ของเล่นกับเด็กเรียกได้ว่าเป็นของคู่กัน จากที่เราเห็นกันชินตา หลังเลิกเรียนบรรดาเด็กๆ จะร่ำร้องขอให้ผู้ปกครองซื้อของเล่นจากแผงใกล้รั้วโรงเรียน ไม่ก็นำเงินค่าขนมของตัวเองมาซื้อของเล่น แต่ด้วยความมักง่ายของผู้ขาย ความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ของเด็ก และผู้ปกครองอาจดูแลบกพร่อง ของเล่นเด็กบางชิ้นจึงกลายเป็นภัยมรณะใกล้ตัวกว่าที่เราคาดคิด
ฮิตอีกรอบ ตัวดูดน้ำ “เบบี้คริสตัล”
อย่างในตอนนี้ที่ต้องมาเตือนภัยอีกครั้งกับของเล่นที่กลับมาฮิตอีกรอบ “เบบี้คริสตัล” ของเล่นที่ชื่อฟังดูไพเราะ ไม่มีพิษภัย บรรจุอยู่ในซองใส ไม่มีวิธีการเล่นกำกับและไม่มีมอก. รับรองมาตรฐาน ลักษณะเป็นเม็ดกลม สีใส สดสวย คล้ายลูกอม ดูน่ากิน จึงเคยทำให้เด็กหลายคนเผลอรับประทานเข้าไปจนต้องหามส่งโรงพยาบาลกันมาแล้ว
เหตุการณ์ครั้งล่าสุดนั้น เกิดขึ้นที่จังหวัดชลบุรี หลังพบว่ามีพ่อค้าแม่ค้าร้านหาบเร่แผงลอยนำของเล่นชื่อ “เบบี้คริสตัล” ขายบริเวณหน้าโรงเรียน ซึ่งได้รับความสนใจจากนักเรียนจำนวนมาก ผู้ปกครองและครูจึงเกรงว่าเด็กจะนำเข้าปากและกลืนลงคอโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์เป็นอันตรายถึงชีวิต
คุณสมบัติของเบบี้คริสตัลหรือบางทีก็เรียกว่า น้ำตานางเงือก จะคล้ายกับตัวดูดน้ำ ในตอนแรกเม็ดจะมีขนาดเล็ก เท่าหัวไม้ขีด แต่เมื่อนำไปแช่น้ำประมาณ 4 ชั่วโมง ก็จะพองตัวขยายใหญ่เท่าลูกปิงปอง และจะขยายขึ้นเรื่อยๆ ถ้าแช่น้ำทิ้งไว้ ซึ่งหากกลืนกินลงไป ย่อมต้องเกิดอันตรายแน่นอน โดยอาจจะทำให้เด็กหายใจไม่ออก เพราะเม็ดเบบี้คริสตัลอาจจะไปอุดทางเดินหายใจ
ความจริงของเล่นชนิดนี้มีวางขายมาแล้วหลายปี ย้อนไปเมื่อปี 2552 ที่จังหวัดกระบี่ ก็พบว่ามีการระบาดอยู่ในกลุ่มเด็กนักเรียน และได้ถูกสั่งห้ามจำหน่ายในปีนั้นเอง หลังกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์พิจารณาผลการทดสอบเม็ดเบบี้ คริสตัล โดยได้ระบุว่า
“เมื่อนำไปแช่ในน้ำย่อยเทียม (ที่มีสภาพเช่นเดียวกับน้ำย่อยในกระเพาะอาหารของมนุษย์) เป็นเวลา 24 ชั่วโมง ตัวอย่างขยายตัวประมาณ 26 เท่า ไม่มีการย่อยสลายและใช้มือบีบไม่แตก ดังนั้น ถ้ามีการกลืนเม็ดเบบี้ คริสตัล เข้าสู่ร่างกาย อาจทำให้เกิดความผิดปกติต่อระบบการย่อยและการขับถ่าย ซึ่งเป็นอันตรายต่อผู้บริโภค” แต่ในตอนนี้ก็ยังมีพ่อค้าแม่ค้านำไปวางขายตามหน้าโรงเรียน
สารพัดอันตราย “ของหลอกเด็ก”
