xs
xsm
sm
md
lg

กรุงเทพมหานคร “เมืองน่าอาย” หรือ “เมืองน่าเที่ยว” !?!

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ขึ้นชื่อว่า “เมืองหลวง” ก็ควรจะเป็นหน้าเป็นตาให้แก่ประเทศนั้นๆ ได้ แต่ดูเหมือน “กรุงเทพมหานคร” เมืองหลวงแห่งดินแดนสยาม ด้ามขวานของประชาชนชาวไทยจะสะท้อนภาพในทางตรงกันข้ามเสียมากกว่า เพราะนอกจากจะถูกประณามเรื่อง “รถติดนรกแตก” อย่างที่ล่าสุด สำนักข่าวต่างประเทศอย่างบีบีซีเพิ่งจัดอันดับให้เราคว้าตำแหน่งเมือง “Monster Traffic Jams” ที่สุดในโลกไปครอง
ลองหันมองดูรอบตัวยังพบเจอสภาพแย่ๆ รกหูรกตาเกินบรรยาย ตั้งแต่ระบบสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐาน... ทางเท้าที่กลับกลายเป็นทางวิบาก รถเมล์ฟรีที่กลายมาเป็นรถเมล์ตีนผี อุโมงค์ยักษ์ก็กลายเป็นอุโมงค์ร้าง-เพาะพันธุ์แมลงสาบไปได้ ไหนจะเรื่องการจัดการน้ำที่คอยกัดกร่อนกำลังใจชาวเมืองให้กลายเป็นโรคกลัวน้ำไปตามๆ กัน ขอถามหน่อยเถิดว่า นี่หรือคือคุณสมบัติดีๆ ที่เมืองหลวงควรจะเป็น?


เมืองหลวงที่ “น่าอาย” ที่สุด?
ชาวกรุงส่วนใหญ่อาจคุ้นชินกับสภาพแย่ๆ ที่พบเจออยู่ทุกเมื่อเชื่อวันกันไปเรียบร้อยแล้ว หลายคนที่ไม่เคยเดินทางไปเสพความเจริญในต่างแดนอาจยังวาดภาพไม่ออกว่า “เมืองหลวง” ที่แท้จริงนั้นควรจะเป็นเช่นไร “ปองขวัญ สุขวัฒนา ลาซูส” อุปนายกและประธานกรรมาธิการอนุรักษ์ศิลปสถาปัตยกรรม สมาคมสถาปนิกสยามฯ มีมุมมองที่น่าสนใจมาฝากไว้ให้ได้คิด
 

“ถ้าเป็นประเทศที่เจริญแล้วก็จะต้องพัฒนาระบบขนส่งมวลชนให้ดีกว่านี้ค่ะ อย่างตอนนี้เรามีรถไฟฟ้าก็จริง แต่มันก็ยังไม่ครอบคลุม ส่วนตัวคิดว่าคนส่วนใหญ่ไม่ได้อยากใช้รถหรอกค่ะ บางทีก็อยากเดินบ้างถ้ามีระบบขนส่งที่สะดวกสบาย แต่นี่แทบจะไม่มีทางเลือก คนก็เลยต้องใช้รถส่วนตัว รถก็เลยติด แล้วเล่นมีนโยบาย “รถคันแรก” จากรัฐบาลออกมาแบบนี้ ก็เรียกได้ว่าสวนทางกับหนทางการแก้ปัญหามากๆ เหมือนกัน แค่ก่อนหน้านี้ยังไม่มีนโยบายตัวนี้ ปัญหารถติดก็แก้ยากอยู่แล้ว
  

