คำว่า “เสพย์ติดศัลยกรรม” อาจจะฟังดูแร๊งส์!! สำหรับสาวๆ ที่มีพฤติกรรมชอบทำศัลยกรรมจนหยุดไม่ได้ แต่สำหรับ แอนนา ชุง ผู้หญิงที่ขอหยุดอายุไว้ที่เลข 3 คนนี้ กล้าเปิดอกยอมรับว่าตัวเองเสพย์ติดศัลยกรรม และจะไม่หยุดทำจนกว่าหมอจะบอกว่า “ทำไม่ได้แล้ว”
แอนนา เธอคือสาวผู้โชคดีชีวิตยิ่งกว่าซินเดอเรลล่าในเทพนิยาย เพราะเกิดมาเป็นเพียงลูกชาวนา แต่ ณ ปัจจุบันนี้เธอมีอาชีพหลักคือชอปปิ้งเสื้อผ้า แอคเซสเซอรี เครื่องสำอางแบรนด์เนม มาเติมให้คอนโดห้องชุดจำนวนมากที่ซื้อเอาไว้เพื่อใช้สำหรับเก็บกรุสมบัติแฟชั่นของเธอโดยเฉพาะนั้นครบเซ็ตและเต็มคอลเลกชันตลอดเวลา ส่วนอาชีพเสริมหรือ เธอนั่งเปิดแมกกาซีน เห็นใครมีอวัยวะสวยเข้าตาก็ขอลากนิ้วจิ้ม เอาไปยื่นให้คุณหมอ “ขอปากแบบนี้ค่ะ”!
หากนับค่าทำศัลยกรรมตั้งแต่หัวจรดเท้าเบ็ดเสร็จแล้วมีมูลค่ามากกว่า 10 ล้าน!
“แอนนาเป็นลูกชาวนาค่ะ เรียกตัวเองได้เต็มปากเลยว่า ไฮโซบ้านนอก แต่ด้วยความที่ชอบแต่งตัวนำแฟชั่นตั้งแต่เด็กๆ ค่ะ ตอนอยู่ที่พะเยาก็ยังไม่ได้แต่งอะไรมาก แต่พอเข้ามาเรียนที่กรุงเทพ ได้เห็นแฟชั่นในสมัยนั้นเขาฮิตแต่งตัวกันอย่างไร ประกอบกับได้มีโอกาสสัมผัสชีวิตของเหล่าไฮโซ นางแบบ ซึ่งมีพี่สาว อุษา คชภักดี เป็นคนพาเข้าไปรู้จักกับคนในวงการ จึงเป็นแรงผลักดันให้เราต้องมีให้ได้แบบเขา เมื่อก่อนยังไม่มีเงิน อยากได้รองเท้าแบรนด์เนมก็ไปจ้างเค้าทำเลียนแบบที่ประตูน้ำ จนกระทั่งได้เป็นภรรยาของนักธุรกิจทำให้เราได้ซื้อได้ช้อปเหมือนอย่างที่เราวาดฝันไว้สมัยเด็กๆ ค่ะ”
ความจริงใช่ว่าเธอเป็นคนขี้เหร่ ตอนสาวๆ แอนนามีใบหน้าที่มีเสน่ห์จนมีเอเจนซี่ทาบทามเธอไปเป็นนักแสดง และนางแบบ แต่เธอปฏิเสธทุกครั้ง ไม่เพียงเท่านั้นตอนอายุ 30 ปี แอนนาเคยแอบโกงอายุไปประกวดนางสาวเชียงใหม่มาแล้ว ประสบการณ์เหล่านี้พอจะการันตีความงามของแอนาได้ดีทีเดียว
จนกระทั่งหลังจากมีครอบครัว แอนนาสามารถเติมเต็มสิ่งที่ขาดในชีวิตได้หมดแล้วไม่ว่าจะเป็นเงินทอง เสื้อผ้าและแอคเซสเซอรี แอนนาจึงเริ่มเข้าสู่วงการหยุดความสวยด้วย “ศัลยกรรม” หลังจากคลอดลูก “ตอนนั้นอ้วนมากค่ะ ทั้งหน้าท้องและหน้าอกหย่อนคล้อย หลังจากตั้งใจให้นมลูกครบ 1 ปี จึงหันมาเติมเต็มความงามของตัวเอง เริ่มจากดูดไขมัน กระชับผิว และเริ่มเสริมหน้าอกค่ะ”
