บทนางฟ้านางสวรรค์ ชิโร หรือ รัศมีชโลธร ในละครมณีแดนสรวง คงทำให้ใครหลายคนประทับตา ต้องใจ กับนักแสดงสาวลูกครึ่งที่เพียบพร้อมไปด้วยเสน่ห์ความหวานยวนใจ จนต้องขอมานั่งเปิดใจคุยพิสูจน์ความหวานจากสาวน้อยคนนี้ “ซาร่า เล็กจ์”
นางฟ้าบนดิน
สาวหวาน ตาโต ปรากฏกายในชุดสีขาวสะอาด สวยหวานงามจับใจชวนตะลึง สวยจนนึกว่าเป็นนางฟ้ามาจากสรวงสวรรค์ แต่ความจริงไม่ใช่ใครเธอคือ ซาร่า เล็กจ์ ดาราสาวลูกครึ่งที่ผ่านสายตาคนดูมาจากงานแสดงหลากหลายชิ้นทั้งโฆษณา ภาพยนตร์ ถ่ายแบบและล่าสุดกับละครทางช่อง 3 เรื่องมณีแดนสรวง ทุกผลงานสามารถการันตีได้ว่าเสน่ห์ของสาวคนนี้มีไม่น้อยหน้าใครเลยทีเดียว แต่สำหรับตัวสาวเจ้าเองกลับไม่รู้ว่าเสน่ห์ของตนเองนั้นมาจากไหนกันแน่
“เสน่ห์ของตัวซาร่าเองหรอคะ ไม่รู้เลยค่ะ (หัวเราะ) ต้องถามจากคนอื่นดีกว่า เพราะสายตาของแต่ละคนไม่เหมือนกัน บางคนอาจจะบอกว่าชอบซาร่าที่หน้า ที่ตาโต ชอบหุ่น ชอบที่เรียวขา แต่ละคนก็ไม่มีใครพูดเหมือนกันสักคนเลยค่ะ”
เสน่ห์นอกเหนือจากรูปกายของเธอเห็นจะเป็นความสดใส มองแล้วสดชื่น และคำตอบที่ออกมาจากใจไม่มีการปรุงแต่ง ยิ่งเพิ่มเสน่ห์ให้สาวสวยตาโตคนนี้อีกมาก แล้วยังจะภาพลักษณ์ตราตรึงในความอ่อนหวานแบบผู้หญิงที่เราเห็นกัน แต่ซาร่าก็ปฏิเสธว่าเธอไม่ใช่สาวหวานหยาดเยิ้มอะไรขนาดนั้น
“อาจจะมีหวานบ้าง แต่ไม่ได้หวานเยอะขนาดนั้น ไม่ได้เป็นผู้หญิงแบบหวานจ๋าค่ะ จะเป็นคนที่ทั้งหวานปนห้าวนิดๆ ค่ะ”
ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ ดาราหน้าหวานหลายคนต่างยอมรับว่าพวกเธอไม่ได้เป็นสาวหวานเหมือนดั่งในละครโทรทัศน์ ซึ่งครั้งนี้ก็รวมสาวลูกครึ่งซาร่า เล็กจ์ ด้วยเช่นกัน
ชีวิตวัยเยาว์
กลับมาถามเธอถึงชีวิตวัยเด็กของเธอบ้าง ในจินตนาการเราคงเห็นเธอเป็นเหมือนตุ๊กตาน้อยๆ ที่เรียบร้อยน่ารัก แต่สาวซาร่ายิ้มน้อยๆ ก่อนบอกเล่าว่าชีวิตวัยเด็กของเธอนั้นมีหลากหลายอารมณ์เลยทีเดียวทั้งเรียบร้อยแบบเด็กผู้หญิง ทั้งแก่นแก้วเหมือนเด็กผู้ชาย
“ตอนเด็กๆ ซาร่าเป็นเด็กที่ค่อนข้างมีหลายมู้ดพอสมควรค่ะ ด้วยความที่เป็นลูกคนเดียวก็เลยจะเป็นเด็กที่มีหลายมุมหน่อยทั้งมุมแบบชอบเล่นคนเดียว เล่นตุ๊กตา เล่นของเล่นอยู่ในห้องคนเดียว บางครั้งก็จะมีที่ซาร่าชวนคุณพ่อคุณแม่เล่น หรือกับเพื่อนแถวบ้าน แล้วก็บางครั้งจะเป็นลุคแบบเด็กผู้หญิงหวานๆ บางทีก็เป็นลุคห้าวๆ แบบเด็กผู้ชายค่ะ แล้วแต่ คือก็เล่นได้ทั้งสองแบบ”