เรื่องถนนหนทางก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่น่าหนักใจมาก โดยเฉพาะทางเดินเท้า มีแผงลอยมาตั้งเกลื่อนไปหมดจน โกลาหลจนคนแทบเดินไม่ได้เลย ปล่อยให้เขามาตั้งร้านอาหาร มาล้างจานกันตรงนั้น เทน้ำ-เทเศษขยะลงไปบนทางเดินเท้า มันก็ทำให้แผ่นคอนกรีตที่ปูยุบตัวลงไป คือถ้าจะให้เขาขาย ทางกทม.ก็ต้องดูแลดีๆ ไม่ใช่ให้ขายแล้วทำให้ทางเดินสาธารณะเสียแบบนี้ มันใช้ไม่ได้
ถ้าเมืองหลวงเป็นหน้าเป็นตาให้ประเทศ ก็ต้องบอกว่ากรุงเทพฯ เป็นหน้าตาที่ “น่าอาย” มากค่ะ ลองนึกดูว่าแม้แต่สยาม พื้นที่ที่เป็นศูนย์กลางของกรุงเทพฯ พื้นที่ที่น่าจะเป็นหน้าเป็นตาให้ประเทศได้ มีศูนย์การค้าใหญ่โต ทางเดินเท้าของเรายังเน่าได้ขนาดนั้น ถ้าเป็นประเทศอื่นคงไม่เป็นแบบนี้แล้วล่ะค่ะ ก็ต้องถามว่า ทำไมปล่อยให้เมืองของเราเป็นแบบนี้? ที่ตรงนั้นมันเป็นศูนย์กลางของทุกอย่างนะ แล้วทำไมมันถึงเน่าได้ขนาดนั้น?”




ฟุตปาธเมืองกรุง วิบากทั้งคนทั้งรถเข็น
เรียกได้ว่าปัญหาเรื่องถนนหนทางหมักหมมจนเน่าเฟะไปทั่วทั้งเมืองหลวงแห่งนี้นานแสนนานแล้ว ลองสอดส่องสายตาไปตามทางเท้า จะพบเห็นหลุมตื้นลึกหลากมิติ จะเดินเหินไปไหนมาไหนต้องมีสติสัมปชัญญะอย่างมาก ไม่เช่นนั้นอาจสะดุดหน้าทิ่มพื้นได้ง่ายๆ วันดีคืนดีฝนตก น้ำเข้าไปขังในร่องบาทวิถี เดินไปเหยียบพื้นทางเดินที่วางไม่เสมอกัน น้ำโคลนที่ขังอยู่ภายในก็สาดกระเซ็นมาเปื้อนเสื้อผ้าได้โดยไม่ทันตั้งตัว เรียกได้ว่าประสบการณ์แย่ๆ พร้อมจะเกิดขึ้นได้กับคนเดินเท้าแทบทุกอณูในมหานครแห่งนี้ ไม่ต่างไปจากนักปั่นชาวสองล้อที่ต้องพบเจอทางวิบากหลากระดับจนเลือดตกยางออกมานักต่อนักแล้ว เพราะฝาท่อตามพื้นถนนที่ไม่ได้มาตรฐาน
 

คนที่ไม่รู้จะคิดไปว่าอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นกับจักรยานในกรุงเทพฯ ส่วนใหญ่เกิดมาจากการเฉี่ยวชน ซึ่งจริงๆ แล้วมันไม่ใช่เลยครับ เป็นผลมาจากล้อจักรยานเข้าไปติดฝาท่อทั้งนั้นเลย ที่ผ่านมาเราได้ลองสำรวจบริเวณพื้นที่รอบเกาะรัตนโกสินทร์ พบว่ามีท่อ 200 กว่าท่อที่ต้องแก้ไข โดยเฉพาะตรงรอบสนามหลวง เขาไม่ได้ราดพื้นถนนลงไปเสมอกัน แต่เหลือเผื่อทางระบายน้ำไว้ต่างกันประมาณ 20 ซม.ได้ ซึ่งถือว่าอันตรายมากๆ ครับ ถ้าวันไหนขี่ๆ อยู่แล้วถูกรถเมล์เบียด เราเบี่ยงหลบอาจจะตกท่อแล้วก็ล้มลงไปในนั้นแน่ๆ
ไหนจะเรื่องเลนจักรยานอีก สร้างเลนขึ้นมาให้พวกเราประมาณ 30 กว่าเส้นทาง แต่เกือบทั้งหมดชาวจักรยานไปทดลองใช้แล้วอยู่ในเกณฑ์สอบตกครับ คือใช้การจริงๆ ไม่ค่อยได้ แทนที่จะช่วยให้ขับขี่ได้ปลอดภัย อาจจะทำให้เฉี่ยวชนได้ง่ายขึ้นด้วยซ้ำ” ศิระ ลีปิพัฒนวิทย์ ผู้ประสานงานโครงการจักรยานกลางเมือง มูลนิธิโลกสีเขียว เปิดใจ
  
