xs
xsm
sm
md
lg

“โบ-ธัญญะสุภางค์” ขอเรียกเธอว่า...ความรัก

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


 
จากสาวน้อยที่มีความฝันอยากเป็นนักการทูต พูดได้ถึง 6 ภาษา แต่ชีวิตหักเหจับพลัดจับผลูมาเป็นนางเอกหนังด้วยความบังเอิญ “โบ-ธัญญะสุภางค์ จิรปรีชานนท์” เธอมาพร้อมความสวย น่ารัก มีความมั่นใจในตัวเองสูง และมีเสน่ห์ชวนมอง รอยยิ้มของเธอทำให้โลกใบนี้ดูสดใส เชื่อเลยว่าหากใครได้อยู่ใกล้คงเผลอใจตกหลุมรักแบบไม่รู้ตัว

“โบ” เป็นสาวเนิร์ดนักเรียนนอก เพิ่งจบปริญญาตรีรัฐศาสตร์ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศจากแดนปลาดิบหมาดๆ บินลัดฟ้ามาเข้าวงการบันเทิงอย่างไม่ทันตั้งตัว แถมยังได้เป็นนางเอกครั้งแรก หลังจากผู้กำกับ “เค้าเรียกผมว่า...ความรัก” ควานหาตัวอยู่นาน และแคสติ้งมาแล้วไม่ต่ำกว่า 400 คน ตอนนี้เธอผันตัวจากสายวิชาการมาเป็นคนบันเทิงอย่างเต็มตัว

แคสต์หนังเรื่องแรกก็ได้เลย!
เคยมีคนบอกว่าความบังเอิญไม่เคยมีอยู่ในโลก สิ่งที่คนเราเข้าใจว่าเป็นเรื่อง “บังเอิญ” แท้ที่จริงนั่นคือ “โอกาส” ต่างหาก เหมือนสิ่งที่โบเจอ เธอเข้ามาลองแคสต์หนัง ทั้งๆ ที่ไม่เคยมีประสบการณ์ในวงการบันเทิงเลย แต่กลับได้งานนี้ ซึ่งเป็นโอกาสที่ได้จากผู้กำกับ จากโมเดลลิ่ง หรือจากใครก็ตาม แต่เธอก็ใช้โอกาสนี้ทำมันให้ดีที่สุด

“ตอนที่โบได้ โบก็ตกใจมาก เฮ้ย! เรามีอะไรดีที่ 400 กว่าคนไม่มี เพราะแต่ละคนที่มาแคสต์สวยกว่าโบเยอะมาก อายุโบก็ไม่ได้น้อยนะ จบ ป.ตรีแล้ว ซึ่งพี่วศิน ผู้กำกับก็บอกว่า เพราะโบเป็นผู้หญิงสวยที่พร้อมจะเสียฟอร์มได้ทุกเมื่อ แต่ถ้าให้โบไปทำอะไรที่เปิ่นๆ โบก็มีโมเมนอายเหมือนกันนะ

หลายคนบอกว่า “รู้ไหมตัวเองเป็นคนโชคดีมาก เพราะบางคนแคสต์มาเป็นปีๆ ยังไม่ได้เลย” ระหว่างเวลาที่โบกลับมาคือเดือนกันยายนปีที่แล้ว โบแคสต์หนังเรื่องนี้ประมาณปลายกันยายน ส่วนตุลาคมถึงธันวาคม 3 เดือน โบได้โฆษณา 9 ตัว มีวาสลีน, ทเวลฟ์ พลัส, โดฟ, เคเอฟซี, โอวัลติน ส่วนอีก 4 ตัว คิวมันชนกัน โบเลยไปถ่ายให้ไม่ได้ เราเลยรู้สึกว่าไม่ได้เป็นทุกข์กับการรอคอย จึงไม่ค่อยรู้ว่ามันยากยังไง มันอาจจะเป็นโอกาสให้เข้ามาตรงจุดนี้พอดี”

“ตอนแรกได้ลองไปแคสต์ที่โมเดลลิ่ง โบเอามือเกาะเก้าอี้แบบนี้ไว้เลย เพราะไม่รู้จะเอาไปไว้ตรงไหน ด้วยความที่เป็นคนเรียนด้านสายวิชาการมาตลอด เลยคิดว่าเวลาพูดเราจะเอ่อ...อ่า ไม่ได้ เราต้องไหลไปตลอด ฉะนั้น เทปแรกของโบจะพูดต่อๆ กัน เขาบอกหนูจะไปแคสต์พิธีกรเหรอ คือมันไม่มีความเป็นธรรมชาติเลยถ้ามองย้อนกลับไป แต่พี่เขาบอกว่าจริงๆ แล้วโบเป็นตัวของตัวเองได้

การแคสต์งานเราจะให้เขารู้จักตัวเราดีที่สุดภายในระยะเวลาสั้นๆ ได้ยังไง โชคดีที่เราลองไปอัดเทปอันหนึ่งกับโมเดลลิ่งเอาไว้ก่อน จึงทำให้เราเข้าใจฟิวอันนั้น ตอนที่โบมาแคสต์หนังจึงคิดว่าไม่ได้ไม่เป็นไร ลองดูสักครั้งละกัน จะเป็นตัวของตัวเองมากที่สุด เราก็ใส่เลกกิ้งกับเสื้อยืดออกจากบ้าน และก็ใส่รองเท้าธรรมดา พอมาถึงที่แคสต์ ทุกคนเขาก็ใส่เป็นเสื้อกล้าม กางเกงยีนส์ รองเท้าส้นสูง เขาไดร์ผมมา ซึ่งโบม้วนผมเหมือนทรงอาบน้ำ”

