xs
xsm
sm
md
lg

เกาหลีทึ่ง ไทยเจ๋ง! “มหาอำนาจ” เอ็กซ์โปฯ 2012

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ประกาศศักดาด้วยโชว์เจ๋งๆ หน้าพาวิลเลียน
เพิ่งเปิดตัวอย่างเป็นทางการได้ไม่กี่วัน แต่ดูเหมือนประเทศไทยจะโด่งดังไปทั่วเมืองยอซู ประเทศเกาหลีแล้ว หลังประกาศสมญานามในนิทรรศการนานาชาติ “Yeosu International Exposition 2012” นำยิ้มสยามและวิถีไทยข้ามน้ำข้ามทะเลไปเรียกเสียงฮือฮาจากแดนกิมจิ จนเกิดเป็นกระแส T-Wind มีผู้เข้าชมล้นทะลักติด 1 ใน 5 พาวิลเลียน (บูทจัดงาน) ยอดนิยมจาก 106 ประเทศทั่วโลก ตัดหน้ามหาอำนาจอย่างอเมริกาและรัสเซีย ซึ่งทุ่มงบลงทุนไปหลายพันล้าน ขณะที่ไทยเราควักกระเป๋าเพียง 260 ล้านบาทเท่านั้น



ไทยเราจัดเต็ม!
ทางเกาหลีเขาพูดถึงเราในสื่อเลยว่าเป็น The Most Attractive Pavilion ติดหนึ่งในอันดับน่าสนใจที่สุด ถ้ามางานนี้ พลาดไม่ได้ ต้องแวะมาดู “ศาลาไทย” คือถ้าไม่นับรวมเจ้าภาพ ก็มีญี่ปุ่น จีน และไทยเป็น 3 ประเทศมหาอำนาจ ดึงดูดคนได้มากที่สุดในงานเอ็กซ์โปครั้งนี้ อย่างน้อยทุก 5 นาทีจะมี 100 คนเข้ามาแวะชมพาวิลเลียนของเรา เพราะฉะนั้นผมมั่นใจว่าจบงานนี้ ไทยต้องติด 1 ใน 5 อันดับประเทศยอดนิยมแน่นอนครับเกรียงไกร กาญจนโภคิน ผู้สร้างสรรค์ไทยแลนด์พาวิลเลียน ประธานบริหารร่วม บริษัทอินเด็กซ์ ครีเอทีฟ วิลเลจ จำกัด ทำนายผลล่วงหน้าด้วยน้ำเสียงเด็ดเดี่ยว
 

ไม่ได้ตั้งใจจะเข้าข้าง แต่เทียบกับพาวิลเลียนของชาติอื่นๆ แล้ว ต้องบอกว่าประเทศไทยคะแนนนำไปหลายขุม แค่เดินผ่านก็ต้องตะลึงกับหุ่นยนต์ยักษ์สูง 3.5 เมตร ขยับเขยื้อนเชื้อเชิญให้ชมวิดิทัศน์ขนาดใหญ่ซึ่งบอกเล่าวัฒนธรรมไทยผ่านตัวการ์ตูนน่ารักๆ ประกอบกับการแสดงทั้ง 4 ชุดที่จะสับเปลี่ยนหมุนเวียนกันออกมาโชว์บนเวทีตลอดทั้งวัน เริ่มตั้งแต่เรื่องราวความรักระหว่างพระอภัยมณี นางเงือก และผีเสื้อสมุทร, วัฒนธรรมการรำเคียวเกี่ยวข้าวแบบดั้งเดิม, การแสดงโขน ตอนศึกมัยราพย์ รวมถึงศิลปะการต่อสู้แบบไทยๆ อย่างกระบี่กระบองและเสน่ห์ที่เป็นเอกลักษณ์ของชาติอย่างมวยไทย
 
เมื่อตกลงใจต่อแถวเข้าชมตัวงานภายในศาลาไทย จะพบกับ “หุ่นยนต์ Actoid (Android+Actress)” หุ่นยนต์นางเงือกเสมือนจริงตัวแรกของโลก ผลิตขึ้นมาจากซิลิโคนชนิดพิเศษ ทำให้ผิวหนังดูยืดหยุ่นจนสามารถแสดงสีหน้าและขยับกล้ามเนื้อส่วนต่างๆ ทั้งริมฝีปาก คอ แขน ขา รวมถึงหางได้อย่างพลิ้วไหวเป็นธรรมชาติด้วยระบบ Hydropneumatic เคลื่อนไหวด้วยแรงลม แถมยังไม่ก่อให้เกิดมลภาวะใดๆ ถือเป็นนวัตกรรมที่น่าตื่นตาตื่นใจอีกหนึ่งชิ้นภายในงานนี้เลยก็ว่าได้




