"อารักษ์ อมรศุภศิริ หรือ "เป้ เสลอ"
ถ้าจะให้ยกคำขึ้นมาอธิบายเพื่อจำกัดความหนุ่มคนนี้ นอกจากคำทั่วๆ ไปที่เรามักจะพบเห็นเป็นประจำในการบ่งบอกรูปลักษณ์ภายนอกของเขาอย่าง หล่อ - เซอร์ - แนว ถึงตอนนี้เมื่อพิจารณาไปยังข่าวคราวเกี่ยวกับเรื่องราวความรักของเขาที่ผ่านมาหากจะเติมคำว่า "แห้ว" ไปอีกสักหนึ่งคำก็คงจะไม่ใช่เรื่องผิดอะไรนัก
จะเชื่อหรือไม่เชื่อก็ตาม แต่ผู้ชายคนนี้ซึ่งมีดีกรีเป็น 1 ใน 50 หนุ่มโสดในฝันประจำปี 2550 โดยนิตยสารคลีโอบอกว่า ที่ผ่านมาเขาเคยทำสถิติจีบผู้หญิงไม่ติดรวดเดียว 4 คนมาแล้ว!
“ถึงจะเล่นดนตรีแต่ชีวิตวัยรุ่นผมสาวไม่เยอะครับ ผมจีบสาวไม่ติดมา 4 คนตอนม..ปลาย แล้วก็ไม่มีแฟนมาตลอดเลย จนมาเรียนปี 1 เรียกว่าผมแห้วมาตลอดครับ ก็อาจจะเป็นเพราะด้วยความที่ผมพูดจาไม่ค่อยจะรู้เรื่องอยู่แล้ว แล้วก็ไม่ค่อยเจอผู้หญิง ก็ไม่รู้ว่าผู้หญิงเขาชอบอะไร แล้วด้วยผมเองก็ไม่ได้หน้าตาดีอยู่แล้วด้วย"
"ตอนนี้จริงๆ ก็อยากมีแฟนนะแต่มันไม่มีเวลา ผมเองอยู่ตรงนี้ก็หาเวลาไปศึกษาคนอื่นลำบาก นี่ตัดพ้อเลย จะไปเดินห้างกับผู้หญิงก็ไม่ได้เดี๋ยวเป็นข่าว เลยไม่มีโอกาสทำแบบนั้น เจอแล้วจะชวนไปกินข้าวเลยเขาก็คงกลัวแล้วผมเองไม่ใช่จะเป็นคนที่ไปจีบมั่วซั่ว ชวนไปนั่นนี่ก็คงไม่ใช่ จะเลือกแล้วก็อยากจะเลือกให้ถูกต้องไปเลย อีกอย่างผมเป็นคนขี้เขินด้วย”
ย้อนกลับไปในวันวานของเด็กชายเป้ อารักษ์ อมรศุภศิริ เขาบอกเล่าว่าตนเองก็เหมือนกับเด็กซนทั่วๆ ไป เริ่มเข้าเรียนระดับอนุบาลที่โรงเรียนจันทร์เจ้า ต่อด้วยโรงเรียนอัสสัมชัญ บางรัก ก่อนที่สุดท้ายจะไปจบระดับมัธยมที่สาธิตมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ประสานมิตร พร้อมกับยอมรับว่าส่วนหนึ่งของการเริ่มหัดเล่นดนตรีนั้นมาจากความอยากเท่ห์นั่นเอง
“ผมเริ่มเล่นดนตรีมาตั้งแต่ป.6 ครับ เพราะว่าอยากเท่ห์ พ่อเลยส่งไปเรียนกีต้าร์คลาสสิก พอตอน ม.1 เพื่อนๆ เขาประกวดวงกัน เราก็รู้สึกเท่ห์จังเลย ก็เลยมาเล่นกีต้าร์ไฟฟ้า พอ ม.4 ก็เริ่มทำวงจริงจัง ก็ไปประกวดตามงานต่างๆ แต่ก็แพ้ราบจนมาเจอวงเสลอตอนปลายๆ ปี1 (มหาวิทยาลัยนานาชาติ มหาวิทยาลัยมหิดล) ตอนนั้นยังแต่งเพลงไม่เป็นเลยครับ เล่นกีต้าร์อย่างเดียว"
แม้จะเริ่มต้นจากการเป็นนักดนตรีแต่สิ่งที่ทำให้คนส่วนใหญ่รู้จักผู้ชายคนนี้ก็คืองานแสดงที่ไล่มาตั้งแต่ภาพยนตร์เรื่องแรก "บอดี้ ศพ#19" จากนั้นก็มีหนังที่ทยอยเข้ามาให้เขาได้เปลี่ยนคาแรกเตอร์มากมาย
