เป็นข่าวเป็นคราวขึ้นทันควัน เมื่อจู่ๆ ก็เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน พัฒนพล มินทะขิน หรือที่รู้จักกันดีในนามว่า ‘แมน เอเอฟ 4’ ดันไปมีเรื่องทะเลาะวิวาทกับลูกชายผู้อำนวยการหนังสือพิมพ์ ถึงขั้นเลือดตกยางออก บาดเจ็บสาหัสและต้องขึ้นโรงขึ้นศาลกันเลยทีเดียว
สืบไปสืบมาจึงได้พบว่า ความจริงต้นตอของเรื่องก็ไม่ใช่อะไรมาก แต่เริ่มมาจากการแย่งสาวกัน ในผับชื่อดังย่านทองหล่อ ก่อนที่จะลุกลามเป็นทะเลาะวิวาท และจบด้วยการที่นักร้องหนุ่มเอาแก้วน้ำที่วางอยู่บนโต๊ะฟาดที่หน้าของคู่กรณีอย่างแรง 1 ครั้ง ผลสุดท้ายก็คือ สลบ พร้อมกับแผลแหวะวะบริเวณใบหน้าและปาก แถมฟันหักไปอีก 2 ซี่ ต้องเย็บสิริรวมทั้งสิ้น 20 เข็ม แถมยังไม่สามารถมาให้การกับเจ้าหน้าตำรวจได้อีก เพราะลุกไม่ไหว
เจอแบบนี้เข้าไป ก็ทำเอาคนสงสัยกันถ้วนหน้าว่า ทำไมหนอดาราไทยถึงมักจะไปมีเรื่องมีราวกับในสถานที่แห่งความบันเทิงอย่าง ‘ผับ’ อยู่เสมอๆ งานนี้ ตั้งแต่ทะเลาะวิวาท แย่งแฟน เมาเละเทะ จนกระทั่งจีบกันในผับเลยก็มี ไม่เชื่อก็ลองไปอ่านซ้อ 7 คอลัมนิสต์ยอดนิยมของ Manager Online ดูก็ได้ เพราะเรื่องราวเด็ดๆ เกือบจะเกินครึ่งต่างมีฉากหลังเป็นผับทั้งสิ้น
หรือว่าจริงๆ แล้ว งานนี้เรื่องราวระหว่างผับกับดารานั้นมีอะไรซ่อนเร้นมากกว่าที่คิดกันแน่ แต่จะไปอะไรนั้นก็คงต้องไปพิสูจน์กันดู
‘ผับ’ จุดกำเนิดของเรื่องราวดารา
แต่ก่อนที่จะไปถึงเรื่องนั้น เพื่อให้เห็นภาพชัดๆ ก็จะขอย้อนตำรากันดูสักหน่อยดีกว่าว่า ตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมานั้น ประชาชนทั่วประเทศต่างได้รับรู้ถึง ความสัมพันธ์ระหว่างดารากับสถานบันเทิงชื่อดังแบบนี้กันมากน้อยแค่ไหน
ซึ่งก็ต้องยอมรับว่า มีทั้งเรื่องดีและไม่ดีคละเคล้ากันไป แต่ที่ถือว่าโดดเด่นและเรียกเสียงจากผู้ชมได้มากที่สุด เห็นจะไม่พ้นเรื่องการทะเลาะวิวาท ซึ่งส่วนใหญ่ก็มักจะเป็นการชิงรักหักสวาทนั่นเอง
อย่างที่เกิดขึ้นสดๆ ร้อนๆ ก็น่าจะเป็นกรณีของลูกชาย ส.ส.คนดัง ที่เราคุ้นเคยกับชื่อของเขาเป็นอย่างดี เพราะเมื่อก่อนทุกสี่แยกไฟแดงจะปรากฏชื่อนี้ที่ป้อมตำรวจ ต้น-ต้นตระกูล กมลวิศิษฏ์ ซึ่งแม้จะไม่ได้เป็นดาราเอง แต่ก็มีคู่กรณีดาราสาวเซ็กซี่อย่าง สปอย-พิชญดา พันธุ์พิพัฒน์ ในผับชื่อดังย่านเอกมัย โดยตอนนี้มีชายหนุ่มเข้าไปประชิดตัวดาราสาว จากนั้นก็ล็อกคอและจิกผม พร้อมด่าด้วยคำพูดหยาบคาย โดยไม่มีใครรู้ว่าทั้งคู่ทะเลาะกันด้วยเรื่องอะไร ก่อนที่ข่าวคราวจะจบลงเพราะต่างฝ่ายต่างปิดปากเงียบ แถมไม่แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจอีกต่างหาก