ด้วยความที่เธอเป็นลูกครึ่งไทย-อังกฤษ ความแตกต่างทางวัฒนธรรมในบ้านย่อมมีเป็นปกติ จึงอยากรู้ว่าภายในบ้านหลังเดียวกันคุณแม่ชาวไทย กับคุณพ่อชาวอังกฤษ เลี้ยงดูเธอมาเช่นไร สาวซาร่าก็บอกว่าแตกต่างแน่นอนแต่การอบรมสั่งสอนจากทั้งสองก็ทำให้เป็นเรื่องลงตัวสำหรับเธอ
“คุณพ่อกับคุณแม่จะเลี้ยงซาร่าคนละแบบกันเลย คุณพ่อเป็นคนอังกฤษก็จะมีระเบียบ และให้ความสำคัญเรื่องของเวลาค่ะ แล้วก็ถ้าซาร่าอยากได้อะไรไม่ได้ขอกันง่ายๆ คุณพ่อจะให้แต่เฉพาะในเทศกาลสำคัญๆ แต่คุณแม่จะใจดี ไม่ค่อยดุ ซึ่งจากตรงนั้นซาร่าเลยค่อนข้างเป็นคนเจ้าระเบียบ ทำอะไรเป็นขั้นเป็นตอน มีแผนตลอด”
ในวัยเด็กหลายคนฝันใฝ่อยากเป็นดาราคนดัง แต่กับสาวคนนี้บอกว่าไม่เคยมีความคิดนั้นอยู่เลยเพราะเธอนั้นเป็นคนขี้อาย แต่ก็ชอบทำกิจกรรมเล็กๆ น้อยๆ บ้างอย่างการว่ายน้ำ
“ตอนเด็กๆ ไม่เคยคิด ไม่เคยฝันเลยค่ะ แต่ก็จะมีบ้างที่มีคนมาพูดว่าเราน่าจะไปเป็นนางแบบ เพราะเด็กๆ ซาร่าจะตัวสูง แต่ก็ไม่ได้ฝันขนาดนั้นว่าโตขึ้นมาต้องเป็นดารา เป็นอะไรแบบนี้
ถามว่าซาร่าเป็นเด็กกิจกรรมไหม ก็มีบ้างค่ะ นิดๆ หน่อยๆ ไม่เยอะมาก อย่างเช่นว่ายน้ำ จริงๆ ซาร่าก็เป็นคนที่ชอบเรื่องของการแสดงนะคะแต่ว่าเป็นเด็กขี้อายค่ะเลยไม่ค่อยกล้า”
ด้วยความที่เป็นเด็กจอมเขินอาย เลยน่าแปลกใจว่าทำไมเธอคนนี้ถึงได้กล้าก้าวกระโดดเข้ามาในวงการบันเทิงที่ชีวิตต้องอยู่หน้ากล้องและแสงไฟสาดส่อง ผู้คนจับจ้องอยู่ตลอดเวลา สาวซาร่าก็กล่าวด้วยสีหน้ายิ้มแย้มว่าเหตุเพราะอยากได้งานนั่นเอง
“เริ่มมาจากที่ไปเล่นโฆษณาค่ะ ตอนไปแคสติ้งแล้วเรามีความรู้สึกว่าเราอยากจะได้งานนะ เราอยากถ่ายโฆษณาก็เลยตั้งใจ พยายามทำให้ดี แล้วก็ได้เรียนรู้ว่าถ้าเกิดเราอาย เราเขิน เราไม่กล้าแสดงออก ก็จะแคสไม่ผ่านแล้วเราก็จะไม่ได้งานนะ จากนั้นซาร่าก็เลยต้องฝึกตัวเอง พัฒนาตัวเองมาเรื่อยๆ ค่ะ”
เมื่อเข้ามาสู่วงการบันเทิงอย่างเต็มตัว เธอก็ทุ่มเวลาว่างเว้นจากการเรียนมาทำงาน เธอเลยยอมรับว่าสมัยเรียนมหาวิทยาลัยนั้นแทบไม่ได้ทำกิจกรรมเลย