ทั้ง รัก/สาม/เศร้า, ความจำสั้น แต่รักฉันยาว, เฉือน, สุดเขตเสลดเป็ด, 30+ โสด On Sale, ส.ค.ส. สวีทตี้ (2554) รวมไปถึงงานละครอย่าง แจ๋วใจร้ายกับคุณชายเทวดา และ เธอกับเขาและรักของเรา ที่ทำให้เขาได้มีโอกาสปลูกต้นรักกับนักแสดงสาว "แพนเค้ก เขมนิจ" เป็นเวลาร่วมปีก่อนที่ท้ายสุดจะลงเอยด้วยการเดินทางใครทางมันท่ามกลางกระแสข่าวที่ว่าการคบหาดูใจของทั้งสองนั้นเป็นเรื่องของรักโปรโมตมากกว่า
"ถามว่าเร็วไปมั้ยมันก็เป็นช่วงเวลาของมัน คือบางทีเรามีโอกาสได้มารู้จักกันมันก็ดีมากแล้วครับ คือมีโอกาสได้มาเจอกันก็ดีแล้วครับ ในเรื่องระยะเวลาก็เป็นเรื่องของเหมาะสมแล้ว" เจ้าตัวบอกกล่าวถึงความรักครั้งล่าสุดที่ผ่านพ้นไป
เรื่องรักอาจจะลงเอยได้ไม่สวยเท่าไหร่นัก แต่เมื่อมองไปที่ความสำเร็จของผลงานที่ผ่านมาของผู้ชายคนนี้ ทั้งงานเพลง งานภาพยนตร์ งานละคร ตลอดจนการรับหน้าที่เป็นพรีเซ็นเตอร์ให้กับสินค้าต่างๆ หลายต่อหลายชิ้นก็ต้องถือว่าผู้ชายคนนี้จัดอยู่ใน "หนุ่มฮ็อต" คนหนึ่งของวงการในยุคปัจจุบันก็ว่าได้
"สำหรับผมแล้วผมอยากให้ทุกๆ ส่วนเท่าๆ กันนะ จะเป็นนักแสดง จะเป็นนักแต่งเพลง ซึ่งทุกอย่างที่ทำผมมีความรู้สึกว่าทำแล้วผมมีความสุข ผมรู้แค่ว่าผมมีความสุขกับการได้เล่นหนัง ซ้อมดนตรี เล่นคอนเสิร์ต แล้วผมค่อนข้างโชคดีที่ผมแฮปปี้กับงานของผมมากๆ ความสุขมันไม่ได้อยู่ที่ว่าหนังหรือเพลงของผมจะต้องดัง แต่มีความสุขที่เราได้ทำมันอย่างสมบทบาทมากกว่า”
บนเส้นทางสายดนตรี ก่อนหน้านี้หนุ่มเป้เคยสร้างความฮือฮามาแล้วกับงานเพลงที่ชื่อ "มาเลเซีย" ใน อัลบั้ม "ออโต้อีโรติก" โดยมีทั้งคนที่ชอบและไม่ชอบ ล่าสุดเจ้าตัวก็มีซิงเกิ้ลใหม่ในฐานะของการเป็นศิลปินเดี่ยวออกมาภายหลังจากบอกลาการเป็นสมาชิกของวง "เสลอ" กับงานเพลงชื่อแปลกที่ชื่อว่า "ชิซูกะ" ซึ่งกระแสเสียงตอบรับโดยเฉพาะในโลกออนไลน์นั้นค่อนข้างจะดีทีเดียว
“เพลงนี้เริ่มจากการตั้งคำถามว่าทำไมเราไม่รักกันเหมือนกับคนสมัยก่อน แล้วก็สร้างเรื่องราวขึ้นมา เพลงนี้ก็ฟังง่ายขึ้น เพลงผมจริงๆ ไม่ได้ฟังยากอะไรเพียงแค่ในกระแสหลักเขาไม่มีเพลงแบบนี้ก็เท่านั้นเอง (บางคนมองว่าเราเป็นเพื่อชีวิต) อย่าเรียกว่ามันเป็นเพลงเพื่อชีวิตเลย เพราะเพื่อชีวิตมันอาจถูกจัดไว้ว่าต้องเป็นพี่ปู พงษ์สิทธิ์ คัมภีร์ หรือคาราบาว สไตล์นั้น แนวเพลงของผมเป็นแนวโฟล์คซองมากกว่า เป็นเพื่อชีวิตตัวเอง คนรอบข้างบ้างอย่างนี้มากกว่า”
