xs
xsm
sm
md
lg

ขบวนการส่งของเข้า ‘เรือนจำ’ เกมแมวโทรมจับหนูจนตรอก

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


อิสรภาพที่ถูกจำกัดในวิถีชีวิตของผู้ต้องขังหรือนักโทษ ต้องอยู่ในตารางเวลาของเรือนจำ นับแต่ลืมตาตื่น อ้าปากกินข้าว จนถึงหย่อนหัวถึงหมอน กระนั้นการโหยหาแห่งอิสรภาพ อำนาจแห่งระบบยาเสพติด และความจนตรอกในเงื่อนไขของผู้ต้องขังก็ยังสามารถสร้างความวุ่นวายในเรือนจำอย่างไม่มีวันหยุดหย่อน เป็นคดีซ้อนคดีที่ไม่มีสิ้นสุดแม้อยู่ในเรือนจำ
จึงไม่แปลก หากว่าเงินแห่งอำนาจของยาเสพติดที่อยู่ในเรือนจำ ที่จะถีบราคาค่าส่งของขึ้นไปเหยียบหมื่นบาท จะทำให้ใครหลายคนยอมทำทุกอย่างเพื่อนำ ‘ของ’ เข้าไปในเรือนจำให้ได้ เมื่อความต้องการเข้มข้นมาเจอกับป้อมปราการระดับเข้มแข็ง ก็ต้องหาวิธีการใหม่ๆ ที่ไม่มีมาก่อนในการส่งของเข้าเรือนจำ
ยิ่งเวลาผ่านไป การขับเคี้ยวก็ยิ่งทวีความเข็ดฟัน ตั้งแต่การพบวิธีส่งของด้วยจรวดขวดน้ำที่เรือนจำคลองไผ่ อำเภอสีคิ้ว จังหวัดนครราชสีมาจนต้องติดตั้งตาข่ายป้องกัน จนถึงใช้เฮลิคอปเตอร์บังคับวิทยุปล่องของกลางอากาศที่เรือนจำกลางเขาบิน อำเภอเมือง จังหวัดราชบุรี ทำให้เห็นถึงความไม่เกรงกลัวในกฎหมาย
เกมแมวไล่จับหนูจนตรอกจึงเริ่มขึ้น! มาดูกันว่าพวกหนูเหล่านี้มีกลวิธีใดในการ ‘ต้อน’ แมวกันบ้าง

7 วิธีส่ง ’ของ’ ฝ่าพิชิตป้อมปราการเรือนจำ!

นอกจากปัจจัยสี่อันได้แก่ อาหาร เสื้อผ้า ที่อยู่อาศัย ยารักษาโรค ยังมีสิ่งจำเป็นในเรือนจำเป็นที่ต้องการอย่างมากมาย อย่างชนิดที่ว่าเมื่ออยู่นอกเรือนจำอาจจะราคาเพียงพันกว่าบาท แต่เมื่อเข้าไปในเรือนจำได้แล้ว อาจราคาร่วมหมื่น นั่นก็คือโทรศัพท์มือถือ กับยาเสพติดนั่นเอง
เนื่องจากผู้เสพกับผู้ค้าคือรายเดียวกัน จึงเลี่ยงไม่ได้ที่ยาเสพติดจะเป็นที่ต้องการในเรือนจำ เช่นเดียวกับโทรศัพท์ซึ่งมีไว้สำหรับสั่งการดำเนินธุรกิจค้ายาเสพติด ยิ่งเป็นมือถือแบบที่สามารถเล่นอินเทอร์เน็ตได้ หรือที่เรียกว่า สมาร์ทโฟน แม้ราคาปกติจะอยู่สูงถึงหมื่นกว่าบาทแล้ว แต่หากเข้าไปในเรือนจำ
ราคาก็ยิ่งสูงขึ้นไปอีกถึงสองแสนบาท นอกจากนี้ ซิมการ์ด แบตเตอรี่มือถือก็ยังเป็นที่ต้องการจนราคาถีบตัวสูงกว่าปกติเกือบสิบเท่า
มาดูกันว่า คนส่งของให้ผู้ต้องขังมีวิธีใดบ้าง ในการนำของซึ่งเป็นที่ต้องการและล้ำค่าอย่างมากเมื่อเข้าสู่เรือนจำและส่งถึงมือนักโทษ