ถ้าหากระบบสาธารณูปโภคพื้นฐานในเมืองหลวงของประเทศเราดีกว่านี้ คงช่วยให้คนหลายๆ ระดับมีคุณภาพชีวิตที่ดีกว่านี้แน่นอน อย่างที่มิสวีลแชร์ไทยแลนด์ปี 2012 อย่าง “ชมพู่-ภัทราวรรณ พานิชชา” แอบบ่นเอาไว้เบาๆ ว่า “จริงๆ แล้วคนพิการทุกคนก็อยากจะไปให้ได้ทุกที่นั่นแหละค่ะ แต่บางที่มันไม่เหมาะ เขาไม่ได้สร้างทางลาดเผื่อไว้ให้เรา มีแต่บันได มันก็เลยลำบากที่จะออกมาใช้ชีวิตในสังคม มันยังมีข้อจำกัดอีกหลายอย่างที่คนทั่วไปอาจจะยังไม่เข้าใจค่ะ”




รถเมล์ฟรี วิ่งหนีประชาชน
อ่านไม่ผิด เพราะรถเมล์ฟรีที่วิ่งอยู่ทุกวันนี้ไม่ใช่ “รถเมล์ฟรี จากภาษีประชาชน” แต่คือรถเมล์ฟรีที่ไม่เคยสำนึกในภาษีของประชาชนเสียด้วยซ้ำ ถ้าใครเคยมีโอกาสขึ้นรถขนส่งมวลชนประเภทนี้บ่อยๆ จะรู้ซึ้งถึงกิตติศัพท์ “โชเฟอร์ตีนผี” เป็นอย่างดี เหยียบคันเร่งแต่ละทีเล่นเอาหัวหงอกหัวดำที่ขออาศัยอยู่ภายในใจหายไปตามๆ กัน... กลัวว่าจะเบรกไม่อยู่!
ด้วยสภาพรถที่เก่ากึ้ก เบรกแต่ละครั้งเสียงดังเอี๊ยดอ๊าดสะท้านแก้วหู แถมยังไม่เคยจอดรับผู้โดยสารตรงป้าย และถึงต่อให้ผู้โดยสารจะโบกรถให้ตรงจุดที่กำหนดไว้แค่ไหน สุดท้ายรถแดงๆ คันใหญ่ๆ เป็นต้องจอดพ้นตัวผู้โบกไปอีกหลายสิบเมตร ไม่รู้เป็นเพราะเหตุใด แต่เหมือนเป็นธรรมเนียมนิยมที่สืบทอดกันมาจากรุ่นสู่รุ่น
 

