ถ้าคุณคือคนหนึ่งที่ถูกเรียกว่า “ไอ้อ้วน” ต้องลองติดตามเรื่องราวของ “เนย-อิทธิมนต์ บุณยรัตพันธุ์” ดู เขาคือผู้ชายที่เคยอ้วนมากถึง 140 กิโลกรัม แต่หลังจากต่อสู้จนชนะใจตัวเองได้ ส่วนเกินในชีวิตทั้งหมด 74 กิโลกรัมก็พลันหายไป จากหนุ่มร่างท้วมที่เพื่อนๆ คุ้นเคยกลับกลายเป็นหนุ่มตี๋หน้าใส ต่างจากเดิมราวฟ้ากับเหวภายในเวลาเพียง 8 เดือน!
ถอยหลังกลับไปในสมัยที่นายคนนี้ยังคงแบกก้อนไขมันไว้กับตัวถึง 140 กิโลกรัม... ในร้านอาหารญี่ปุ่น เขาสั่งข้าวสวย 3 ถ้วย, ข้าวผัดกระเทียม 1ถ้วย, ข้าวหน้าปลาดิบ 1, ราเมง 1, ทาโกะยากิ 1, สเต็กหมูกับซูชิอีกหลายชิ้น รายการอาหารยาวเป็นหางว่าว แต่ทั้งหมดที่กล่าวมาเป็นแค่เพียงอาหาร 1 มื้อของเขา แถมยังเป็นมื้อเย็นอีกต่างหาก
“ผมกินบุฟเฟต์หลายวันติดกันเป็นเรื่องปกติเลย” เนยพูดถึงวิถีชีวิตแบบเดิมๆ ของเขา ถ้าใครเคยเห็นผู้ชายหน้าตาคล้ายคลึงกันนั่งดื่มด่ำกับรสชาติอาหารกองมหึมาเมื่อ8 เดือนที่แล้วแล้วมองว่า ชายคนนั้นคงมีความสุขมาก ขอบอกว่าคุณคิดผิดไปถนัด เพราะเนยบอกว่า “มันเป็นชีวิตที่ไม่มีความสุขสักเท่าไหร่เลยครับที่ต้องแบกน้ำหนักตัวมากถึง 140 กิโลกรัมเอาไว้”
จนถึงวันนี้ น้ำหนักของเขาอยู่ที่ 66 กิโลกรัม กลายเป็นหนุ่มหล่อรูปร่างดีเต็มเปี่ยมไปด้วยความมั่นใจ และเพื่อให้คนเจ้าเนื้อที่อาจท้อแท้กับการลดน้ำหนักไปแล้วมีกำลังใจขึ้นมาใหม่อีกครั้ง เขาจึงแบ่งปันเรื่องราวของตัวเองลงบนโซเชียลมีเดีย จนส่งให้กลายเป็นคนดังในช่วงข้ามคืน ปัจจุบันหน้าเพจบนเฟซบุ๊กของเขามียอดคนกดไลค์พุ่งสูงถึงหมื่นเศษ ทั้งยังถูกรับเชิญให้ไปออกทีวี รายการสัมภาษณ์ จนกลายเป็นปรากฏการณ์ที่น่าจับตามองอยู่ในขณะนี้
8 เดือน เปลี่ยนร่าง
“มันไม่ใช่เคล็ดลับหรอกครับ ใครก็ทำได้แต่เขาไม่ทำกัน” ในแววตาของเขาแฝงความรู้สึกภูมิใจเล็กๆ เอาไว้
ลองหยิบภาพถ่ายในสมัยที่เนยยังสิ้นหวังต่อรูปร่างของตัวเองมาดู จะเห็นความเปลี่ยนแปลงเกินคาดที่เกิดขึ้น เชื่อว่าหลายคนต้องอ้าปากค้างและถามขึ้นในใจว่า “ทำได้อย่างไรกัน!” เนยบอกว่าหลักของเขามีเพียง 5 ข้อเท่านั้น ตั้งใจฟังกันไว้ให้ดีๆ