“ตอนเรียนมหาวิทยาลัย ซาร่าไม่ได้ทำกิจกรรมอะไรเลยค่ะ เพราะว่าตอนอยู่มหาวิทยาลัย ซาร่าก็เข้ามาอยู่ในวงการบันเทิงแล้ว พอเรามีเวลาว่างจากการเรียนหนังสือปุ๊ปก็จะไปทำงาน ทุ่มเทให้กับงานหมดเลย ซึ่งเท่าที่ซาร่าเคยเรียนมา ก็จะมีเปียโนค่ะ แล้วก็เคยเรียนเทควันโดด้วยตั้งแต่ยังเด็กๆ เลยซึ่งก็หยุดเรียนไปแล้ว เพราะว่าซาร่าต้องทำงาน แต่ตอนนี้กำลังกลับมาเรียนต่อยมวยอยู่ค่ะ เพราะละครที่เล่นก็จะมีฉากบู๊ด้วย”
กิจกรรมคุณหนูอย่างเรียนเปียโน เธอก็ทำ และที่น่าประหลาดใจคือสาวคนนี้ก็เคยเรียนเทควันโดอีกด้วย สมเป็นสาวหวานปนห้าวตัวจริง เราจึงถามว่าเธอเล่นเปียโนได้เก่งขั้นเทพเลยหรือเปล่า ซาร่าก็ยิ้มแบบเขินๆ และให้คำตอบว่าตอนนี้คงเล่นไม่ค่อยเก่งแล้ว
“ซาร่าไม่ได้เล่นเปียโนมานานแล้วนะคะ 4-5 ปีได้ ซึ่งตอนเด็กๆ เรียนจริงจังมาก ตอนนี้คงเล่นไม่ค่อยคล่องแล้วเพราะไม่เคยได้ทวนเลย แต่ว่าตั้งใจเอาไว้นะคะว่าสักวันจะกลับไปเรียนเปียโนใหม่”
งานบันเทิงหลากหลาย
ซาร่า เล็กจ์ ก็ผ่านผลงานมาหลากหลายตั้งแต่ยังเป็นสาวรุ่นๆ ไม่ว่าจะเป็นถ่ายแบบ โฆษณา เล่นมิวสิควิดีโอ ภาพยนตร์ หรือละคร เธอก็เหมามาหมดแล้วทั้งนั้น แต่งานด้านไหนที่เธอประทับใจและชื่นชอบมากที่สุด สาวน้อยจับปอยผมเหน็บไปข้างหลัง ก่อนตอบด้วยสีหน้าแววตาครุ่นคิดว่าความจริงแล้วเธอก็มีความสุขในงานแต่ละชิ้นไม่เหมือนกัน
“ผลงานอะไรที่ผ่านมาที่ชอบที่สุดหรอ สำหรับซาร่าไม่ได้มีอันไหนที่ชอบที่สุดนะคะ สำหรับซาร่าเองรู้สึกแฮปปี้กับทุกอย่างเลย เพราะเนื้องานแต่ละอย่างมันก็ไม่เหมือนกันอยู่แล้ว มันเป็นการทำอะไรที่ไม่ซ้ำกัน ซาร่าก็ว่ามันต่างกับคนทำงานทั่วๆ ไป ที่บางช่วงก็จะมีความรู้สึกเบื่อบ้าง มีช่วงเวลาที่เราไม่ชอบ แต่สำหรับงานในวงการบันเทิง มันจะมีอะไรแปลกๆ ใหม่ๆ เข้ามาท้าทายเราอยู่ตลอดซาร่าก็เลยรู้สึกว่างานทุกอย่างมันน่าตื่นเต้นและสนุก”
ล่าสุดเธอกำลังได้หวนกลับมาสู่จอเงินอีกครั้งกับภาพยนตร์เรื่อง “ยังบาว” ละครชีวประวัติของแอ๊ด คาราบาว นักร้องเพื่อชีวิตที่โด่งดังของเมืองไทย ซึ่งเป็นภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์เธอก็เอ่ยปากว่ามีความกังวลและตื่นเต้นอยู่พอควร แต่อย่างไรก็ตามด้วยเลือดนักแสดง เธอจะทำให้เต็มที่ที่สุด