ทุ่มงบเก็บภาพใต้น้ำ 360 องศา
ความอลังการยังไม่หมดลงเพียงเท่านั้น ทันทีที่เดินมาถึงนิทรรศการอีกห้องหนึ่ง ผู้ชมจะถูกโอบล้อมไปด้วยภาพความสวยงามแห่งท้องทะเลแบบ 360 องศา ฉายความอุดมสมบูรณ์ทั้งบริเวณชายฝั่งและพื้นที่สีฟ้าครามใต้ท้องทะเลทั้งฝั่งอันดามันและอ่าวไทยให้ได้เห็นแบบเต็มๆ ตา ถ้าดูแล้วไม่อยากจองตั๋วมาเที่ยวเมืองไทยสักครั้งคงถือว่าเป็นคนมีภูมิคุ้มกันที่ดีมากๆ เพราะภาพที่ปรากฏในภาพยนตร์ทั้งหมดเกิดจากฝีมือช่างภาพใต้น้ำซึ่งถือเป็นกระบี่มือหนึ่งของเมืองไทยรวมทั้งสิ้น 5 ชีวิต ทั้งยังเลือกสถานที่ที่สวยที่สุดและถ่ายทำในเดือนส.ค.-ต.ค. ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ท้องทะเลสวยที่สุดด้วย
 

“ภาพในหนังเป็นภาพที่ถ่ายทำเพื่องานนี้โดยเฉพาะ ไม่ได้ไปเอาสต็อกช็อตจากที่อื่นเลยค่ะ เราใช้ทีมช่างภาพใต้น้ำมืออาชีพ ติดกล้อง 4-5 ตัวถ่ายรอบทิศเพื่อเก็บภาพให้ได้ 360 องศา เรียกกันว่าเทคนิก Round Aquatic Motion Picture ส่วนเรื่องโลเกชั่น ทางกรมฯ ทำงานด้านทะเลอยู่แล้ว รู้ว่าที่ไหนสวย ตอนไหนเหมาะ อย่างปะการังอ่อนก็ควรจะไปถ่ายที่เกาะรอก ฉลามวาฬควรไปที่หมู่เกาะริชิลิว ตัวช่างภาพ นักดำน้ำเองเขาก็ช่วยแนะนำ เพราะแต่ละคนดำกันเป็นอาชีพ แทบจะนัดเวลากับปลาได้อยู่แล้ว (หัวเราะ)” สุมนา ขจรวัฒนากุล เจ้าหน้าที่กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม อธิบายเพิ่มเติมอย่างอารมณ์ดี
 

แค่นับยอดรวม 3 วันแรกก่อนเปิดแสดงจริงก็มีผู้ตบเท้าเข้าชมความทุ่มเทของชาวไทยเป็นจำนวนถึง 28,599 คนแล้ว คิดเป็น 1 ใน 3 ของจำนวนผู้มีบัตรทั้งหมด เรียกได้ว่าผลตอบรับที่ได้น่าพึงพอใจเกินคาด ถือเป็นการประกาศให้ต่างชาติรับรู้ว่าประเทศไทยพร้อมเป็นหนึ่งในพันธมิตรผู้อนุรักษ์ทรัพยากรชายฝั่ง ตามคอนเซ็ปต์ “The Living Ocean and Coast: Diversity of Resources and Sustainable Activities” ของงานในครั้งนี้
 

แต่กว่าจะได้ตัวเลขงามๆ ออกมาอย่างที่เห็น ตัวแทนชาวไทยต้องปั่นกระแสกันแทบกระอักเลือดเหมือนกัน คิดดูว่าภายในระยะเวลาที่มีจำกัดกับบัตรราคาเป็นพันที่มีอยู่ในมือ ร้อยทั้งร้อยย่อมเลือกแวะชมพาวิลเลียนของประเทศใหญ่ๆ ก่อนอยู่แล้ว จึงเป็นโจทย์ยากพอสมควรสำหรับงานเอ็กซ์โปในครั้งนี้ที่จะดึงคนให้มาสนใจประเทศเล็กๆ อย่างประเทศไทย
 