พอได้เติมความงามแล้ว ดูเหมือนสาวแอนนาจะหยุดไม่ได้ เพราะนอกจากเสริมหน้าอกถึง 3 ครั้งแล้ว เธอยังทำตา 2 ชั้น เสริมจมูก 8 ครั้ง ฉีดฟิลเลอร์เติมปากให้อวบอิ่ม แต่ยังไม่พอใจจึงไปผ่าตัดเสริมริมฝีปากปากให้อวบอิ่มด้วยการใช้ส่วนหนึ่งของเนื้อเยื่อร่างกายของเธอเอง นอกจากปากแล้ว ฟันซี่เล็กๆ ของเธอก็ถูกแทนที่ด้วยการครอบฟันซี่ละ 20,000 บาท และทำฟันให้เป็นเขี้ยว หรือแม้แต่ประดับเพชรที่ฟันเธอก็ทำมาหมดแล้ว
“การครอบฟันจะเจ็บมากเพราะหมอจะเจาะฟันเราแล้วเอาสกรูขันเข้าไปเพื่อยึดที่ครอบฟันกับฟันแท้ให้ติดกัน แนะนำว่าใครทำแล้วอย่ากัดของแข็งๆ เพราะฟันที่เคลือบจะกะเทาะและหลุด นี่ก็เพิ่งนัดหมอค่ะจะไปทำใหม่”
แม้ตัวเองจะทนกับความเจ็บปวดได้เป็นอย่างดี แต่ประสบการณ์การผ่าตัดศัลยกรรมครั้งสุดท้ายที่ทำให้เธอเฉียดความตาย แต่โชคดีที่คุณหมอมีฝีมือจึงเข้าใจท่าทางและอากัปกิริยาที่ “หายใจไม่ออก” ของเธอได้ เธอจึงรอดชีวิตมาได้
“แอนนาผ่าตัดจมูกครั้งล่าสุดเมื่อต้นปีค่ะ คือเดิมทีเราก็ทำจมูกอยู่แล้ว แต่มีความรู้สึกอยากให้มันโด่งอีก โด่งและปลายงุ้มๆ ตามเทรนด์ที่กำลังมา หมอก็เลยแนะนำให้ทุบจมูกเลยค่ะ เพราะปกติการเสริมจมูกจะเกิดพังผืดยืดเกาะ หากจะเอาออกก็ต้องเลาะทิ้งใหม่หมด แล้วเสริมซิลิโคนใหม่ ตัดเนื้อหลังใบหูมาเสริมปลายจมูกให้เชิดขึ้นและดูเป็นธรรมชาติ และการผ่าตัดครั้งนี้ก็ต้องวางยาสลบ ต่อท่อเข้าไปในลำคอ หมอก็ต้องถอดที่เคลือบฟันที่เราใส่ออกไว้ก่อน กันไว้เผื่อมันหลุดเข้าไปในคออาจจะเกิดปัญหา แต่พอคุณหมอผ่าตัดได้ซักพัก เรารู้สึกหายใจไม่ออก พูดไม่ได้ ทำอะไรไม่ได้ มือคงกวักๆ อัตโนมัติ พยายามให้หมอรู้ว่าเราหายใจไม่ได้ พอหมอรู้ก็รีบนำอ็อกซิเจนครอบให้หายใจได้ สาเหตุเป็นเพราะเราผ่าตัดที่จมูก แล้วเลือดคงไหลเข้าไปอุดในหลอดลมค่ะ”
แม้จะเคยเฉียดความตายมาแล้ว แต่แอนนาก็ไม่คิดจะเลิกทำศัลยกรรม “จมูกคงเปลี่ยนใหม่ยากแล้ว หมอบอกว่าโด่งสุดได้แค่นี้ ส่วนหน้าอกถ้าให้ใหญ่กว่านี้ได้ก็อยากทำค่ะ แต่ไปถามคุณหมอ หมอก็บอกว่าใหญ่สุดได้แค่นี้ เพราะตัวเราเล็กหากทำให้ใหญ่กว่านี้ ผิวตรงใต้ราวนมหรือที่ติดกับซี่โครงจะย่นเพราะต้องแบกน้ำหนัก แต่หากที่ไหนทำได้ก็อยากไปทำนะคะ”