“เรื่องนี้ก็กำลังเตรียมตัวอยู่ค่ะ ในเรื่องก็จะได้รับบทเป็นแสงดาว เป็นหนึ่งในสหายของพี่แอ๊ด คาราบาว เรื่องนี้ซาร่าก็ตื่นเต้นมาก เพราะว่าไม่ได้เล่นภาพยนตร์มานานหลายปีแล้วเหมือนกัน ตั้งแต่จบเรื่องคนไท..ทิ้งแผ่นดิน ก็นานมากแล้วพอสมควร เลยค่อนข้างตื่นเต้น เพราะหนังมันก็ค่อนข้างละเอียดมาก แต่ซาร่าก็พร้อมทำเต็มที่อยู่แล้วค่ะ”
ส่วนเรื่องของงานละคร เธอก็ยังไม่ทิ้งไป และกำลังมีละครเรื่องใหม่เรื่อง “กุหลาบไฟ” ที่กำลังถ่ายทำอยู่ ซึ่งเรื่องนี้ก็ได้รับบทเป็นนางเอกชื่อไศลา คู่กับพระเอกเรื่องเดียวกันจากมณีแดนสรวง อาร์ต-พศุตม์ บานแย้ม โดยเรื่องนี้สาวซาร่าเล่าว่าเป็นละครบู๊ ดราม่า ซึ่งยากพอควร หลังละครในช่วงหลังๆ ของเธอร้างลาห้างไกลจากบทบู๊พอสมควร เลยต้องมารื้อความรู้ใหม่ด้วยการไปเรียนคิวบู๊เพิ่มเติม
“ละครเรื่องนี้เป็นบู๊ ดราม่า ก็จะหนักหน่อย เพราะที่ผ่านๆ มาซาร่าไม่ค่อยได้เล่นบู๊เท่าไหร่ เรื่องสุดท้ายก็เรื่องรหัสทรชนแต่เรื่องนี้จะบู๊เต็มตัวเลยก็จะเป็นอีกฟีลหนึ่ง เล่นคู่กับพี่อาร์ต (พศุตม์ บานแย้ม) ซึ่งเรื่องนี้เองซาร่าก็ต้องเตรียมตัว เตรียมความพร้อมของร่างกายเราด้วย
อย่างสิ่งที่ซาร่าต้องเรียนเพิ่มเติมก็จะเป็นเรื่องคิวบู๊ มีเตะ มีต่อย เรียนการใช้อาวุธจากของรอบๆ ตัว เรียนยิงปืนเพราะต้องบู๊ค่อนข้างเยอะ จากที่ได้ไปเวิร์คชอปมาค่ะ”
เมื่อได้ฟังเรื่องผลงานการแสดงครั้งใหม่ทั้งละครและภาพยนตร์ก็ดูออกว่าสาวซาร่ามีความมุ่งมั่นที่จะทำการแสดงออกมาให้เต็มที่ เลยขอให้เธอตอบหน่อยว่าสิ่งสำคัญที่เธอโฟกัสในเรื่องของงานแสดงทุกชิ้นนั้นคืออะไร
“สิ่งสำคัญในการแสดงของซาร่าคือการที่เราตั้งใจทำงาน แล้วก็ลุ้นงานที่จะออกมาว่าคนดูเขาจะชอบไหม ตัวเราเองทำได้ดีพอแล้วหรือยัง หรือว่าเราต้องพัฒนาการแสดงตรงจุดไหนอีกบ้าง ตอนที่ผลงานได้ฉายออกไปเนี่ย คนดูเขามีความรู้สึกอย่างไรกับงานที่เราทำ ซาร่าจะลุ้นและให้ความสำคัญตรงนี้มากกว่า”
ความมุ่งมั่นจากแววตาที่เป็นประกาย และสีหน้ามีความสุขเมื่อพูดถึงผลงานการแสดงเลยทำให้รู้ว่าเธอรักในอาชีพนี้เป็นอย่างยิ่ง แล้วสาวน้อยคนนี้เคยคิดหรือไม่ว่าจะยุติการทำงานเส้นทางสายนี้เมื่อไหร่ เธอก็รีบตอบแบบรวดเร็วทันใจว่ายังรักในการแสดง เพราะอยากพัฒนาตัวเองต่อไปเรื่อยๆ