ที่น่าตลกกว่านั้นคือ นอกจากคนขับรถเมล์จะคอยซิ่งวิ่งหนีประชาชนแล้ว ล่าสุดแม้แต่กระเป๋ารถเมล์ยังชิ่งหนีผู้โดยสาร-หนีงานเป็นกิจวัตรด้วย ด้วยเหตุที่ว่ารถเมล์ฟรีไม่จำเป็นต้องแจกตั๋วเพื่อแลกเศษตังค์จากผู้โดยสาร กระเป๋ารถเมล์จึงมีหน้าที่เพียงถือกระดาษคอยเช็กจำนวนผู้โดยสารในแต่ละเที่ยวเพื่อเก็บเป็นสถิติ แต่พักหลังๆ หาทางหนีทีไล่ ทำข้อมูลปลอมได้ กระเป๋าฯ จึงตีเนียนหนีงาน ปล่อยทิ้งผู้โดยสารไว้กับโชเฟอร์ตามลำพัง จนทาง ขสมก.ต้องออกกฎ-สร้างระบบการออก “ตั๋วสำหรับรถเมล์ฟรี” ขึ้นมาใหม่ เพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าว
  
นี่ยังไม่รวมข่าวคาวๆ ระหว่างกระเป๋ารถเมล์กับผู้โดยสารที่ตบตีกันจนเลือดตกยางออกมาแล้วหลายต่อหลายราย ซึ่งหากเป็นประเทศที่พัฒนาแล้ว รับรองว่าจะไม่มีการบริการนอกระบบลักษณะนี้เกิดขึ้นให้สะเทือนอารมณ์อย่างแน่นอน ช่างตอกย้ำให้เห็นว่าประเทศเรายังเป็นประเทศด้อยพัฒนาอย่างมากจริงๆ




แท็กซี่ “อัจฉริยะ” เติมแก๊ส-ส่งรถตลอด
ในเมื่อขนส่งมวลชนสาธารณะบริการไม่น่าประทับใจ ผู้คนจึงหลีกเลี่ยงมาใช้บริการแท็กซี่กันมากขึ้น ด้วยความคาดหวังว่าจะได้รับการบริการที่ดีและคู่ควรกับจำนวนเงิน 35 บาทขึ้นไป แต่ก็ยังไม่วายเจอแท็กซี่หัวใส “อัจฉริยะ” สมชื่อ ปฏิเสธผู้โดยสารด้วยเหตุผลต่างๆ นานาเท่าที่จะชักแม่น้ำทั้งห้ามาได้ แต่ข้ออ้างฮิตที่สุดที่นิยมใช้กันคงหนีไม่พ้น “พอดีแก๊สหมด” “ต้องส่งรถแล้ว” ชวนให้คนโบกได้แต่หงุดหงิดและสงสัยอยู่ภายในใจว่า “แล้วจะมาขึ้นไฟว่างและลดกระจกฟังเราถามไปทำไมกัน?”
ซ้ำร้ายกว่านั้น หลายต่อหลายคันปฏิเสธอย่างไร้เยื่อใย พออีกฝ่ายบอกจุดหมายปั๊บก็ส่ายหน้าและปิดกระจกใส่ทันที แถมยังมีแท็กซี่ประเภทรับเฉพาะชาวต่างชาติให้เห็นอยู่จำนวนไม่น้อย ไม่ว่าฝนจะตกฟ้าจะร้องหนักแค่ไหน ถ้าเป็นคนไทยโบก... ฉันไม่รับ!!
 

ถึงแม้ตอนนี้จะมีกฎหมายออกมารองรับแล้วว่า ห้ามแท็กซี่ปฏิเสธผู้โดยสารในทุกกรณี ฝ่าฝืนปรับหนึ่งพันบาท ทั้งยังมีแอปพลิเคชัน “ร้องเรียนรถแท็กซี่ (Taxi Reporter Application)” บนไอโฟนและไอแพด แต่ดูเหมือนว่าผลที่ออกมาจะไม่แตกต่างจากเดิมมากนัก แม้กระทั่งชมพู่ มิสวีลแชร์ฯ ยังต้องขอบ่นเพิ่มเติม
 