“1.เปลี่ยนทัศนคติหรือเปลี่ยนนิสัย 2.ออกกำลังกาย 3.แยกให้ออกระหว่างความหิวกับความอยาก 4.กินอาหารให้ถูกเวลา และ5.จงภูมิใจในตัวเองเพื่อให้มีกำลังใจลดน้ำหนักต่อ มี 5 ข้อแค่นี้เองครับ”
ดูเหมือนจะไม่ใช่หลักการที่ยุ่งยากมากมายอะไรนัก แต่ถ้าลองลงมือปฏิบัติแล้วจะรู้ว่ามัน “ทรมาน” มากทีเดียว แม้แต่เนยเองยังจำได้ว่าการลดน้ำหนักในครั้งนั้นทรมานมากมายขนาดไหน ไม่ใช่ว่านึกอยากทำก็ทำได้เลย มีหลายครั้งเหมือนกันที่เขาเคยลงมือทำแต่ก็ไม่สำเร็จสักที
“ตอนนั้นเคยลดจาก130 เหลือ 123 คือลดลงไป 7กิโลกรัมภายใน3เดือน แต่พอผมให้รางวัลตัวเอง ตอบแทนความพยายามของตัวเองด้วยการกินฉลอง มันก็บานปลาย เพราะฉะนั้นสิ่งที่ผมอยากบอกคือ ผมไม่ได้พยายามครั้งเดียวแล้วสำเร็จเลยนะครับ ผมเองก็เคยท้อถอยล้มเลิกมาหลายครั้งมาแล้วเหมือนกัน”
ย้อนกลับไปถามถึงรูปร่างที่อ้วนท้วน เนยจำได้ว่าตัวเองเริ่มอ้วนมาตั้งแต่เรียนชั้นประถม สะสมมาปีละ 10 กิโลกรัม กระทั่งไปอเมริกาแล้วกลับมาด้วยน้ำหนัก 118 กิโลกรัม จึงเริ่มมีความคิดว่าจะลดน้ำหนัก แต่ด้วยความที่จากประเทศไทยไปนาน คิดถึงรสชาติอาหารไทยมาก จึงเปิบทุกเมนูจนน้ำหนักขึ้นไปอีกถึง 140 กิโลกรัม ถึงตอนนั้นเสื้อไซส์เดียวที่ใส่ได้คือ “XXXL” ส่วนรอบเอวไม่ต้องพูดถึง มากกว่า 56 นิ้ว! สภาพในตอนนั้นทำให้เขาไม่มีความสุขกับการทำอะไรเลยในชีวิต เปรียบไปแล้ว ช่วงชีวิตช่วงนั้นก็ไม่ต่างจากการเป็น “มนุษย์ถ้ำ” ดีๆ นี่เอง
“คนอ้วนมันเหมือนมนุษย์ถ้ำ คืออยู่กับตัวเอง พยายามอยู่แต่ในถ้ำ และหลอกตัวเองว่าตรงนั้นมันดีแล้ว ถึงเราจะอ้วน แต่เราก็เป็นแบบของเรา โดยไม่รู้เลยว่านอกถ้ำมันสว่างไสวเพียงใด ผอมแล้วมันมีความสุขขนาดไหน”
แล้วจุดพลิกผันในชีวิตก็มาถึง วันหนึ่งเขากลับถึงบ้านแล้วเกิดรู้สึกหายใจไม่ออก ในชั่วลมหายใจที่ติดขัดนั่นเองที่เขาเริ่มต้นคิดได้ทันทีว่าถึงเวลาแล้วที่ต้องเปลี่ยนแปลงตัวเองครั้งใหญ่ เขาจึงเขาประกาศกับครอบครัว พ่อ แม่ และน้องชาย ว่าครั้งนี้แหละ จะทำในสิ่งที่สัญญามาตลอดให้จงได้!