“เก้อ” คือชีวิตโบเอง
“คนอะไรไม่รู้ยิ่งโตยิ่งดูน่ารัก ใครต่อใครก็ทักว่าน่ารักจริงนะเธอนะ” เพลงนี้ดูน่าจะเหมาะสมกับสาวโบ เธอบอกว่าชีวิตของ “เก้อ” นางเอกในเรื่องเค้าเรียกผมว่า...ความรัก เหมือนถอดแบบชีวิตของโบบางส่วนออกมาเลย

“หนังเรื่องนี้คาแร็กเตอร์ไม่ได้ฉีกแนวกับคาแร็กเตอร์ของโบมาก นางเอกของเรื่องชื่อ “เก้อ” ชื่อก็บอกแล้วรอพระเอกเก้อทั้งเรื่อง คือบ้านอยู่ตรงข้ามพระเอก และเราแอบชอบพระเอก ซึ่งเป็นพี่เป้-อารักษ์นี่แหละ ในเรื่องชื่อ “คิว” เป็นหนุ่มหล่อ แต่มีคาแร็กเตอร์ที่เป็นผู้ชายเลวๆ คนนึงที่เห็นความรักเป็นเรื่องล้อเล่น เราเป็นเด็กอ้วนข้างบ้าน แต่เขาเป็นคนป็อป เราตัดสินใจเดินไปบอกรักเขา แต่กลับโดนฉีดน้ำไล่ แล้วยังพูดใส่ว่า “ฝันไปเถอะอีอ้วน”

เมื่อโตขึ้นพระเอกจากเด็กฮอต กลายเป็นคนขายปั๊มน้ำธรรมดา ในขณะเดียวกันเราเป็นคนที่สวยขึ้น เราเป็นดาวมหาลัย กำลังจะเข้าวงการฯ ตอนนั้นพระเอกรักนางเอกแล้ว แต่เรายังแค้นฝังหุ่นอยู่ บอกได้เลยว่าเขาชอบเราเพราะเราสวยขึ้น มันตรงกับชีวิตของตัวโบ ตอนเด็กๆ โบใส่แว่น เพราะสายตาสั้น ฟันเหยิน ผมสั้น เป็นนักกีฬาว่ายน้ำที่ตัวดำมาก (ลากเสียงยาว)”

“คุณพ่อเป็นคนชอบผู้หญิงผมสั้น โดยสเปกของคุณพ่อ ไม่ทราบว่าทำไม แต่คุณแม่ก็ตัดผมสั้นตลอด มันเลยลามมาถึงโบกับน้องสาวที่ตอนเด็กๆ คุณพ่อจะบอกว่าไว้ผมสั้นน่ารักกว่าลูก แต่เราก็อยากผมยาวบ้าง พอขึ้น ม.4 เลยไว้ผมยาว ดัดฟัน ใส่คอนแทกต์เลนส์ และออกจากทีมว่ายน้ำตั้งแต่ปิดเทอม ม.3 เพราะจะเตรียมตัวอ่านหนังสือเอนทรานซ์ เลยไม่ได้ดำแล้ว วันแรกที่ไปโรงเรียนตอน ม.4 มีรุ่นพี่เดินมาถาม 3-4 คนว่าน้องย้ายมาจากโรงเรียนอะไร “เฮ้ยพี่ หนูอยู่โรงเรียนนี้มา 9 ปี” แล้วพี่อีกคนหนึ่งนี่ น่าเกลียดมากจริงๆ อยู่ทีมว่ายน้ำเดียวกันมา 9 ปี แต่จำไม่ได้ โบน่าจะมีรูปให้ดูนะ (เปิดรูปในมือถือให้ดูทันที) รู้ไหมพี่เป้เห็นรูปนี้แล้วพูดว่าอะไร “โห! น้องเป็นผู้หญิงที่มาไกลมาก ตอนอยู่ญี่ปุ่นนี่รถคว่ำป่ะ (หัวเราะ)

ตอนมัธยมต้นโบไม่เคยได้ดอกไม้วันวาเลนไทน์เลยสักดอก พอขึ้น ม.4 โบได้ 102 ดอก โบมีความรู้สึกว่าโบไม่อยากแบ่งคนสวย คนไม่สวย ใช้คำว่าคนหน้าตาดีกับคนที่ไม่ได้หน้าตาดีดีกว่า พอคนรอบข้างปฏิบัติกับเราแตกต่างกัน มันเหมือนกับวันที่เราแต่งตัวสวยกับวันที่เราแต่งตัวไม่สวยแล้วไปเดินห้าง บางทีพนักงานก็จะปฏิบัติกับเราแตกต่างกัน โบเข้าใจว่ารูปร่างหน้าตามันเป็นเฟิร์สอิมเพรสชัน แต่ครั้งนี้มันทำให้โบคิดได้ว่าไม่ชอบผู้ชายที่เข้าหาเราเพราะถูกใจในเรื่องรูปร่างหน้าตา ถ้าโบกลับบ้านใส่แว่น เขาจะไม่ชอบโบใช่ไหม”

“จริงๆ แล้วคนที่หน้าตาไม่ได้ดีมาก เขาจะพัฒนาบุคลิกให้มีเสน่ห์ หรืออะไรสักอย่างแทนรูปร่างหน้าตา ซึ่งโบรู้สึกว่าตรงนั้นคือเสน่ห์ที่แท้จริง มันคือตัวตนของเขา ไม่ใช่คนที่สวยแล้วมองเห็นว่าสวย แต่พอคุยด้วยแล้วไม่มีอะไร ทำให้เห็นข้อเท็จจริงนี้มากขึ้น”

ไม่ตั้งใจตบบ้องหูพี่เป้
เมื่อถามฉากไหนไม่มีวันลืมไปอีกนาน หรือถ้าพูดถึงครั้งใดก็จะหัวเราะได้ตลอด ซึ่งทั้งพระ-นางก็มีฉากในใจเหมือนกัน อาจบอกได้ว่าเป็นฉากประทับใจที่น่าหวาดเสียว และเป็นฉากที่โบพูดได้เต็มปากเลยว่า “พี่เป้จะไม่มีวันลืมโบ ธัญญะสุภางค์เลย”

