xs
xsm
sm
md
lg

“แม่บ้านมหาภัย” สนิทแค่ไหนก็ไว้ใจไม่ได้!!

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


อีกแล้ว!! กับคดีแม่บ้านมหาภัย จ้างมาปัดกวาดเช็ดถู ดูแลบ้าน แต่กลับตีหน้าซื่อ เข้ามาทำร้าย-ทำลายครอบครัวนายจ้างเข้าจนได้ ล่าสุด “แหม่ม-วิชุดา พิมดัม” โดนเข้าอีกราย อุตส่าห์ดูแลประหนึ่งคนในครอบครัว แต่อยู่ร่วมชายคาเดียวกันได้ไม่ถึงปีก็ออกลาย ภาพจากกล้องวงจรปิดฟ้องว่าคุณป้าคนนี้ไม่ได้ดีอย่างที่คิด แถมยังเกือบฆ่าพ่อของแหม่มซึ่งนอนป่วยเป็นอัมพฤกษ์มาแล้ว!!




ยกเค้าไม่ว่า แต่นี่เกือบฆ่าพ่อ!
หลายคนคงทราบจากข่าวแล้วว่า “แหม่ม-วิชุดา” ถูกแม่บ้าน “ตุ๊ก-ปาณิสรา ศรีวิชา” วัย 48 ปี ยกเค้า ขนโทรทัศน์และเครื่องเล่นดีวีดีออกไปจากบ้านดาราสาวอย่างหน้าตาเฉย โดยที่เจ้าของบ้านเองก็ไม่เคยนึกเอะใจอะไรเลย เพราะทรัพย์สินดังกล่าว เธอมอบให้แม่บ้านไว้ใช้สอยภายในห้องนอนส่วนตัวและไม่เคยคิดเข้าไปตรวจสอบใดๆ พอมานึกสงสัยพฤติกรรมแปลกๆ หลายๆ อย่างระยะหลังๆ และเริ่มตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดที่ติดไว้ในบ้านนานแล้ว จึงรู้ซึ้งว่า “พี่ตุ๊ก” แม่บ้านคนสนิทนั้น แท้จริงแล้วแสบถึงไส้ขนาดไหน
 

“พ่อแหม่มป่วยเป็นอัมพฤกษ์มา 4-5 ปีแล้วค่ะ เลยต้องหาคนมาทำหน้าที่ดูแลคุณพ่อโดยตรง เพราะคุณแม่ก็อายุมากแล้ว ดูไม่ไหว ส่วนแหม่มก็ต้องทำงาน ไม่มีเวลาจริงๆ ก็ได้พี่ตุ๊ก แม่บ้านคนนี้มาดูแลแทนประมาณ 8-9 เดือนแล้ว หน้าที่ของเขาหลักๆ มีอยู่อย่างเดียวคือดูแลคุณพ่อ ต่อหน้าเรา เขาก็ทำงานเรียบร้อยทุกอย่าง แต่หลังๆ อาการของคุณพ่อก็เริ่มทรุดทั้งๆ ที่ตอนจ้างคนดูแลคนก่อนๆ คุณพ่อไม่เคยเป็นมาก่อน หมอบอกหัวใจท่านเต้นเร็วผิดปกติมาก วินิจฉัยว่าเป็นเพราะร่างกายขาดอาหารและน้ำ และผลการตรวจแต่ละครั้งออกมาเป็นแบบนี้ตลอด จากหัวใจเต้น 140 ว่าเร็วผิดปกติมากแล้ว มาครั้งล่าสุด หัวใจพ่อเต้นถึง 160 ถ้าวันนั้นไม่ได้ไปตรวจร่างกาย หมอบอกว่าคุณพ่อมีสิทธิช็อกไปเมื่อไหร่ก็ได้
  

