xs
xsm
sm
md
lg

ผุดไอเดียชวนเสียสาว! นร.หญิงพกถุงยาง 2 ชิ้นไปโรงเรียน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


 
ผู้ปกครองอึ้งกิมกี่! กระทรวงสาธารณสุขและกรมควบคุมโรคต่างเห็นชอบให้เด็กหญิงชั้นมัธยมฯ พกถุงยางติดตัวตลอด

กลับมาอีกครั้งกับการรณรงค์ให้พกถุงยางเพื่อป้องการโรคท้องไม่พร้อม คราวนี้เป็นฝ่ายของผู้หญิงที่ต้องพกถุงยางบ้างแล้ว หลายปีที่ผ่านมามีการรณรงค์ให้ยืดอกพกถุง แต่ก็ไม่สำเร็จ ครั้งนี้ถึงกับให้พกถึง 2 ชิ้น ตลอดเวลา!! อึ้งกันเป็นแถว ผลจะเป็นอย่างไร ติดตามกันต่อไป และหวังว่าเรื่องนี้คงไม่หายเข้ากลีบเมฆเหมือนครั้งก่อนๆ

ปัญหาเกี่ยวกับเรื่องเพศในวัยเรียนไม่ว่าจะเป็นปัญหาการตั้งครรภ์โดยไม่เจตนา ปัญหาโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ต่างๆ ล้วนแต่เป็นปัญหาที่มีผลพวงมาจากการมีเพศสัมพันธ์ที่ขาดการป้องกัน และปัญหาเหล่านี้พบว่าเกิดขึ้นกับเด็กในวัยเรียนมากที่สุด

ล่าสุดกรมควบคุมโรค เกิดปิ๊งไอเดียในการแก้ไขปัญหาเหล่านี้ ด้วยการแนะนำให้ผู้ปกครองมอบถุงยางอนามัยให้แก่ลูกสาวไปเรียนทุกวัน วันละ 2 ชิ้น แต่หลังจากที่มีการออกมาตรการนี้ก็มีกลุ่มคนทั้งเห็นด้วย และไม่เห็นด้วยออกมาแสดงความเห็นกันในสื่ออินเทอร์เน็ตมากมายว่า ไอเดียสุดเก๋ของกรมควบคุมโรคนี้ มันจะแก้ปัญหาได้จริง หรือว่าเป็นการชี้โพรงให้กระรอกให้มีเพศสัมพันธ์มากขึ้นกันแน่!

ป้องกันหรือชี้นำ
ไม่รู้ว่าอะไรดลบันดาลใจให้ท่านคิดไอเดียนี้ขึ้นมา หรือว่าอยากจะทำแบบต่างประเทศที่ไม่ปิดกั้นเรื่องแบบนี้ แต่ที่น่าเศร้า ประเทศไทยเคยสอนให้ผู้หญิงรักนวลสงวนตัว ปลูกฝังค่านิยมนี้กันมาเนิ่นนาน แต่วันนี้กลับให้ผู้หญิงพกถุงยางไปไหนมาไหนตลอดเวลา ซึ่งครั้งนี้ท่านผู้ใหญ่ไม่เกรงกลัวคำต่อต้านใดๆ การรณรงค์ครั้งนี้จะดำเนินไปได้สวยหรือไม่ ดูเหมือนท่านทั้งหลายจะมั่นใจเหลือเกินว่าวิถีทางนี้จะทำให้ปัญหาลดลงอย่างแน่นอน

นพ.พรเทพ ศิริวนารังสรรค์ อธิบดีกรมควบคุมโรคกล่าวว่า กรมควบคุมโรคจะเดินหน้าให้พ่อแม่ผู้ปกครอง ที่มีบุตรหลานเพศหญิง ตั้งแต่ชั้นมัธยมศึกษาขึ้นไป ให้ไปรับถุงยางอนามัยฟรีที่โรงพยาบาลทุกแห่ง เพื่อมอบให้แก่เด็กพกพาติดตัวไว้ เมื่อต้องมีเพศสัมพันธ์จะได้นำออกมาใช้ป้องกันตัวเอง ให้ห่างไกลจากโรคติดต่อเพศสัมพันธ์ รวมถึงปัญหาการท้องไม่พร้อม ยืนยันไม่กลัวหากสังคมจะต่อต้าน เพราะถึงเวลาที่สังคมไทยต้องยอมรับความจริงแล้วว่า เรื่องเพศสัมพันธ์เป็นเรื่องธรรมชาติที่ไม่อาจห้ามได้ และเด็กทุกวันนี้ เติบโตและเรียนรู้เรื่องต่างๆ ได้เร็ว รวมไปถึงเรื่องเพศสัมพันธ์ด้วย