“ฉากแรกที่ได้เล่นเต็มๆ กับพี่เป้ เป็นฉากที่โบกลับบ้านแล้วมีไอ้หื่นตามโบมา แล้วเราเห็นพี่เป้ยืนอยู่หน้าบ้าน เลยดีใจรู้สึกว่าเรารอดแล้ว แต่ด้วยความที่ในหนังพี่เป้ไม่ใช่ผู้ชายธรรมดา เขาเผลอไปคลิกเว็บไซต์หนึ่ง เกี่ยวกับองค์กรกามเทพ ซึ่งกามเทพในที่นี้เป็นสิ่งที่อยู่รอบๆ ตัวเรา และพี่คิว พระเอกก็เป็นหนึ่งในกามเทพนั้น จากการที่เผลอไปสมัคร แต่มีข้อแม้ว่ากามเทพมีความรักไม่ได้ จะบอกรักใครไม่ได้ ถ้าต้องการจะออกจากการเป็นกามเทพต้องจับคู่ให้ได้ 3 คู่
 
ฉะนั้น ตอนที่เก้อขอร้องให้พี่คิวช่วยจากไอ้หื่น พี่คิวเลยพูดไปว่า “ผมนี่แหละแฟนตัวจริงของเก้อ” ไอ้หื่นไม่เชื่อ พี่คิวเลยหันมาบอกเราว่า พี่มีอะไรจะบอกเก้อ เพื่อจะพิสูจน์ให้ไอ้หื่นนั่นเห็นว่าเรารักกัน แต่แทนที่จะบอกว่าพี่รักเก้อ กลับบอกว่า “พี่อยากจับนมเก้อ” เราโกรธมาก และต้องตบหน้าพระเอก พี่วศินบอกว่าตบเต็มๆ เลย อย่ายั้งมือ ถ้ายั้งพี่เป้เจ็บตัวหลายรอบ เราก็ตบเต็มที่เลย แต่กะผิด เลยไปตบที่บ้องหู (หัวเราะ) ถ้านักข่าวถามพี่เป้ว่าฉากไหนเป็นฉากประทับใจ เขาจะบอกว่าฉากตอนโบตบทุกทีเลย”

หนังเรื่องนี้เป็นงานแสดงชิ้นแรกของเธอ จึงมีอยู่แล้วที่เธอจะคาดหวังอยากให้คนมาดูหนังที่เธอแสดงมากๆ เหมือนกับเป็นการให้กำลังใจกัน สำหรับการเปิดตัวนางเอกน้องใหม่ของวงการ

“ความคาดหวังกับเรื่องนี้ ถ้าจะบอกว่าไม่คาดหวังอะไรเลยก็ไม่ใช่ เพราะคนเราทำงานมันก็ต้องมีความหวัง โบทำงานตรงนี้เป็นผลงานชิ้นแรก โบก็พยายามทำเต็มที่ อยากให้ออกมาถูกใจคนดู มีเสียงตอบรับกลับมาดีๆ ขณะเดียวกัน โบก็ไม่อยากคาดหวังสูงเกินไป เพราะว่าจริงๆ แล้วแอ็กติ้งตัวเองก็ยังไม่โปรขนาดนั้น แต่เนื้อเรื่องนั้นดีอยู่แล้ว พอหนังโปรโมตออกมา โบก็รู้สึกภูมิใจมาก”

ใฝ่ฝันอยากเป็นนักการทูต
จากเส้นทางนักการทูตตามที่เคยฝันไว้ แต่ชีวิตหักเหมาเป็นนางเอกหนังเสียก่อน เมื่อลมพัดลมเพมายืนตรงจุดนี้ เธอจึงขอทำหน้าที่ให้สมกับที่มีโอกาส ส่วนนักการทูตที่เคยใฝ่ฝันตั้งแต่อายุ 9 ขวบ ก็คงต้องขอพับเก็บไว้ก่อน เพราะเวลานี้คนบันเทิงต้องการเธอมาประดับอยู่ในวงการ

“จริงๆ แล้วโบไม่เคยคิดเลยว่าเราจะมีโอกาสมายืนตรงจุดนี้ เพราะว่าตั้งแต่โบอายุ 9 ขวบเนี่ย โบอยากเป็นนักการทูตมาตลอด เพราะว่าคุณพ่อทำงานอยู่บริษัทการบินไทย โบจึงมีโอกาสไปเที่ยวต่างประเทศบ่อย ก็เลยทำให้เราชอบภาษาไปโดยปริยาย เหมือนกับเราได้เห็นคุณพ่อใช้ภาษาอังกฤษตลอด รู้สึกว่าภาษามันเป็นสิ่งสำคัญ”

“ตอนเด็กๆ ถ้าโบได้ตามคุณพ่อไปทำงาน บางทีโบจะต้องนั่งคนเดียวกลับกับคนต่างชาติ ก็เลยรู้สึกว่าการที่เราได้คุยกับคน มันเป็นเรื่องสนุก ทำให้เราชินกับสภาพแวดล้อมที่โตมาแบบนี้

โบเคยถามคุณแม่ว่าถ้าโบชอบแบบนี้ แล้วจะเลือกทำงานอะไรได้บ้างในอนาคต แม่ก็บอกว่า “มีนักการทูต อยากเป็นไหม?” เราก็คิดนักการทูตไม่น่าเป็นเลย อารมณ์เหมือนยมฑูตอะไรแบบนี้รึเปล่า (หัวเราะ)”

