยู่หลายคน และที่ปลื้มที่สุดก็คือ อั้ม พัชราภา เพราะสวย และเซ็กซี่ แถมยังเก่งในเรื่องการแสดงอีกด้วย

"ตอนนี้ยังไม่มีใครมาทาบทามค่ะ แต่ถ้ามีโอกาสก็สนใจทำอยู่ ขึ้นอยู่กับผู้ใหญ่มากกว่า เพราะบางทีต้องคุยกันหลายเรื่อง โดยเฉพาะเรื่องการแต่งตัวค่ะ ส่วนตัวมีพี่อั้มเป็นไอดอลค่ะ อยากจะเก่งทุกด้านแบบเขา ทั้งงาม ทั้งเก่ง หุ่นดี แต่เราจะเซ็กซี่มากเกินไปไม่ได้ เพราะประเทศลาวยังไม่เป็นที่ยอมรับ แม้บ้านเราจะเปิดรับวัฒนธรรมอื่นๆ มากขึ้นก็ตาม ซึ่งเป็นเรื่องที่ต้องคำนึง ไม่เช่นนั้นอาจดูไม่เหมาะสมได้ค่ะ"

เธอให้เหตุผลต่อว่า วัฒนธรรมของคนลาว เวลาออกสู่โทรทัศน์ หรืองานทางการ ต้องนุ่งซิ่น หรือในชีวิตประจำวัน ทำงานในออฟฟิศก็มีการนุ่งซิ่นเหมือนกัน

นอกจากนักแสดงหญิงแล้ว เธอก็แอบเกาะกระแส "คุณชายแห่งวังจุฑาเทพ" อยู่เหมือนกัน โดยเฉพาะ เจมส์ จิรายุ คนจะรู้จักหมด อย่างคนลาวเองก็มีกรี๊ดบ้างเหมือนกัน เพราะดูเป็นคนน่ารักดี อบอุ่น ส่วนอีกคน ไม่เอ่ย ไม่ได้ "ณเดชน์" เพราะคนในประเทศลาวส่วนใหญ่รู้จัก เนื่องจากหน้าของนักแสดงท่านนี้ดูมีเอกลักษณ์ คือทั้งหล่อและน่ารักปะปนกันอยู่ แถมยังมีหลาย ๆ ลุคในคนคนเดียวกัน

เมื่อถามถึงวงการบันเทิงในลาว กิ๊กมองว่า เปิดกว้างมากกว่าแต่ก่อน มีทั้งศิลปิน ดารา พิธีกร ซึ่งจะรวมๆ กัน ส่วนการใช้ชีวิตของการเป็นดาราในประเทศลาวจะปกติ ธรรมดา ไม่หวือหวามาก

ไม่แอนตี้ คนสวยด้วยมีดหมอ

ไม่ถามไม่ได้ถึงการทำศัลยกรรม เพราะตอนนี้แพร่ไกลไปทั่วโลก ไม่เว้นแม้แต่คนธรรมดาทั่วไป ซึ่งในประเทศลาวก็คาดว่าจะมีให้เห็นอยู่เหมือนกัน เรื่องนี้ อดีตมิสลาวปี 2009 จะมีทัศนะอย่างไร ไปฟังกัน

"ที่ประเทศลาว เรื่องศัลยกรรมความงามต่างๆ ก็ยังมีการแอนตี้กันอยู่ ส่วนตัวไม่ได้ต่อต้านเรื่องศัลยธรรมนะคะ ถ้าทำออกมาแล้วสวย ก็ดีไป มีงานเข้า เงินเข้า แล้วแต่บางคนค่ะ ผู้ชายบางคนก็ไม่ชอบให้ทำศัลยกรรม ส่วนตัวกิ๊กเอง ถ้ามีโอกาสก็อยากทำเหมือนกันนะ (ยิ้ม) แต่ก็ขึ้นอยู่กับความจำเป็น ถ้าไม่จำเป็น หรือไม่มีผลกับงาน ก็ไม่ทำ แต่ก็มีความคิดอยู่แล้วล่ะว่า อยากทำอยู่ ซึ่งที่บ้านก็ไม่ได้ว่าอะไร"