อีกกรณีหนึ่งที่ดังไม่แพ้กัน คือเรื่องของนักแสดงนายแบบหนุ่ม ฮาเวิร์ด หวัง เพราะดันไปตะโกนแซวสาวคนหนึ่งหน้าผับย่านทองหล่อ จนเพื่อนชายที่มาด้วยเกิดอาการไม่พอใจ ซึ่งผลสุดท้ายก็อย่างที่คาด คือต่างฝ่ายต่างก็ทะเลาะวิวาทกัน แถมยังนำพรรคพวกมารุมจนเหตุการณ์บานปลายในที่สุด
แต่ถือว่าเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องเห็นจะไม่พ้น เก่ง-เมธัส สวนศรี ที่เรียกว่ามีเรื่องมีราวกันอย่างโชกโชน โดยล่าสุดเมื่อปี 2553 ก็ยังมีข่าวทะเลาะกับคนคุมประตูผับ เพราะเจ้าหน้าที่ดันมาขอตรวจบัตรประชาชน ทั้งที่ตนเป็นขาประจำของผับแห่งนี้และไม่เคยโดนตรวจบัตรมาก่อน สร้างความไม่พอใจถึงขั้นชักปืนขู่และทำร้ายร่างกาย แต่เรื่องก็เงียบๆ ไป เพราะเจ้าตัวออกมายืนยันว่าเป็นเรื่องเข้าใจผิด
เห็นฝ่ายชายกันไปเพียบ อย่างนึกว่าฝ่ายหญิงจะไม่มี เพราะก่อนหน้านั้น เอมมี่-มรกต กิตติสาระ อดีตมิสไทยแลนด์ยูนิเวิร์ส ก็เคยมีข่าวฉาวหลุดมาจากเหตุทะเลาะวิวาทตบตีกลางผับเหตุแย่งผู้ชาย แต่จะจริงหรือมั่วนั้น คงต้องไปถามผู้ให้ข่าวเอง
หรือแม้แต่นางเอกจากช่องเดียวกัน แตงโม-ภัทรธิดา พัชรวีระพงษ์ ก็มีข่าวบู๊นอกจอออกมาให้ได้เห็นเช่นกัน เพราะดันไปมีมือดีที่ไหนไม่รู้ปล่อยคลิปนางเอกสาวกำลังโชว์บทบู๊เตะต่อยสาวนักเที่ยวรายหนึ่งกลางผับดังในย่านเอกมัย แต่ดาราสาวกลับยืนยันว่าเธอกำลังเข้าห้ามปรามต่างหาก
ที่เล่ามาทั้งหมดนี้เพียงน้ำจิ้มกันเหตุวิวาทในผับเท่านั้น ส่วนเรื่องอื่นๆ อารมณ์จีบ จูบ หรือทำอะไรต่อมิอะไรก็ยังปรากฏให้เห็นในข่าวอย่างต่อเนื่อง เช่น อุ้ม-ลักขณา วัธนวงส์ศิริ ดาราสาวเซ็กซี่ก็เคยมีข่าวเมาปลิ้นในผับ แต่สุดท้ายก็ออกมาปฏิเสธว่าไม่ได้เมา เพราะแพ้แอลกอฮอล์ แถมไม่ได้เที่ยวผับมาแล้วหลายปี เช่นเดียวกับ หวาย-ปัญญริสา เธียรประสิทธิ์ นักร้องสาวจากค่ายอาร์เอส ที่ถูกมือดีปล่อยผับเข้าผับทั้งที่อายุ 16 ปี พร้อมกับในมือถือบุหรี่อีกต่างหาก แม้แต่นางเอกสาว จุ๋ย-วรัทยา นิลคูหา ก็ยังถูกปล่อยข่าวเป็นนางเอก จ.ที่ไปนัวเนียกับเสี่ยในผับ ซึ่งเจ้าตัวก็ออกมาปฏิเสธเป็นที่เรียบร้อย
‘ดารา’ กับ ‘ผับ’ ความสัมพันธ์เชิงซับซ้อน