จากการเก็บข้อมูลเด็กทารกแรกเกิดในแต่ละปี พบว่า 1 ใน 4 เกิดจากแม่ที่มีอายุต่ำกว่า 20 ปี และ 1 ใน 5 เกิดจากแม่วัยรุ่นที่ไม่อยากมีลูก หรือคิดเป็นร้อยละ 20 เกิดการทอดทิ้ง หรือเลี้ยงดูอย่างไม่มีคุณภาพ ทำให้การเจริญเติบโตของเด็กด้อยทั้งทางร่างกาย สติปัญญา รวมถึงอารมณ์ด้วย

นอกจากนี้ ยังพบผู้มาใช้บริการคลินิกโรคทางเพศสัมพันธ์ ล่าสุดเป็นวัยรุ่นอายุต่ำกว่า 20 ปี ประมาณ 4 ใน 6 ของผู้ใช้บริการทั้งหมด สะท้อนว่าเด็กและเยาวชนไทย เข้ามาข้องเกี่ยวกับการมีเพศสัมพันธ์กันมากและเร็วขึ้น สอดคล้องกับผลสำรวจเด็กหญิงชั้น ม.2 ร้อยละ 20 ยอมรับเคยมีเพศสัมพันธ์แล้ว ชั้น ม.5 เคยมีเพศสัมพันธ์แล้วร้อยละ 40 และเด็กในสายอาชีวศึกษายอมรับเคยมีเพศสัมพันธ์แล้วกว่าร้อยละ 50

ถ้าย้อนกลับในปีก่อนๆ มีการรณรงค์พกถุงยาเช่นกัน แต่สุดท้ายโครงการนั้นก็ต้องปิดฉากไป เพราะมีกระแสออกมาว่าวัยรุ่นบางส่วนเข้าใจผิดๆ เนื้อหาของสื่อโฆษณานั้นคลุมเครือ และครั้งนี้ก็เป็นที่น่าจับตามองไม่แพ้กันว่าจะถูกปิดฉากไปอีกหรือไม่

ไม่เห็นด้วย ใครจะทำไม
ไอเดียดังกล่าว เมื่อบางคนได้ทราบก็ถึงขั้นลมออกหูเกิดอาการปี๊ดแตก! อยู่เฉยไม่ได้เลยต้องขอแสดงความคิดเห็นกัน ยิ่งในโลกออนไลน์ที่สามารถแสดงความคิดเห็นได้ทันทีทันใด แต่ละคนก็แสดงความคิดเห็นว่า ไม่เห็นด้วยอย่างยิ่ง ทำไมแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ? ทำไมต้องเลือกแนวทางนี้? บางคนก็จริงจังกับเรื่องนี้มากๆ ถึงขั้นกล่าวโยงไปถึงงบประมาณแผ่นดิน ลึกซึ้งกันจริงๆ งานนี้ ไม่ว่าจะเป็น

ทำไมไม่รณรงค์ให้ลูกสาวรู้จักรักนวลสงวนตัว ส่วนลูกชายรู้จักให้เกียรติผู้หญิง และทั้งลูกชาย และลูกสาวรู้จักยับยั้งชั่งใจ การให้รณรงค์พ่อแม่แจกถุงยางอนามัยให้ลูกสาว เท่ากับส่งเสริมให้ลูกมีเพศสัมพันธ์กันง่ายขึ้น แทนที่จะส่งเสริมให้ลูกสนใจทางอื่น เช่น กีฬา ดนตรี กิจกรรมสังคม ไม่น่าเชื่อว่าจะใช้มาตรการหรือรณรงค์โดยการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ ถ้าเห็นดีเห็นงามกันอย่างนี้ คงเห็นวัยรุ่นใจแตกกันมากขึ้นแน่นอน” จาก พ่อคน campus.sanook.com

พวกผู้ชายก็ยิ้มเลยสิ...ไม่ต้องเสียตังค์ซื้อเอง เพราะเด็กสาวทั้งหลาย พร้อมเสมอ ทุกที่ ทุกเวลา” จาก test  campus.sanook.com.