เราฟังแล้วก็ตกใจ บอกไม่น่าเป็นไปได้นะคะ เพราะเราจ้างพี่ตุ๊กให้ข้าวให้น้ำคุณพ่อตรงเวลาตลอด แต่พี่ตุ๊กก็อ้างว่าคุณพ่อสำลักบ่อย กินไม่ค่อยได้ เราก็เชื่อตามนั้น ก็เลยเปลี่ยนเป็นอาหารเหลวให้คุณพ่อแทน มารู้ทีหลังตอนไล่ดูกล้องวงจรปิดว่ามันเป็นเพราะเขาให้พ่อเรากินวันละ 2 มื้อเอง ทั้งๆ ที่คุณหมอย้ำนักย้ำหนาว่าต้องกินให้ครบ 5 มื้อ เป็นเรื่องคอขาดบาดตายเลย แต่อาจจะเป็นเพราะแหม่มสะเพร่าเองด้วย ไม่ได้เช็คกล้องวงจรปิดตั้งแต่แรก และแหม่มก็ให้มอเตอร์ไซค์เขาเอาไว้ใช้คันหนึ่ง เพราะคิดว่าจะได้ไปตลาด ทำธุระได้สะดวก เพิ่งมารู้จากข้างบ้านทีหลังว่าเขาออกจากบ้านบ่อยมาก ไม่ต่ำกว่าวันละ 3-4 ครั้ง แทนที่จะเอาเวลาไปดูแลพ่อแหม่ม
  
เรื่องทั้งหมด แหม่มไม่ได้มองไปที่การยกเค้าหรือขโมยของ เพราะของพวกนี้หายไปเท่าไหร่ก็หาใหม่ได้ แต่ถ้าพ่อแหม่มเป็นอะไรไปล่ะ ใครจะรับผิดชอบ (เสียงสั่นเครือ) แต่แหม่มแจ้งความว่าเขาพยายามฆ่าพ่อไม่ได้ มันไม่มีกฎหมายรองรับตรงนี้ เลยต้องแจ้งเรื่องการยักยอกทรัพย์แทน เพราะเขาให้แหม่มโอนเงินไปแล้วเขาไม่จ่ายค่าของ และที่เขายกของออกจากบ้านอีก พูดตรงๆ เลยว่าแหม่มแค่อยากให้ตำรวจเรียกตัวเขามา เพราะได้ข่าวว่าเขาได้งานใหม่แล้ว คิดดูว่าหน้าที่เขาไม่ใช่แม่บ้าน แต่เขาดูแลคนป่วย ถ้าเขาไปทำแบบนี้กับคนอื่นอีก เขาอาจจะไปทำคนอื่นตายก็ได้



กลเม็ดจับผิด “สันดานโจร”
อยู่ด้วยกันมาเกือบปี เรียกได้ว่าอีกฝ่ายโกหกหน้าตายแนบเนียนมากจนแหม่มจับไม่ได้ไล่ไม่ทันเลยทีเดียว พอเริ่มมาจับโกหกจริงๆ จึงเห็นว่าแม่บ้านคนดี-คนสนิทที่เคยรู้จัก ดันผุดสันดานโจรออกมาให้เห็นอีกเพียบ
 

“เราไม่เคยสงสัยเขาเลยเพราะเขาทำงานดีมากเท่าที่แหม่มเห็นนะ พูดจาก็เพราะ พอพ่อแหม่มเริ่มอาการทรุด เราก็ยังไม่โทษเขา คิดว่าเป็นเพราะร่างกายคุณพ่ออ่อนแอเอง จนทรุดหนักมาก ต้องนอนโรงพยาบาล พยาบาลมากระซิบบอกว่าคนนี้เขาเป็นคนดูแลคนป่วยจริงเหรอ? ทำไมดูเขาไม่ค่อยสนใจคุณพ่อเลย ต้องระวังๆ หน่อยนะ แหม่มถึงได้เริ่มเอะใจ แล้วช่วงหลังๆ เขาขอเบิกเงินล่วงหน้าบ่อยมากและขอลาบ่อยมาก บอกว่าไปงานบวชลูกบ้างล่ะ งานอะไรเยอะแยะ แต่เราก็อนุญาตเพราะไม่ได้คิดอะไร
  

