“ก๋วยเตี๋ยว” และ “ดำน้ำ” สองสิ่งที่ไม่น่าโคจรมาเจอกันได้ แต่ดันมาบรรจบพบกันในส่วนผสมที่ลงตัว ณ ดินแดนแห่งความอร่อยย่านรัชโยธินแห่งนี้...
“เตี๋ยวหมู Scuba” คือชื่อร้านอาหารที่มีส่วนผสมมาจากคำว่า “ก๋วยเตี๋ยวหมู” และ “Scuba” ซึ่งแปลว่าการดำน้ำ เหลียวไปมองโลโก้ของร้านก็เป็นรูปหมูน้อยสวมหน้ากากดำน้ำ ย้ำคอนเซ็ปต์เดิมเกี่ยวกับเรื่องหมูๆ และเรื่องราวใต้ท้องทะเล หันไปถามเจ้าของไอเดียจึงได้คำตอบว่าทำไมต้องเป็นหมู และเกี่ยวอะไรกับ Scuba ด้วย
“ปกติผมเป็นคนชอบกินอาหารประเภทเส้นอยู่แล้ว โดยเฉพาะก๋วยเตี๋ยว ตระเวนชิมมาแทบทุกที่ มีเมนูหนึ่งที่ผมติดใจมากคือก๋วยเตี๋ยวหมูบะช่อ เคยไปกินที่ราชบุรีแล้วชอบมาก แต่หาร้านถูกปากในกรุงเทพฯ ไม่ค่อยมี เผอิญว่าคุณแม่เป็นคนทำอาหารเก่งครับ ก็เลยขอให้คุณแม่ทำให้กิน วันไหนไม่ได้กินจะต้องขอกินให้ได้ (ยิ้ม) พอมาเปิดร้านตัวเองก็เลยขโมยสูตรของคุณแม่มาซะเลย”
“กะจะทำให้เมนูหมูเป็นเมนูเด็ดของร้าน พอมาถึงตอนตั้งชื่อ คิดว่าถ้าตั้งชื่ออะไรเกี่ยวกับหมูบะช่อคงไม่น่าสนใจเท่าไหร่ เลยเอาเรื่องที่ชอบดำน้ำมาใส่เข้าไปเป็นชื่อร้าน ให้มันบ่งบอกตัวตนของเราไปในตัว จนกลายเป็นชื่อ “เตี๋ยวหมู Scuba” อย่างที่เห็นนี่แหละครับ” หนุ่ม ศศิร์ธา ทิพยะวัฒน์ เจ้าของร้านหน้าตี๋ยิ้มกว้างเมื่ออธิบายจบ
ร้านนี้คือร้านหน้าใหม่ในย่านรัชโยธินก็จริง แต่ไม่ถึงกับเป็นเด็กใหม่ในวงการร้านอาหาร เพราะจริงๆ แล้วคุณหนุ่มเคยเปิดสาขาแรกที่เลียบทางด่วนรามอินทราและมีลูกค้าขาประจำหลงใหลรสมือของเขาอยู่จำนวนไม่น้อย แต่เนื่องจากทำเลที่ตั้งไม่เอื้อต่อการค้า ตั้งอยู่ในซอยทางลัดที่ไม่ค่อยมีผู้คนสัญจร ทำให้แทบไม่มีลูกค้าขาจรมาคอยอุดหนุน จึงเปลี่ยนมาตั้งร้านใกล้กับเมเจอร์รัชโยธินแทน
ปัจจุบันเปิดร้านได้เพียงสองเดือน แต่เริ่มมีลูกค้าขาประจำหน้าใหม่ๆ เข้ามาแล้ว และไม่ได้เข้ามาอุดหนุนธรรมดาๆ “บางคนอาทิตย์หนึ่งเปิด 6 วัน แวะมากิน 5 วันเลยก็มี” คุณหนุ่มบอกไว้อย่างนั้น เห็นทีว่าทีมงานจะต้องพิสูจน์คุณภาพกันเสียหน่อยแล้ว
เริ่มด้วย “ต้มยำหมูบะช่อ” กันก่อน เห็นพูดถึงหมูบะช่อตั้งแต่ตอนยังไม่ได้ถาม อยากรู้จริงๆ ว่ารสชาติจะเด็ดกว่าหมูทั่วๆ ไปที่ใส่ในก๋วยเตี๋ยวสักแค่ไหน กระทั่งกัดคำแรกลงไปในเนื้อนุ่มๆ ชิ้นกลมโต จึงรู้ว่าเนื้อหนานุ่มกว่ามาก เทียบกับหมูเด้งของก๋วยเตี๋ยวบางร้าน ต้องยอมรับว่าหมูบะช่อของที่นี่ให้รสสัมผัสที่ดีกว่าจริงๆ เพราะหมูเด้งส่วนใหญ่เกิดจากการเอาหมูไปปั่นในเครื่องแล้วจึงนำมาปั้น ทำให้เนื้อหมูถูกเครื่องบดจนเละละเอียดเกินไป ต่างจากหมูบะช่อของที่นี่ ซึ่งเกิดจากการเอาหมูไปสับ ทำให้ส่วนมันหมูยังคงความหนึบ เคี้ยวแล้วดึ๋งดั๋งอยู่ในปาก ให้รสสัมผัสที่น่าพิสมัยกว่ามาก
