ในวงการโซไซตี้บ้านเราใช่ว่าจะมีแต่อาชีพประชาสัมพันธ์หรือพีอาร์ที่ต้องอาศัยความชำนาญเท่านั้นนะคะ อาชีพคนเชิญแขกก็ต้องอาศัยฝีมือและความเป็นมืออาชีพไม่น้อย เพราะเมื่อมีแขกเซเลบฯระดับเอลิสต์สังคมให้ความสนใจมากเท่าไร ก็ยิ่งดึงดูดนักข่าวมาที่งานมากขึ้นเท่านั้น และนั้นหมายถึงค่าน้ำพักน้ำแรงจากการเชิญแขกก็จะได้รับมากขึ้นเท่านั้น
กระแสเกาะคนดังทำให้อาชีพเชิญแขกรุ่ง
หากย้อนเวลากลับไปเมื่อ 10 ปีก่อนอาชีพเชิญแขกคนดังเข้างานสังคมค่อยๆบูมขึ้นเรื่อย ซึ่งเริ่มมาจากสังคมไฮโซและสังคมข่าวให้ข่าวสำคัญกับคนดังมากขึ้น เพราะในยุคนั้นไม่ว่างานอีเวนต์ทุกงานตั้งแต่งานการกุศล ไปจนถึงงานตัดริบบิ้นเปิดร้าน คนดังที่ต้องได้รับเชิญไปเป็นประธานเสมอคือ เจ้ากอแก้ว ประกายวิล ณ เชียงใหม่ หรือเจ้าป้า ของลูกๆและน้องพี่สายไฮโซทุกคนต่างรู้จักเป็นอย่างดี เรียกได้ว่างานไหนที่เจ้าป้าไปร่วมงานจะต้องมีบรรดากระจิบข่าวตามไปทำข่าวกันพรึ่บ
จากนั้นจึงทำให้สังคมอีเวนต์เริ่มหันมาเห็นความสำคัญของการเชิญคนดังมาร่วมงาน ดังนั้นคนเชิญแขกออกงานจึงเริ่มกลายเป็นอาชีพที่เนื้อหอมขึ้นมา
อดีตนักเชิญแขกฝีมือดีเล่าให้ฟังว่าอาชีพนี้ค่อยๆโตขึ้นมา สมัยก่อนค่าตัวเซเลบออกงานค่อนข้างมีราคาสูง โดยเฉพาะบรรดาเซเลบตัวแม่ที่ถือว่าเป็นแม่เหล็กที่ดึงดูดสื่อได้มากที่สุดในยุคเมื่อ 10 ปีก่อนนอกจากเจ้ากอแก้ว แล้วยังมีสุรีย์ รัตนหิรัญญา,ลี พึ่งบุญพระ,สุนัที อิศวพรชัย ที่ออกงานล้วนจัดเต็มประโคมเพชรเม็ดโต รองเท้าเสื้อผ้ากระเป๋าแบรนด์เนมด์ชนิดแค่ราคาชุดก็ปาเข้าไปหลายแสนแล้ว แต่ชุดที่พวกเธอแต่งมาก็สมกับราคาที่ไปร่วมงานเพราะสามารถเรียกเสียงกดชัตเตอร์จากช่างภาพและบรรดากระจิบข่าวได้เป็นอย่างมากโข
เมื่อวันเวลาผ่านไปบรรดาเซเลบตัวแม่ที่วิ่งรอกออกงานบ่อย ๆ ก็มาถึงจุดอิ่มตัว หลายคนเริ่มร้างลาห่างหายไปจากวงการ ขณะที่คนที่เหลืออยู่ก็ออกงานน้อยลง เรื่อง "เซเลบออกงาน" ที่น้อยลงไปจึงกลายเป็นปัญหาที่ "นักเชิญแขก" ทั้งหลายต้องดิ้นรนเพื่อหาเซเลบหน้าใหม่ ๆ มาทดแทนรุ่นเก่าที่ล้างราจากสังเวียนโซไซตี้
นักเชิญแขกยุคใหม่
พอหมดยุคเจ้าป้าที่ลาจากโลกนี้ไปแล้ว พร้อม ๆ กับยุคของคุณป้าไฮโซที่ออกงานสังคมก็เริ่มชินชาแล้วจึงไม่ค่อยรับเทียบเชิญไปงานไหนเพราะช่วงหลังคนกลุ่มนี้จะออกงานเฉพาะงานของคนสนิทกันเท่านั้น ฉะนั้นภารกิจหลักของคนเชิญแขกยุคใหม่จึงมี 2 แบบด้วยกัน มนตรี รงค์ทอง นักประชาสัมพันธ์มืออาชีพ และอดีตนักเชิญแขกมือทองเล่าให้ฟังว่า