หนังชีวิตกลุ่มคนดนตรีระดับตำนาน “คาราบาว” ป่วน แกรมมี่ สั่ง “ตูน บอดี้สแลม - อาทิวราห์ คงมาลัย “ถอนตัว ไม่ปลื้ม บทห่วย ย้ำไม่เอาผู้กำกับฯ ด้านตูนรับค่าตัว 11 ล้านแต่ยังไม่ได้ถ่าย สปอนเซอร์รายใหญ่ ใจไม่ดีหนังร่อแร่ ส่วนผู้กำกับฯหนังมือใหม่ “อาโจว ยุทธกร สุขมุกตาภา” แฟนคลับคาราบาวยืนยันทำหนังต่อ “ตูน - แอ๊ด” ปรับทุกข์บ่นไม่อยากเล่นแล้วที่งานหมั้น “ตั๊ก - บุญชัย” ศุภชัย ศรีวิจิตรชุบมือเปิบส่ง “บอม - ธนา เอี่ยมนิยม” ลงเสียบต่อ “ตูน บอดี้สแลม” ทันที !! ส่วนเงินทุนในช่วงรอยต่อ วงในบอก อาโจวอยากจะหิ้วโปรเจกต์ให้ “โอ๊ค พานทองแท้ ชินวัตร” สานฝันต่อ
ถ่ายทำไปแค่ 30 เปอร์เซ็นต์เท่านั้นสำหรับหนัง “ยังบาวเดอะมูฟวี่” (YOUNG BAO THE MOVIE) มหากาพย์ชีวิตของกลุ่มคนดนตรี ระดับตำนานอย่าง “คาราบาว” ที่จะครบรอบ 30 ปี ทั้งหมดทั้งมวลภายใต้หนังเรื่องนี้ เริ่มต้นด้วยกระดาษเพียงแผ่นเดียวของ “อาโจว ยุทธกร สุขมุกตาภา” ผู้กำกับหนังโฆษณาที่ชื่อไม่คุ้นเคยกับคนในวงการ แต่เพราะการเป็นสาวกของคาราบาวและ คลั่งไคล้แอ๊ด - ยืนยง โอภากุล เป็นชีวิตจิตใจ ผู้กำกับ คนนี้ จึงเสนอโปรเจกต์นี้ให้แก่ “แอ๊ด คาราบาว” จนได้ทำหนังในที่สุด
แต่เรื่องราวไม่ราบเรียบอย่างที่คิด เพราะการถอนตัวของ “ตูน บอดี้สแลม” นำมาซึ่งความโกลาหลในการถ่ายทำภาพยนตร์เรื่องนี้ และนำมาซึ่งปัญหาโลกแตกอีกหลายประการ ท่ามกลางผลประโยชน์ เม็ดเงินมหาศาลจากทุกทิศทาง เรียกว่า กำลังป่วนได้ที่ แกรมมี่ฯ ตัดสินใจ ยกเลิกสัญญาไม่ให้ “ตูน บอดี้สแลม” เล่น โดยให้เหตุผลถึงความไม่สมบูรณ์ของบท, ทีมงานที่ไม่เป็นมืออาชีพ และไม่พอใจกับการทำงานของผู้กำกับคนนี้ เงื่อนไขเดียวที่ “ตูน บอดี้สแลม” จะกลับมารับบทนี้คือ เปลี่ยนตัวผู้กำกับฯ !! เท่านั้น
แกรมมี่ฯฮุบ “ยังบาว” ไม่สำเร็จ
แกรมมี่ฯ หมายตาโปรเจกต์ “ยังบาว” ตั้งแต่วันแรกของการเจรจา ขอ “อาทิวราห์ คงมาลัย (ตูน บอดี้สแลม)” มาร่วมแสดงในหนังเรื่องนี้ “อากู๋” ไพบูลย์ ดำรงชัยธรรมตาวาวเห็นการต่อยอดของมูลค่าเพิ่ม พร้อมจ่ายไม่อั้นกับการเจรจาขอซื้อลิขสิทธิ์ต่อมาทำเอง เมื่อรู้ว่า “อาโจว” ยุทธกร สุขมุกตาภาปล่อยโปรเจกต์นี้ยาก จึงปรับแผน เรียกค่าตัว “ตูน บอดี้สแลม” สูงถึง 10 ล้านบาท (บวกภาษีเพิ่ม เป็น 11 ล้านบาท) จากนั้น ก็ส่งคนคุมทุกรายละเอียด เพราะไม่ต้องการให้ศิลปินเบอร์หนึ่งไปเสี่ยงกับผู้กำกับฯที่ไม่เคยมีผลงานภาพยนตร์ โค้งสุดท้าย สั่ง “ตูน” ถอนตัว เลิกสัญญา และ คืนเงินค่าตัวทั้งหมด จนกองถ่ายฯอลเวง
ตั้งข้อสังเกตว่า ตูน บอดี้สแลม มาร่วมงานแถลงข่าวเปิดตัว “ยังบาว” ในบทบาท “ยืนยง โอภากุล” หรือ “แอ๊ด คาราบาว” อย่างดิบดี ค่าตัวก็มิใช่น้อย แล้วจู่ๆก็กลับมาถอนตัวหน้าตาเฉย จนอดคิดเรื่องทะแม่งๆนี้ไม่ได้ ว่า อะไรคือ สาเหตุสำคัญกันแน่ !!