1.ผู้บำเพ็ญประโยชน์ - นักส่งของท็อปฮิตแห่งเรือนจำ
เมื่อผู้ต้องขังรับโทษ ชดใช้ความผิดจนใกล้กำหนดปล่อยตัว พวกเขาจะได้บำเพ็ญตนด้วยการทำประโยชน์ต่อสาธารณชนภายนอกที่คุมขัง เช่น ลอกท่อ ขุดคลอง ทำความสะอาด เป็นต้น ซึ่งช่วงนี้เองที่ใบสั่งของจะตีตรงถึงญาติมิตร มาเป็นของถึงมือผู้บำเพ็ญประโยชน์ส่งต่อถึงผู้สั่ง จุดเด่นของวิธีนี้คือ การตรวจค้นตัวผู้บำเพ็ญประโยชน์นั้น จำเป็นต้องให้ผู้ต้องขังตรวจค้นกันเองเพราะกำลังเจ้าหน้าที่ไม่เพียงพอ ทำให้เป็นช่องทางยอดนิยมในการส่งของเป็นอย่างมาก

2.รูทวารจากการฝากขัง
(ซึ่งได้ฝากของมาด้วย) ผู้ต้องโทษระวางขังจากศาลที่ยังไม่ได้ตัดสินจะถูกนำมาฝากขังในเรือนจำกลาง ซึ่งวิธียอดนิยมคือนำของยัดทวารหนัก โดยเจ้าหน้าที่มีมาตรการป้องกัน โดยการให้ผู้ต้องสงสัยวิดพื้น หากเจ็บท้องแสดงว่า ขนของเข้า ดังนั้น วิธีนี้จึงใช้ไม่ค่อยได้ผลนัก


3.โยนเข้าไป
วิธีนี้ดูจะตรงที่สุดเท่าที่จะจินตนาการกันขึ้นมาได้ เมื่อมีกำแพงขวางกั้น โยนข้ามไป ง่ายสุด แต่กำแพงนั้นก็สูงหลายเมตรประกอบกับส่วนบนยังมีลวดไฟฟ้าแรงสูง อย่างไรก็ตามยังมีผู้ที่สามารถใช้วิธีนี้ได้ โดยจะยัดของมาในเศษกระดาษที่ดูเหมือนขยะทั่วไป หรือมีแหวกแนวถึงขึ้นเย็บใส่มาในศพหนู


4.ติดสินบนเจ้าหน้าที่
นี่คือการอาศัยมุมมืดจิตใจของคนธรรมดา หาเช้ากินค่ำอย่างงเจ้าหน้าที่เรือนจำที่รายได้น้อย และต้องทำงานหนัก กับผลประโยชน์ของราคาค่างวดในการนำส่งของ เป็นจำนวนที่เกินกว่าจะเคยนึกฝันว่าจะได้เห็น เป็นวิธีบ่อนทำลายจากภายในซึ่งน่ากลัวที่สุด


5.ยิงธนูจากฟากฝั่งไกล
นี่อาจจะดูเวอร์ไปสักนิด หากมองไปยังทิวทัศน์ไกลตาจากเรือนจำราว 100-200 เมตรแล้วจะเห็นว่ามีคนยืนยิงธนูที่ผูกด้วยของเข้ามาในเรือนจำ พุ่งโค้งข้ามขอบกำแพงอย่างนักรบยุคกลางตีป้อมปราการข้าศึก เป็นวิธีเหนือคาดที่ต้องอาศัยทักษะ สามารถปฏิบัติการได้จากระยะไกล ปลอดภัยต่อผู้ปฏิบัติการ


6.ยิงปืนลมข้ามกำแพงคุก
นี่เป็นการประยุกต์ใช้งานอย่างไม่ควรเอาเยี่ยงอย่างของการใช้เครื่องยิงจรวดขวดน้ำ มาเป็นปืนลมที่มีฐานตั้ง เล็งเป้าหมาย นัดแนะสถานที่ เวลาอย่างดี เพื่อยิงส่งของ สามารถส่งของลงในขวดกระสุนได้เยอะ และทำการได้จากระยะไกล ต้องใช้การคำนวณทางคณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ กลศาสตร์ หลายสาขาวิชาเข้าด้วยกัน เพื่อคำนวณทิศทางลมระดับความสูงกับระยะตกของกระสุน สามารถส่งของได้ในราคาถูกเมื่อนำปริมาณมาเทียบกับต้นทุน


7.เฮลิคอปเตอร์บังคับวิทยุ
ยุทธศาสตร์เหนือน่านฟ้า ใช้เหินฟ้าบรรทุกของลอยสูงไป ก่อนส่งของในเสี้ยววินาทีปล่อยลงสู่เป้าหมาย นี่จะเป็นวิธีที่เหนือล้ำที่สุด ทรงประสิทธิภาพมากที่สุด ทั้งในด้านของความแม่นยำ และปริมาณในการส่งของ ที่บรรทุกได้กว่า 10 กิโลกรัม แม้จะมีต้นทุนจากเครื่องสูงกว่า 5 แสนบาทก็ตาม