การเชิญแขกแบบที่ 1 เป็นการเชิญแขกไปงานปาร์ตี้สนุกสนานตอนกลางคืนโดยเฉพาะงานเปิดตัวสินค้าประเภทเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ยิ่งถ้าเชิญแขกได้มากเท่าไรค่าตอบแทนก็ยิ่งสูง ว่ากันว่าถ้าเชิญแขกมางานปาร์ตี้ประเภทนี้ได้ประมาณ 100 คนขึ้นไปต่องาน คนเชิญแขกจะไดัค่าน้ำชามากถึงตัวเลข 6 หลักเลยทีเดียว เหตุที่ค่าตอบแทนสูงก็เพราะทุกวันนี้มีข้อจำกัดในพื้นที่สื่อเกี่ยวกับลงข่าวเกี่ยวกับสินค้าประเภทเครื่องดื่มแอลกอฮอล์จึงทำให้บางงานอีเวนต์ขาดสื่อไปทำข่าว เลยต้องปรับกลยุทธ์ใหม่ด้วยการเชิญเซเลบคนดังมาออกงานให้มากเข้าไว้
ส่วนการเชิญแขกประเภทที่ 2 คือการเชิญมาโปรโมทสินค้า ซึ่งงานประเภทนี้จะเชิญเซเลบมาประมาณ 5-6 คนเพื่อให้มายืนถ่ายรูปคู่กับสินค้าหรือขึ้นเวทีพูดคุยถึงสรรพคุณสินค้าสักคนละ 3-5 นาทีก็รับซองกลับบ้านไป ซึ่งการเชิญแขกประเภทนี้ส่วนใหญ่จะจัดงานในห้างสรรพสินค้าหรู
มนตรี บอกว่าการออกงานของเซเลบทุกวันนี้จะต่างกับสมัยก่อนมาก คือไม่ต้องประโคมเครื่องแต่งกายแบรนด์เนมหรือใส่เครื่องเพชรระย้าเต็มตัว เพียงแค่แต่งตัวเรียบร้อยหรือใส่สีตรงตามธีมของงานก็ใช้ได้แล้ว เพราะค่าตัวเซเลบก็ไม่ได้แพงเหมือนกับสมัยก่อน เพราะฉะนั้นเซเลบฯบางคนที่ว่างจากงานประจำก็จะใช้พื้นที่งานอีเวนต์เป็นที่พบปะเพื่อนฝูงในวงการเดียวกันด้วย
ถึงแม้ว่าทุกวันนี้วงการโซไซตี้บ้านเราจะมีเซเลบเกิดขึ้นอย่างมากหน้าหลายตา ขณะเดียวกันคนเชิญแขกก็มีไม่น้อยเหมือนกัน บางครั้งในงานสังคมหรูๆที่มีเซเลบมามากๆ ก็อาจจะใช้คนเชิญแขกถึง 2 คน และด้วยวงการสังคมก็ล้วนแต่รู้จักกันหมด ก็มีบ้างที่จะเชิญแขกมาซ้ำกันในงานนั้น เพราะพีอาร์เจ้าประจำบอกว่า เซเลบไม่เหมือนดาราที่ต้องมีสังกัด เพราะฉะนั้น เขาสนิทกับใครก็จะไปให้แขกคนนั้น
แต่ถ้าในกรณีทีเซเลบมาลงทะเบียนหน้างานแล้วมาพบกับคนเชิญแขกสองคนที่เชิญตัวเองมา งานนี้การตัดสินใจจะอยู่ที่เซเลบคนนั้นว่าจะลงทะเบียนในสังกัดของใคร ส่วนใหญ่แล้วบรรดาเซเลบเหล่านั้นก็จะเลือกลงทะเบียนของคนเชิญแขกที่ให้โปรโมชั่นดีกว่า
โดยอายุงานของเซเลบแต่ละคนนั้นมนตรีบอกว่าอยู่ที่การวางตัวว่าเหมาะสมหรือถูกกาละเทศะหรือไม่ เพราะเซเลบบางคนสมัยนี้วิ่งรอกออกงานวันหนึ่งไม่ต่ำกว่า 3 งานเพื่อไปเอาของแจก และเมื่อถึงเวลางานจริงๆเซเลบเหล่านี้ก็หายตัวไปงานก็กร่อย ซึ่งถ้าเป็นบ่อยๆก็คงจะอยู่ในวงการนี้ได้อีกไม่นาน
เซเลบนักปั้นมือทอง