เริ่มจากแอ๊ด คาราบาว กับอาโจว ต่างมีข้อสรุปตรงกันว่า “ตูน บอดี้สแลม” น่าจะเหมาะที่สุด !! ด้วยองค์ประกอบของความดัง มีแฟนคลับอยู่เป็นจำนวนมาก ทั้งในสายสัมพันธ์แล้ว เขาคือ หลานแท้ๆของแอ๊ด คาราบาว
ลึกๆแล้ว อาโจวอาจจะไม่ได้เห็นด้วยกับแอ๊ดทั้งหมด แต่ที่ต้องยอมโอนอ่อนผ่อนตามก็เพราะเกรงใจ เนื่องจากแอ๊ดเป็นคนให้ลิขสิทธิ์แก่เขาในการทำหนังเรื่อง “ยังบาว” เดอะมูวี่ คนอื่นๆในบท “ยืนยง โอภากุล” อาโจวเล็งไว้ที่ น้อย วงพรู , ติ๊ก เจษฎาภรณ์ ผลดี และคนอื่นๆ
เมื่อนำโปรเจกต์ยังบาวเข้าไปคุยกับแกรมมี่ฯ “อากู๋” ไพบูลย์ ดำรงชัยธรรม , “เล็ก” บุษบา จงมั่นคง ในฐานะนักธุรกิจมองทะลุเห็นว่าเป็นโปรเจกต์ที่น่าทำมากที่สุดเรื่องหนึ่ง การเจรจาในเบื้องต้นวันนั้น … นอกจากเรื่องขอคิว “ตูน บอดี้สแลม” มาร่วมงานแล้ว ทางแกรมมี่ฯได้เผยไต๋ให้อาโจวรู้ว่า มีความสนใจอยากจะขอซื้อลิขสิทธิ์เรื่องนี้ต่อมาทำเอง เนื่องด้วยความพรั่งพร้อมของในแง่บุคลากรและความถนัด
เพราะโปรเจกต์นี้ มันมีองค์ประกอบหลายอย่างที่ทำให้เชื่อว่า น่าจะไปได้สวย
มิใช่แค่ “ตูน บอดี้สแลม” เท่านั้น หากแต่ยังมี “เป้ อารักษ์” , “ฮิวโก้” - จุลจักร จักรพงศ์ ซึ่งทุกคนล้วนแต่มีแฟนคลับเหนียวแน่นของตัวเอง เรียกว่า หนังเรื่องนี้ได้ดาราสนับบสนุนดีมาก!!
แต่ความสำคัญทั้งหมด ทั้งสิ้น น่าจะอยู่ที่ “ตูน บอดี้สแลม” สัก 70%
มองปราดเดียวก็รู้ว่า หนังเรื่องนี้มีกระบวนการเชื่อมต่อที่สมบูรณ์ที่สุด
1.ในความเป็นหนังต้องบอกว่าเป็นอภิมหาโปรเจกต์ที่เฟอร์เฟกต์ที่สุดในรอบศตวรรษเลยก็ว่าได้ ฐานผู้ชมจะมีความเป็นกลุ่มก้อนมาก วัยผู้ใหญ่ แน่นอน … ไม่มีใครที่ไม่รู้จักวงคาราบาว และคาราบาวก็ยังเป็นไอดอลของคนจำนวนไม่น้อย รวมถึงกลุ่มชาวบ้านที่นั่งถองเหล้าฟังเพลงคาราบาวก็มีอยู่เป็นจำนวนไม่น้อย ส่วนคนรุ่นใหม่ๆก็ไปดูศิลปินที่ตัวเองโปรดปราน แน่นอน ต้องเป็นการรวมตัวของเหล่าแฟนคลับ อย่าง ตูน, เป้, ฮิวโก้ ไม่นับรวม ดาราคนอื่นๆอีก
2.เพลงประกอบภาพยนตร์จะถูกนำมารีคัฟเวอร์ใหม่ โดยกลุ่ม “ยังบาว” ซึ่ง ณ เวลานี้เป็นหน้าที่ของค่ายสมอลล์รูม ที่จะดำเนินการในส่วนนี้
3.สินค้าพรีเมียม ที่จะขายได้ตลอดทั้งโครงการ จากภาพยนตร์ไปจนถึงทัวร์คอนเสิร์ตคาราบาว 30 ปี ใน 50 จังหวัดทั่วประเทศ
ทุกเหตุผล ล้วนแต่เป็นเรื่อง รายได้ ที่จะเข้ามาอย่างต่อเนื่อง มีแต่ เงิน เงิน และเงิน ในตัวหนัง ถ้าไม่สร้างแบบสุกเอาเผากิน หรือดูทุเรศเกินไป อย่างน้อยๆ รายได้จากผู้ชม น่าจะแตะที่ 100 ล้านบาท ส่วนการสร้างมูลค่าเพิ่มอื่นๆที่ติดตามมา น่าจะได้มากถึง 400 - 500 ล้านบาทเป็นอย่างต่ำ