ถามว่าส่วนไหนที่อยากทำ เธอชี้ไปที่จมูก พร้อมกับท่าทีเขินอาย และบอกว่า

"อยากให้มันเด้งขึ้นหน่อยนึง (ยิ้ม) ที่พ่อแม่ให้มาก็พอได้อยู่นะ แต่ขึ้นมาหน่อยก็ดี (หัวเราะ) ถามว่าในประเทศลาวเปิดกว้างในเรื่องนี้ไหม ก็น่าจะเปิดกว้างนะ แต่การประกวดต่าง ๆ ยังห้ามเรื่องนี้อยู่ อีกอย่าง ถ้าใครจะทำ ในลาวจะไม่มีหมอศัลยกรรม ต้องข้ามมาทำในประเทศไทย หรือไม่ก็ประเทศเวียดนามค่ะ ส่วนที่นิยมทำกันมากที่สุด เห็นจะเป็นจมูกกับหน้าอก หรือที่เริ่มทำกันมากขึ้นก็คือ สักคิ้วสามมิติ" เธอเผยถึงสถานการณ์การทำศัลยกรรมในประเทศลาว

ส่วนเรื่องแฟชั่นในลาว เธออัพเดทให้ฟังว่า ค่อนข้างทันสมัยเหมือนกัน สื่อตะวันตกหรือว่าสื่ออะไรก็แล้วแต่เข้ามามาก ไม่ว่าจะญี่ปุ่น เกาหลี ไทย สำหรับเทรนด์การแต่งตัวก็จะมีหลากหลาย ส่วนใหญ่จะเข้ามารับในกรุงเทพฯ แต่คนลาวจะไม่ค่อยแต่งเต็ม เพราะว่าถ้าแต่งเต็มปุ๊บ จะดูเป็นคนแปลก ต้องมีความมั่น มีความกล้า

เปิดอก คุยเรื่องฮักๆ กับนางสาวลาว

เข้าสู่ประเด็นเรื่องฮัก ๆ (ความรัก) กันบ้าง หลังจากทีมงานถามถึงเรื่องหัวใจตอนนี้ เธอถึงกับสูดหายใจเข้าลึก ๆ และตอบด้วยท่าทีเขินอายว่า

"ก็มีเข้ามาคุยบ้างค่ะ (ทำท่าเขินๆ) เพราะถ้าบอกว่าไม่มีเลยก็คงไม่ใช่ ถามว่าสเปกเป็นอย่างไร หน้าตาไม่สำคัญก็ไม่ใช่เสมอไปนะ สำหรับกิ๊กแล้ว หน้าตาก็ต้องดึงดูดให้รู้สึกฮัก (รัก) ก่อน จากนั้นมาดูกันที่นิสัย เพราะส่วนตัวไม่ฮักคนหลายใจ นอกนั้นก็จะเป็นส่วนประกอบอื่น ๆ เช่น สูง หน้าตี๋ อะไรประมาณนี้ค่ะ (ยิ้ม)"

แต่การจะคบใครสักคน สิ่งที่เธอให้ความสำคัญคือ ต้องมองคุณค่าในตัวเองให้มากๆ และถ้าเป็นไปได้ ก็อยากให้ผู้หญิงทุกคนรู้จักรักในคุณค่าของตัวเองด้วย

"การที่เราจะให้คนอื่นเบิ่ง (ดู) ว่าตัวเรามีคุณค่า เราก็ต้องทำตัวเองให้มีคุณค่าก่อน ถ้าเบิ่งตัวเองไม่มีค่า คนอื่นก็มองว่าเราไม่มีค่าคือกัน โดยเฉพาะคุณค่าในเรื่องจิตใจ ความคิด รวมไปถึงการแต่งตัวที่ควรสงวนคุณค่าของตัวเองเอาไว้ให้มาก ๆ อีกอย่าง คุณค่ายังรวมไปถึงเรื่องความรัก ที่ต้องมองตัวเองว่ามีคุณค่า ถึงเวลาอีกคนจะไม่เห็นค่าของเราก็ตาม นั่นจะทำให้เราอยู่อย่างมีคุณค่า และไม่ทำร้ายตัวเองค่ะ"

เมื่อให้เปรียบเทียบระหว่างหนุ่มไทย กับหนุ่มลาว เธอแจงความแตกต่างออกมาว่า หนุ่มลาวจะเป็นคนที่ไม่ค่อยเน้นเรื่องการแต่งตัว แต่หนุ่มไทยจะเต็มที่มาก