เห็นกรณีตัวอย่างเต็มไปหมด หลายคนอาจจะเกิดคำถามขึ้นมาในหัวว่า ทำไมดาราซึ่งปกติก็มีชีวิตยุ่งเหยิงวุ่นวาย บางคนบอกทำงานสัปดาห์ละ 7 วัน ไม่มีเวลาพักเลย ถึงพากันไปปรากฏตัวตามผับหรือสถานที่บันเทิงกันเต็มไปหมดเช่นนี้ และที่สำคัญดาราเหล่านี้ เขาได้รับสิทธิพิเศษจากการเป็นคนดังหรือไม่เพราะอย่างที่รู้ๆ กันว่าหากคนดังเข้ามานั่งในสถานที่เดียวกับเรา มีหรือที่สายตาคู่นั้นจะไปเหลียวไปหา
ซึ่งในฐานะผู้ที่ช่ำชองเรื่องในวงการมานาน อาร์ม อิสระ บรรณาธิการนิตยสารสตาร์อัลบั้ม ก็ขอออกมาคอนเฟิร์มว่า เรื่องความสัมพันธ์แบบนี้มันซับซ้อนจริงๆ กว่าที่ใครจะคาดคิด เพราะโดยทั่วไปแล้ว การประกอบกิจการธุรกิจสถานบันเทิงไหนๆ ก็มักจะใช้ดาราเป็นจุดดึงดูดให้คนมาเที่ยวทั้งแหละ
“มีที่ให้ดาราเป็นหุ้นลม มีเยอะ ไม่ใช่เฉพาะสถานบันเทิง ร้านอาหาร หรืออื่นๆ หลายครั้งที่มีการดึงดารามาเป็นหุ้นส่วน ทำให้คนรู้จักร้านว่า ร้านนี้ดารามาเปิดนะ พวกนี้จะมีคิดเงิน คิดเป็นเปอร์เซ็นต์ แล้วตอนหลังไม่ได้เพราะตัวเองไม่ได้เข้ามาทำธุรกิจอย่างเจ้าของ จะไม่รู้รายรับรายจ่ายเท่าไหร่ เรื่องนี้มีฟ้องร้องกันเยอะ”
เพราะต้องยอมรับว่า ดาราถือเป็นจุดขายที่มีภาพลักษณ์ในการประชาสัมพันธ์ได้อย่างดีเยี่ยม เนื่องจากมีภาพลักษณ์เป็นจุดขายสำคัญอยู่แล้ว ฉะนั้นเมื่อโอกาสที่ดึงดูดผู้คนให้เข้ามาใช้บริการก็มีสูง เพราะนั่นหมายถึงโอกาสที่ผู้ที่มาเที่ยวจะไปปากต่อว่า ร้านนี้มีดาราคนนั้นมาเที่ยว ซึ่งเรื่องแบบนี้ นี้ไม่ได้จำกัดเฉพาะธุรกิจประเภทสถานบันเทิงเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงธุรกิจอื่นๆ ที่เอาดาราไปร่วมลงขัน แล้วก็เป็นผู้โปรโมทสินค้าให้ไปในตัว
อย่างไรก็ตาม วิธีการที่ผู้ประกอบหลายคนใช้มากก็มีอยู่หลายแบบ ตั้งแต่การเชิญดารามานั่งที่ร้านอย่างไม่เป็นทางการ จ้างให้เข้ามาใช้บริการในร้าน หรือจ้างให้มาโชว์ตัว จนมาเป็นชวนดารามาเข้าหุ้นส่วนเปิดร้าน เพื่อเป็นการโปรโมตทางอ้อมว่าดารามาเปิดร้านนี้
โดยเจ้าแรกที่ถือเป็นต้นตำรับนั้น เท่าที่อาร์มนึกออก ก็คงจะเป็นที่ ผับกรี๊ด ใกล้ธนาคารกสิกรไทยสาขาสะพานควาย ซึ่งริเริ่มให้ดารามานั่งที่ร้านเพื่อเรียกลูกค้าตั้งแต่ปี 2530 และแน่นอนว่าวิธีนี้ได้รับผลตอบที่ดีมาก จนสถานบันเทิงต่างๆ พากันใช้ตามไปหมด ซึ่งตัวอย่างที่เห็นชัดๆ ในอดีตก็คือ การแข่งขันที่ดุเดือดระหว่าง 2 ผับใหญ่ อย่าง เดอะ พาเลซ กับนาซ่า ที่จะดึงดารามาที่ร้านไม่เว้นแต่ละวัน
ได้ผลจริงๆ เหรอ?