จนมาวันที่คุณพ่อนอนโรงพยาบาล แหม่มไม่มีเวลาเฝ้าคุณพ่อเพราะต้องซ้อมละครเวทีเรื่องรักจับใจ เลื่อนไม่ได้ด้วย เลยฝากพยาบาลว่ามีอะไรให้ช่วยบอกได้ไหมคะ นึกว่าสงสารแหม่มเถอะ พอวันนั้นโทร.ไปถามอาการคุณพ่อ พยาบาลบอกว่าไม่เห็นพี่ตุ๊กมาเฝ้าเลย เราก็เลยโทร.ตาม พี่เขาบอกว่าเดี๋ยวเข้าไป แต่ปรากฏว่าแหม่มลองเช็คดู เขาไม่ได้มา พอเราโทร.ตาม เขาก็บอกว่าสามีรถคว่ำ ต้องไปงานศพ เลยมาไม่ได้ เราก็เอ๊ะ! ทำไมมันบังเอิญจัง แต่เราก็ปล่อยไป
  

หลังจากนั้นแหม่มมาเห็นกล้องที่แหม่มให้พี่เขาไปวางอยู่ มากดดูภาพในนั้น เป็นรูปงานแต่งงาน วันที่ที่ขึ้นในกล้องคือวันที่ 27 ก.ค. วันเดียวกับที่เขาบอกว่าไปงานศพแฟน เราก็เรียกเขามาถามเลยว่าทำไมพี่ตุ๊กต้องโกหกแหม่มด้วย เขาก็แก้ตัวว่าไม่ได้โกหก แต่วันนั้นพี่กดพลาด กดไปโดนปุ่มอะไรไม่รู้ เครื่องมันเลยเซ็ตวันที่ผิด แต่เผอิญว่าในภาพวันแต่งงาน มันมีตัวเลขอยู่ด้านล่างชื่อเจ้าบ่าวเจ้าสาวว่าคือวันที่ 27 ก.ค. ด้วย คราวนี้เขาเถียงไม่ออก เปลี่ยนเรื่องพูดแทน แล้วแหม่มก็ลองไปเช็คชื่อ-นามสกุลสามีเขา ปรากฏว่ายังมีชีวิตอยู่ ไม่ได้ตายอย่างที่เขาพูด หลังจากนั้นพี่ตุ๊กก็ขอลากลับบ้าน แล้วเราก็ติดต่อเขาไม่ได้อีกเลย มารู้จากคนแถวๆ นั้นว่า เขาบอกว่าได้งานที่ใหม่แล้ว อยู่กับแหม่มไม่ไหว ดุด่า-ทำเรื่องแย่ๆ กับเขาตลอด เราล่ะงงเลย”
  

ยังมีเรื่องราวยิบย่อยที่แหม่มมารู้ทีหลังแล้วต้องเสียวสันหลังวาบ นึกกลัวในใจว่าที่ผ่านมาอยู่กับแม่บ้านมหาภัยรายนี้มาได้อย่างไรตั้งนมนาน พอสืบจากคนในหมู่บ้านมากๆ เข้าก็รู้ว่า นอกจากคุณเธอจะไม่ได้ทำหน้าที่คนดูแลผู้ป่วยที่ดีแล้ว พอตกดึกยังชอบออกมาก๊งเหล้ากับรปภ.หมู่บ้านเป็นประจำ วันไหนนึกครึ้มก็เอากุญแจอีกบ้านหนึ่งของแหม่มไป แล้วหิ้วผู้ชายไปนอนที่นั่นด้วยหลายต่อหลายครั้ง นอกจากนี้ ภาพในกล้องวงจรปิดยังฟ้องว่า เจ้าตัวชอบหิ้วกระเป๋าเดินทางของแหม่ม ขนของออกไปจากบ้านบ่อยๆ ไม่รู้ว่าข้างในบรรจุอะไรอยู่บ้าง ว่างๆ ก็นั่งกุเรื่องนินทาแหม่มในแง่ร้ายๆ ให้คนอื่นเข้าใจผิด จนดาราสาวยังงงจนถึงทุกวันนี้ว่า “เราก็ดีกับเขาทุกอย่าง ไม่รู้ว่าเขามาเกลียดอะไรเรานักหนาเหมือนกัน”
  

คนเรา “รู้หน้าไม่รู้ใจ” จริงๆ ถ้าจะให้ดี "พ.ต.ท. นิคม ศรเหล็ก" สารวัตรสืบสวนสอบสวน สถานีตำรวจพหลโยธิน แนะนำว่า ก่อนจะว่าจ้างใครมาเป็นแม่บ้าน พักอยู่ใต้ชายคาเดียวกัน ควรเลือกจากศูนย์ที่มีการรับรองหรือเลือกแม่บ้านที่มีที่มาที่ไปดีที่สุด
 