นอกไปจากเบบี้ คริสตัล ที่ตอนนี้กำลังกลับมาระบาด สร้างความหวาดผวาให้ผู้ปกครองและครูอีกครั้ง หลายคนในยุคเป็นเด็กคงยังพอจำกันได้จากอันตรายของเล่น รวมถึงขนม ที่ขายเกลื่อนกลาด หลอกเด็ก ตามข้างรั้วโรงเรียน
“ตัวดูดน้ำ” ยางนุ่มนิ่มๆ เหนียวๆ รูปทรงน่ารัก ทั้งรูปการ์ตูน รูปไดโนเสาร์ หรือรูปสัตว์ต่างๆ ขนาดประมาณ 1 นิ้ว สีสันสวยสะดุดตา เมื่อนำมาแช่ในน้ำจะสามารถขยายตัวได้มากถึง 600 เท่า ถูกนำเข้ามาจำหน่ายได้ไม่นานก็ถูกสั่งห้ามไม่ให้มีการจำหน่าย เพราะกลัวว่าหากเด็กเล็กเผลอกลืนตัวดูดน้ำนี้เข้าไป จะทำให้เกิดการอุดตันของกระเพาะอาหาร มีอาการคลื่นไส้ อาเจียน ท้องผูก และอาจเกิดการติดเชื้อได้ ซึ่งการจะนำตัวดูดน้ำออกมาจากกระเพาะอาหาร จะต้องใช้วิธีการผ่าตัดเท่านั้น
“ลูกอมปีศาจ” ในสมัยก่อนเป็นที่นิยมอย่างมาก เนื่องจากสีสันน่ากิน และยังสามารถเปลี่ยนให้ปากกับลิ้นกลายเป็นสีของลูกอมนั้นๆ ด้วย เด็กนักเรียนจึงชอบ แต่หารู้ไม่ว่า แท้จริงสีสันสดใส จัดจ้าน ที่เห็นนั้นมาจากสีที่ใช้ย้อมผ้า ซึ่งเคยมีการพบผู้ป่วยจากการอมลูกอมปีศาจ และต่อมาได้ตรวจสอบพบสารตะกั่ว สารหนูและส่วนผสมของสีย้อมผ้า โดยสารเหล่านี้จะไปเคลือบเยื่อบุกระเพาะอาหารและลำไส้ขัดขวางการดูดซึมอาหารเกิดอาการท้องเสีย และนำไปสู่การเกิดมะเร็ง
“ลูกอมก้านเรืองแสง” หากเป็นในยุคนี้ที่หาซื้อลูกอมปีศาจไม่ได้แล้ว ลูกอมก้านเรืองแสงจึงเข้ามาแทนที่ โดยแบ่งออกเป็น 2 ส่วนคือ ส่วนของลูกอมมีหลายรสชาติ และส่วนก้านที่เรืองแสงได้ ถือว่าเป็นอันตรายอย่างมาก โดยสารที่ใช้ในการทำก้านเรืองแสงจะเป็นสารฟลูออเรสเซนซ์ ใช้ในอุตสาหกรรม เช่น ใช้ฉาบหลอดไฟฟ้า วาวแสงหลอดภาพโทรทัศน์ หรือเติมในผงซักฟอก โดยสารดังกล่าวมีโมเลกุลขนาดเล็กไม่สามารถย่อยสลายได้ หากปนเปื้อนในอาหาร และนำไปรับประทานอาจทำให้ตกค้างในร่างกายเป็นอันตรายถึงชีวิต
“ลูกโป่งวิทยาศาสตร์” ถึงแม้คณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคจะมีคำสั่งห้ามขายลูกโป่งวิทยาศาสตร์ แต่จริงๆ ก็ยังหาซื้อได้ง่ายจนถึงทุกวันนี้ โดยภัยที่แฝงมาด้วยนั้น คือสารระเหยอย่างทินเนอร์และสีที่ไม่ใช่สีผสมอาหาร เมื่อเด็กเป่าลมเข้าไปต้องมีการสูดลมหายใจเข้าออกหลายครั้ง ทำให้เด็กมีโอกาสสูดดมทินเนอร์ ซึ่งจะเป็นอันตรายต่อสุขภาพได้ และหากเสพสารระเหยในปริมาณสูงอาจจะไปกดศูนย์หายใจ ทำให้เสียชีวิตได้
ข่าวโดย ASTV ผู้จัดการ Live