“พอโบจบ ม.6 ก็ตั้งใจว่าจะเอนทรานซ์เข้าคณะรัฐศาสตร์ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ แต่พอจบมัธยมจากโรงเรียนสาธิตเกษตร โบก็สอบชิงทุนไปเรียนต่อปริญญาตรีที่ประเทศญี่ปุ่น และมันเป็นสาขาวิชาที่โบอยากเรียนพอดี แต่เราก็ไม่ได้หวังเลยไปสอบชิงทุนแบบขำๆ เพราะตั้งใจจะสอบเอนทรานซ์อยู่แล้ว สรุปเรากลับได้ทุนนั้นมา เลยตัดสินใจไปเรียนต่อด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศที่ญี่ปุ่น

ที่นั่นโบได้ไปฝึกงานสถานทูตไทยที่โตเกียว ช่วงแผ่นดินไหวโบก็อยู่ตรงนั้น โบคิดว่าถ้ากลับมาไทยก็จะไปสอบกระทรวงการต่างประเทศเลย แต่โบกลับมาจากญี่ปุ่นด้วยใบรับรองการศึกษาว่ามีหน่วยกิตเต็มแล้ว แต่ยังไม่ได้ใบจริง แล้วปีนั้นกระทรวงฯ จัดสอบ แต่เขาบอกว่าโบยังสอบไม่ได้ให้รอ โบก็เลยอ้าว! ทำไงดี สอบไม่ได้ หางานไม่ได้ เพราะโบต้องว่างอีกครึ่งค่อนปีกว่ากระทรวงฯ จะเปิดสอบอีก มันเป็นจุดที่อยู่บ้านเฉยๆ แล้วเราจะทำอะไรดี บังเอิญเจอพี่ที่แคสต์งาน

มันเริ่มจากที่โบไปงานกับคุณพ่อ แล้วเจอเพื่อนของเพื่อนคุณพ่อที่เป็นโมเดลลิ่ง เขาก็บอกว่าอยากลองมาแคสต์หนังไหม เราเลยลองดูแล้วก็ได้ เหมือนกับว่าโบได้หนังเรื่องนี้ แล้วตอนระหว่างแคสต์จะมีพี่โมเดลลิ่งที่เขาส่งเด็กมาแคสต์ เขาก็ชวนโบไปแคสต์งานโฆษณา ฉะนั้นโบแคสต์หนังก่อน แล้วระหว่างรอหนังนานเป็นเดือนๆ เพราะติดน้ำท่วมด้วย โบถึงไปแคสต์โฆษณา แต่งานหนังเป็นงานแรกที่โบแคสต์”

ความสุขของครอบครัวตัว บ.
มักจะได้ยินคนเป็นพ่อเป็นแม่พูดเสมอว่า “ถ้าลูกรักใครชอบใคร พ่อแม่ก็จะรักและชอบด้วย” มันเป็นคำพูดที่บอกถึงความรู้สึกรักของพ่อแม่ที่มีต่อลูกได้อย่างสนิทใจ เช่นเดียวกับคำพูดของคุณพ่อคุณแม่ของโบที่เธอเล่าให้ฟังว่า “พ่อจะพูดเสมอว่าลูกทั้งสองคน คือความฝันของพ่อ” “แม่เคยบอกว่าหน้าที่ของแม่คือการเลี้ยงลูกให้ได้ดี”

บ้านโบจะยึดคติมาตลอด ถ้าลูกรักอะไรจะรักด้วย ถ้าลูกรักใครชอบใครก็จะรักด้วย ดังนั้น ไม่ว่าจะเป็นสิ่งไหนก็ตาม ตราบใดที่โบมีความสุข คุณพ่อคุณแม่ก็จะแฮปปี้ด้วยมากๆ คุณพ่อเราจะไม่ค่อยได้เจอกัน เพราะท่านทำงาน บินไปต่างประเทศตลอด จึงเป็นคุณแม่ที่ดูแลโบมาตลอด สละอาชีพเพื่อมาดูแลลูกๆ แต่ก่อนคุณแม่เป็นดีไซเนอร์อยู่นิวยอร์ก แต่เจอคุณพ่อตอนสมัยเรียนอยู่ที่ฝรั่งเศส แล้วมาแต่งงานกันที่ไทย”

“คุณพ่อเป็นคนใต้ อยู่จังหวัดนครศรีธรรมราช เป็นคนทำงานหนักตลอด คุณพ่อเหมือนเป็นคนเดียวที่เป็นเสาหลักของบ้าน ตอนนี้คุณพ่อก็ยังทำงานอยู่ที่การบินไทย โบคิดเลยว่าถ้าโบสามารถหาเงินได้เยอะๆ โบเป็นลูกสาวคนโต อยากให้คุณพ่อพักบ้าง ตลอดชีวิตโบไม่เคยเห็นคุณพ่อพักเลย เขาต้องการสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับลูกตลอด คุณพ่อไม่เคยบ่นว่าเหนื่อยเลย ไม่เคยบอกว่าจะหยุดพัก ไม่เคยเลยสักครั้ง ซึ่งคุณพ่อเป็นคนตัวเล็กที่จิตใจใหญ่มาก คุณพ่ออยากให้โบได้เห็นโลกกว้าง อยากให้ทำทุกอย่างที่คุณพ่อไม่เคยทำ

ส่วนคุณแม่ เป็นลูกคนจีน หมวยมาก ท่านมีชีวิตที่ดีมาก มาจากครอบครัวที่มีเงินอยู่แล้ว คุณแม่ต้องเสียสละอาชีพดีไซเนอร์ ซึ่งมีสังคมของเขาอยู่ เพื่อมาดูลูก เลี้ยงลูกให้ดีที่สุดอย่างที่คิดไว้ โบจะสนิทกับคุณแม่มาก เรามีอะไรจะคุยกันทุกเรื่อง ไม่มีสักเรื่องที่เราไม่คุยกัน ตอนโบไปญี่ปุ่น วันหนึ่ง Skype กันวันละหลายรอบ บางทีก็เปิดทิ้งไว้ทั้งคืน คุณแม่ก็จะเห็นเรานอนหลับอยู่ ด้วยความที่คุณพ่อทำงาน โบ น้องสาว และคุณแม่จึงสนิทกันมาก ไปไหนเราก็จะไปเป็นแก๊ง 3 สาวตลอด

