xs
xsm
sm
md
lg

สงครามร้อยไหมระอุ! อยากสวยคงไม่พอต้องขอฉลาดด้วย

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


“ร้อยไหม” เป็นนวัตกรรมใหม่ด้านเสริมความงามล่าสุดที่กำลังกลายเป็นที่พึ่งสำหรับหนุ่มสาวยุคดิจิตอลที่อยากยกหน้าเด้งกระชับฉับไว แต่กลับไร้ซึ่งข้อมูลให้สืบค้นจนน่ากลัวไม่น้อย เมื่อทุกค่ายดึงคนดังมาเป็นพรีเซ็นเตอร์สร้างกระแสจนลูกค้าเคลิ้ม พร้อมกับโจมตีคู่แข่งกลายเป็นสงครามน้ำลาย เตือนใครที่คิดจะสอยหน้าช่วยหาข้อมูลให้ละเอียดเพราะทำแล้วสวยก็มี ทำแล้วยี้ก็เยอะ !!!

ร้อยไหม นวัตกรรมยอดฮิต ยกกระชับให้หน้าเด้งฟู

ก่อนอื่นมาทำความรู้จักการร้อยไหม หรือ Thread Lift (TR Lift) กันก่อน วิธีเสริมความงามนี้นิยมทำกันในประเทศทางยุโรปมา 20 กว่าปีแล้ว โดยนำมาแก้ปัญหาผิวหนังหย่อนคล้อย และกระชับผิวหน้า จากเดิมที่นิยมใช้ไหมชนิดแอปทอส (Aptos) เป็นไหมที่ใช้ในการทำศัลยกรรมมีลักษณะเป็นฟันปลา และเป็นไหมชนิดที่ไม่ละลาย จึงต้องใช้แพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญสูงและค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูง ทำให้ไม่ได้รับความนิยมเท่าที่ควร

แต่หลังจากนั้นแพทย์ในประเทศเจ้าแม่ความงามอย่างเกาหลีได้คิดค้นวิธีร้อยไหม PDO (Polydioxanone) ซึ่งเป็นไหมเส้นเรียบๆ นิยมใช้เย็บเนื้อเยื่อเกี่ยวพันหรือเส้นเลือดในร่างกาย เมื่อนำมาร้อยหน้าแล้วไหมชนิดนี้จะละลายจึงมีความปลอดภัย และได้รับความนิยมมากในขณะนี้ และสุดท้ายการร้อยด้วยไหมทองคำ (Gold Thread Lift) ใช้ทองคำบริสุทธิ์ 99.99% ไม่สามารถละลายได้ แต่ให้ผลชัดเจนนานถึง 10 กว่าปี

ในเมื่อการร้อยไหม แต่ละประเภท มีทั้งข้อดีและข้อเสียที่แตกต่างกันออกไป นั่นจึงกลายเป็นที่มาของการแข่งขันแย่งลูกค้ากันชนิดไม่มีใครไม่ยอมใคร

ดึงคนดังเป็นพรีเซ็นเตอร์

กลยุทธ์เดิมๆ แต่ได้ผลชะงัด คือบรรดาคลินิกร้อยไหมหลายแห่ง ต่างพยายามนำคนดังมาเป็นพรีเซ็นเตอร์ ไม่ว่าจะเป็น เจ้าของธุรกิจเองอย่าง สมใจนึก เองตระกูล ที่ออกมาการันตีว่า การร้อยไหมแอปทอสนั้นช่วยเรื่องความเต่งตึงของใบหน้าได้ หรือรมมี่ - รมณีย์ เธียรประสิทธิ์ เป็นคนแรกๆ ที่ร้อยไหมทองคำ จนตอนนั้นกลายเป็นทอล์ค ออฟ เดอะ ทาวน์ ใครต่อใครก็พูดถึงเรื่องการร้อยไหมทองคำ

แต่ใครจะฮอตได้เท่า เจ้าแม่ร้อยไหมทองคำอย่าง ซูซี่-หทัยเทพ ธีระธาดา ที่ออกมายอมรับว่าทุ่มเงินร้อยไหมทองคำทั้งหน้าไปกว่า 10 ล้าน แถมยังเคยมีการโชว์แผ่นเอ็กซ์เรย์ภาพใบหน้าทองคำออกสื่อ และออกมาการันตีว่า การร้อยไหมทองคำแท้สามารถเข้าเครื่อง MRI ได้ ไม่มีปัญหา