คำให้การของหนูกับแมว

“คือทำกันเป็นเรื่องปกติไปแล้ว” นี่คือปากคำจากนางส้ม (นามสมมติ) อดีตผู้ต้องขังจากเรือนจำกลางเขาบิน อำเภอเขาบิน จังหวัดราชบุรี ระหว่างชีวิตในเรือนจำ เธอได้ข่าวการส่งของเข้าเรือนจำอยู่บ่อยครั้ง
“แปลก! รู้สึกทึ่งนะ คือเขาพยายามกันมาก และแต่ละวิธีมันไม่ใช่ง่ายๆ กำแพงในเรือนจำก็สูง มาตรการป้องกันหนาแน่น แต่ก็ยังทำกันได้ไม่เกรงกลัว ยังจะพยายามดิ้นรนกัน” เธอเผยความรู้สึกเมื่อได้รับรู้ถึงกระบวนการที่เกิดขึ้นในเรือนจำ
ขณะที่ทางด้านของสุรชัย พุ่มแก้ว ผู้บัญชาการเรือนจำกลางจังหวัดราชบุรี ซึ่งเคยประจำอยู่ที่เรือนจำเขาบินมาก่อน มองว่าสิ่งที่เกิดขึ้นในเรืองจำนั้นเป็นเพียงแค่ปลายเหตุของปัญหายาเสพติดเท่านั้น

“มาตรการป้องกันของเรา มีทั้งเครื่องเอกซเรย์ จำกัดปริมาณของเข้าออก แต่ขบวนการตรงนี้มันใหญ่โตมาก มันทำกันจนเกินกำลังของผู้คุมที่จะจัดการได้”

ในรายละเอียดแล้ว การซ่อนของในเรือนจำนั้น เขาขอสารภาพว่ายากที่จะจัดการตรวจค้นทั้งหมด เพราะเรือนจำมีที่กว้างขวาง มีที่ซ่อนได้หลายจุด ขุดดินลงไปก็ซ่อนได้แล้ว หรือจะทุบเรือนขังทำเป็นที่ซ่อนเฉพาะก็ยังได้

คนร้ายพยายามจะทำทุกวิถีทาง และทำกันเป็นขบวนการอย่างต่อเนื่อง ซึ่งผู้บัญชาการยอมรับว่าเจ้าหน้าที่บางคนก็มีส่วนรู้เห็นกับคนร้าย

“เราต้องยอมรับ เจ้าหน้าที่บางคนอาจใจอ่อนรับสินบน แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ไม่ได้หมายความว่าทางเรือนจำจะมีส่วนรู้เห็นเป็นใจ ทำให้การค้าขายยาเสพติดเป็นไปอย่างไม่สนใจป้องกัน เราพยายามที่สุดแล้ว”

ภาวะรุนแรงแห่งความอ่อนแอของโครงสร้างและผู้คน
 
ขบวนการส่งของที่เกิดขึ้น ดูเหมือนเป็นวงจรไร้จุดสิ้นสุด โดยความรุนแรงของความต้องการที่มากขึ้น ทำให้วิธีการยิ่งต้องทวีความแยบยลขึ้นตาม โดยรองศาสตราจารย์ อัจฉราพรรณ จรัสวัฒน์ ภาควิชาอาชญาวิทยา คณะสังคมศาสตร์และมนุษย์ มหาวิทยาลัยมหิดล มองว่า มีจุดเริ่มต้นมาจากระบบยาเสพติดที่เป็นระบบใหญ่ ซึ่งก่อการกันเป็นองค์กรอาชญากรรมที่ไม่เกรงกลัวกฎหมาย

“ในแง่หนึ่งคือระบบดีมานด์-ซัปพลายของยาเสพติดในเรือนจำมันรุนแรงมาก และมันยั่วกิเลสมากจนทำให้ใครต่อใครก็สามารถทำเพื่อมันได้ทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นเจ้าหน้าที่ หรือใครก็ตามที่เข้าไปในเรือนจำ เงินเป็นแสนกับการเอามือถือเข้าไปเครื่องเดียว ทั้งชีวิตของคนบางคนอาจไม่เคยเห็นเงินขนาดนั้นเลยด้วยซ้ำ”

อีกแง่หนึ่งคือส่วนของการบังคับใช้กฎหมายในเรื่องยาเสพติด ซึ่งเป็นแนวปฏิบัติที่ต้องอาศัยการมีส่วนร่วมของหลายภาคส่วน ซึ่งในสังคมไทยยังคงเป็นปัญหา ตั้งแต่การป้องกันที่บกพร่อง จนถึงการเยียวยารักษาในพระราชบัญญัติฟื้นฟูผู้เสพยา

