xs
xsm
sm
md
lg

สีกากีเอื้อเปิดบ่อน การพนันไม่มีวันหมด

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ลงพื้นที่ทลายบ่อนกันให้ตายก็ไม่มีวันหมดสิ้นไปจากสังคมไทย หากกลุ่มคนสีกากียังเดินสายเก็บส่วยรายวัน เอื้อระบบการเปิดบ่อนตั้งแต่นายตำรวจชั้นประทวน ยันตำแหน่งผู้กำกับ วิธีแก้วิธีเดียวคือต้องปลุก “จิตสำนึก”


แนวคิดทั้งหมดนี้คือข้อสรุปจากวงเสวนา “การพนันรอบบ้าน ล้อมเมือง” จัดโดย มูลนิธิเครือข่ายครอบครัว ภายใต้การสนับสนุนของสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ซึ่งมีองค์กรเกี่ยวข้องเข้าร่วมถกปัญหามากมาย เพื่อตอบคำถามคาใจมานานแสนนานที่ว่า “สังคมไทยควรเห็นและทำอย่างไรกับการพนัน”
 

คำตอบแรก ได้จาก ลัดดา ตั้งสุภาชัย ผู้อำนวยการสำนักเฝ้าระวังทางวัฒนธรรม ชี้ภาพให้เห็นว่าปัจจุบันพื้นที่ของการเข้าถึงการพนันเพิ่มมากขึ้นทุกวัน ยิ่งเครือข่ายอินเทอร์เน็ตและโทรศัพท์มือถือสามารถเข้าถึงตัวเด็กและเยาวชนได้อย่างง่ายดายเช่นนี้ ยิ่งส่งเสริมให้หันมาหมกมุ่นในการพนันได้มากขึ้นไปอีก
ยกตัวอย่างจุดเริ่มต้นความเสื่อมได้จากกลุ่มเด็กแว้นและสก๊อย ที่ชอบพนันกันเพื่อตอบสนองความต้องการทางเพศ ทั้งนี้ หากลองมองทางแก้ปัญหาอย่างสร้างสรรค์ดู จะพบว่ายังพอมีทางออกอยู่ โดยเริ่มจากการเปิดพื้นที่ให้เด็กๆ ได้แสดงออกทางความคิด ปล่อยให้มีกิจกรรมทำมากขึ้น
  

ณัชพล เกิดเกษม ตัวแทนสมัชชาองค์กรชุมชน กทม. ช่วยเสริมในอีกมุมหนึ่ง โดยมองว่าที่การพนันยังไม่หมดสิ้นไปจากสังคม เป็นเพราะถูกโยงเอามาเกี่ยวข้องในทุกเรื่อง พนันกันตั้งแต่เรื่องเล็กๆ เพื่อการท้าทายกัน ไปจนถึงเรื่องใหญ่ อีกทั้งระบบการทำงานของตำรวจก็ไม่ได้ช่วยแก้ปัญหาเรื่องนี้ แต่กลับกลายเป็นยิ่งส่งเสริมระบบการพนันไปกันใหญ่
  

“เวลาผู้กำกับคนหนึ่งย้ายเข้ามาใหม่ในพื้นที่ใด เขาจะไม่รู้เลยว่าที่ไหนสามารถเก็บส่วยได้บ้าง แต่คนที่รู้คือระดับชั้นประทวน เพราะชั้นประทวนจะไม่มีคำสั่งย้ายและเป็นแขนขาในการเก็บส่วย จะมีการยักยอกส่วยไปตามลำดับชั้น
ถ้าอยากเป็นเจ้าของธุรกิจบ่อน ก็ไม่ต้องทำอะไรมาก เพียงแค่มีเงินแล้วก็จ่ายตำรวจเท่านั้นเอง ถ้าอยากเป็นเจ้ามือหวย ก็บอกกับผู้กำกับว่าสายของเรามีธุรกิจอะไรบ้าง สามารถจ่ายแบบเหมาได้ด้วย สิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้นในสังคมไทย เลยแก้ปัญหากันไม่ตกเสียที”
 

หากพิจารณาด้านกฎหมายแล้ว สมชาย เจริญอำนวยสุข ผู้อำนวยการสำนักงานกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กล่าวว่าตามหลัก พ.ร.บ.การพนัน จริงๆ แล้วประเทศไทยไม่มีบ่อน บริเวณไหนมีบ่อนจะถือเป็นเรื่องผิดกฎหมาย
แต่จากการสำรวจเมื่อปี พ.ศ.2553 กลับระบุว่า จากจำนวนพลเมือง 60 ล้านคน ประเทศไทยมีคนเล่นการพนันถึง 32 ล้านคน โดยผู้หญิงเล่นมากกว่าชาย และชนบทเล่นมากกว่าในเมือง
 

เวทีแรกของการเข้าสู่การพนันคือ หวยใต้ดิน ซึ่งใน 1 ปี วงจรของการเล่นการพนันมีเงินสะพัดมากกว่า 1 แสนล้านบาท เปรียบเทียบกับสลากกินแบ่งรัฐบาลแล้ว มีเงินสะพัด 6 หมื่นล้านบาท ส่วนการพนันฟุตบอลมีเงินสะพัด 38,000 ล้านบาท นอกจากนี้ยังมีการพนันที่คนไทยไม่เคยคิดว่าเป็นการพนันอีกหลายรูปแบบ เช่น การชกมวย มีเงินสะพัดในกีฬาชนิดนี้กว่า 3 หมื่นล้านบาท เมื่อรวมยอดเงินที่หมุนเวียนในวงการพนันทั้งหมดแล้ว จึงเทียบเท่ากับวงเงินงบประมาณประเทศครึ่งปีเลยทีเดียว
 

โดยสรุปแล้ว ทางออกของการแก้ปัญหาการพนันนั้น อาจแก้ไม่ได้ด้วยกฎหมายจริงๆ แต่ต้อง แก้ที่คน คือทำอย่างไรไม่ให้คนเข้าไปเล่น ก่อนอื่นต้องรู้ว่าคนที่เข้าไปเล่นการพนันมีสาเหตุ 2 ข้อ คือ เล่นเพื่อความสนุก-หาเพื่อน และอีกเหตุผลหลักคือเล่นเพราะอยากรวย
ดังนั้นหากจะแก้ปัญหาเรื่องการพนัน จะต้องแก้ด้วยวิถีธรรม คือปลูกฝังคนให้ไม่โลภ และพึงระลึกเสมอว่า การพนันจะต้องแก้ด้วยวิถีที่ไม่ใช่การพนัน จึงจะได้ผลและยั่งยืน

ข่าวโดย ASTV ผู้จัดการ LIVE



กำลังโหลดความคิดเห็น