“ไม่เห็นด้วยอย่างยิ่งกับแนวทางการแก้ไขปัญหาของกระทรวงสาธารณสุข! ...วิธีการอย่างอื่นที่สามารถทำได้มีหลายแนวทาง แต่ทำไมต้องเลือกแนวทางที่สนับสนุนให้เด็กผู้หญิงพกถุงยางอนามัย! ...แถมแถลงการณ์ยืนยันด้วยว่า “ไม่สนใจที่สังคมจะมีกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างไร?”

ทั้งนี้และทั้งนั้น ผมมีความเห็นว่า แนวทางดังกล่าวไปโยงใยอะไรกับการใช้จ่ายงบประมาณแผ่นดินที่ต้องสูญสิ้นไปกับการซื้อถุงยางอนามัยสำหรับแจกประชาชนฟรีๆ ฝ่ายค้านในสภาผู้แทนฯ ช่วยออกโรงในการแสดงความคิดเห็นและหรือเพื่อการตรวจสอบการทำงานของฝ่ายบริหารด้วยนะครับ! งบประมาณแผ่นดินนั้นมาจากเงินภาษีของประชาชน ผมไม่อยากจะวิพากษ์วิจารณ์อะไรมากไปกว่านี้ แต่ผมรู้ทันการทำงานในแนวทางของฝ่ายบริหารฯ ...บอกได้เพียงประโยคสั้นๆ ว่า งบใช้จ่ายในเรื่องนี้หรือส่วนนี้มันตรวจสอบกันค่อนข้างจะยากซะด้วย!” จาก ชัยสิทธิ์ กล้าหาญ campus.sanook.com

โลกนี้ไม่ได้สวยงามอย่างที่คิด
หลายคนหลายความคิดเห็น คนที่เห็นด้วย ต้องมาอารมณ์เสียกับพวกที่คอยแต่ขัดขาอย่างเดียวหรือกลุ่มที่เรียกว่า “พวกโลกสวย” และบอกให้คนที่ไม่เห็นด้วย ให้ยอมรับความจริงซะที เรื่องบางเรื่องไม่เข้าใครออกใคร จิตใจมนุษย์นี่แหละยากจะหยั่งถึง ในเว็บไซต์พันทิปดอทคอม ห้องเฉลิมไทย มีผู้มาแสดงความคิดเห็นอย่างต่อเนื่อง นับได้ว่าเรื่องนี้เป็นที่น่าสนใจไม่น้อย อย่างเช่น

ก็ดีค่ะ ถุงยางอนามัยป้องกันโรคเอดส์กับการตั้งท้อง บางทีการสนับสนุนให้พกถุงไปโรงเรียน อาจช่วยลดปัญวัยรุ่นไทยติดเอดส์ หรือนักเรียนหญิงไปลักลอบทำแท้งให้เบาบางลง เพราะสังคมไทยปัจจุบันมันเปลี่ยนไปนานแล้วนะคะ ถ้าเรายอมรับความจริง สังเกตสิคะ ประเทศที่ปิดกั้นมักมีอัตราการติดโรคทางเพศสัมพันธ์สูงเป็นอันดับต้นๆ เด็กสาวทำแท้งสูงเป็นอันดับแรกๆ บางทีการเปิดเผย เปิดกว้าง เปิดใจรับ อาจทำให้ลดความอยากรู้อยากลองก็ได้ค่ะ หรือลดปัจจัยเสี่ยงท้อง เสี่ยงเอดส์ได้มากทีเดียว” จากคุณ จำใจเพราะจำยอม เว็บพันทิป

ถ้าห้ามไฟไม่ให้มีควันได้ ก็คงห้ามเซ็กซ์ในวัยเจริญพันธุ์ได้แหละค่ะ บางที..นโยบายพกถุงยางไปโรงเรียน อย่างน้อยๆ ก็ลดปัญหาการท้องก่อนวัยอันเหมาะสมและลดปัญหาโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ด้วยนะคะ” จากคุณ นางพญาระเริงไฟ เว็บพันทิป