เรื่องของรสชาติก็กลมกล่อมไม่แพ้เนื้อหมู น้ำต้มยำของร้านนี้ให้รสเปรี้ยวเผ็ดผสานกันไป คล้ายจะชิงกันเด่นแต่กลับอร่อยลงตัว โดยเฉพาะพริกเผาที่ใส่ลงไป ช่วยเพิ่มรสหวานมัน ทำให้น้ำซุปมีรสเข้มข้นยิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังมีกากหมูทอดใหม่ๆ ช่วยเพิ่มสัมผัสกรุบๆ ให้แก่ก๋วยเตี๋ยว มีปลาเส้นที่เต็มไปด้วยเนื้อปลา มีตับหมูชิ้นใหญ่เนื้อหนา และยังมีเนื้อไก่ฉีกเสริมอยู่ในชามอีก ถือได้ว่า “คุ้ม” มากๆ แล้วในราคาเพียง 40 บาท
“หมูทอด” คืออีกหนึ่งรสชาติน่าประทับใจ ปกติแล้วนักชิมคงคุ้นชินกับทงคัตสึ หมูทอดสไตล์ญี่ปุ่นมากกว่า เมื่อเห็นเมนูหมูทอดในร้านอาหารไทย ร้อยทั้งร้อยเป็นต้องส่ายหน้าเพราะไม่เชื่อว่าจะอร่อยเท่าสูตรญี่ปุ่น แต่ “บะหมี่แห้งหมูทอด” และ “ข้าวหมูทอด” ของร้านนี้ กลับทำให้ผู้ชิมต้องตัดความเชื่อแบบเดิมๆ ทิ้งไป แล้วค่อยๆ ลิ้มรสอร่อยจากทั้งสองเมนูด้วยความรู้สึกประทับใจอย่างบอกไม่ถูก
หมูทอดที่วางเรียงรายอยู่บนข้าวสวย คะเนจากสายตาเมื่อแรกเห็นแล้ว รูปลักษณ์ของมันไม่ชวนกินเท่าใดนัก ด้วยเนื้อแป้งชั้นนอกที่ไม่ได้พองโตอย่างที่คุ้นชิน บวกกับเนื้อหมูชิ้นเรียวเล็ก ชวนจินตนาการไปว่าจะต้องให้รสแห้งๆ ฝืดๆ คอเป็นแน่ จนเมื่อลองกัดคำแรกดู จึงมีคำต่อๆ ไปทยอยตามมาอย่างรวดเร็ว
เนื้อแป้งที่ดูไม่พองโตนักกลับให้ความกรอบอย่างน่าประทับใจ อัดแน่นไปด้วยเกล็ดขนมปังชุบเนื้อแป้งและไข่พอดีคำ เมื่อกัดผ่านชั้นในยังได้สัมผัสนุ่มๆ เนื้อแน่นๆ ของชั้นหมู กลับให้รสชาติต่างจากทงคัตสึที่เคยกิน แต่มีเสน่ห์ไปอีกแบบ เมื่อถามเจ้าของสูตรดูจึงได้รู้ว่าเสน่ห์ที่ทำให้ผู้ชิมติดใจ มาจากการเลือกใช้หมูสันคอซึ่งเป็นส่วนที่นุ่มที่สุด จากนั้นนำไปแช่น้ำนมนานครึ่งชั่วโมง เพื่อให้เนื้อหมูที่นิ่มอยู่แล้วยิ่งนิ่มกว่าเดิมขึ้นไปอีก