น้องสาวโบชื่อ “บูเก้” ตอนนี้เรียนอยู่ปี 1 ที่มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ตระกูลโบจะมีชื่อที่ขึ้นต้นด้วย บ.ใบไม้หมดเลย โบ ไบร์ท บีม บอม แบม บูม เบส บอล บิว พี่ไบร์ทที่อ่านข่าวเช้าคู่คุณสรยุทธ์ นั่นก็พี่สาวโบ เป็นลูกของพี่สาวคุณพ่อ จึงเหมือนเป็นลูกพี่ลูกน้องกัน”

“การที่โบเข้ามาในวงการครอบครัวก็สนับสนุนทุกอย่าง บางสิ่งบางอย่างที่เข้ามาในชีวิต บางทีมันขึ้นอยู่กับจังหวะและโอกาส ถ้ามองในอีกแง่หนึ่งบางทีหลายสิ่งหลายอย่างมันถูกลิขิตไว้แล้ว มันเหมือนมีเส้นทางของมันอยู่แล้ว เราก็เดินตามทางของมันไป ดังนั้น โบมองว่าการที่โบกลับมาจากประเทศญี่ปุ่น และยังไม่มีโอกาสได้ไปสอบกระทรวงฯ ตามที่ตั้งใจไว้ ด้วยเหตุผลอะไรหลายๆ อย่างก็ตาม แต่มันทำให้โบได้มีโอกาสตรงจุดนี้ หรือมันน่าจะเป็นอีกเส้นทางหนึ่งรึเปล่า เพราะเราไม่เคยคิดไม่เคยฝัน มันมีอีกหลายคนที่อยากได้โอกาสตรงนี้ แต่เมื่อมันมาถึงตัวโบแล้ว ก็ต้องทำให้มันดีที่สุด

คุณแม่จะสอนอยู่เสมอว่า คนเรามีโอกาสเกิดมาเพียงครั้งเดียว มันอาจจะดูน้อยนะ โอกาสเพียงครั้งเดียวนั้นน่ะ แต่ถ้าเราใช้โอกาสนั้นให้คุ้มค่า ครั้งเดียวมันก็เกินพอแล้วนะที่เราเกิดมา เหมือนตอนนี้โบมีโอกาสนี้เข้ามา โบก็อยากจะทำให้มันเต็มที่ที่สุด”

“ทุกวันนี้โบรู้สึกว่าเป็นผู้หญิงที่โชคดีมากๆ เลยค่ะ ทุกเช้าโบตื่นมา และทุกวันที่ไปกองถ่าย โบมีความสุขมาก คือมันมีแรงบันดาลใจ เราอยากไปทำ อยากเจอสิ่งใหม่ๆ ตลอดเวลา ถ้าถามว่าแล้วไม่เสียดายเหรอที่ได้ทุนไปเรียน กลับมาจะเป็นนักการทูต ทำไมอยู่ดีๆ เรามาทิ้งฝันอันนี้ แต่สิ่งที่โบเรียนคือรัฐศาสตร์การฑูต มันทำให้โบได้รู้จักคนเยอะ มันต้องเรียนภาษา จิตวิทยา จัดระบบความคิด สิ่งเหล่านี้โบก็เอามาประยุกต์ใช้นะ ที่เรียนมามันไม่ได้เสียเลย”

ประสบการณ์ที่ญี่ปุ่น สอนคนให้เป๊ะ!
เธอได้ใช้ชีวิตอยู่ประเทศญี่ปุ่นมาหลายปี มีเพื่อนเป็นคนญี่ปุ่น เรียนรู้ภาษาญี่ปุ่น รวมถึงการใช้ชีวิตของคนที่นั่น ระยะเวลา 4 ปีที่ผ่านมา ถือว่านานพอที่เธอจะซึมซับความเป็นคนญี่ปุ่นขนานแท้ พอมาอยู่เมืองไทยช่วงแรกโบจึงต้องปรับตัว เพราะการดำเนินชีวิตตามวิถีของคนญี่ปุ่น ทำให้คนในบ้านถึงกับเครียดตามๆ กัน

“โบเป็นคนที่นอนกับคุณแม่ตลอดเลย จนกระทั่งคืนแรกที่ไปประเทศญี่ปุ่นต้องนอนคนเดียว ต้องปรับตัวเยอะมาก ร้องทุกครั้งที่กลับมาเมืองไทย แต่ก่อนคุณแม่ใช้เงิน 200 เป็นค่าขนม เราก็จะคิดว่า 200 บาทนี้เราจะกินอะไรดี อยู่วันจันทร์ถึงวันศุกร์เอาให้มันหมดเลย แต่พอไปถึงญี่ปุ่นปุ๊บ! มันไม่ใช่ค่ะ คุณแม่ให้เงินก้อนเท่านี้ เราจะคิดแต่ค่ากินไม่ได้แล้วนะ ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าแก๊ส ค่าโทรศัพท์มือถือ ค่าอินเทอร์เน็ต ค่าเช่าบ้าน ไหนต้องมีค่าภาษีสังคม ค่าของขวัญวันเกิดเพื่อนอีก มันทำให้เราคิดชั้นเดียวไม่ได้ ต้องคิดหลายๆ ชั้น หลังจาก 2-3 เดือนแรกผ่านไป โบเก่งขึ้นนะ แต่เดือนที่ 4 โบป่วย ลืมไปค่าป่วย ต้องมีค่าป่วยทำไงดีล่ะ (หัวเราะ)”