มีเซเลบหลายคนที่วิ่งรอกออกงานวันละไม่ต่ำกว่า 3 งาน จนรู้จักบรรดาพรรคพวกไฮโซด้วยกันเกือบทั้งวงการ พอเริ่มเก๋าในวงการมากขึ้นส่วนมากก็จะผันตัวเองมาเป็น "คนเชิญแขก" เสียเอง เพราะไหน ๆ ก็มีรายชื่อพร้อมเบอร์ติดต่อเพื่อน ๆ เซเลบด้วยกันอยู่แล้ว แถมบางงานที่แขกเซเลบไม่เต็มยังต้องมาช่วยเชิญแขกอีกต่างหาก
ตัวอย่างเซเลบที่รายที่ผันตัวจากการเป็นแขกรับเชิญแต่งตัวสวยโดดเด้งมาควบตำแหน่งคนเชิญแขกด้วย ที่โดดเด่นก็มี แหน-นันทวรรณ แสงธรรมกิจกุล ในวงการเซเลบคงไม่มีใครไม่รู้จักสาวใหญ่เปรี้ยวจี๊ดคนนี่ เพราะกว่า 20 ปีมาแล้วที่ บริษัท เลมอนไฟว์ จำกัด ของเธอ รับจัดออแกไนเซอร์ และรับจัดอาหารในงานเลี้ยง ทั้งยังรับเป็นที่ปรึกษาให้แก่บริษัทชั้นนำมากมาย จึงเป็นสาเหตุให้เธอมีเพี่อนฝูงในแวดวงสังคมเป็นจำนวนมาก แถมปรากฏตัวในงานสังคมบ่อยจนคุ้นหน้าคุ้นตากันดี... ซึ่งกว่าที่จะมายืนอยู่ ณ จุดนี้ได้ เธอบอกว่าต้องสั่งสมบารมีมามิใช่น้อยจึงทำให้แหนกลายเป็นมือวางอันดับ 1 ในการเชิญแขกเซเลบเข้างานสังคม
นวลพรรณ โอสถานนท์ เซเลบสาวใหญ่วัย 45 ยังแจ๋ว เคยเป็นทั้งเซเลบออกงานจนก้าวกระโดดมาทำงานเป็นที่ปรึกษาแมกกาซีนดัง แล้วลาออกมาเป็นที่ปรึกษาด้านประชาสัมพันธ์ของห้างดังอยู่พักใหญ่ หลังจากค้นหาตัวเองมานาน ตอนนี้นวลก็กระโดดเข้ามาสู่วงการคนเชิญแขกด้วยเหมือนกัน
ล่าสุด สด ๆ ร้อน ๆ หนึ่ง-วาชินี ไกรฤกษ์ ไฮโซสาวสุดเปรี้ยวที่เพียบพร้อมทั้งหน้าตาและวงตระกูลก่อนหน้านี้ก็ทำงานในวงการประชาสัมพันธ์ให้แก่โรงแรมหรูมาหลายแห่ง แต่ด้วยความที่เจ้าตัวมีคอนเนกชันกับเพื่อนเซเลบมากพอตัวจึงลาออกจากการทำพีอาร์ให้โรงแรมแล้วหันมาเอาดีด้านการเชิญแขกเสียเลย
ปรียามล ธนวิสุทธิ์ เจ้าแม่แห่งแมกกาซีนไฮโซปาร์ตี้ ก็เป็นอีกหนึ่งสาวสังคมที่ได้รับการยอมรับจากบรรดาเพื่อนฝูงนักประชาสัมพันธ์ว่าเธอก็เป็นหนึ่งในการเชิญแขกเหมือนกัน แต่ไม่ได้ทำเป็นในรูปแบบบริษัทรับเชิญแขก โดยตรง แต่เธอจะรับเชิญแขกให้แก่ลูกค้าที่มาซื้อโฆษณาของแมกกาซีนเท่านั้น ในยามที่ลูกค้าจัดงานอีเวนท์เมื่อไหร่เธอก็จะรับหน้าที่เป็นคนเชิญเพื่อนฝูงในวงการโซไซตี้มาร่วมงานเพื่อดึงดูดนักข่าวมาทำข่าวให้มากที่สุดอีกเช่นกัน
เมื่อถูกถามว่าอาชีพคนเชิญแขกจะอยู่ในสังคมอีเวนท์ไฮโซเมืองไทยอีกนานแค่ไหนนักประชาสัมพันธ์คนเดิมบอกว่า ถ้าตราบใดที่สื่อยังให้ความสำคัญกับคนดังอยู่อาชีพคนเชิญแขกก็จะยังคงอยู่ต่อไป อยู่ที่ว่าจะพัฒนาฝีมือและสรรหาเซเลบหน้าใหม่มาล่อตาล่อใจนักข่าวมากแค่ไหน ซึ่งนี้ก็จะกลายเป็นการบ้านที่นักเชิญแขกมืออาชีพต้องคิดหนักกันต่อไป...