"บางทีจัดเต็มมากเราก็แบบว่า..จะหน้าใสเกินไปกว่าเราไหม ก็จะกลัวๆ หน่อยนึง ถ้าจะเลือกอาจจะเลือกไม่ได้แต่ขอคนที่จริงใจ ใจเดียวแล้วกัน ลาวหรือไทยก็ได้" เธอบอก

ฮักอ่ำหล่ำ หนังโรแมนติกคอมเมดี้

มาพูดถึงหนังเรื่องแรกในชีวิตของเธอกัน กับ "ฮักอ่ำหล่ำ" เธอบอกว่า มีทั้งความยากและความสนุก ที่ยากเพราะไม่เคยผ่านการแสดงมาก่อน ส่วนมุมที่สนุก เนื่องจากมีตัวละครที่สร้างเสียงฮาเยอะมาก ทำให้การถ่ายทำ เต็มไปด้วยความสนุก ลดความเครียดลงไปได้มาก

"ถ้าตามชื่อเลย ฮัก แปลว่ารัก อ่ำหล่ำ แปลว่า กลมกล่อม เป็นหนังที่รวมทุกรสชาติของความรักเอาไว้ในเรื่องเดียวกัน ความรักจะมีทุกข์เสมอไปก็พูดอย่างนั้นไม่ได้ สุขอย่างเดียวก็ไม่ใช่ มันก็ต้องมีทั้งสุข เศร้า สมหวัง เกือบทุกคู่เป็นเช่นนั้น ซึ่งเป็นความรักที่มีสีสัน ดูกลมกล่อม เป็นหนังโรแมนติกคอมเมดี้ มีพ่อแง่แม่งอนกัน บวกกับมุกฮา ๆ หลายตอน ดูแล้วได้ทั้งความสุข และความประทับใจแน่นอนค่ะ"

"สำหรับเรื่องนี้ ค่อนข้างยาก มีบทร้องไห้เยอะมาก แต่ก็ผ่านไปได้ด้วยดี เพราะมีการเตรียมตัวหลาย ๆ อย่าง ถึงเนื้อถึงตัวได้นิดหน่อย แต่จูบ หรือฉากฉาว ๆ ไม่มีเลยค่ะ โดยเนื้อเรื่องก็เล่าถึงชีวิตบ้านนาของคู่วัยหนุ่มสาว ที่นี้ฝ่ายชายมีความฝันอยากจะเป็นนักร้อง ซึ่งการอยู่บ้านนา การเป็นนักร้องไม่ได้เกิดแน่ จึงต้องไปตามหาฝันในเมือง สุดท้ายแล้วเขาจะเลือกความรัก หรือความฝัน คงต้องติดตามกันดูกันค่ะ"

ทั้งนี้ ภาพยนตร์เรื่อง "ฮักอ่ำหล่ำ" ถือเป็นภาพยนตร์สัญชาติลาวขนานแท้ร้อยเปอร์เซ็นต์เรื่องแรกที่ใช้นักแสดงและทีมงานเป็นชาวลาวทั้งหมด ด้วยความร่วมมือของ บริษัท เอ็มพิคเจอร์ โดยมีนักร้อง นักแสดงชื่อดังจากฝั่งลาวมาสร้างเสียงหัวเราะให้กับคอหนัง เช่น อาทิสัก รัตตะนะวง นักร้องนำวง CELL อาลี่-พรมณี โพธิสาร นักร้องนำวงเกิร์ล กรุ๊ปชื่อดัง Shawty และเจี้ย-แปซิฟิก-พูมชนะ สีริวงสา ตลกชื่อดังแห่งยุค

"ถามว่าคาดหวังไหม เราก็คาดหวังเหมือนกันค่ะ การได้มาฉายที่ประเทศไทย ต้องบอกเลยว่า เกินความคาดหมายมากค่ะ ทำให้หนังลาวกว้างขวางขึ้น คนก็รู้จักสาวลาว คนลาว และประเทศลาวมากขึ้นกว่าที่เคยได้รับข้อมูลมา เพราะคนลาวน่ารัก อ่อนหวาน มีวัฒนธรรมที่ดีงาม"