“ตอนอยู่ที่ญี่ปุ่น โบมีเพื่อนจากทั่วโลกเลย คนเปรู บังกลาเทศ ปากีสถาน ฟิจิ มาดากัสการ์ ปกติเราจะคิดว่าทำอาหารเป็นแล้ว ทำไข่เจียว ทำแกงจืด ผัดผักได้ ทำได้ 5 อย่างรอดแล้วแม่ แต่พอเราทำกินเอง วันละ 3 มื้อ 7 วันต่อสัปดาห์มันเยอะมากเลยนะ ทำเป็นอยู่ 5 อย่าง ก็กินซ้ำๆ มันเบื่อมากเลย

แต่ก่อนเราเป็นเด็กเนิร์ด อ่านหนังสือดึก ตื่นสายหน่อยไม่เป็นไร เช้ามาคุณแม่จะทำอาหารไว้ให้บนโต๊ะ ขับรถไปส่งเราที่โรงเรียน แต่อยู่ญี่ปุ่นไม่ได้เลย เรานอนไม่ว่าจะดึกแค่ไหนก็ตาม เราก็ต้องตื่นมาทำอาหาร ไปเรียนเอง แล้วที่ญี่ปุ่นบอกรถบัสมา 8 โมง 3 นาที มันก็จะมาเวลานั้นเป๊ะเลย แล้วโบจะไปถึงที่เรียนประมาณ 8 โมง 40 นาทีของทุกเช้า คือทุกอย่างมันเหมือนเป๊ะๆๆ แบบนี้ค่ะ เขาทำงานเป็นระบบมาก ตอนกลับมาแรกๆ แม่บอกว่าโบเป็นคนเครียดอยู่ด้วยนานๆ ไม่ได้ แม่บอกว่า 8 โมงครึ่งออกจากบ้าน พอ 8 โมง 25 นาที โบจะนั่งรออยู่หน้าบ้าน กดดันคนในบ้าน

บางเรื่องโบจะไม่ชินกับการใช้ชีวิตแบบคนไทย มันต่างกับที่ญี่ปุ่นมาก พอเราไม่ชินมันจะเครียด เราจะทำอะไรเครียดๆ เหมือนคนญี่ปุ่น ตอนแรกที่กลับมาโบจะถามคุณแม่ว่าวันนี้แพลนของคุณแม่คืออะไร แรกๆ ก็จะไม่ว่าอะไร พอถามมากเข้า คุณแม่เริ่มเครียด แล้วไม่มีแพลนทำยังไงล่ะ นั่งเฉยๆ เหรอ ดูทีวีเหรอแม่ แต่ตอนนี้โบปรับตัวดีขึ้นเยอะ”

เก่งทั้งบู๊และบุ๋น
นอกจากความสวย น่ารัก ซึ่งการันตีมาบนใบหน้า เธอยังมากความสามารถทั้งพูดได้ถึง 6 ภาษา การเรียนก็ไม่น้อยหน้า แถมยังเป็นตัวแทนแข่งขันกีฬาว่ายน้ำของโรงเรียน ตั้งแต่ชั้นประถมจนถึงมัธยม ไม่เพียงเท่านั้นเธอยังมีทักษะทางด้านดนตรีที่ผู้กำกับได้จับเธอมานั่งสีเชลโลในหนังด้วย

“โบพูดได้ 6 ภาษา มีภาษาไทย อังกฤษ ฝรั่งเศส ญี่ปุ่น เกาหลี และสเปน ภาษาสุดท้ายนี้จะป้อกแป้กที่สุดเพราะเรียนหลังสุด ถ้าภาษาที่เชี่ยวชาญที่สุด หากไม่นับภาษาไทยและอังกฤษ น่าจะเป็นภาษาญี่ปุ่น การเรียนภาษาญี่ปุ่นของโบ โบเรียนกับคนญี่ปุ่น มีเพื่อนเป็นคนญี่ปุ่น ใช้ชีวิตอยู่ที่ประเทศญี่ปุ่น มันจะลึก และจำเข้ากระดูกดำมากกว่า พอไปอยู่ญี่ปุ่น 4 เดือน จำได้ว่ากลับมาเมืองไทย นึกคำว่าวันเสาร์ไม่ออก คือมันเกิดความสับสนทางด้านภาษา”

จะเห็นว่าในหนังมีฉากเล่นเชลโลด้วย “จริงๆ บทที่เขาเขียนมาเขาอยากให้นางเอกเล่นอูคูเลเล แต่โบเล่นไม่ได้ แล้วเรารู้สึกว่าถ้าเล่นไม่ได้แล้วมันจะเหมือนเหรอ พี่วศินเขาชอบอะไรที่เป็นธรรมชาติอยู่แล้ว เลยถามพี่เขาว่าโบเล่นเชลโลได้ไหม เพราะโบเล่นมาตั้งแต่อายุ 12 ตอนนั้นเรายังไม่สวย เราเห็นพี่ป่าน วงวีทรีโอเล่น แล้วพี่เขาสวยมาก นั่งสีเชลโลแล้วรู้สึกมันเท่จังเลย เพราะมาก พูดง่ายๆ คืออยากสวยเหมือนพี่เขา เล่นจริงจังมาก จนอยากเป็นนักเชลโล โตมากับวงดนตรีคลาสสิก จนตอนนี้ก็ยังเล่นได้เหมือนเดิม

นอกจากนี้ โบเล่นเปียโนได้ และเป็นนักกีฬาว่ายน้ำของโรงเรียนตั้งแต่อยู่ ป.1 เพราะคุณแม่อยากให้ว่ายน้ำเป็นเลยจับโบไปอยู่ทีมว่ายน้ำ ว่ายน้ำจนถึง ม.3”

หากลงลึกพูดถึงตัวตนของสาวโบ หลายคนอาจยังไม่รู้ภายใต้คอนแทกต์เลนส์ที่เห็น เธอสายตาสั้นถึง 900 เพราะเป็นกรรมพันธุ์ เธอเริ่มใส่แว่นตอนอยู่ ป.3 หมอบอกว่ามีอย่างเดียวถ้าจะให้หยุดสั้น คือเลิกอ่านหนังสือ!