“ซาร่ายังรักในการทำหน้าที่เป็นนักแสดงอยู่นะคะ แล้วตอนนี้ก็ได้โอกาสจากผู้ใหญ่ด้วย ได้แสดงบทบาทใหม่ๆ ซาร่าก็ยังอยากพัฒนาการแสดงตัวเองให้ดี แล้วก็ยังไม่ได้ฝันว่าอยากเล่นบทไหน เพราะจากบทที่ได้รับเราก็ได้เรียนรู้อะไรใหม่ๆ อยู่แล้ว มันไม่ได้เหมือนกันทุกเรื่องอย่างเรื่องกุหลาบไฟเองก็เป็นอีกบทหนึ่งที่ยากสำหรับซาร่านะเลยขอทำให้เรื่องนี้ บทบาทนี้มันดีที่สุดก่อน”
ความรักมั่นคง ชีวิตสดใส
ตอนนี้ชีวิตของซาร่า เล็กจ์ อาจกล่าวได้ว่า ลัคกี้อินเกม แล้วก็ต้องอิจฉาเพราะเธอยัง ลัคกี้อินเลิฟ ด้วยเช่นกันเพราะชีวิตรักกับหนุ่ม เอ็ม-สืบสกุล ทวีผล หรือ เอ็มไอโอซี ที่ต่อเนื่องยาวนานมาแปดปี เมื่อถามถึงเคล็ดลับในการดูแลบ่มเพาะความรักครั้งนี้ว่าทำไมถึงเป็นรักที่น่าอิจฉาของใครหลายคน สาวซาร่าก็เล่าให้ฟังว่าเป็นเพราะความเข้าใจในกันและกัน พร้อมที่จะเรียนรู้กันไปเรื่อยๆ
“เรื่องความรักตอนนี้ก็คบมาแปดปีกว่าแล้วค่ะ ซึ่งการอยู่ด้วยกันได้นานขนาดนี้ซาร่ามองว่าเกิดจากความเข้าใจกันและกัน แล้วก็เรียนรู้กันไปเรื่อยๆ ไม่ได้กดดัน เพราะต่างคนก็ต่างมีหน้าที่ มีงานของตัวเองเราก็จะคอยเป็นกำลังใจให้กันในเรื่องงานประมาณนี้ค่ะ”
ถามถึงเรื่องความรักแล้ว เรื่องของครอบครัวก็เป็นส่วนเติมเต็มในชีวิตของสาวซาร่าไม่แพ้กัน จากเด็กสาววัยรุ่นกลายมาเป็นสาวสะพรั่ง การแสดงชั่วโมงบินสูง แต่ต้องแลกด้วยการทำงานอย่างเหน็ดเหนื่อยขนาดนี้ที่บ้านนั้นมีความรู้สึกห่วงหวงสาวสวยคนนี้อย่างไรบ้าง
“ครอบครัวก็กลางๆ ค่ะ ส่วนใหญ่จะเป็นอารมณ์ให้กำลังใจมากกว่า แล้วก็ด้วยความที่ซาร่าโตแล้ว ทำงานมานานแล้วก็ไม่ค่อยกังวลอะไรมากเท่าไหร่ ตอนเด็กๆ เข้าวงการใหม่ๆ ซาร่าต้องเรียนไปด้วยตอนนั้นก็อาจจะหวงแต่พอโตแล้ว เขาก็เข้าใจ ซาร่าอยากทำอะไรก็ให้ตัดสินใจด้วยตัวเองซะส่วนใหญ่
แล้วก็ที่เป็นห่วง จะห่วงเรื่องขับรถมากกว่า เพราะซาร่าก็เลิกงานดึก ตื่นเช้า พักผ่อนน้อย เขาก็จะเป็นห่วงตรงนี้มากกว่าเรื่องอื่นๆ ค่ะ”
เวลารัดตัว ทุ่มเทให้งานขนาดนี้ อยากรู้ว่าสาวซาร่ามีการจัดสรรปันเวลาอย่างไร โดยเฉพาะกับครอบครัวของเธอที่อยู่ห่างไกลถึงพัทยา