ทุกคนมองยอดรายได้ต่อเนื่องของโปรเจกต์นี้ออก และมีหรือที่แฟนคลับคาราบาวที่ถือเอา “แอ๊ด คาราบาว” เป็นไอดอลอย่างอาโจวหรือจะยอมปล่อยให้หลุดมือไปอยู่กับคนอื่น
เงินค่าตัวก็รับไปแล้ว ร่วมแถลงข่าวกันก็แล้ว จึงไม่น่าจะมีเหตุผลใดที่จะต้องดึงตูน บอดี้แสลมกลับมา การทำการนี้ก็เพื่อเป็นการบีบและสร้างเงื่อนไข ถ้ายังจำกันได้ แรงบีบของแกรมมี่ไม่ได้ทำกับกรณีนี้เป็นครั้งแรกเสียเมื่อไหร่ เรื่องเพลงในยูทิวบ์ เรื่องบอลยูโร ที่ผ่านมาก็ล้วนแต่เป็นกลวิธีในการบีบทั้งสิ้น เพื่อให้แฟนๆยอมรับในการทำงานแบบแกรมมี่สไตล์
ครั้งนี้การบีบถูกนำมาใช้กับหนังเรื่อง “ยังบาว” โดยให้ตูนถอนตัวเพื่อให้หนังป่วนอลเวง
ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาตั้งแต่เจรจา ถูกนำมาใช้แล้ว 2 ขั้นตอนคือ หนึ่ง. เจรจาขอร่วมหรือซื้อลิขสิทธิ์ สอง. ตั้งค่าตัว ตูน บอดี้แสลมแบบก้าวกระโดด และ สาม. คือท่าไม้ตาย ให้ ตูน ถอนตัว โดยตั้งเงื่อนไขว่า ตูนจะกลับต่อเมื่อเปลี่ยนตัวผู้กำกับฯ
ใช่ เรื่องบท อาจจะมีปัญหาอยู่จริง แต่งานนี้ถูกนำมาเป็นข้ออ้างเพื่อเล่นเกมในสไตล์แกรมมี่ฯ ขณะที่ “ตูน บอดี้สแลม” เป็นเพียงหมากสินทรัพย์ตัวหนึ่งที่ถูกแกรมมี่ฯวางไว้ แต่ต้นเพื่อเดินเกมเจรจาต่อรองแบ่งปันผลประโยชน์เท่านั้นเอง
ยุทธกร สุขมุกตาภา คือใคร!?
“อาโจว - ยุทธนา สุขมุกตาภา” ในนาม “บริษัทแกรนด์บิ๊กแบง” เจ้าของโปรเจกต์ “ยังบาวเดอะมูฟวี่” เริ่มต้นจากอาร์ตไดเร็กเตอร์ จนกลายมาเป็นผู้กำกับ คนทำหนังโฆษณา ผลงานโฆษณาเช่น กาแฟเขาช่อง ในเวอร์ชัน “บี้ สุกฤษฎิ์” และกาแฟลดความอ้วนอีกยี่ห้อหนึ่ง เท่านั้น ครั้งนี้ เขาเพิ่งจะก้าวขึ้นแท่นผู้กำกับหนังยาวเรื่องแรก โดยการันตีตัวเองว่า อยู่วงการโฆษณามา 20 ปี อาโจว ดำเนินงานเองทั้งหมด ภายใต้บริษัทที่เปิดใหม่ขึ้นมาซิงๆอย่าง “บริษัทแกรนด์บิ๊กแบง” เพื่อรองรับโปรเจกต์ยังบาวฯนี้โดยแท้
อาโจว คนนี้คือผู้ที่ได้ลิขสิทธิ์ โดยการเห็นชอบของแอ๊ด คาราบาว
โปรเจกต์นี้ เริ่มจากกระดาษแผ่นเดียว และจับเสือมือเปล่า !! เพราะไม่มีเงินบนหน้าตักอย่างนักสร้างหนังทั่วไป แรกเริ่มนานเป็นปีที่อาโจวพยายามตระเวนหาสปอนเซอร์ แต่คว้าน้ำเหลว ต่อมาปรับแผนให้ผู้ใหญ่แนะนำให้รู้จักคนในวงการที่กว้างขวาง เพื่อเป็นบันไดพาไปหาสปอนเซอร์จนได้แหล่งทุน จากนั้น...ก็ขยายผลเข้าหาด้วยตัวเอง และชื่อของ “แอ๊ด คาราบาว” ถูกควบใช้กับการประสานงานครั้งแล้ว ครั้งเล่าทั้งแกรมมี่และแหล่งทุน
“อุ๋ย นนทรีย์ นิมิบุตร” ถูกแนะนำให้เข้ามาช่วยเป็นโปรดิวเซอร์ในช่วงแรก และมีการแก้บทเดิมของอาโจวอยู่หลายครั้ง อาโจวไม่เข้าใจว่า นอกจากข้อมูลบอกเล่าแล้ว สิ่งที่สำคัญของการทำหนังในขั้นตอนการดำเนินการนั้น ต้องมีการทำรีเสิร์ชข้อมูลเชิงลึกกับเหตุการณ์และความจริงต่างๆ รวมถึงการหาโลเกชันที่ใกล้เคียงกับยุคสมัยด้วย ด้วยมุมมองในการทำหนังที่ต่างกัน ทำให้ อุ๋ย นนทรีย์ ขอถอนตัว และไม่ได้รับค่าใช้จ่ายใดๆ