“หากมีบุคคลแนะนำก็ควรมีการคัดกรองแล้วส่วนหนึ่ง และควรมีความน่าเชื่อถือ ไม่ขอแนะนำแม่บ้านหรือคนรับใช้ที่เป็นคนต่างด้าวที่ไม่มีการคัดกรอง เพราะมันค่อนข้างอันตรายครับ ส่วนท่าทีของแม่บ้านที่มีแนวโน้มว่าจะก่ออาชญากรรม อาจจะดูยากนิดหนึ่ง เพราะบุคคลที่ทำงานกับเราอยู่ในบ้าน บางทีอยู่กันมานานหลายปีตั้งแต่ยังเล็กๆ จนเราเกิดความไว้วางใจ แต่ก็ยังก่อคดีได้ ดังนั้นต้องคอยดูจากปัจจัยหลายๆ เรื่อง อย่างเช่น เงินทองเขาไม่พอใช้หรือเปล่า หรือมีเรื่องอะไรฉุกเฉินให้อาจจะคิดหรือกระทำผิดลักทรัพย์ได้”
 

แต่สำหรับคนที่โดนมากับตัว เห็นมากับตาอย่างแหม่ม เธอขอฝากอุทาหรณ์เอาไว้ให้นายจ้างทั้งหลายรู้จักระแวดระวังกันมากขึ้นอีกสักนิด
 

“อันดับแรกที่เราจะทำได้เลยคือ ขอบัตรประชาชนเขามา ไปรบกวนตำรวจให้ช่วยเช็คในใบทะเบียนราษฎร์ ถ้าใครมีประวัติอาชญากร หรือแค่มีหมายเรียกจากตำรวจ ติดทัณฑ์บนอยู่ ข้อมูลมันจะขึ้นหมดเลย ขั้นตอนที่สอง ถ้าบ้านไหนเจอแม่บ้านที่ทำไม่ดี-ไม่ถูกต้อง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเล็กน้อย ขโมยเงินแค่ไม่กี่ร้อยบาท แต่อยากให้คิดว่ามันถือเป็นการทำความผิด ถึงจะดำเนินคดีอะไรไม่ได้ แต่อย่างน้อยเราไปแจ้งความไว้ ก็จะมีประวัติว่าเขาคือคนที่เคยทำผิด พอนายจ้างคนต่อไปเอาบัตรประชาชนเขามาเช็คแบบนี้อีก จะได้รู้ว่าเขาเคยมีประวัติ

แล้วที่สำคัญ ยิ่งเราเอาเขามาดูแลพ่อแม่เราอย่างแหม่ม มันเป็นเรื่องใหญ่มากเลยนะคะ มันคือชีวิตของคนเลย แล้วก็ข้อสุดท้าย ติดกล้องวงจรปิดค่ะ ดีที่สุด ติดแล้วพอมีเวลาก็กลับมาเช็คบ้าง จะได้รู้ว่าตัวตนจริงๆ เขาเป็นแบบนี้ พอเกิดเรื่องราวขึ้นมาก็เอามาเป็นหลักฐานดำเนินคดีได้ด้วย เราก็ทำได้แค่ระวังในส่วนที่เราทำได้ เพราะถ้าเขาเป็นคนไม่ดีจริงๆ ต่อให้เราปิดช่องโหว่แค่ไหน เขาก็จะหาวิธีทำร้ายเราให้ได้อยู่ดี ต่อไปก็ต้องรอบคอบมากขึ้นค่ะ แต่ก็ไม่ใช่ว่าหวาดระแวงไปหมด ต้องคอยระวังแบบพอดีๆ”