“ส่วนการแบ่งเวลาครอบครัว ซาร่าก็ไม่ได้จัดเป็นระเบียบเป็นหลักอะไรเลยค่ะ เพราะคุณพ่อคุณแม่ท่านก็ทราบอยู่แล้ว ท่านรู้ว่าเราต้องทำงาน ดังนั้นถ้าซาร่ามีวันหยุดสักสองวันก็จะขับรถกลับไปพัทยา ไปทานข้าวกับครอบครัว หรือบางทีก็ขึ้นมาหาซาร่าเอง มานัดเจอกันค่ะ”
ครอบครัวที่สมบูรณ์ คนรักที่เข้าใจ ความสุขพื้นฐานของคนทั่วไปที่อยากมี สำหรับเธอแล้วถือได้ว่าเป็นผู้หญิงที่โชคดี แล้วตัวเธอเองมองความสุขว่าคืออะไร สาวเจ้าก็ตอบว่าแค่การได้ใช้เวลาร่วมกับคนที่เธอรักก็เป็นความสุขที่มากเกินพอแล้ว
“ความสุขของซาร่าง่ายๆ ค่ะ ไม่ได้มีอะไรยากเย็นเลย คือการที่เราได้อยู่กับคนที่เรารัก มีเวลาได้ทำอะไรร่วมกันเอ็นจอยไปด้วยกัน ทานข้าวหรืออะไรก็ได้ที่ได้อยู่ด้วยกัน ง่ายๆ แค่นี้ซาร่าก็ว่ามีความสุขที่สุดแล้วนะ กิจกรรมยามว่างซาร่าจะชอบไปช็อปปิ้งค่ะ ได้ใช้เวลาพักผ่อน เวลาทำงานเหนื่อยๆ ก็อยากไปทำอะไรที่เราไม่ได้ทำ ไปในที่ๆ เรายังไม่ได้ไป อย่างเดินซื้อของที่จตุจักรแบบชิลล์ๆ หรือที่ซาร่าชอบก็ไปสวนรถไฟ ออกไปเจอเพื่อน นัดแก๊งสาวๆ ไปเที่ยวกันค่ะ
ซาร่าไม่ค่อยชอบไปพักผ่อนต่างจังหวัดนะ เพราะว่าเวลาทำงานต้องออกกองไปทำงานตามต่างจังหวัดอยู่แล้วก็เหมือนซาร่าได้ไปเที่ยวเยอะอยู่แล้ว แล้วอีกอย่างคือซาร่าเกิดและเติบโตที่พัทยา พอเวลามีเวลาว่างก็เลยจะกลับไปหาครอบครัวที่พัทยาเป็นส่วนใหญ่”
ถึงแม้งานจะมากมาย แต่เธอก็บอกว่าพอมีเวลาให้หายใจหายคอกันบ้าง เราเลยถามถึงกิจกรรมที่เธออยากทำในเวลาว่างว่าสนใจในเรื่องอื่นหรือไม่นอกจากงานแสดง เธอก็ตอบแบบชัดเจนว่าอยากทำอะไรหลายๆ อย่าง แต่กลัวว่าอาจไปลดความตั้งใจในงานแสดงที่เธอนั้นรัก เลยเลือกที่จะทำเป็นอย่างๆ ไป
“จริงๆ เวลาว่าง ซาร่าก็อยากทำอะไรหลายๆ อย่างนะคะ แต่ว่าไม่ค่อยมีเวลาเลย อยากเรียนทำขนม อยากเรียนทำอาหารอิตาเลียน แต่ก็ยังเป็นแค่ความคิดก่อน เพราะซาร่าไม่อยากทำอะไรหลายๆ อย่างพร้อมกัน คือเมื่อเรามีโอกาสกับการแสดงก็ทุ่มเทให้เต็มที่ไปก่อน ทำเป็นอย่างๆ ไป โฟกัสแค่เรื่องงาน ไม่อย่างนั้นเราจะใส่ความตั้งใจลงไปในงานน้อยเกินไป”
ทำใจวัฏจักรบันเทิง