“แต่ละเพลงในอัลบั้มใหม่นี้เป็นสิ่งที่ผมอยากจะพูดถึงจริงๆ เป็นเพลงที่ผมแต่งเองหมดเลย เรื่องราวที่พูดจะกลมกล่อมมากขึ้น อาจจะมีเรื่องราวความรักที่มันเข้ามากระทบทีหลังเยอะหน่อย หลายคนอาจะพูดว่ามันฟังยาก คือด้วยความที่ผมเองไม่ต้องการทำให้เพลงของผมจะต้องป็อปต้องดังอะไรขนาดนั้น เพราะคงทำไม่ได้"
"ถ้าจะให้ผมทำเพลงเพราะๆ ร้องเพลงเพราะๆ เหมือนคนอื่นคงลำบาก (หัวเราะ) ที่เราทำเพราะเราอยากสื่อเรื่องราวของเราออกมาเป็นเพลง หวังแค่ว่ามีคนกลุ่มนึงชอบก็พอใจแล้วครับ ความไพเราะผมว่ามันมีรูปแบบของมันอยู่ในเพลงของผมอยู่แล้ว ต้องถึงขั้นเรียนร้องเพลงเลยมั้ยเอาแค่พยายามร้องให้ไม่เพี้ยนก็พอแล้วอย่างที่บอกที่ต้องการคืออยากสื่อสารเรื่องราว”
ที่มาของเนื้อหาในเพลงต่างๆ ซึ่งต้องยอมรับว่าไม่ค่อยจะเหมือนชาวบ้านเขานั้น ส่วนใหญ่ได้มาจากอะไร?
“เยอะแยะมากมายจากสิ่งทั่วไปครับ อย่างไปเจอไก่ถูกขังอยู่ในกรงก็เอามาแต่งเพลงได้นะ เราก็จะตั้งคำถามให้กับตัวเองแล้วก็หาข้อมูลว่าไก่มันเกิดมาเพื่อไข่อย่างเดียวไม่ต้องทำอะไรเลยหรือ กิน นอน ไข่ ไม่ต้องออกไปไหน เรากำลังทำอะไรกับสิ่งทีชีวิต อย่างวัวบางตัวไม่เคยมีเพศสัมพันธ์เลยแต่ท้องเอาท้องเอาเพราะต้องทำผสมเทียมเพื่อจะให้มีนม ก็เอามาแต่งเป็นเพลงได้ครับ ด้วยเพลงในท้องตลาดส่วนใหญ่ก็ไม่ค่อยได้พูดเรื่องพวกนี้เท่าไหร่นอกจากความรัก”
“ด้วยความที่ผมชอบเขียนเพลงและผมเชื่อว่าการเขียนเพลงแบบนี้มันค่อนข้างจะตรงไปตรงมา ง่าย แค่มีคลังคำประมาณนึงอยู่ในหัว ปกติแล้วผมเป็นคนชอบอ่านหนังสืออยู่แล้วก็เลยมีประสบการณ์ไว้บ้าง เพลงทั้งหมดผมแต่งเองคนเดียวเลย มีแก้บ้างนิดหน่อยแต่เป็นที่ผมแก้เองทางค่ายไม่ได้มาแตะเลย"
เป้ยอมรับว่างานเพลงส่วนใหญ่ที่ผ่านมาของเขานั้น พื้นฐานที่ทำให้คนส่วนใหญ่รู้จักมาจากชื่อของเขามากกว่าที่จะมาจากตัวของงานเพลงเอง
"ส่วนใหญ่คนก็จะรู้สึกเพลงเพราะว่าเป็นเป้มากกว่าที่มันจะดังด้วยตัวมันเอง อันนี้ยอมรับครับ ที่ผ่านมาก็ต้องยอมรับเพราะจะได้ยินอยู่เสมอว่าเพลงของเป้มันเพลงอะไร แต่มาตอนนี้คนก็จะเข้าใจได้มากขึ้น ส่วนคนที่เขาว่าเขาก็ยังว่าเราอยู่ดีว่าเพลงอะไรวะ ตัวผมเองไม่อยากจะเรียนตัวเองว่าเป็นนักร้องด้วยซ้ำ ผมขอเรียกตัวเองว่านักแต่งเพลงที่อยากจะมาเล่าเรื่องให้ฟังมากกว่า"
"เราก็พยายามจะทำงานของเราให้คนสนุกกับเรามากขึ้น นี่เป็นสิ่งที่ยากและผมกำลังสร้างมันอยู่ ตอนนี้ก็กำลังสร้างโฟล์คแบรนด์ขึ้น กำลังตั้งชื่อวงอยู่ ก็พยายามกับมันอยู่ไม่รู้ว่ามันจะไปได้ไกลแค่ไหน แต่ก็ไม่ได้คาดหวังอะไรแค่ได้ทำในสิ่งที่อยากทำก็พอแล้ว”