แหล่งซื้อขาย “แม่บ้านชาวพม่า”
กรณีของแหม่ม-วิชุดา ยังถือว่าเบาะๆ เพราะมีหลักฐานหลายๆ อย่างอยู่ในมือและสามารถดำเนินคดีตามกฎหมายได้อย่างไม่วุ่นวายนัก แต่สำหรับนายจ้างที่ว่าจ้างแรงงานชาวต่างด้าวนี่สิ นอกจากจะต้องอยู่ร่วมชายคาเดียวกันอย่างหวาดระแวง ไม่รู้ว่าจะถูกฆ่าล้างครัวอย่างที่เป็นข่าวตามหน้าหนังสือพิมพ์เมื่อไหร่ เพราะฝั่งนายจ้างก็ไม่รู้ที่มาที่ไปที่แน่ชัดของคนงาน เมื่อเกิดเป็นคดีความขึ้นมาจริงๆ ก็ยังต้องเดือดเนื้อร้อนใจเป็นสองเท่า เพราะตามตัวคนร้ายไม่ได้ เนื่องจากเป็นแรงงานเถื่อน ไม่มีที่อยู่เป็นหลักแหล่งระบุไว้เป็นหลักฐานเพื่อตามจับกุมตัว แต่ถึงกระนั้นก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าสังคมไทยตอนนี้ แทบทุกบ้านว่าจ้าง “แม่บ้านต่างด้าว” เพราะไม่มีทางเลือกทางอื่นอีกต่อไปแล้ว
 

ย้อนกลับไป 10 กว่าปีที่แล้ว เราอาจยังพอเห็นแม่บ้านชาวไทยรับจ้างปัดกวาดเช็ดถูตามบ้านต่างๆ ตามบ้านพักอาศัยอยู่บ้าง แต่หลังจากทางเลือกด้านวิชาชีพมากขึ้น ตลาดแรงงานเปิดกว้าง แม่บ้านที่เคยรับใช้ตามบ้านก็กลายพันธุ์มาเป็นแม่บ้านตามออฟฟิศแทน นอกจากจะมีสวัสดิการที่ดีแล้ว ยังมีเวลาเข้า-ออกงานชัดเจน แถมไม่ต้องคอยฟังคำบ่นของบรรดาคุณนายที่พร้อมจะจิกหัวใช้นู่นนี่ ตรวจเช็คความสะอาดทุกซอกทุกมุมให้เหนื่อยใจอีกต่อไป อาชีพนี้จึงตกทอดมาสู่แรงงานต่างด้าวที่ลักลอบเข้ามาในไทย แลกกับค่าตอบแทนที่ถูกแสนถูก
 

แรงงานเหล่านี้ไม่เคยเรียกร้องขอค่าตอบแทนขั้นต่ำวันละ 300 บาท แต่ยินดีทำงานให้อย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วยเพื่อแลกกับที่อยู่ อาหาร และเงินเล็กๆ น้อยๆ ที่จะส่งไปให้ครอบครัวของตนในประเทศบ้านเกิดได้ โดยเฉพาะแม่บ้านสัญชาติ “พม่า” ที่ได้รับความนิยมติดอันดับหนึ่ง ครองอาชีพแม่บ้านอยู่ถึง 80-90 เปอร์เซ็นต์ในปัจจุบัน ด้วยนิสัยไม่เลือกงาน แถมยังทั้งอึดทั้งทน ทำงานได้ไม่มีบ่น
รองลงมาคือ “ลาว” ด้วยนิสัยคล้ายคลึงกับคนอีสาน จึงพูดคุยกันง่าย แต่ด้วยวัฒนธรรมที่ใกล้เคียงกันเกินไป ขอลาหยุดงานบวช-งานแต่ง ต่างๆ นานาอยู่บ่อยๆ จึงไม่ได้รับความนิยมในตลาดแรงงาน รั้งท้ายอันดับที่สามคือชาว “เขมร” ซึ่งมีจำนวนเพียงน้อยนิดในอาชีพนี้ เหตุเพราะคนไทยยังกลัวเรื่องไสยศาสตร์ของคนชาตินี้กันอยู่
 

คิดดูว่า “แม่บ้านชาวพม่า” เป็นที่ต้องการในตลาดประเทศไทยถึงขั้นที่ว่าต้องเปิด “เอเจนต์” ตามท้องที่ต่างๆ เพื่อจ่ายกำลังคนให้แก่บ้านพักอาศัยให้สามารถว่าจ้างกันได้อย่างทั่วถึง โดยเริ่มจากกระบวนการลักลอบขนคนเข้าเมืองมาจากทาง “แม่สอด” และ “แม่สาย” จากนั้นจะแบ่งแรงงานออกสู่ตลาด 2 เส้นทางด้วยกัน คือกลุ่มหนึ่งนำไปป้อนให้แก่โรงงานอุตสาหกรรม จ่ายให้ล็อตละหลายร้อยคน อีกกลุ่มหนึ่งป้อนให้แก่เอเจนต์ในแต่ละเขต แต่ละท้องที่ เมื่อมีนายจ้างติดต่อขอซื้อตัว จึงถึงเวลาเสนอขาย ณ บ้านพักลับๆ แห่งหนึ่งซึ่งมีผู้มีอิทธิพลดูแลอยู่
 