แม้กลยุทธ์ที่ว่ามาทั้งหมดนี้จะถือว่าตรงไปตรงมา เพราะมันก็เหมือนการโฆษณาดีๆ นั่นเอง แต่คำถามหนึ่งที่หลายคนอาจจะสงสัยว่า วิธีการที่ว่านั้นเอามาใช้กับยุคนี้ได้จริงๆ เหรอ เพราะอย่างที่รู้ว่า ดาราเมืองไทยนั้นมากมายก่ายกอง แถมความเข้าถึงตัวยังกว่าดาราสมัยก่อนมาก
ซึ่งในเรื่องนี้ ทัชเอก รัตนจิโรจน์ ผู้จัดการร้าน Roof ร้านอาหารกึ่งผับย่านประชาชื่น-นนทบุรี ที่ออกมาสำทับว่าการมีดารานักร้องเข้าร้านนั้นเป็นตัวกระตุ้นยอดขายได้ดีมาก สำหรับการทำธุรกิจเช่นนี้ ซึ่งที่ผ่านมา ก็มีใช้วิธีจ้างดารามาในงานอีเว้นท์ หรือการจัดคอนเสิร์ตที่นำตัวนักร้องดังๆ มาโชว์ให้ลูกค้าได้ชม ซึ่งเขาสังเกตเห็นได้อย่างชัดเจนเลยว่า หากในวันไหนมีดาราก็จะมีลูกค้าเข้ามาร้านมากเป็นพิเศษเช่นกัน
“เราก็เคยเอานักร้องหลายวงมา อย่าง ซิงกูล่ามา และวงอื่นๆ ลูกค้าก็เยอะเป็นพิเศษเหมือนกัน เป็นการกระตุ้นยอดขายที่ดี เป็นครั้งคราว”
เช่นกันกับ วรายุทธ เทียนทอง หนุ่มผู้ชื่นชอบการเที่ยวกลางคืน ที่เล่าว่า การมีดาราสาวสวยนักเที่ยวเต้นรำหรือดื่มเหล้าตามผับชื่อดัง ก็ถือเป็นส่วนสำคัญที่ดึงดูดเขาและกลุ่มเพื่อนๆ ให้อยากไปที่ผับดังกล่าวเช่นกัน
“ไปสิครับ ไปดูดารา เพราะตั้งใจไปมองอยู่แล้ว (หัวเราะ) อยากรู้ว่าเขาเหมือนในโทรทัศน์ไหม แต่ก็คงไปแค่มองๆ ไม่กล้าจีบหรอก เพราะพวกดาราพวกนี้รสนิยมเขาสูง”
อย่างไรก็ตาม กลยุทธ์ที่ว่านี้ก็ไม่ได้รับประกัน 100 เปอร์เซ็นต์ เพราะสำหรับนักเที่ยวอีกหลายคน ก็มองว่า นี่ไม่ใช่ปัจจัย โดยเฉพาะคนที่ไปเที่ยวตามร้านใหญ่ๆ ที่ผู้มาดื่ม มากินส่วนมากเป็นคนมีฐานะแล้ว ฉะนั้นในความรู้สึกของพวกเขา ดาราจึงไม่ได้แตกต่างกับผู้ใช้บริการคนอื่นๆ ดังเช่น บงกช ตันสิริ สาวนักเที่ยว ที่พบดาราตามสถานบันเทิงบ่อยมาก
“ร้านที่ไปก็เป็นร้านที่ดาราชอบเที่ยวอย่าง ฟังกี้, ไวน์บริจด์, บริกบาร์, นั่งเล่น แต่ก็ไม่เคยสนใจดาราเลยนะ แล้วก็คิดว่าการที่ดาราไปเที่ยวก็คงเหมือนกับคนทั่วไปเที่ยวนั่นแหละ ไม่น่าจะมีอะไรแตกต่าง หรือได้รับสิทธิพิเศษ ก็อาจจะมีคนสนใจและมองๆ เขาบ้างเท่านั้นเอง เพราะเราถือว่า คนไปเที่ยวทุกคนก็จ่ายเงินเที่ยวเท่ากัน การที่เป็นดาราก็มาจ่ายสตางค์เที่ยวเท่าเรา คือเราเองบางทีก็ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าใครเป็นดาราหรือไม่ กับเพื่อนๆ เราถ้ารู้จักดาราก็มองบ้างแต่ไม่ได้ใส่ใจอะไรมาก”
เพราะฉะนั้นจึงอาจจะกล่าวได้ว่า ดาราไม่ถือเป็นปัจจัยสำคัญในการเลือกร้านที่จะนั่งแม้แต่นิดเดียว เพราะสำหรับเธอแล้วขอแค่เปิดเพลงดี บรรยากาศใช้ได้ เดินทางสะดวกแค่นั้นก็เพียงพอแล้ว