“พอผมบอกว่าจะลดน้ำหนัก ทุกคนก็มองว่ามันคงเหมือนทุกครั้งที่ผมเคยล้มเหลวมาแล้ว คิดว่าผมคงยังไม่เอาจริง แต่คราวนี้พอผมตัดสินใจได้ ผมก็เริ่มเลย ผมออกไปว่ายน้ำเลยครับ”
2 ชั่วโมงว่ายแบบไป-กลับในสระน้ำ เหนื่อยก็พัก ทั้งยังปรับวิถีการกินของตัวเองให้เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง คือลดแป้ง คาร์โบไฮเดรต และเลื่อนขั้นให้ “ผัก” กลายมาเป็นเพื่อนสนิทในแต่ละมื้อ และที่สำคัญ เมื่อน้ำหนักลด จะไม่มีการให้รางวัลตัวเองด้วยอาหารอร่อยๆ อีกต่อไป หลังจากทำตามโปรแกรมที่วางไว้ จากน้ำหนัก140 ก็เปลี่ยนมาเป็น 100กิโลกรัม
ส่วนสาเหตุที่เลือกลดด้วยการว่ายน้ำ เป็นเพราะถ้าวิ่งแทน ไขมันที่แบกไว้จะกระทบต่อข้อเข่าที่ต้องรับน้ำหนัก และถึงแม้ช่วงเริ่มต้นจะเป็นช่วงที่ทรมานมากจนเกือบรับไม่ไหว ต้องปล่อยให้ร่างกายค่อยๆ ปรับตัวหลายๆ อย่างให้เคยชิน แต่นั่นก็ยังไม่ใช่ช่วงที่ทรมานที่สุด
“ช่วงลดจาก 100 ไปเป็น 80 กิโลฯ คือช่วงที่ทรมานที่สุดเลยครับ เป็นช่วงที่ลดยากมาก น้ำหนักช่วงนี้จะอยู่นิ่งจนแทบไม่เห็นความเปลี่ยนแปลงเลย คนที่ลดมาถึงตรงนี้แล้วเลิกมีเยอะมากเพราะคิดว่าลดยังไงก็คงไม่ลงแล้ว แต่จริงๆ แล้วถ้าอดทนต่อไปอีกสักหน่อยจะรู้ว่าร่างกายคุณกำลังเตรียมตัวที่จะลดขั้นต่อไป แค่ต้องให้เวลากับมันบ้าง น้ำหนักมันไม่ได้ขึ้นในวันเดียว มันก็ไม่ได้ลดในวันเดียวเหมือนกัน ต้องบอกตัวเองอย่างนี้ครับ” เนยแนะจากประสบการณ์
ประมาณ 7เดือนที่เขาตัดขาดจากอาหารในแบบที่เรียกว่ารางวัลชีวิต เมื่อน้ำหนักลดลงถึง 70 กิโลกรัม จึงเริ่มมั่นใจแล้วว่าสามารถควบคุมตัวเองได้ เนยจึงลองให้รางวัลกับตัวเองในวันอาทิตย์ กินอาหารอร่อยๆ บ้างหนึ่งวันต่อสัปดาห์ แต่จะทำอย่างนั้นได้ ต้องมาพร้อมกับระเบียบวินัยที่เคร่งครัดด้วย คือในวันรุ่งขึ้นจะต้องเดินหน้าลดน้ำหนักเหมือนเดิม
สิ่งที่เกิดขึ้นจากโปรแกรมลดน้ำหนักที่เขาคิดขึ้นเอง เปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตของเขาไปอย่างสิ้นเชิง แต่เนยก็รับประกันได้เลยว่ามันคุ้มค่า ความพยายามทั้งหมดที่ทำ ทำให้เขามีความสุขมากขึ้น จากที่เคยกินอย่างมากล้นเมื่อสมัยก่อนกลับถูกทดแทนด้วยวิถีกินที่เขาเรียกว่า “กินดีอยู่ดี”
“กินสิ่งที่ดีๆ มีประโยชน์ ทำให้เรามีชีวิตอยู่สบายขึ้นจริงๆ ครับ เมื่อก่อนผมจะเหนื่อยง่ายมาก แต่มาตอนนี้แข็งแรงขึ้นและมีความมั่นใจมากขึ้นด้วย ผมได้ทำอะไรหลายๆ อย่างในชีวิตที่ไม่เคยได้ทำตอนที่ยังน้ำหนักเยอะๆ อยู่ ผมได้เตะบอล ได้เล่นกีฬากับเพื่อน ชีวิตสนุกขึ้นเยอะเลย ได้ขับมอเตอร์ไซค์บิ๊กไบต์ที่ผมสนใจมาตลอดได้ แล้วผมก็รับเป็นติวเตอร์สอนภาษาอังกฤษด้วย คือพอความมั่นใจมา ทำอะไรมันก็ดีไปหมด”
คุณก็ทำได้เหมือนผม