อยากให้มี Taxi on demand เหมือนที่ประเทศเกาหลี ฮ่องกง สิงคโปร์มีค่ะ เป็นแท็กซี่สำหรับคนพิการโดยตรงเลย ตัวรถจะมีทางลาดขึ้นไป จะสะดวกสำหรับคนพิการมาก ไม่ต้องมาคอยลำบากยกตัวเองเข้าไปในรถ หรือมายกรถเข็นขึ้นแท็กซี่หลังจากขึ้นรถไปแล้วอีก แล้วเดี๋ยวนี้แท็กซี่ติดแก๊สกันหมดแล้ว ก็เลยพับรถเข็นไปเก็บไว้ท้ายรถไม่ได้ คนขับจะพับรถเข็นมาเก็บไว้ข้างในรถ
หรือบางคันก็ตัดปัญหา ไม่รับคนพิการไปเลยก็มี หนูเองก็โดนบ่อยค่ะ เราโบกแล้วไม่จอด ขับผ่านเราไปเลยตั้งหลายคัน เจอคันที่ใจร้ายก็มี เห็นเราโบกรถอยู่คนเดียว จอดให้นะคะ แต่ไม่มาช่วยยกรถเลย ไม่ถามด้วย ปล่อยให้เราทำเอง จริงๆ แล้วถ้ารถเมล์บ้านเราเป็นแบบของเมืองนอก มีทางลาดให้รถเข็นขึ้นไปได้ หนูก็คงใช้บริการค่ะ เพราะขึ้นแท็กซี่ตลอด ค่าใช้จ่ายสูงนะ ก็แอบหวังว่าประเทศเราจะมีบ้าง แต่คงอีกนานมั้งคะ (ยิ้มปลงๆ)”




กรุงเทพฯ เมืองน่าเที่ยวอันดับหนึ่ง?
พูดถึงข้อเสียกันได้เป็นฉากๆ ในอีกมุมหนึ่ง “วสันต์ มีวงษ์” ที่ปรึกษาและโฆษกของผู้ว่าราชการ กทม. กลับมองว่ามหานครของประเทศอย่างกรุงเทพฯ คือ “เมืองน่าเที่ยวอันดับหนึ่งของโลก” ถึงแม้จะมีข้อเสียอยู่บ้างประปราย แต่ข้อดีที่น่าภาคภูมิใจก็มีอยู่ไม่น้อยเหมือนกัน
 

“ถามว่ากรุงเทพฯ เป็นหน้าเป็นตาให้แก่ประเทศได้หรือไม่ กรุงเทพฯ ได้เป็นเมืองน่าท่องเที่ยวอันดับหนึ่งในโลกนะ ฉะนั้น ในแง่ของความเป็นเมืองหลวงก็เป็นที่ยอมรับ และไม่ใช่การให้คะแนนจากกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง แต่เป็นการโหวตจากนักท่องเที่ยวที่เข้ามาในกรุงเทพฯ ล่าสุดได้รางวัล The Best of City ระดับนานาชาติด้วย คือเราไม่ได้บอกว่าเราเป็นเมืองน่าเที่ยวแล้วเราไม่มีปัญหาอะไรเลยนะครับ แต่ที่นักท่องเที่ยวเข้ามาเที่ยว เขาต้องได้รับความประทับใจ เขาถึงโหวตให้ มันมีทั้งจุดดีและจุดด้อย
 

เมืองหลวงทุกเมืองก็มีปัญหาหมดแหละครับ ไม่มีหรอกครับเมืองที่ดีที่สุดในโลกชนิดที่ไม่มีปัญหาเลย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการจราจรติดขัด เรื่องมลพิษ แต่เราก็ต้องค่อยๆ แก้กันไปครับ เมื่อประกาศเป็นนโยบายออกมาแล้วเราสามารถเดินไปตามนั้นได้ คุณภาพชีวิตก็จะดีขึ้นเอง เราเองก็พยายามทำงานเชิงรุกอยู่ตลอด จากเดิมประกาศไว้ว่าจะเพิ่มพื้นที่สีเขียว 5,000 ไร่ ตอนนี้ก็ทำไป 5,000 กว่าไร่แล้ว พวกเราเองอาจจะมองกรุงเทพฯ เป็นเมืองธรรมดาๆ เพราะเราเห็นกันอยู่ทุกวัน แต่ถ้าถามว่าน่าเที่ยวไหม มันต้องถามคนอื่นครับ
 