ส่วนซอสราดหมูทอดนั้น คุณหนุ่มบอกว่าไม่จำเป็นต้องมี แรกๆ คิดว่าเป็นเหตุผลของคนขี้เกียจ ที่ไหนได้แค่จิ้มด้วยซอสถั่วเหลืองที่เสิร์ฟมาคู่กันในชามจิ๋ว ก็ทำให้อร่อยได้อย่างลงตัวสมคำแนะนำจริงๆ ยิ่งได้ซดน้ำซุปไปด้วย ยิ่งช่วยเสริมให้รสหมูทอดชัดขึ้น เพราะรสหวานของน้ำซุปซึ่งเกิดจากการเคี่ยวกะหล่ำปลีและหอมหัวใหญ่จนละลายเป็นเนื้อเดียวกับน้ำ ช่วยตัดรสเค็มนิดๆ ของซอสถั่วเหลือง ทำให้สามารถรับรู้รสอร่อยได้ชัดขึ้นไปอีก บอกได้คำเดียวว่า “เด็ด” จริงๆ
ต่อให้นำหมูทอดไปวางในเมนูบะหมี่แห้ง กลายมาเป็น “บะหมี่แห้งหมูทอด” ความกรอบอร่อยของเนื้อหมูก็ยังไม่ลดลงไปเลย มีแต่กลับอร่อยขึ้นเป็นทวีคูณเมื่อมีรสเปรี้ยว-หวาน-เผ็ดของเครื่องก๋วยเตี๋ยวช่วยเสริม คนที่อยากรู้ว่า “รสกลมกล่อม” เป็นอย่างไร แนะนำให้สั่งเมนูนี้เป็นเมนูแรก ส่วนคนที่ตัดสินใจไม่ถูกว่าจะลองหมูทอดหรือหมูบะช่อดี ไม่จำเป็นต้องเลือกอย่างใดอย่างหนึ่งให้รู้สึกเสียดาย ยังมี “ก๋วยเตี๋ยวสองหมู” สร้างขึ้นมาเอาใจ ทำให้ได้ลิ้มรสความอร่อยของหมูสองแบบได้ในชามเดียว
กินเสร็จแล้วจะตบท้ายด้วยขนมหวาน ทางร้านยังมีไอศกรีมกะทิ “แม่เพ็ญ” ให้ได้ลองชิม เห็นชื่อยี่ห้อดูไทยๆ แบบนี้ คุณหนุ่มกระซิบบอกมาว่าคนทำเป็นถึงเชฟจบจากเลอกอดองเบลอ ประเทศอังกฤษเชียวล่ะ และที่สำคัญเป็นน้องสาวของแฟนคุณหนุ่มเอง ส่วนรสชาติก็มีให้เลือกหลากหลาย ทั้งขนุน ข้าวโพด เผือก ข้าวเหนียวถั่วดำ แล้วแต่จะนิยม แต่ถ้าไม่นิยมกินของหวาน จะตบท้ายด้วยการสนทนาเรื่องดำน้ำกับเจ้าของร้าน คุณหนุ่มฝากบอกมาว่ายินดีเป็นอย่างยิ่ง เผลอๆ ลูกค้าขาประจำยังอาจได้สิทธิพิเศษเรียนดำน้ำในราคาย่อมเยาด้วย
ทิ้งท้ายกันด้วยวลีเด็ดๆ จากเจ้าของร้านวัย 36 ที่บอกเอาไว้ว่า “เสน่ห์ของการดำน้ำ เหมือนได้ไปเห็นอีกโลกหนึ่ง เหมือนกับก๋วยเตี๋ยวที่นี่นั่นแหละครับ เป็นอีกรสชาติหนึ่งที่คุณอาจยังไม่เคยได้ลิ้มลอง (ยิ้ม)” ได้ยินแบบนี้ ถึงยังไม่นึกอยากกินอาหารของที่นี่ อย่างน้อยๆ คงทำให้คุณอยากลองดำน้ำกับเจ้าของร้านวาทะเด็ดคนนี้ขึ้นมาบ้างแล้ว
“เตี๋ยวหมู Scuba”
ตั้งอยู่บนถนนพหลโยธิน ปากซอย 30/1 ใกล้กับเมเจอร์รัชโยธิน ตรงข้ามปั๊มเอสโซ่ ติดธนาคาร TMB
เปิดบริการทุกวัน ตั้งแต่ 10.30 - 20.00 น. หยุดวันอาทิตย์
เบอร์ติดต่อ 08-1457-7788
3 อันดับเมนูเด็ด!
1. ต้มยำหมูบะช่อ : หมูบะช่อเคี้ยวดึ๋งในน้ำต้มยำรสแซบ
2. บะหมี่แห้งหมูทอด : หมูทอดเคล้าเครื่องปรุง อร่อยกลมกล่อมของจริง
3. ข้าวหมูทอด : หมูทอดเนื้อแน่นในสไตล์ไทยๆ พร้อมน้ำซุปรสเด็ด
ข่าวโดย Manager Lite/ASTV ผู้จัดการสุดสัปดาห์
ภาพโดย พงศ์ศักดิ์ ขวัญเนตร