โปรดิวเซอร์รายที่ 2 คือ “พิ้งค์ - พรชัย หงษ์รัตนาภรณ์” ผู้กำกับหนัง “ทวารยังหวานอยู่” กับ “ตุ๊กกี้เจ้าหญิงขายกบ” ก็มีการปรับบทอีกหลายครั้ง สุดท้ายถอนตัวออกมาอีกจนได้
ล่าสุดได้ “ปื๊ด - ธนิตย์ จิตนุกูล” มาทำหน้าที่โปรดิวเซอร์ และผู้กำกับเงาคนล่าสุด !!
ในด้านบท - อาโจวยังยืนยันว่าชีวิตในป่าและที่มหาวิทยาลัยที่ฟิลิปปินส์ ของแอ๊ด คาราบาว เป็นหัวใจของหนังเรื่องนี้ เขามีความต้องการอยากนำเสนอเรื่องราวการใช้ชีวิตของแอ๊ด คาราบาวในช่วงเข้าป่าหลังเหตุการณ์ทางการเมือง 6 ตุลา 2519 !? ทั้งยังได้พบรักกับสหายสาวชื่อ “แสงดาว” แถมยังมี อัศนี พลจันทร์ (นายผี) ขี่ช้างอีกต่างหาก ในมุมมองของอุ๋ย นนทรีย์ และหลายคนลงความเห็นว่า ควรตัดฉากนี้ออกไป เมื่อหัวใจของเรื่องไม่ลงตัว บทก็เลยคาราคาซังและทำให้ตูนยังไม่ได้เข้าฉากถ่ายทำแต่อย่างใด
ความจริง - บท “สหายแสงดาว” ที่ ซาร่า เล็กจ์ เล่นนั้น แอ๊ด คาราบาว น่าจะได้แรงบันดาลใจจากนักศึกษาในชื่อจัดตั้งว่า “สหายฟ้าใหม่” ที่เสียชีวิต ขณะที่เขาได้ไปที่ภูพานพอดี ด้านหนึ่งของแอ๊ดนั้นเคยไปทัศนศึกษาที่นั่นเมื่อปี 2523 พร้อมกับนิรมล เมธีสุวกุล แอ๊ดเคยทำงานการเมืองให้แก่พรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทยจริง แต่เป็นการทำงานในเมืองเพื่อเชื่อมต่อกับป่า มีชื่อจัดตั้งว่า “สหายเชี่ยว” ประจำอยู่ใน “หน่วยเดินเมล์” หลังป่าแตก และภารกิจนี้ได้เงียบหายไปตั้งแต่ปี 2525 เป็นต้นมา
ในเรื่องบท แกรมมี่ฯ ก็มีความกังวลเช่นเดียวกัน !! เพราะบทที่อาโจวเขียนเองกับมือนั้น วกวน ฉาบฉวย และตีโจทย์ไม่แตก !! เพราะ อาโจวไม่มีประสบการณ์ในการทำหนังมาก่อน พูดกันถึงว่า แม้แต่คำว่า “ทรีตเมนต์” ก็ยังไม่รู้จัก!! ปัญหาที่ตูนยังไม่ได้เข้าฉาก ไม่ได้มาจาก “คิว” หรือเล่นไม่ได้ตามคำกล่าวอ้าง หากแต่มาจาก “บท” ที่ “แกรมมี่” ยังไม่พอใจ และไม่กล้าเอาศิลปินเบอร์หนึ่งอย่าง “ตูน บอดี้สแลม” ไปเสี่ยงด้วย
“แกรมมี่ฯ” ได้สำรองคิว “ตูน บอดี้สแลม” ไว้ทั้งหมด จำนวน 32 คิวและส่งไปให้กองถ่ายเป็นที่เรียบร้อย
เดือนต.ค.55วันที่ 26 ( 14.00-22.00 น. ) , 29
เดือนพ.ย.55 วันที่ 15,16,17,19,22,23,24,26,29,30
เดือนธ.ค.55 วันที่ 1,6,7,12,13,14,15
เดือนม.ค.56วันที่ 10,11,12,13,17,18,19,20,24,25,26,27,31
ขณะเดียวกัน ตูนก็ผ่านการเรียนเวิร์กชอปการแสดงเช่นเดียวกับเพื่อนดาราคนอื่นๆทุกคน ระดับการแสดง ไม่ได้เลวร้ายอย่างที่เป็นข่าวแต่อย่างใด !!