อุปสรรคที่ทำให้หืดขึ้นคอไปกว่านั้นคือฝีมือการโปรโมตงานเอ็กซ์โปของเจ้าภาพดันเป็นที่รู้กันแค่ภายในเมืองยอซู สถานที่จัดงานเท่านั้น แต่ในกรุงโซล เมืองหลวงของประเทศ กลับไม่มีกระแสใดๆ ทั้งสิ้น โชคดีที่ผู้ดูแลศาลาไทยไหวตัวทัน จึงวางหมากเดินเกมไว้ได้ถูกทาง เริ่มตั้งแต่การติดต่อขอลงสปอตโฆษณาโปรโมต “ไทยแลนด์พาวิลเลียน” ในรถไฟฟ้ากลางกรุงโซล การใช้ “สุดสาคร” มาสคอตประจำประเทศไทยเดินขบวนทำความรู้จักชาวบ้านเมืองยอซู และการจัดเตรียมงานเสร็จล่วงหน้าเป็นเวลา 15 วันเพื่อรันคิวซ้อมก่อนวันจริงแบบจัดเต็มครั้งแล้วครั้งเล่าจนเป็นที่กล่าวขวัญถึงความทุ่มเทในวงกว้าง
 
มีสื่อเกาหลีมาถ่ายรูป มาสัมภาษณ์เรา ตั้งแต่ยังจัดงานไม่เสร็จ เพราะเราซ้อมโชว์เต็มรูปแบบทุกวัน คิดว่าถึงยังไม่เปิดงานจริง แต่อย่างน้อยชาวเกาหลีที่ทำงานในเอ็กซ์โปก็เห็น มีสื่อเกาหลีแวะมาเห็น แล้วสังคมเกาหลีเป็นสังคมออนไลน์ แค่เขาถ่ายคลิปเราไปลงแล้วชวนกันต่อๆ ไปก็เวิร์กแล้ว ผลลัพธ์ที่เห็นวันนี้ต้องบอกว่าน่าภูมิใจที่เราสามารถยืนข้างญี่ปุ่นและจีนได้ ทั้งที่เขาได้พื้นที่จัดงานใหญ่กว่าเราเท่าหนึ่ง เราพื้นที่เล็กกว่า งบน้อยกว่า แต่สู้ขาดใจจริงๆ” ผู้ควบคุมไทยแลนด์พาวิลเลียนย้ำความตั้งใจให้ฟังชัดๆ อีกครั้ง




ไม่มีวันขาดดุลเกาหลี
จุดขายอีกหนึ่งอย่างของศาลาไทยคือการใช้คนไทยกว่า 30 ชีวิตดูแลทั้งหมด ในขณะที่ชาติอื่นใช้สตาฟชาวเกาหลีแทน เมื่อผู้ชมเข้ามาเจอคนไทยพูดภาษาเกาหลีสำเนียงเหน่อๆ จึงรู้สึกว่าน่ารักไปอีกแบบ นอกจากนี้ยังมีการสอนภาษาแก่ผู้มาเยือน “สวัสดีครับ-ค่ะ” แถมให้ด้วย เป็นรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ที่ส่งให้ประเทศไทยติดท็อปไฟว์ยอดนิยมในงานนี้
 

ถามว่าประเทศไทยจะได้อะไรจากการเข้าร่วมงานเอ็กซ์โปในครั้งนี้ หลักๆ คือการประกาศให้ชาวโลกรู้ว่าประเทศเราเป็นหนึ่งในประเทศที่มีพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและพระบรมราชินีนาถซึ่งทรงสนับสนุนให้ประชาชนตระหนักถึงความสำคัญของทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ส่วนผลพลอยได้ที่เห็นกันชัดๆ เลยคือเรื่องการท่องเที่ยว มองเผินๆ แล้วระยะหลังๆ มานี้ดูเหมือนประเทศไทยขาดดุลให้แก่แดนกิมจิอยู่ไม่น้อย เนื่องจากกระแสเกาหลีฟีเวอร์หอบคนไทยไปเที่ยวตามรอยซีรีส์กันหมด แต่ถ้าวัดจากตัวเลขสถิติกันจริงๆ แล้ว ข้อมูลจากกระทรวงการท่องเที่ยวและการกีฬาระบุว่าประเทศไทยได้ดุลมากกว่าเห็นๆ
 