ความสุขที่มีในวันนี้ไม่ได้เกิดขึ้นกับเนยเพียงคนเดียว แต่ถ้าเป็นไปได้ เขาอยากให้ส่งต่อไปสู่คนอื่นๆ ได้เรื่อยๆ อย่างที่บอกว่า “ผมจะมีความสุขที่สุดถ้าคุณมาบอกผมว่า ผมมีส่วนทำให้คุณลดน้ำหนักได้สำเร็จ โอเค มันเป็นความสำเร็จของคุณ แต่ผมก็ปลื้มไปด้วย” เนยยิ้มกว้างๆ ตบท้าย
ในฐานะคนเคยอ้วนมาก่อน เขาจึงรู้ดีที่สุดว่าความทุกข์ทมในช่วงเวลานั้นมันเป็นอย่างไร เนยเปิดใจว่าทุกครั้งที่ขึ้นลิฟต์ สิ่งที่เขากลัวมากที่สุดคือเสียงเตือนโอเวอร์โหลด กลัวว่ามันจะดังขึ้นตอนที่เขาก้าวเท้าเข้าไปในนั้น ซึ่งจะทำให้เขาอับอาย อายที่จะถูกล้อเลียน บางครั้งอายจนไม่กล้าส่องกระจกเลยด้วยซ้ำ
“ผมรู้ว่ามันทุกข์มันทรมานขนาดไหนกว่าจะก้าวข้ามมาได้ แต่ 8 เดือน ผมทำได้ คุณก็ต้องทำได้ ผมอยากให้เรื่องราวของผมมันทำให้คนอื่นเขามีแรงลุกขึ้นมาสู้ครับ” อดีตคนเคยอ้วนพูดด้วยแววตามุ่งมั่น
คงเพราะเหตุนี้เองเขาจึงตัดสินใจแบ่งปันเรื่องราวทั้งหมดของตัวเองลงบนเว็บบอร์ดพันทิปเป็นครั้งแรก หลังจากกดตั้งกระทู้ เขานั่งดูความเคลื่อนไหวอยู่เงียบๆ กับเพื่อนของเขาแล้วคิดในใจว่า “มันจะมีคนมาสนใจสักกี่คนกันนะ?” แต่ผลตอบรับกลับทำให้เขาตกใจ เพราะผู้คนมากมายเข้ามาถูกใจและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันจนเป็นกระทู้ยอดนิยม เมื่อเห็นว่าเรื่องราวของเขามีความสำคัญต่อคนอื่นๆ เริ่มมีคนเข้ามาติดตามและขอเป็นเพื่อนในเฟสบุ๊กจนเต็มอัตรา เนยจึงสร้างเพจ “Big motivation by P_noel” ขึ้นมาเพื่อให้คำปรึกษาเรื่องลดน้ำหนักโดยเฉพาะ ถึงตอนนี้ยอดคนติดตามเพิ่มสูงขึ้นๆ เรื่อยๆ มีคำถามถูกส่งเข้ามาให้เขาตอบไม่ต่ำกว่าวันละครึ่งหมื่น ซึ่งเขายังคงพยายามตอบด้วยตัวเองทุกข้อความ
“ผมเข้าใจว่าคนที่ส่งข้อความมาหาผมเขาทุกข์ขนาดไหน คือถ้าผมช่วยเขาได้มันก็ดี ผมเลยพยายามตอบให้ได้หมดทุกข้อความด้วยตัวเอง แต่ก็มีคำถามซ้ำๆ ที่จะให้เพื่อนๆ คนที่รู้จักผมดีช่วยกันตอบบ้างเพราะว่ามันเยอะจริงๆ ครับ” เขาแจกยิ้มบางๆ ให้อีกที
เกี่ยวกับเรื่องคำถามที่เข้ามา มีประเภทแปลกๆ ที่น่าพูดถึงอยู่เหมือนกัน ตั้งแต่คุณเนยใช้รองเท้ารุ่นอะไร? ว่ายน้ำที่ไหน? ซึ่งเขาก็ตอบกลับไปด้วยความรู้สึกแปลกๆ และบางคำถามก็ทำให้เขารู้สึกท้อเหมือนกัน
“มีคำถามอย่าง ทำได้จริงหรือเปล่า? หรือ อยากดังหรือเปล่า? คือมันก็ทำให้เราหมดกำลังใจเหมือนกันนะ ผมขอบอกตรงนี้เลยว่าผมไม่ได้อยากดัง มันจะเป็นกระแสหรืออะไรผมไม่สนใจ การที่เรื่องของผมมันมีคนพูดถึง ได้เผยแพร่ส่งต่อ ผมแค่อยากให้คนที่ได้รับรู้เรื่องราวของผมลุกขึ้นมาทำตาม อยากให้เขารู้สึกมีแรงฮึด ผมแค่อยากจะช่วยคนที่ประสบปัญหาเหมือนกันกับผม นั่นคือสิ่งที่ผมให้ความสำคัญที่สุดครับ”
ภาพโดย เว็บบอร์ดพันทิป