เมื่อการถ่ายทำทำท่าจะยืดเยื้อ บทก็ยังไม่สมบูรณ์ สุดท้าย แกรมมี่จึงตัดสินใจให้ตูนถอนตัว ยกเลิกการแสดงภาพยนตร์เรื่องนี้ และพร้อมคืนเงินให้ทั้งหมด
ณ วันนี้ แกรมมี่ฯ คืนเงินค่าตัวของ “ตูน บอดี้สแลม” ให้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
สมาชิกวงคาราบาว “เล็ก คาราบาว” (ซึ่ง เป้ เสลอรับเล่นบทนี้) เห็นว่า บทบาทของตนในมุมมองของอาโจวนั้น ดูตลกขบขันเกินไป และบางแง่มุมไม่สำคัญควรตัดออกไป นำเสนอในมุมมองที่สังคมควรได้ประโยชน์มากกว่า ถึงขนาดไม่อยากมาร่วมงานแถลงข่าว แต่สุดท้าย... แอ๊ด ต้องขอร้องให้มา เพื่อความสามัคคีหนึ่งเดียวของคาราบาว
ความอลเวงของโปรเจกต์นี้ ยังมีเรื่องของทีมการตลาดและพีอาร์ที่มีการเปลี่ยนแปลงโยกย้ายกันไปหลายทีม ล่าสุด ทีมการตลาดและออแกไนเซอร์ ในนามของ “เอิร์ธ - ณัฐนันท์ คุณวัฒน์” อดีตดาราและพิธีกร ได้เข้ามาทำงานแทนทีมเก่าที่ถอนตัวออกไป
สปอนเซอร์ มึน ไม่มี “ตูน” !
สำหรับภาพยนตร์เรื่องยังบาวฯ นั้น มีทั้งสปอนเซอร์รายใหญ่ รายย่อย รวมถึงสินค้าที่จะเรียงรายตามกันมาอีกหลายชิ้น ทันทีที่มีข่าวตูน ถอนตัวจากหนังเรื่องนี้ ทางสปอนเซอร์รายใหญ่ก็เริ่มกระอักกระอ่วนใจเพราะ เหตุผลหลักของการเข้าร่วมเป็นสปอนเซอร์ในตอนแรกนั้น ทุกคนต่างยอมรับว่าเป็นโปรเจกต์ที่น่าสนใจมาก โดยเฉพาะบรรดานักแสดงที่ได้รับการคัดเลือกให้มาสวมบทสมาชิกวงคาราบาว
นักแสดงประกอบด้วย
อาทิวราห์ คงมาลัย (ตูน บอดี้สแลม) รับบท ยืนยง โอภากุล(แอ๊ด คาราบาว)
อารักษ์ อมรศุภศิริ (เป้ อารักษ์) รับบท ปรีชา ชนะภัย (เล็ก คาราบาว)
จุลจักร จักรพงษ์ (ฮิวโก้ ) รับบท เทียรี่ เมฆวัฒนา (เทียรี่ วงคาราบาว)
ปวริศร์ มงคลพิสิฐ แบงค์ รับบท กิรติ พรหมสาขา ณ สกลนคร (เขียว คาราบาว)
สมชาย เข็มกลัด (เต๋า) รับบท อำนาจ ลูกจันทร์ (เป้า คาราบาว)
ศุภกรณ์ กิจสุวรรณ (ต๊อก) รับบท อ.ธนิสร์ ศรีกลิ่นดี
ปิติศักดิ์ เยาวนานนท์ (เต้) รับบท เกริกกำพล ประถมปัทมะ (อ๊อด คาราบาว)
ยิ่งได้ “อุ๋ย” นนทรีย์ นิมิบุตรมาเป็นโปรดิวเซอร์ ยิ่งการันตีอีกชั้นหนึ่งว่า เจ๋งแท้แน่นอน
โปรเจกต์นี้ ยังไม่ได้จบลงแค่ “หนัง” หากแต่ยังมีทัวร์คอนเสิร์ต 30 ปีคาราบาว ใน 50 จังหวัดทั่วประเทศ ที่ต้องมีนักแสดงจาก “ยังบาว” ไปร่วมแจมด้วย
แต่หลักใหญ่ใจความที่ทุกคนเข้ามาแห่แหนกันเป็นพันธมิตรเพราะว่า “ตูน บอดี้สแลม” !! ซึ่งผู้สนับสนุนรายใหญ่พร้อมร่วมลงทุนด้วยเม็ดเงินหลาย 10 ล้านบาทให้แก่โปรเจกต์นี้
เงินก้อนนี้แหละที่เป็นทุนในการสร้างหนัง โดยอาโจวไม่ต้องควักเงินแม้แต่บาทเดียว !