“จากการได้พูดคุยกับคนเกาหลีที่นี่ สิ่งที่เขารู้จักประเทศไทยคือแค่กรุงเทพฯ กับภูเก็ตแค่นั้นเองค่ะ กรุงเทพฯ คือเมืองหลวง ส่วนภูเก็ตคือสถานที่ฮันนีมูน แล้วก็เรื่องอาหารไทยที่เขาค่อนข้างรู้จักดี พอได้ดูหนัง 3 มิติ เขาถึงรู้ว่าเรายังมีสถานที่น่าเที่ยวอีกเยอะเลย ที่ผ่านมาอาจจะดูเหมือนเราขาดดุลเรื่องคนไทยเที่ยวเกาหลีเยอะ แต่จริงๆ แล้วคนเกาหลีมาเที่ยวบ้านเราเยอะกว่า มีสถิติออกมาว่าเฉลี่ยแล้วทุกวันนี้คนไทยไปเที่ยวบ้านเขา 3 แสนคนต่อปี แต่คนเกาหลีมาเที่ยวบ้านเรา 1 ล้านคนต่อปีเลยนะคะ และคาดว่าจะยิ่งมากันมากขึ้นหลังจากเราได้แสดงศักยภาพเอาไว้ในงานนี้” เจ้าหน้าที่กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งประกาศเจตนารมณ์
 

เหลือเวลาดึงดูดนักท่องเที่ยวผ่านงานเอ็กซ์โปครั้งนี้ถึงวันที่ 12 ส.ค. 2555 คิดง่ายๆ คืออีกเกือบ 3 เดือนเต็ม สิ่งที่ต้องทำคือรักษาอันดับความนิยมแบบนี้ต่อไปให้ถึงปลายทาง เพราะนอกจากจะเป็นผลดีต่อการเชื้อเชิญนักท่องเที่ยวให้ตบเท้าเข้ามาสัมผัสวัฒนธรรมในบ้านเมืองเราแล้ว การแสดงงานครั้งนี้ยังถือเป็นการเสนอตัวขอจัดงาน World Expo 2020 ที่อยุธยาอีกด้วย ซึ่งตอนนี้ประเทศไทยกำลังขับเคี่ยวกับอีก 4 ประเทศคือ บราซิล, สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์, รัสเซีย และตุรกี สงสัยว่าพวกเราชาวไทยคงต้องเอาใจช่วยกันหน่อยแล้ว

คนที่ไม่รู้ว่าจะส่งแรงเชียร์ชาติเราได้อย่างไร เนื่องจากยังวาดภาพความยิ่งใหญ่ของประเทศไทยในงาน Yeosu International Exposition 2012 ไม่ออก สามารถเข้าไปดูคลิปบรรยากาศที่นำมาฝากกันได้ รับรองว่าดูแล้วจะรู้สึกภาคภูมิใจในเลือดชาวสยาม และได้เปิดหูเปิดตาไปกับความอลังการที่เกาหลีทุ่มทุนสร้างในฐานะเจ้าภาพครั้งนี้ด้วย

ข่าวโดย Manager LIVE
ภาพและคลิปโดย อิสสริยา อาชวานันทกุล

ความอลังการของพาวิลเลียนไทย


ไฮไลท์ของเกาหลี

เสนอเรื่องราวความรักของพระอภัยมณี
โขน ตอนศึกมัยราพย์
วัฒนธรรมการรำเคียวเกี่ยวข้าว

หุ่นยนต์นางเงือกตัวแรกของโลก
อลังการภาพยนตร์ใต้น้ำ 360 องศา


ชาวเกาหลีล้นทะลักบูทไทย
ชาวเกาหลีแห่ชมงานเอ็กซ์โป

“สุดสาคร” มาสคอตสัญชาติไทยได้ใจไปเต็มๆ
ศาลาไทย อลังการตั้งแต่ทางเข้า


คุณเกรียงไกร ผู้สร้างสรรค์ไทยแลนด์พาวิลเลียน
กำลังโหลดความคิดเห็น