เมื่อเหล่าคนดังที่อายุอานามเยอะ ออกมาการันตีความเด้งขนาดนี้ ยิ่งกระพือความนิยมร้อยไหมกันมากยิ่งขึ้น แม้การร้อยไหมแบบแอปทอสและไหมละลายจะมีราคาสูง แต่ก็ยังมีไหมละลายที่ราคาไม่สูง มาช่วยตอบโจทย์ ทำให้โดนใจกลุ่มวัยรุ่นที่อยากมีใบหน้าเรียวสวยกระชับ

สงครามข่าวสาร โจมตีกันคึกคัก

เมื่อวงการร้อยไหมเริ่มได้รับการยอมรับและกลายเป็นเทรนด์ฮิตในหมู่คนอยากสวยอยากหล่อ คลินิกเสริมความงามแทบทุกแห่งจึงแข่งกันอวดอ้างสรรพคุณข้อดีพร้อมการห้ำหั่นกันเรื่องราคา แต่กลับไม่บอกกล่าวถึงข้อเสีย ซึ่งมีไม่น้อยไปกว่าข้อดี

อย่างการร้อยไหมแอปทอสนั้น มีการประโคมจุดขายว่าใช้เวลาร้อยไหมแค่ 20 - 40 นาทีก็ทำให้ใบหน้ากระชับและตึงสวยได้ทันใจ คนไข้สามารถกลับบ้านได้เลย แต่ในความเป็นจริงแล้วขึ้นอยู่กับความเชี่ยวชาญของแพทย์เป็นหลัก เพราะการจะให้แง่ของไหมกางออกในบริเวณที่ต้องการและเป็นไปในทิศทางที่ต้องการนั้น ทำไม่ง่ายเลย ซึ่งหากไม่ชำนาญจริง เส้นไหมอาจทะลุออกมาสู่ผิวหน้าจนต้องทำการผ่าตัดออก และเพราะเส้นไหมไม่ละลาย เมื่อเกิดความผิดพลาดหรือเส้นไหมเกิดเลื่อนและเปลี่ยนตำแหน่งทำให้ใบหน้าผิดรูป วิธีเดียวที่จะแก้ไขคือต้องผ่าตัดเอาเส้นไหมออก ทำให้ใบหน้าเกิดแผลได้

ส่วนการร้อยไหมละลาย ฟังดูแล้วรู้สึกปลอดภัย แต่ก็ถูกข่าวสกัดดาวรุ่งว่า เป็นเพียงการยิงไหมละลายเข้าไปทางผิวหนัง ทำให้ผิวเกิดการอักเสบ และเกิดอาการช้ำ ซึ่งจะไปกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ทำให้ผิวดูตึง กระชับ แต่เมื่อไหมละลายไปพร้อมกับอาการบวมทุเลาลงแล้ว ใบหน้าก็จะกลับมาหย่อนคล้อยอีกครั้ง แถมผิวหนังบริเวณที่ห่อหุ้มเส้นไหมยังเกิดเป็นพังผืด ทำให้ปรากฏออกมาทางใบหน้าในลักษณะขรุขระ ยิ่งทำให้ใบหน้าผิดรูปยิ่งขึ้น

ส่วนการร้อยไหมทองคำ บรรดาคลินิกต่างคุยโอ่สรรพคุณว่าใช้เส้นทองคำบริสุทธิ์ 99.99% ซึ่งผ่านเทคโนโลยีชั้นสูงกว่า 75 ขั้นตอน ในการสกัดเอาทั้งสารตะกั่ว สารปรอท ซึ่งนิยมนำมาใช้ในการทำเครื่องประดับทองคำ โดยเส้นไหมที่ใช้ร้อยมีขนาดเพียง 0.1 มิลลิเมตร พอร้อยเข้าไปแล้วเส้นทองจะแตกออกเป็นอนุภาคเล็กๆ เป็นลักษณะเหมือนตาข่ายช่วยดึง และยกกระชับริ้วรอยต่างๆได้ กระตุ้นการสร้างเม็ดเลือดใหม่ให้มาหล่อเลี้ยงผิวอีกด้วย และให้ผลนานถึง 8-15 ปี