“โบเป็นคนเรียบร้อยนะ พูดน้อย ขี้อายมาก จนกระทั่งโบมาอยู่วงการ แต่โบเป็นคนปรับตัวเก่งมาก เป็นคนเรียนรู้ไว มีระเบียบ ค่อนข้างเป๊ะ โบรู้ว่ามันควรจะเป็นยังไง ปัญหามันอยู่ตรงไหน โบไม่ใช่คนฉลาด แต่โบเป็นคนขยัน อย่างตอนที่โบเรียนสายวิทย์ ตอน ม.4 เรียนไปเทอมนึงแล้วขอย้ายมาเรียนสายศิลป์-ฝรั่งเศส แล้วทีแรกโรงเรียนจะไม่ให้ย้าย เขาบอกว่าย้ายทำไม เกรด 3.8 ปกติจะมีแต่เด็กที่เรียนไม่ได้ย้าย โบรู้สึกว่าโบทำได้ แต่มันหนักมาก อย่างสอบโจทย์เลขเรื่องเชต 25 ข้อ โบต้องทำโจทย์เลขทั้งหมด 500 ข้อ เพื่อที่จะไปสอบ”

มาถึงตอนนี้หลายอย่างที่เธอคิดและพูด แสดงให้เห็นว่าเธอไม่ใช่สาวสวยแค่หน้าตา แต่สมองกลวง เธอยังมีอะไรที่น่าค้นหาอีกมาก และมันก็ทยอยไหลมาจากคำพูดให้รู้สึกได้

“ตั้งแต่ ม.ปลายโบจะติดนิยายประเภทหนึ่งมาก มันเป็นนิยายอิงประวัติศาสตร์ โบคิดได้อย่างหนึ่งว่าถึงแม้ผู้หญิงผู้ชายเขาจะรณรงค์ว่ามันมีความเท่าเทียมกันอยู่ แต่ให้ตายยังไงมันมีความเท่าเทียมกันไม่ได้ ผู้หญิงก็ยังได้รับความปกป้องจากผู้ชายอยู่ ดังนั้น สิ่งหนึ่งที่โบคิดอยากจะเป็น โบไม่ได้ต้องการเป็นคนประสบความสำเร็จในชีวิต โบต้องการเป็นภรรยาที่ดีและแม่ที่ดี

โบมีความรู้สึกว่าเบื้องหลังผู้ชายที่ยิ่งใหญ่ทุกคนในโลก จะมีผู้หญิงที่ยิ่งใหญ่เหมือนกันที่ยืนอยู่ข้างเขา โบอยากจะเป็นคนซัปพอร์ตที่ดี เป็นแม่ที่ดี นั่นน่าจะเป็นจุดที่รู้ว่าโบประสบความสำเร็จในชีวิตแล้วหรือยัง โบไม่ต้องการผู้ชายมาเป็นผู้นำ หรือจะให้เขามาเป็นผู้ตาม โบต้องการคนที่เดินเคียงข้างไปพร้อมกันได้

เคยมีคนพูดในวิชารัฐศาสตร์ว่า บิล คลินตัน เคยไปทริปกับฮิลลารี แล้วเขาไปแวะเติมน้ำมันที่ปั๊มแห่งหนึ่ง แล้วบังเอิญเจอแฟนเก่าของฮิลลารี เขาก็ทักทายกัน พอเข้ามาในรถบิลถามฮิลลารีว่า แปลกดีเนอะ ได้มาเจอแฟนเก่ายู ยูคิดไหมว่าเราจะเป็นยังไง ถ้าเราไม่ได้เจอกัน และยูแต่งงานกับคนนั้น สิ่งที่ฮิลลารีตอบกลับมาก็คือว่า ผู้ชายคนนั้นแหละที่จะได้เป็นประธานาธิบดีของอเมริกาไม่ใช่ยู พอฟังแล้วเฮ้ย! ผู้หญิงคนนี้เป็นผู้หญิงที่จ๊าบมากเลย โบอยากเป็นผู้หญิงที่มีค่าแบบนั้นบ้าง”

ผู้ชายเซ็กซี่ที่สุดที่สมอง
“ความรักเปรียบเหมือนเม็ดทราย นับหาย นับหาย นับไม่หมด” นี่เป็นนิยามความรักของโบที่เธอเคยเปิดอ่านเจอในจดหมายรักของคุณพ่อที่ส่งให้คุณแม่

“เวลาคนพูดแบบนี้ โบจะเห็นว่าความรักมันเป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่มาก ความรักมันไม่มีวันหมด ความรักไม่มีเงื่อนไข โบคิดว่ารักคือการให้อภัย ให้เวลา และให้โอกาส และถ้าเรารักใครสักคน ถ้ามันเป็นความรักที่แท้จริง มันก็จะยิ่งใหญ่เหมือนแบบนี้ นับไม่หมด มันเยอะไปหมดเลย ทั้งหาดทราย”

แล้วข่าวที่ออกมาว่า “หรือสาวคนนี้จะเป็นตัวจริงของหนุ่มเป้ ไม่อยากให้เป็นแค่รักเพื่อโปรโมตหนัง” โบตอบกลับมาว่า “ถ้าโบไม่ได้ออกมากองถ่าย ไม่ได้ออกมาเจอพี่เป้ โบก็จะไม่ค่อยเจอคนวัยเดียวกันนะ โบก็อยู่บ้าน หรือไม่ก็อยู่กับเพื่อนสาวๆ สาธิตเกษตร สุดท้ายก็เป็นข่าวกับพี่เป้ เพราะจริงๆ แล้วชีวิตโบไม่ค่อยมีใคร (หัวเราะ) เรื่องเป็นข่าวกับพี่เป้ โบว่ามันก็ตลกดีนะ เราสนิทกันด้วยบทบาท แต่ทุกวันนี้ที่ข่าวออกมามันยังไม่มีอะไร ตอนนี้โบไม่เครียดนะ การที่โบมายืนอยู่ที่จุดนี้ กลายเป็นคนของสังคมไปแล้ว โบมองว่าถ้าเราทำงานในวงการบันเทิง เราก็ทำตัวบันเทิงๆ เข้าไว้ ไม่ต้องไปเครียดกับมันหรอก