มีชาวพม่ารวมกันอยู่ในบ้านหลังเดียวประมาณ 30-40 คนได้ อายุตั้งแต่ 15-16 ไปจนถึง 40 กว่าๆ เราจะเลือกใครก็ได้ในนี้ แล้วแต่ถูกใจเลย แต่ต้องโทร.มานัดป้าใหญ่ ป้าที่คุมที่นั่นไว้ก่อน แล้วป้าจะนัดเวลาว่าจะสะดวกให้เข้ามาเลือกตอนไหน ไปถึงเขาก็จะเกณฑ์คนในนั้นมาให้เราเลือก ถ้าเลือกไม่ถูก ก็จะพาไปดูตอนทำงาน คนนี้กำลังซักผ้า คนนี้ถูบ้านเก่ง อยากได้แบบไหนก็เลือกเอา เราก็แค่เสียค่าแรกเข้าให้เขา 2,000 บาท แล้วก็เลือกแม่บ้านไป ถ้าไม่ถูกใจก็เอามาเปลี่ยนได้ ไม่เสียค่าอะไรเพิ่มเติม แต่เราต้องตกลงเงินเดือนกับเขาก่อน ถ้าคนไหนพูดไทยไม่ได้เลย เงินเดือนจะตกอยู่ที่ 3,000 บาทต่อเดือน แต่ถ้าพูดได้ จะประมาณ 5,000 บาท” แหล่งข่าวที่น่าเชื่อถือเปิดเผยข้อมูลลับๆ ให้ฟัง
 

คงต้องบอกว่าทุกวันนี้อาชีพแม่บ้านถือเป็นวิกฤตของเมืองไทย คือความต้องการของตลาดมีมาก แต่คนไทยส่วนใหญ่กลับไม่สนใจ เนื่องจากมองว่าเป็นงานที่ต่ำต้อย ต้องรองมือรองเท้าคนอื่น จึงเป็นเหตุให้เกิดกระบวนการค้ามนุษย์ขึ้นอย่างที่เห็น นายจ้างหลายคนรู้แก่ใจดีว่าต้องเสี่ยงขนาดไหนที่ต้องว่าจ้างบุคคลที่ไม่รู้หัวนอนปลายเท้าเช่นนี้ แต่ก็จำเป็นต้องทำ
 
ดังนั้น เมื่อเลี่ยงไม่ได้จึงแนะนำว่าควรพาแรงงานต่างด้าวในบ้านของคุณไปขึ้นทะเบียนแรงงานต่างด้าวเสียแต่เนิ่นๆ เพราะไม่มีใครรู้หรอกว่า “แม่บ้านในคราบโจร” จะปรากฏกายออกมาเมื่อไหร่ จึงไม่ควรไว้ใจใคร ไม่ว่าจะเป็นลูกจ้างชาวไทยหรือชาวต่างด้าว เพราะไม่แน่ว่าคนที่ปัดกวาดเช็ดถูบ้านคุณอยู่ทุกวัน อาจกลายเป็น “แม่บ้านมหาภัย” วางแผนยักยอกทรัพย์ รมยาสลบคนในบ้านเพื่อยกเค้า หรือแม้กระทั่งฆ่ายกครัว เมื่อถึงตอนนั้น คุณอาจไม่มีโอกาสแม้แต่จะมานั่งเสียใจ!

ข่าวโดย ASTV ผู้จัดการ LIVE


กล้องวงจรปิดจับขโมย
โฉมหน้า แม่บ้านตุ๊ก ผู้ต้องหา
แม่บ้านมหาภัยยังมีอีกมากมาย
ขาดแคลนแม่บ้านชาวไทย
แรงงานต่างด้าวเหมาอาชีพแม่บ้าน
กำลังโหลดความคิดเห็น