สปอนเซอร์รายใหญ่นี้ จ่ายเงินงวดแรกตอนเริ่มเปิดกล้องไปแล้ว !!
งวดที่ 2 ตามสัญญา จะ จ่ายเมื่อหนังเสร็จพร้อมฉาย และก้อนสุดท้าย เมื่อเริ่มทัวร์คอนเสิร์ต
เลือกเพราะ ตูน !! แต่ในสัญญา ทำกับบริษัท แกรนด์บิ๊กแบง ในนามของ ยุทธกร สุขมุกตาภา เจ้าของหนังเรื่อง “ยังบาว” แต่ไม่ได้ลงรายละเอียดถึงขั้นระบุว่า อาทิวราห์ คงมาลัย (ตูน บอดี้สแลม) !! ต้องเป็นนักแสดงหลัก
เมื่อเกิดเหตุการณ์นี้ จะถอนตัวกลางคัน เงินก้อนแรกที่ลงไปก็ต้องสูญ ยังไงซะ … ก็ต้องกอดคอกันลากยาวต่อไป !! แม้อาจจะกระอักกระอ่วนใจ ขมขื่นบ้างก็ตาม
สำหรับนักแสดงที่ทางค่ายแกรนด์บิ๊กแบง เตรียมไว้เสียบแทน “ตูน” มีมาแต่แรก เช่น น้อย วงพรู , ติ๊ก - เจษฎาภรณ์ ผลดี เนื่องจากเกรงกันว่า หากแกรมมี่ฯไม่ให้ความร่วมมือ เพราะ คาราบาวนั้นอยู่ค่าย วอร์เนอร์มิวสิก หรือ ตูน - บอดี้สแลมไม่มีคิวให้
ณ วันนี้ เป็นที่แน่ชัดแล้วว่า นักแสดงหน้าใหม่ที่จะเข้ามาเสียบแทนคือ “บอม” ธนา เอี่ยมนิยม เด็กในสังกัดของ “เอ” ศุภชัย ศรีวิจิตร ซึ่งเคยรับบท “เคน” ในละครเรื่อง “กุหลาบร้ายกลายรัก”, ภาพยนตร์เรื่อง Love Summer รักเธอฤดูร้อน และ MV ต่างๆ
ถามใครก็บอกว่า ตูนเหมาะสมที่สุดในชั่วโมงนี้
องค์ประกอบของการเลือก “ตูน - บอดี้สแลม” แอ๊ด คาราบาวน่าจะมีส่วนอยู่มาก !! เพราะมีศักดิ์เป็น “อา-
หลาน” กันแท้ๆ ชื่อเสียงของตูนในฐานะร็อกเกอร์สตาร์เบอร์หนึ่งของแกรมมี่ การันตีว่า ขายได้ ไม่เฉพาะแต่หนัง ยังมีแรงดึงดูดเกี่ยวกับสปอนเซอร์ด้วย นอกจากนี้ ยังเป็นหนังเรื่องแรกของตูนอีกด้วย
ไม่ได้คิดพลาดแม้แต่นิดเดียว เพราะสปอนเซอร์ต่างขานรับ
ฉะนั้น การเปลี่ยนตัวจาก “ตูน บอดี้สแลม” เป็น “บอม - ธนา เอี่ยมนิยม” เด็กของ “เอ” ศุภชัย ศรีวิจิตร
มองในมุมกลับ เด็กคนนี้ยังไงก็ต้องเกิด เพราะเป็นเด็กที่จะมาเล่นในคาแร็กเตอร์หลัก เด็กคนนี้มีแต่ได้กับได้ ไม่มีเสีย เด็กใหม่บารมีในการดึงคน อาจจะสู้ตูน บอดี้สแลมไม่ได้ แต่ถ้าเอาชื่อชั้นของคาราบาวมาช่วยก็ทำให้ไม่แตกต่างกันเท่าไหร่ ทั้งยังได้ในเรื่องความสดใหม่ด้วย คนที่จะได้กับได้ในงานนี้อาจจะไม่พ้น “เอ - ศุภชัย ศรีวิจิตร” ทั้งนักแสดงคนอื่นก็อาจจะแฮปปี้ก็ได้ เพราะไม่ถูกตูนมาแย่งชิงความเด่นแต่เพียงผู้เดียว
สปอนเซอร์จะปลื้มหรือไม่ปลื้ม ก็ต้องจับมือเดินหน้ากันต่อไป เพราะตกกระไดพลอยโจน ลงนาวาคาราบาวลำเดียวกันไปแล้ว
วันนี้ หนัง “ยังบาว” จะเดินหน้าต่อไป... ในรูปแบบไหน เพราะทุนก้อนแรกนี้ร่อยหรอลงไปทุกที จะรอเงินก้อนใหม่ก็ต้องเสร็จพร้อมฉาย ...