พี่เป้บอกว่าถ้าเราไม่ได้ทำผิดกฎหมาย ไม่ได้ทำผิดศีลธรรม จารีตประเพณี ไม่ว่าอะไรก็ตอบได้หมด ดังนั้น มันไม่มีเหตุที่จะไปเครียดกับมัน แต่แรกๆ โบเครียดตอนครั้งแรกที่โบได้ยินว่าเป็นข่าวกับพี่เป้ เพราะโบยังไม่ชินกับข่าวในวงการ สิ่งหนึ่งที่โบคิดก็คือว่าพี่เป้เขาจะอึดอัดไหม เขาจะเครียดรึเปล่า แต่พี่เป้เขาปรับตัวได้อยู่แล้ว แล้ววันนั้นโบมานั่งเครียดทำไม (หัวเราะ)”

“หากถามถึงแฟนตอนนี้ไม่มีค่ะ เพราะว่าโบไม่ค่อยมีเพื่อนอยู่เมืองไทย เพื่อนทั้งหมดจะมาจากสาธิตเกษตร ถ้ามันจะจีบเรา มันคงจีบไปนานแล้ว แสดงว่ามันก็คงไม่มีควัน ไม่มีไฟ และถ้าไม่ใช่เพื่อนสาธิตเกษตรก็จะอยู่เมืองนอกหมดเลย แต่โบเชื่อรักทางไกลนะ เพราะคุณพ่อคุณแม่ของโบรักกันมา 7 ปี แล้วก็กลับมาแต่งงานกัน แต่โบมองว่าความรัก ให้รอไม่ใช่เรื่องยาก ถ้าเราเห็นจุดที่มันจะมาบรรจบกันอีกครั้งหนึ่ง ถ้าหากโบเริ่มความสัมพันธ์ที่อยู่เมืองนอกกับใครสักคนตอนนี้ มันเหมือนไม่ได้กลับมาเรียนต่อด้วยกันแล้ว มันก็จะไม่มีความเป็นไปได้

โบไม่มีเรื่องสเปกรูปร่างหน้าตาของผู้ชาย โบชอบคนที่เข้ากันได้ พูดกันรู้เรื่อง การสื่อสารเป็นสิ่งสำคัญมาก เราต้องมองทุกสิ่งทุกอย่างจากมุมมองที่คล้ายกัน หรืออย่างน้อยพร้อมที่จะเข้าใจกัน ถ้ามุมมองไม่ตรงกัน โบว่าผู้ชายเซ็กซี่ที่สุดที่สมอง โบชอบผู้ชายฉลาด คิดทันกัน พร้อมที่จะเดินไปกับเราได้ โบคิดไว้เลยว่าถ้าโบแต่งงานไป แล้วโบไม่สามารถเสียสละได้เท่ากับที่คุณแม่เสียสละ โบจะไม่อยากเป็นแม่เลย

สุดท้ายโบขอฝากภาพยนตร์ เค้าเรียกผมว่า...ความรัก “ตอนนี้เข้าฉายแล้ว สำหรับใครที่ยังไม่ได้ดูก็อยากให้ไปดูกันเยอะๆ นะคะ หนังเรื่องนี้มันเจ๋งตั้งแต่การเขียนบทแล้วค่ะ และผู้กำกับวศินก็เป็นผู้กำกับที่เก่งคนหนึ่งในเมืองไทย ซึ่งเคยกำกับเรื่อง “สิ่งเล็กๆ ที่เรียกว่ารัก” มาแล้ว หนังเรื่องนี้จะทำให้มุมมองความรักของทุกคนกว้างขึ้น เรามาเปลี่ยนเดือนตุลาฯ ให้กลายเป็นเดือนแห่งความรักกันดีกว่า”




ประวัติส่วนตัว
ชื่อ/นามสกุล : ธัญญะสุภางค์ จิรปรีชานนท์
วัน เดือน ปีเกิด : 6 กรกฎาคม 2533
น้ำหนัก-ส่วนสูง : 47 กก./ 167 ซม.
การศึกษา : Ritsumeikan Asia Pacific University-รัฐศาสตร์ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ
ความสามารถพิเศษ : พูดได้ 6 ภาษา ได้แก่ ไทย, อังกฤษ, ญี่ปุ่น, ฝรั่งเศส, เกาหลี และสเปน
กิจกรรมยามว่าง : ถ่ายรูปโพลารอยด์
สถานที่ประทับใจ : ทะเลภูเก็ต (สวรรค์บนดินของเธอ)
อาหารโปรด : ส้มตำไก่ย่าง
คติในการใช้ชีวิต : ทำไม่ได้ เป็นไปไม่ได้ หรือไม่ได้ทำ
ผลงาน : โฆษณา- วาสลีน, ทเวลฟ์ พลัส, โดม, เคเอฟซี และ โอวัลติน ภาพยนตร์-เค้าเรียกผมว่าความรัก และกำลังมีละครเรื่อง ไฟหวน แสดงคู่กับเติ้ล ธนพล (ช่อง 7)
 

ข่าวโดย ASTV ผู้จัดการ LITE/ภาพโดย ธนารักษ์ คุณทน












เป้กับโบ คู่พระนางในภ.เรื่อง เค้าเรียกผมว่า...ความรัก
โบสมัยเด็กๆ


กำลังโหลดความคิดเห็น