ส่วนเรื่องที่เขาจัดลำดับให้เราเป็นเมืองรถติดอันดับหนึ่ง เราคงต้องไปปรับกันที่วิธีคิด ให้หันมาใช้ระบบสาธารณะกันมากขึ้น ต้องยอมรับว่าปริมาณรถเราเพิ่มขึ้นทุกวัน โดยเฉพาะในกรุงเทพฯ ข้อมูลล่าสุด รถยนต์ที่วิ่งในเมืองขณะนี้มีประมาณ 5 ล้านคัน แต่ศักยภาพของถนนที่มีอยู่ มันรับได้แค่ 2 ล้านเท่านั้น เพราะฉะนั้น ตราบใดที่เรายังไม่สามารถลดปริมาณรถยนต์บนท้องถนนได้ ในขณะที่การขยายถนนก็มีข้อจำกัด มันก็เป็นปัญหา
ตอนนี้นโยบายสำคัญที่ทางรัฐบาลและกทม.ให้ความสำคัญก็คือระบบขนส่งสาธารณะ ทั้ง BTS และ MRT ที่เสนอให้เชื่อมต่อสถานี เพื่อให้การเดินทางสะดวกขึ้น ถ้าเราสามารถกำหนดระยะเวลาการเดินทางของคนกรุงเทพฯ ได้ ผมเชื่อว่าในวันทำงานที่ไม่มีภารกิจที่ต้องออกนอกออฟฟิศ คนส่วนใหญ่ก็จะใช้รถขนส่งมวลชนกัน ถึงจะมีรถยนต์มาก แต่ก็จะถูกใช้ในวันพักผ่อนมากกว่า ก็ต้องค่อยๆ ปรับแก้กันไปครับ
 

ได้แต่หวังว่าการปรับแก้สภาพแย่ๆ ในเมืองหลวงแห่งนี้จะสะท้อนให้เห็นผลที่มีประสิทธิภาพในเร็ววัน มิเช่นนั้น คำขวัญกรุงเทพฯ ที่เพิ่งประกาศใช้ อาจจะต้องมีการปรับแก้จาก "กรุงเทพฯ ดุจเทพสร้าง เมืองศูนย์กลางการปกครอง วัด วัง งามเรืองรอง เมืองหลวงของประเทศไทย" ให้กลายเป็น...
“กรุงเทพฯ ดุจเมืองร้าง เมืองศูนย์กลางความระทม รถติด-ควันพิษ-คนด่าระงม ความเครียดสะสม เมืองหลวงของประเทศไทย”

ข่าวโดย ASTV ผู้จัดการ LIVE
ขอบคุณภาพประกอบบางส่วนจากอินเทอร์เน็ต
http://iaoy500.multiply.com
http://fenngeerati.files.wordpress.com
http://www.skyscrapercity.com
http://www.fotorelax.com


สภาพทางเท้าน่าอนาถ

ไม่มีคำว่าสะดวกสำหรับวีลแชร์
ล้อติดท้อ บ่อเกิดอุบัติเหตุ
ของฟรีก็เป็นแบบนี้แหละ
ตั๋วรถเมล์ฟรี แก้ปัญหา ขสมก. ไร้วินัย
สายไฟพร้อมดูดตามรายทาง
หาบเร่-แผงลอยกลางใจเมือง
แทบไม่เหลือทางเดินกันแล้ว

ความสวยงาม-น่าเที่ยว ที่หลงเหลืออยู่


กรุงเทพฯ เมืองน่าเที่ยว?

กำลังโหลดความคิดเห็น