แต่สุดท้ายก็มีแพทย์ออกโรงเตือนการร้อยไหมทองคำ เพราะหากเป็นทองคำไม่บริสุทธิ์จริงแล้ว โทษอาจถึงการเป็นมะเร็งผิวหนัง

ไหมทองคำ จำเลยสำคัญของสงครามครั้งนี้

ทั้งนี้เพราะการร้อยไหมทองคำมีเพียงเจ้าเดียวที่ผูกขาดการตลาดการร้อยไหมทองคำแท้ 99.99% อย่างเทคนิคของ Dr.Pawel W. Koziczynski ซึ่งได้รับการรับรองจากอย.ของสหรัฐอเมริกา และจากอย.ของเมืองไทย แถมแพทย์ที่ผ่านการฝึกอบรมการร้อยไหมทองคำได้นั้นมีเพียงไม่กี่ท่าน นั่นจึงเป็นที่มาของการให้ข่าวสารในทางลบต่างๆ ของการร้อยไหมทองคำจากคู่แข่งในวงการร้อยไหม ซึ่งในความจริงแล้ว การร้อยไหมทุกประเภทนั้น แพทย์ผิวหนังก็ได้ออกมาเตือนว่าไม่ได้มีความปลอดภัย 100%

เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา แพทย์หญิงวิไล ธนอักษรสาส ผู้เชี่ยวชาญด้านเวชศาสตร์ชะลอวัย ผิวหนัง โรงพยาบาลรามาธิบดี ได้ออกมาเตือนว่า การร้อยไหมทองคำเป็นเรื่องอันตรายมาก และผิดกฎหมาย ไม่ผ่านการรับรองจากองค์การอาหารและยา การร้อยไหมทองคำที่ไม่ใช่ทองคำบริสุทธิ์จริงๆ จะเข้าเครื่อง MRI หรือเครื่องตรวจสแกนร่างกายไม่ได้ แถมคนไข้บางคนไม่รู้และไม่ได้แจ้งให้แพทย์ผิวหนังทราบว่าตัวเองผ่านการร้อยไหมทองคำมา พอทำเลเซอร์แล้วผิวเกิดหน้าเกิดอาการไหม้ และไหมทองคำละลายจนใบหน้าผิดรูป

งานนี้ทำเอาฝั่งคลินิกให้บริการร้อยไหมทองคำแท้ต้องรีบออกมาชี้แจงด่วน โดยอ้างข้อมูลว่าแพทย์ผู้คิดค้นเทคนิคนี้ใช้เวลาทดลองมากว่า 10 ปี ซึ่งทั่วโลกมีเพียงไม่กี่แห่งเท่านั้นที่สามารถให้บริการการร้อยไหมทองคำอย่างปลอดภัย แต่หากคนไข้ที่ไม่ศึกษาข้อมูลให้ดี ไปเจอทองที่ไม่บริสุทธิ์ หรือทองปลอม ผลลัพธ์ที่ได้จะเป็นอันตรายต่อร่างกาย เช่น ผิวหนังจะตาย หรือเกิดอาการเป็นพิษอย่างรุนแรงตามอาการแพ้ของสารปนเปื้อนนั้นๆ มีผื่นแพ้ หรือพบพังผืดใต้ชั้นผิว สีผิวดำคล้ำ เนื้อเยื่อติดเชื้อ ผิวเป็นคลื่นตะปุ่มตะป่ำไปจนถึงใบหน้าบูดเบี้ยว และหากสะสมตกค้างอยู่ในร่างกายจะทำให้เซลล์เม็ดเลือดติดเชื้อ จนก่อให้เกิดเป็นโรคมะเร็งได้ในที่สุด

มาอ่านจนถึงบรรทัดนี้แล้ว ขอแนะนำว่าใครที่คิดจะไปร้อยไหมไม่ว่าจะด้วยเทคนิคไหนควรศึกษาข้อมูลให้ละเอียดก่อนการตัดสินใจ รวมทั้งเลือกคลินิกและแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเป็นสิ่งสำคัญ อย่าตัดสินใจเลือกราคาถูกหรือเชื่อในคำโฆษณาเด็ดขาด





กำลังโหลดความคิดเห็น