เรียกได้ว่าผ่า ตัด และเสริม อวัยวะทุกอย่างตั้งแต่ศีรษะจรดบั้นท้ายแล้ว เรื่องนวัตกรรมความงามเธอก็ทำมาหมดแล้วทุกอย่าง ทั้งโบท็อกซ์ เลเซอร์ และล่าสุดเธอเพิ่งไปร้อยไหมทองคำยกกระชับใบหน้า “เป็นคนชอบส่องกระจกค่ะ เห็นริ้วรอย หรือจุดอะไรที่สะดุดสายตาจะทนไม่ไหวต้องไป เคยศึกษาอยู่เห็นว่ามีฉีดสเต็มเซลล์เราก็สนใจ เมื่อก่อนเขาบอกรกแกะดี เราก็ไปฉีด แต่ตอนนี้เห็นว่ามีฉีดสเต็มเซลล์ที่ใช้เซลล์จากตัวเราเองเข้าเส้นเลือดครั้งหนึ่ง 300,000 บาท อันนี้ยังไม่ไหวค่ะ ไม่ใช่ว่าไม่กล้าทุ่มนะคะ แต่เรายังไม่มั่นใจพอว่า หากฉีดเข้าเส้นเลือดแล้วผลจะออกมาเป็นอย่างไร ให้ทนเจ็บจากการผ่าตัดยังสู้กว่าที่จะเสี่ยงกับวิธีแบบนี้ค่ะ”
นอกจากใบหน้าแล้ว เรือนร่างของคุณนายแอนนา ยังมีเคล็ดลับปิดบังตำหนิด้วยแทททูหรือการสักอีกด้วย “เมื่อก่อนเคยผ่าตัดมดลูกหลายครั้งค่ะ ตัวเองจึงต้องทานฮอร์โมนตลอด ก็จะเลือกทานฮอร์โมนที่เค้าว่าดีที่สุด เพื่อช่วยให้มีความเป็นผู้หญิง ให้ผิวดี เนียนสวย แต่ปัญหาอีกอย่างจากการผ่าตัดคือรอยแผลที่ฝากไว้ คุณหมอให้ไปทำเลเซอร์แล้ว มันก็ไม่ได้หายเรียบสนิทเหมือนผิวเดิม ประกอบกับตัวเองชอบใส่บิกินี่ด้วย ก็เลยจัดการสักแทททูหน้าท้องเลยค่ะมีรอยแผลเป็นตรงไหนเราก็ไปสักให้เป็นลวดลายสวยงาม สามีก็บ่นบ้างนะคะ หากต้องไปเจอลูกค้าหรือนักธุรกิจแล้วไปเชคแฮนด์ เค้าก็จะเห็นรอยสักที่มือ แต่ก็ไม่แคร์ค่ะ”
แม้จะผ่านการทำศัลยกรรมานับครั้งไม่ถ้วนแต่แอนนาก็ฝากข้อคิดไปถึงสาวใดที่กำลังคิดจะเริ่มกระโจนเข้าสู่วงการนี้ว่า “จริงๆ แล้วไม่อยากแนะนำให้ใครทำศัลยกรรมนะคะ แต่หากใครทำแล้วช่วยให้ตัวเองดูดีขึ้น หรือมั่นใจมากขึ้น ก็เป็นสิ่งที่ดีค่ะ แต่ผลลัพธ์ที่ตามมาก็มีเยอะ ที่ผ่านมาเป็นเพราะตัวเองโชคดี ที่ได้ทำกับคุณหมอมืออาชีพ จึงยังไม่เกิดปัญหาอะไร ตัดสินใจจะทำศัลยกรรมแต่ละครั้ง ก็ต้องดูที่ความน่าเชื่อถือของคุณหมอ สถานพยาบาลนั้นๆ ที่สำคัญอย่าเห็นแก่ของถูกหรือลดราคา เพราะผลที่ตามมาอาจจะไม่คุ้มค่า”
ทั้งรักสวยและมั่นใจขนาดนี้ หลายคนต่างมองเธอในหลายมุม แต่สำหรับแอนนาผู้นี้แล้ว ชั้นทำทุกอย่างตามความพอใจในสิ่งที่อยากทำ แค่ชั้นอยากสวยโดยไม่ไปทำความเดือดร้อนให้ใคร ส่วนอายุเหรอ...ให้เป็นปริศนาแห่งจักรวาลไปเลยละกัน....