และแน่นอนว่า ความคิดนี้ก็ไปในแนวทางเดียวกับ แค้ก-อรสุชา พงษ์ไพบูลย์ ดาราสาวเซ็กซี่ ผู้ชื่นชอบการท่องราตรี ที่มั่นใจสุดๆ ว่าปัจจัยความเป็นดารานั้นไม่เกี่ยว เพราะยุคนี้ไม่ว่าร้านๆ ไหนก็อยากให้คนหน้าตาดีๆ เข้ามาในร้านทั้งนั้นแหละ ไม่จำเป็นต้องเป็นดาราก็ได้ และที่ผ่านมาจากการที่เธอมาเที่ยวอยู่หลายแห่งก็ยังไม่เห็นว่าจะได้อภิสิทธิ์พิเศษกว่านักเที่ยวคนอื่นที่ไม่ได้เป็นดาราอย่างไร
“การที่เป็นคนมีชื่อเสียง เวลาเดินเข้าไปในที่เที่ยว เขาก็แค่มองๆ กันเท่านั้นนะ อาจจะคุยกับเพื่อนว่าดาราคนนั้นคนนี้มา ก็มีบ้างที่เข้ามาทัก แต่ที่เที่ยวในกรุงเทพฯ นี้เขาไม่ค่อยมีใครเข้ามาหรอก และที่ผ่านมาไม่มีใครมาทรีตเราเป็นพิเศษ เพราะคนทำงานเสิร์ฟเขาก็ต้องทำหน้าที่ของเขากับลูกค้าทุกคนเท่าๆ กัน แต่ถ้าไปบ่อยๆ ก็อาจจะจำเราได้แล้วยินดีบริการเป็นพิเศษ ไม่ต้องเป็นดาราก็ได้ แต่ก็อาจจะมีบางคนที่ชอบให้มีอภิสิทธ์ อันนี้ก็ไม่รู้”
อย่างไรก็ตาม กลยุทธ์ดังกล่าวจะเด็ดขาดและแพรวพรายเพียงใด แต่สิ่งหนึ่งที่อาร์มในฐานะผู้ที่จับตาวงการบันเทิงมาแสนนาน ก็อดห่วงไม่ได้ ก็คือต่อให้เรื่องนี้จะได้ผลหรือไม่ ก็ยังมีความเสี่ยงสูงอยู่ดี โดยเฉพาะเวลาที่มีดารามาทะเลาะวิวาทกันในร้าน เพราะจะทำให้ภาพลักษณ์ของร้านมีปัญหาขึ้นมา
“คนไปเที่ยวผับ เที่ยวบาร์ เขาต้องเมา ดังนั้นการกระบทกระทั่งกันจึงเป็นไปได้มากว่าจะเกิดขึ้น และด้วยความเป็นดารา ภาพลักษณ์มันจะต้องดูเวอร์ๆ บางทีมีคนรุมล้อม คนทั่วไปจะรู้สึกอิจฉา หรือหมั่นไส้นิดๆ อยู่แล้ว ถ้าปกติก็ไม่เป็นไรหรอก แต่พอเหล้าเข้าปากบางครั้งมันก็ควบคุมไม่อยู่ ทำให้เกิดปัญหาขึ้น ซึ่งแน่นอนว่าดาราจะตกเป็นจำเลยของสังคมทันที แม้ว่าจะไม่ได้เป็นฝ่ายผิดก็ตาม เพราะคนทั่วไปก็จะมีอดติแล้วว่า ดาราพวกนี้มีอภิสิทธิ์ หรือติดสินบนตำรวจ มันจะถูกตัดสินตั้งแต่แค่มีข่าวออกแล้ว”
..........
ขึ้นชื่อว่าดาราซะอย่าง แม้จะดังมากดังน้อย ต่อให้ไปที่ไหนก็ย่อมสนใจเป็นธรรมดา เพราะฉะนั้น พอเห็นภาพแบบนี้หลายคนอาจจะหมดข้อสงสัยไปบ้างว่า ทำไมหนอดาราหลายคนถึงได้ไปปรากฏตัวอยู่ตามสถานบันเทิงมากมายเช่นนี้
แต่อย่างที่อาร์มบอกแล้วว่า สินค้าที่เรียกว่าดารา จุดขายสำคัญก็คือภาพลักษณ์ เพราะฉะนั้นหากดาราผู้นั้นมีภาพลักษณ์ดีซะอย่าง ก็ย่อมดึงดูดความสนใจได้เป็นธรรมดา แต่ถ้าไม่ใช่ ก็อาจจะดึงดูดได้เหมือนกัน แต่ไม่แน่สิ่งที่ตามมาอาจจะเป็นเรื่องราวใหญ่โตแบบที่หน้าหนังสือพิมพ์ชอบรายงานกันก็เป็นได้
>>>>>>>>>>>
………
เรื่อง : ทีมข่าว CLICK