"ดังนั้น ประเทศลาว เป็นประเทศน้อย ๆ ที่อยากก้าวเข้ามาสู่ตลาดเอเชียเหมือนกัน อยากเปิดกว้างเรื่องหนัง แม้จะเป็นมือใหม่ แต่เราจะพร้อมจะพัฒนาฝีมือต่อไปค่ะ ถ้าเรื่องฮักอ่ำหล่ำมีการตอบรับที่ดี ทีมงานก็อาจจะสร้างภาค 2 ต่อเลย"

สำหรับใครที่จากบ้านมาไกล นางเอกของเรื่องบอกไว้เลยว่า เรื่องนี้จะทำให้คุณหายคิดบ้านนาอย่างแน่นอน

"หลายคนมาจากอีสานที่ต้องเข้ามาทำงานในกรุงเทพฯ ไม่มีเวลากลับบ้าน ฮักอ่ำหล่ำจะยกบ้าน และความความรู้สึกว่า บ้านไม่ได้อยู่ไกลตัวคุณมาไว้ในโรงหนัง ช่วยแทนความคิดถึงพ่อแม่ คิดถึงบ้านนา คิดถึงข้าวเหนียว คิดถึงควายได้ดีทีเดียว" นี่คือสิ่งที่นางเอกของเรื่องยืนยัน

ท้ายนี้ เธอเผยความรู้ถึงภาพลักษณ์ของประเทศลาวที่ใครหลายคนมักจะมองว่าด้อยพัฒนาว่า ไม่ขอกล่าวโทษใคร เพราะแต่ละคนได้รับข้อมูลมาไม่เหมือนกัน

"ตอนสมัยที่ครอบครัวทำอาชีพค้าขาย กิ๊กกับแม่ต้องนั่งรถไฟมาซื้อเสื้อผ้าในไทย แม่ค้าคนไทยก็บอกว่า เอาไปขายที่ไหน เราก็บอกว่า ซื้อไปขายที่เวียงจันทน์ ประเทศลาวค่ะ แม่ค้าก็ตกใจ แล้วพูดว่า นี่คนลาวเหรอ ทำไมสวยจัง ในใจตอนนี้ก็ภูมิใจนะที่คนไทยมองคนลาวว่าสวย ซึ่งก็ไม่รู้เหมือนกันว่า เดิมทีคนไทยมองคนลาวว่าอย่างไร ทำไมถึงตกใจเราขนาดนั้น แต่ส่วนตัวไม่ค่อยถูกคนไทยดูถูกนะ บางคนที่ดูถูก กิ๊กคิดว่า เขาไม่เข้าใจมากกว่า ถ้าได้ลองมาสัมผัสถึงลาวแล้ว คุณจะรู้ว่า ประเทศลาวมีความร่ำรวยทางวัฒนธรรม แถมคนลาวยังเป็นมิตร และจริงใจกับทุกคนด้วยค่ะ"

นี่คือสิ่งที่เธอกำลังจะบอกต่อไปว่า ภูมิใจที่สุดแล้ว ที่ได้เกิดในแผ่นดินลาว เป็นประเทศที่มีความสงบ และมีทั้งวัฒนธรรมหลาย ๆ อย่าง

"คนจะมองอย่างไร ไม่รู้ล่ะ ตั้งแต่เล็กจนโต กิ๊กตอบได้เต็มปากเต็มคำเลยว่า กิ๊กนี่แหละ คนลาว (ยิ้ม)" อดีตมิสลาวปี 2009 และนางเอกจากเรื่อง ฮักอ่ำหล่ำ ทิ้งท้าย

ข่าวโดย ASTV ผู้จัดการ Lite



ประวัติส่วนตัว

ชื่อ-นามสกุล : ไพลินดา พิลาวัน

ชื่อเล่น : กิ๊ก

ส่วนสูง : 165 เซนติเมตร

การศึกษา : วิทยาลัยบริหารธุรกิจรัดตะนา (Rattana Business Administration College) นครหลวงเวียงจันทน์

ความสามารถพิเศษ : พิธีกร

ผลงานที่ผ่านมา :

- Miss Laos ประจำปี 2009
- Miss RBAC 2007
- พรีเซนเตอร์ให้้เบียร์ ลาว
- พิธกร นางแบบ นางเอกมิวสิควิดีโอ






กิ๊กกับอาลี่









คู่พระนางจากเรื่อง ฮักอ่ำหล่ำ
กำลังโหลดความคิดเห็น