เงินก้อนแรกที่ถูกควักจ่ายไปแล้ว หมดไปกับค่าลิขสิทธิ์ของวงคาราบาว ที่ว่ากันว่า แอ๊ด คาราบาวลบสถิติค่าลิขสิทธิ์ที่เคยตั้งไว้ และเคยจ่ายสูงสุดในประเทศไทยทั้งหมด !!
นอกจากค่าลิขสิทธิ์แล้ว ก็คือ ค่าตัวของตูน ที่มากถึง 11 ล้านบาท
ที่เหลือเป็นทุนในการการดำเนินงานสร้างหนัง
“ตูนไม่เล่นแล้วได้มั้ยอา”
ทางค่ายยืนยันว่า ไม่ได้วางตัวตูน - บอดี้สแลมไว้แต่แรก หากแต่เป็นประสงค์ของแอ๊ด คาราบาวที่ต้องการให้ตูน หลานผ่านเหตุการณ์ทั้งหลายมา จนถึงงานหมั้นของ “ตั๊ก บงกช คงมาลัย” และ เจ้าสัวหมื่นล้าน “บุญชัย เบญจรงคกุล” วันนั้น แอ๊ด คาราบาว ต้องไปเป็นผู้ใหญ่ให้ฝ่ายหญิง “อากับหลาน” มีโอกาสเจอกัน ทันทีที่เจอหน้ากัน ตูนได้ทักทายแอ๊ดด้วยสีหน้าปกติ และเอ่ยทักด้วยความท้อใจว่า “ไม่เล่นแล้วได้มั้ยอา” ตูนได้เล่าถึงสาเหตุของความลำบากใจในการรับเล่นหนังเรื่องนี้ และถามแอ๊ด คาราบาว ผู้เป็นอาว่า ได้ดูบทฉบับล่าสุดของหนังยังบาวแล้วหรือยัง? ซึ่งแอ๊ดบอกว่า ติดภารกิจคอนเสิร์ตจึงไม่ได้มีเวลาได้อ่านบทอย่างละเอียด แอ๊ดจึงเอ่ยกับตูนหลานชายด้วยสีหน้าไม่สู้ดีนักว่า ถ้าไม่อยากเล่นก็ยังไม่ต้องเล่น และไม่ได้บังคับ
ตูนได้เล่าเรื่องราวดังกล่าวให้แก่แอ๊ด คาราบาวฟังทั้งหมดแล้ว และคาดว่าแอ๊ด น่าจะได้มีการเข้ามาไกล่เกลี่ยเรื่องนี้ด้วยตัวเอง เพราะโมีข่าวว่าจะฟ้องนักร้องชื่อดัง
โปรเจกต์นี้ แอ๊ด คาราบาว เคยคิดฝันว่า อยากให้มีคนสร้างตำนานของคาราบาวในแบบภาพยนตร์ยาวสักครั้งในยุคสมัยนี้ แต่จะให้ควักเงินลงทุนเอง ไม่ไหว เพราะเสี่ยงเกินไป
แกรมมี่ไม่ยอมรับในฝืมือของอาโจว จึงไม่ให้ตูนเล่นเพราะกลัว “ตาย” กับหนังเรื่องแรก มากกว่า “เกิด”
ถ้าเรื่องทั้งหลายไปถึงการเรียกร้องค่าเสียหายที่ตูนยกเลิกสัญญา นั่นหมายถึง คดีความที่จะตามติดกันมาอีก แอ๊ด คาราบาวจะใช้สัมพันธ์ส่วนตัวคุยกับแกรมมี่ หรืออาโจว แฟนคลับ - ผู้กำกับซึ่งสนิทชอบพอได้หรือไม่ คงต้องติดตามต่อไป
แกรมมี่ฯ ยืนยันด้วยเงื่อนไขเดียวคือ ถ้าตูนจะกลับมาเล่นหนังเรื่องนี้ ต้องเปลี่ยน “ผู้กำกับ”
ยังบาวฯ เม็ดเงินและผลประโยชน์
หนังเป็นเพียงฐานเบื้องต้น แต่การประชุมส่วนใหญ่แทนที่จะพูดถึงการทำหนัง แต่อาโจวกลับพูดถึงการขายสินค้าพรีเมียมที่จะนำรายได้มหาศาลให้แก่โปรเจกต์นี้ เพราะนอกจากการขายหนังแล้ว ยังจะตามด้วยทัวร์คอนเสิร์ตไปตามจังหวัดต่างๆ หมายมั่นแต่แรกด้วยความคิดฟุ้งฝันว่า อยากจะทำคอนเสิร์ตทุกจังหวัดทั่วประเทศ ซึ่งในทางปฏิบัติแล้ว ผู้มีประสบการณ์บอกว่า ไม่สามารถทำได้ เพราะทัวร์คอนเสิร์ตที่ดำเนินการส่วนใหญ่นั้นจะไปแค่จังหวัดใหญ่ๆ และรวบเอาพื้นที่ในจังหวัดใกล้เคียงมารวมเข้าไว้ด้วยกัน เพื่อให้คนจำนวนมากเข้ามารวมศูนย์อยู่ด้วยกัน
จากความคิด ทุกจังหวัดทั่วประเทศ จึงลดขนาดลงมาเหลือแค่ 50 จังหวัดทั่วประเทศ
ดังนั้น สินค้าพรีเมียม อันประกอบด้วยข้าวของ เครื่องใช้ ของที่ระลึก ของสะสมนั้นจะเริ่มขายกันตั้งแต่หนังเริ่มฉาย ไปจนถึงวันปิดทัวร์คอนเสิร์ต ซึ่งถือว่าเป็นการต่อยอดรายได้อันมหาศาลของโปรเจกต์นี้
ประชุมกันกี่ครั้ง … เรื่องสินค้าพรีเมียมก็กลายเป็นเรื่องใหญ่ในที่ประชุม จนคนทำงานส่วนอื่นๆ เกิดความรู้สึกได้ว่า ตกลงจะทำหนัง หรือว่าจะขายของกันแน่ !!