หน้าจอทุกวันนี้ สาวน้อยสาวใหญ่ ต่างขึ้นจอมากมายจนบางครั้งจำไม่ได้ว่าใครเป็นใคร แล้วตอนนี้ไม่ว่าจะกดรีโมทโทรทัศน์ไปช่องไหนเทรนด์สาวลูกครึ่งก็สุดยอดของความเป็นที่นิยม ในฐานะที่ซาร่า เล็กจ์ เป็นดาราลูกครึ่งประสบการณ์สูงเราเลยสงสัยว่าเธอมีความคิดเห็นอย่างไรกับเรื่องคลื่นลูกใหม่ในวงการบันเทิงที่มีละลานตา
“เรื่องนั้นก็คงต้องทำใจให้ได้ค่ะ มันก็เหมือนเป็นวัฏจักรเก่าไปใหม่มา อย่างซาร่าเองตอนเด็กๆ อายุสิบแปด เราก็จัดอยู่ในกลุ่ม เด็กหน้าใหม่ที่เพิ่งเข้ามาในวงการเหมือนกัน เป็นเรื่องธรรมดาค่ะ ซาร่ามองว่านี่เป็นสิ่งที่เราทุกคนต้องปลงให้ได้ก็ต้องปล่อยวางให้ได้ และทำในส่วนของเรา หน้าที่ของเราให้ดีที่สุดเท่านั้นเองค่ะ
ต่อไปเราก็ต้องเปลี่ยนไปเล่นในบทบาทอื่นๆ เราก็ต้องยอมรับให้ได้ ซาร่าว่าทุกอย่างบนโลกมันก็ต้องหมุนไปเรื่อยๆ อยู่แล้วค่ะ”
มาถึงวันนี้ อาจจะพูดได้ว่าเธอเป็นนักแสดงสาวที่ประสบความสำเร็จคนหนึ่ง ผู้คนสามารถจดจำชื่อ “ซาร่า เล็กจ์” ได้ แต่ตัวสาวเจ้าเองกลับไม่คิดเช่นนั้น เพราะเธอกล่าวว่าสำหรับเธอแล้วชีวิตไม่ได้สิ้นสุดแค่คำว่าประสบความสำเร็จ แต่คนเราต้องรู้จักเรียนรู้และก้าวไปข้างหน้าเรื่อยๆ ต่างหาก
“คำว่าประสบความสำเร็จในชีวิต ซาร่าว่ามันแล้วแต่มุมมองของแต่ละคนว่าเป็นอย่างไร ไม่ได้ตายตัวว่าใครประสบความสำเร็จแบบนี้นะแล้วจะใช่ แต่ซาร่ากลับมองว่าคนเราต้องรู้จักพัฒนาตัวเอง เรียนรู้ไปเรื่อยๆ ก้าวไปข้างหน้าเรื่อยๆ มากกว่า”
วันนี้ไม่ว่าจะรูปลักษณ์ภายนอกของเธอที่น่ารัก ใบหน้าแสนหวาน แววตาประกายสดใส รอยยิ้มร่าเริง และองค์ประกอบภายในจิตใจที่จริงใจ บวกกับความมุ่งมั่นในการทำงาน ต่างเป็นองค์ประกอบที่สรุปได้ว่า “ซาร่า เล็กจ์” เป็นดาวเด่นประดับวงการที่สุกสกาวได้อีกดวงหนึ่งจริงๆ
ภาพโดย วรวิทย์ พานิชนันท์
ขอบคุณภาพ : instagram @sara_legge
ประวัติส่วนตัว
ชื่อจริง : ซาร่า เล็กจ์ชื่อเล่น : ซาร่า
วันเกิด : 20 พ.ค. 2527 น้ำหนัก / ส่วนสูง : 46 กก. / 172 ซม.
สถานที่เกิด : พัทยา การศึกษา : มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ
ผลงานละคร : รักฝันวันฤดูหนาว, นายกระจอก, มหัศจรรย์วันเกิด, หยกลายเมฆ, สวย เริ่ด เชิด โสด, รหัสทรชน,
สองผู้ยิ่งใหญ่, กลรักลวงใจ, มณีแดนสรวง
ภาพยนตร์ : ไทยถีบ, ปักษาวายุ, คนไท ทิ้งแผ่นดิน
ถ่ายแบบ, โฆษณา และมิวสิควิดีโอ