“เมื่อก่อนจะบังคับบำบัดฟื้นฟูให้กับผู้เสพที่ 1 ปี ต่อมาลดลงเหลือ 6 เดือน 3 เดือน จนปัจจุบันเหลือ 15 วันหรือบางที 7 วัน ซึ่งมันไม่ได้ผลอะไร หักดิบยังไม่ได้เลย”

ทั้งนี้ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นเพียงภาพเล็กที่สะท้อนปัญหาใหญ่ในเชิงโครงสร้างของสังคมเท่านั้น

“ปัญหาจะเป็นมาตั้งแต่กระบวนการยุติธรรม ซึ่งเชื่อมโยง ตำรวจ อัยการ ศาล ราชทัณฑ์ เป็นกระบวนการ เพราะมันส่งผลถึงกันหมด อยู่ในคุกได้ระยะหนึ่ง พอนึกว่าดีขึ้นแล้วก็ส่งออกไป ไม่หาย เสพมากเข้า ไม่มีเงินก็มาเป็นผู้ค้ารายย่อย ท้ายที่สุดก็จับรายใหญ่ไม่ได้ วงจรก็ยังคงดำเนินต่อไป”

ทั้งนี้ การกระทำที่ดูจะเป็นกระบวนการ ต่อเนื่อง และเหิมเกริมมากเกินไป อย่างการใช้เฮลิคอปเตอร์ ดูจะเป็นการท้าทายอย่างไม่ไว้หน้าของอำนาจยาเสพติด ต่อกฎหมายบ้านเมือง ซึ่งในมุมมองทางด้าน
อาชญาวิทยานั้น วิเคราะห์ได้ว่ามาจากการบังคับใช้กฎหมายที่ไม่สามารถทำให้คนร้ายกลัวเกรงต่อการกระทำผิดได้

“ด้วยการก่ออาชญากรรมในลักษณะนี้ ในทางอาชญาวิทยาแล้ว มองว่าเป็นการก่อการแบบองค์กรอาชญากรรม ซึ่งโดยธรรมชาติจะมีส่วนร่วมจากคนใน ไม่ว่าจะเป็นเจ้าหน้าที่เรือนจำเอง หรือผู้ต้องขังคนอื่นๆ อย่างไรก็ตามมาจากโครงสร้างสังคมที่อ่อนแอ ยิ่งทำให้คนในสังคมอ่อนแอต่อการทำผิดไปด้วย บางครั้งสิ่งที่เป็นอยู่คือคนที่ทำผิดนั้นไม่มีทางเลือก เพราะโครงสร้างทางสังคมไม่ได้เอื้ออำนวยให้คนยากจน หรือคนที่ด้อยโอกาสมีชีวิตอยู่ได้ตามอัตภาพเท่าที่ควร”

.........

เกมแมวจับหนูที่นำเสนอนี้ เป็นเพียงภาพเล็กของปัญหาเท่านั้น แน่นอนว่าเกมยังคงดำเนินต่อไป หนูไม่เคยขลาดกลัว หากแต่ยิ่งถูกต้อนให้จนมุมก็จะยิ่งคิดแผนอันแยบยล เพื่อต้อนแมวกลับ ไม่ว่าต้อนจากภายนอกหรือภายในก็ตาม

แน่นอนว่าโครงสร้างใหญ่ของสังคมที่อ่อนแอ ทำให้คนอ่อนแอ แต่ไก่กับไข่อะไรเกิดก่อน สังคมอ่อนแอทำให้คนอ่อนแอ หรือคนอ่อนแอทำให้สังคมอ่อนแอกันแน่

อย่างไรเสีย โจทย์ปัญหาใหญ่จะไม่ได้อยู่ที่วิธีการอย่างไรที่ทำให้ผู้ต้องขังสามารถนำของเข้าไปได้ หากแต่เป็นทัศนคติที่สังคมมองเรือนจำ ว่าจะให้เรือนจำเป็นเพียงที่คุมขัง และตัดสินว่าเป็นแหล่งรวมตัวของยาเสพติด หรือจะให้เรือนจำเป็นจุดเปลี่ยนผู้ผิดในการกลับตัวไปใช้ชีวิตในสังคมกันแน่

นี่คือสิ่งที่ภาพรวมของสังคมที่ต้องปรับเปลี่ยน หรือจะต้องรอให้สังคมจะถูกต้อนให้จนตรอกเสียก่อน
>>>>>>>>>>
………
เรื่อง : ทีมข่าว CLICK
ภาพ : ทีมภาพ CLICK



กำลังโหลดความคิดเห็น