ความเบื่อหน่ายของคนทำงานก็เลยเกิดขึ้น … นั่นคือ จุดเริ่มต้นที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงบ่อยในหมู่คนทำโปรเจกต์นี้ แต่ไม่ว่าใครจะก้าวออกไป ก็จะมีทีมใหม่ๆเข้ามาสวม เพราะ ทุกคนต่างรู้ว่า โปรเจกต์ ภาพยนตร์เรื่อง “ยังบาว” และคอนเสิร์ตปลุกกระแสคาราบาว 30 ปีนั้น เป็นเรื่องที่น่าสนใจมาก
ที่สำคัญ … ใครๆในวงการต่างนึกภาพออกว่า ถ้าประสบความสำเร็จ รายได้จะมหาศาลเพียงใด !!
หิ้วโปรเจ็กต์ พบ "โอ๊ค พานทองแท้" !?
อย่างที่บอกว่า เงินก้อนแรกนั้นร่อยหรอเต็มที เงินก้อนที่สองกว่าจะได้ หนังต้องเสร็จพร้อมฉาย ดังนั้น … ความคิดที่จะขายฝันกับสปอนเซอร์รายอื่นๆก็เลยเกิดขึ้น
ถึงขนาดมีการเปรยว่า จะเอาโปรเจกต์นี้ ไปเสนอให้แก่ “โอ๊ค - พานทองแท้ ชินวัตร” !! เพื่อเป็นแหล่งทุนก้อนใหม่ เนื่องจากโอ๊ค ลูกชายของ นักโทษชาย ทักษิณ ชินวัตร นั้นทำธุรกิจบันเทิงมาหลายบริษัท และจะนำเงินมาสานต่อโปรเจกต์นี้ให้สำเร็จ โปรเจกต์ดังกล่าวนี้จะถูกตาต้องใจโอ๊คหรือไม่ คงต้องติดตามกันต่อไป
ความคิดนี้ มีคนแย้งอยู่ไม่น้อย บางคนถึงกับตั้งคำถามว่า อาโจวคิดอะไรอยู่ !! ทั้งจะเอาเรื่อง “ป่า” มาเป็นหัวใจหลักของการเดินเรื่อง, เอาเงินทุนจากโอ๊ค - พานทองแท้ ชินวัตร มาสร้างหนัง “ยังบาวฯ”
ทำไม !! งานหลักของอาโจวคิดแต่เรื่องทุน งานรองคิดถึงของพรีเมียม แทนที่จะคิดถึงเรื่อง การทำหนังให้ออกมาดูดี มีศิลปะและรายละเอียดครบถ้วน แต่ตีไข่ใส่สีบ้างก็ไม่เป็นไร ไม่ใช่วันๆเอาแต่ “เร่ขายฝัน” ไปจนถึง “ขายของพรีเม่ยม” อย่างเอาเป็นเอาตายเหมือนที่ผ่านมา
เรื่องหิ้วโปรเจกต์ไปเอาเงินจาก “โอ๊ค - พานทองแท้” อาโจวก็อย่าลืมในเรื่อง “แรงต้าน” !! ที่อาจจะเกิดขึ้นได้ ทางที่ดีเอาเงินที่ได้คืนจากค่าตัว “ตูน” บอดี้แสลมไปมุนก่อนพลางๆ น่าจะเป็นทางออกหนึ่งของลมหายใจเฮือกนี้ของ “ยังบาว”
................................................
ที่มานิตยสาร ASTV ผู้จัดการสุดสัปดาห์ ฉบับที่ 165 วันที่ 1 พฤศจิกายน - 7 ธันวาคม 2555