“เลิกโลกสวย มองสภาพความเป็นจริง และ ยอมรับ การพกถุงยาง และใช้มัน ลดปัญหาต่างๆที่จะตามมาได้เยอะ ผู้หญิง ถ้าไม่ง่าย ต่อให้ผู้ชายพกมาเป็นโหล ก็ไม่มีผล มันอยู่ที่การสั่งสอนนะ” จากคุณ via iPhone (chabby) เว็บพันทิป

นั่นคือกระแสวิพากษ์วิจารณ์ที่เกิดขึ้นในอินเทอร์เน็ต อย่างไรก็ตามประเด็นในเรื่องการพกถุงยาง อาจจะไม่สามารถชี้ชัดได้ว่าควรหรือไม่ที่เด็กวัยรุ่นไทยจะต้องพกถุงยางอนามัย

ต่างคนต่างความคิด
ปัญหาของวัยรุ่นในสังคมไทยรุนแรงและซับซ้อนมากขึ้น เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วทั้งด้านกายภาพ เศรษฐกิจและสังคมเมือง ประกอบกับวัยรุ่นเป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของการเจริญเติบโตมีความเปลี่ยนแปลงด้านร่างกาย จิตใจ และอารมณ์ ทำให้วัยรุ่นประสบปัญหามากมาย เช่น ปัญหาเพศสัมพันธ์ก่อนวัยอันควร ปัญหาการทำแท้ง ปัญหาโรคเอดส์ ปัญหาความรุนแรง

อาจารย์ประจำภาควิชาจิตวิทยา คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ พูดถึงกรณีการแจกถุงยางให้กับเด็กหญิงมัธยมว่าการกระทำแบบนี้เหมือนเป็นการเปลี่ยนบรรทัดฐานในสังคม ทำให้เด็กไม่มีความยับยั้งชั่งใจเหมือน

เมื่อก่อน ซึ่งมันเป็นสิ่งที่ไม่ดีเหมือนเป็นการยุยงส่งเสริม ทำแบบนี้เป็นการรักษาปลายทางมากกว่า หรือเรียกว่าการคิดเหตุเดียวผลเดียว ไม่นึกถึงผลกระทบที่ตามมา สิ่งที่เกิดขึ้นอาจเป็นการเปลี่ยนคู่นอนบ่อยขึ้นหรือการฉาบฉวย และการมีถุงยางหรือไม่มี ว่ามันเป็นการป้องกัน มันคนละเรื่องกัน น่าจะสอนให้เด็กรู้ว่าการมีเพศสัมพันธ์ก่อนวัยอันควรว่าเป็นสิ่งที่ไม่ดี

หากผู้ปกครองรับมาให้ลูกเหมือนเป็นสัญลักษณ์ว่าอนุญาตให้ลูกมีเพศสัมพันธ์ได้ วัยที่เหมาะสมน่าจะเป็นในระดับมหาวิทยาลัยจะดีกว่า เพราะว่าวุฒิภาวะเขามีมากพอแล้ว ความสามารถของสมองส่วนคิดทำงานควบคุมเหนือสมองส่วนหยาบ มีความสามารถในการควบคุมอารมณ์ความต้องการของตัวเอง มีความสามารถในการยับยั้งชั่งใจ แต่โดยทั่วไปวัยรุ่นเป็นวัยที่สมองส่วนหยาบทำงานมากกว่าสมองส่วนคิด และคิดว่าน่าจะมีการรวมพลังของกระทรวงศึกษาและสถาบันทางสังคม (สถาบันครอบครัว) ออกกลวิธีแก้ไข สอนให้เด็กตระหนักถึงปัญหาดีจะดีกว่า”

อย่างไรก็ตาม มีคนที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วยกับการส่งเสริมให้นักเรียนพกถุงยาง สุดท้ายแล้วการพกถุงยางก็คงไม่ผิด แต่อยู่ที่ว่าจะใช้ให้ถูกต้องตามความเหมาะสมอย่างไรมากกว่า ผู้ปกครองเองก็ควรใส่ใจและเปิดใจกับลูกๆ ให้มากกว่าเดิม อย่าปล่อยให้เขารู้สึกเหมือนอยู่คนเดียว

ไม่ว่าจะมีการรณรงค์อะไรออกมาก็ตาม สิ่งสำคัญที่สุดนั้นก็คือ “ครอบครัว”
 
ข่าวโดย...ผู้จัดการ Live




กำลังโหลดความคิดเห็น