ถามไถ่ถึงรูปแบบของการใช้ชีวิตในแต่ละวัน เจ้าตัวเผยว่า...“ก็ซ้อมดนตรีอยู่กับงาน ตอนนี้ไม่ได้ไปไหนไม่ได้จีบหญิงเลย (หัวเราะ) อยู่คนเดียว มีเจอเพื่อนบ้าง แต่อย่างมากก็ออกไปในที่ๆ มีคอนเสิร์ต ส่วนใหญ่จะดูหนัง-อ่านหนังสืออยู่ที่บ้านมากกว่า ชีวิตผมไม่ได้แพลนอะไรมากครับ ใช้ชีวิตวันต่อวันครับ"
"แต่ก่อนผมเองเคยรู้สึกว่างานตรงนี้มันไม่แน่นอนก็เลยไปลงหุ้นไว้ให้คนอื่นช่วยดูแลเพราะไม่มีเวลาดูแล สุดท้ายแล้วมันก็หายไป ผมเลยคิดว่าพอดีกว่า เรามาทำงานของเราให้มันดีๆ กว่า ตั้งใจกับงานของเรา อย่าไปปวดหัวกับเรื่องพวกนั้น เพราะงานของเรามันอยู่ตรงนี้ เรามามีสมาธิกับสิ่งที่เราทำอยู่ดีกว่า”
"ถ้าผมไม่ได้มาทำงานตรงนี้ตอนนี้ผมก็คงทำงานในส่วนที่เรียนมา ผมจบบริหารธุรกิจภาคภาษาอังกฤษ แล้วจบด้วยคะแนนที่ดีด้วยนะ ก็อาจจะเรียนต่อตามเรื่องตามราว แต่พอได้มาอยู่ตรงนี้ก็ดีกว่าก็ได้เงินได้ประสบการณ์เยอะกว่า”
ขึ้นต้นด้วยความรัก ลงท้ายก็สมควรที่จะต้องเป็นเรื่องเดียวกันกับมุมมองของ "เป้ เสลอ" ที่มีต่อสาวๆ ที่เจ้าตัวอยากจะได้มาเป็นเจ้าสาว
"เป็นผู้หญิงที่อยู่ได้ด้วยเสมอครับ...คือเราสามารถทดลองอยู่ด้วยกันได้ก็สามารถแต่งงานได้เลยนะครับ ยังไงผมเชื่อว่าคนเราต้องทดลองอยู่กันก่อนแต่งอยู่แล้ว ยิ่งสมัยนี้ด้วยอย่ามาตอแห-ว่าไม่ได้อยู่กันก่อนแต่ง เดี๋ยวนี้ตกค่ำเขาก็มานอนอยู่ด้วยกันแล้ว ไม่ใช่ต้องมารอแห่ขันหมากแบบคนสมัยก่อน"
"คือเราอาจจะทดลองจีบเขาแล้ว คบกันไปพักนึงก็ไม่รู้ว่าเราจะเหมาะกันจริงรึเปล่า ถ้าได้ลองใช้ชีวิตด้วยกัน แบบวันไหนไม่อยากอยู่บ้านตัวเองก็มาบ้านเราสิ ก็มาพักด้วยกัน ก็ไม่เห็นเป็นอะไร ตอนเช้าต่างคนต่างทำงานแล้วมาเจอกันตอนค่ำ ถ้าอยู่กันไปนานๆ แล้วไม่มีปัญหาก็โอเคแต่งงานเลย เพราะสุดท้ายแต่งงานกันไปก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไร”
“แต่ประเด็นตอนนี้คือมันต้องเจอคนนั้นก่อน ตอนนี้ยังไม่เจอเลย ถ้าเจอแล้วโอเคก็วางแผนเลยดีกว่า ผมเองอายุถึงแล้ว เงินเองก็มีพอไหวอยู่ คิดว่าแต่งงานได้แล้ว ติดที่ว่าไม่มี เขาไม่เอาผมก็เท่านั้นเอง ใครก็ได้ที่เข้ากับเราได้ ที่สามารถทำให้เรารักเขาได้ตลอด24ชั่วโมง ชอบได้เสมอตลอดเวลา ไม่เบื่อ ไม่ว่อกแว่ก อยากจะเจอตลอด"
"ผมว่าอันนี้คือปัญหาหลักของทุกคู่นะ ผู้หญิงที่จะมาเป็นคู่ผมเองก็ต้องสามารถรักผมได้ตลอด24ชั่วโมงเหมือนกัน...”