เชื่อว่านาทีนี้หลายคนคงสะดุดตาและอยากรู้จักลูกสาวคนสวยของชูวิทย์คนนี้ “ต๊ะ ตระการตา กมลวิศิษฎ์” ภาพสาวสวยหน้าคม ผมดำขลับยาวสลวย ที่มีรอยยิ้มน่ารักๆ เดินช่วยพ่อหาเสียงในการเลือกตั้ง จากเด็กสาวตัวเล็กใส่เหล็กดัดฟันเพียงไม่กี่ปีเธอกลายเป็นสาวสวยสะพรั่ง ถึงขนาดมีกลุ่มแฟนคลับในอินเทอร์เน็ตนับหมื่นคน ติดตามความเคลื่อนไหว และอัปเดตภาพสวยๆ ของเธอมาโพสต์เสมอ แต่ถ้าหนุ่มคนไหนใจกล้าคิดอยากจะจีบเธอ ขอเตือนไว้ก่อนว่าต้องเตรียมใจให้ดี เพราะทั้งพ่อและพี่ชายหวงสุดๆ
“พ่อจะเรียกต๊ะว่า “นางฟ้าแสนสวยของพ่อ” ต๊ะก็จะเรียกพ่อว่า “พ่อสุดหล่อของต๊ะ” ชอบพูดอย่างเนี้ยกันตอนเด็กๆ โตขึ้นก็ไม่มีแล้ว จะมีแซวกันบ้าง คอสั้น” นางฟ้าตัวน้อยซึ่งปัจจุบันโตเป็นสาวสวยบอกเล่าเรื่องราวระหว่างเธอและพ่อ ด้วยแววตาสนุกสนาน ปนไปด้วยเสียงหัวเราะคิกคักตลอดระหว่างการสนทนา
วันที่ M-Lite นัดสัมภาษณ์เธอแต่งตัวง่ายๆ สบายๆ ในชุดเสื้อกล้ามลูกไม้สีดำ กางเกงยีนส์ แต่งหน้าเน้นดวงตาคมๆ แบบสาวแขก เท่านี้เธอก็ดูเป็นสาวเปรี้ยว มีเสน่ห์น่าค้นหา เพียงเวลาไม่นานที่ได้คุยกับเธอ ก็ทำให้รู้จักตัวตนของเธออีกมุมหนึ่ง เธอเป็นสาวช่างพูด ขี้เล่น ซุกซน เป็นคนเปิดเผย เป็นตัวของตัวเองสุดๆ นิสัยเป็นอย่างไรก็แสดงออกอย่างนั้น
ถึงจะได้ชื่อว่าเป็นลูกสาวเจ้าพ่อ คนมองว่าใช้ชีวิตร่ำรวยอยู่บนกองเงินกองทอง แต่เมื่อได้รู้จักตัวตนของเธอแล้ว กลับพบว่าเธอไม่ได้มีดีแค่ความสวย ความรวยเท่านั้น เธอยังเป็นผู้หญิงฉลาดพูด ฉลาดคิด และยังมีมุมมองในการใช้ชีวิตที่แตกต่างจากที่หลายคนคิด
กำลังใจคนสำคัญ
ก่อนหน้านี้หลายคงเคยคุ้นหน้าเธอมาบ้างแล้ว ช่วงที่เธอเดินช่วยพ่อหาเสียงเมื่อครั้งมีการเลือกตั้งผู้ว่าฯ หลังจากนั้นเธอไปเรียนต่อไฮสกูลที่ประเทศอังกฤษอยู่ประมาณปีกว่าๆ กลับมาครั้งนี้เพื่อช่วยพ่อหาเสียงเต็มตัว เพียงแค่เดินอยู่ข้างๆ ส่งรอยยิ้มหวานๆ ก็เป็นกำลังใจที่สำคัญ ซึ่งก็ไม่ผิดหวัง เพราะพ่อเธอได้ที่นั่งในสภาฯ ถึง 4 ที่นั่ง
“ตอนอยู่ที่อังกฤษก็จะติดตามข่าวสารของพ่อทางอินเทอร์เน็ต เราก็ติดตาม ตอนพ่อล้มก็ถามว่าเป็นอะไร โทรหาคุณพ่อ พอกลับมาก็มาช่วยคุณพ่อหาเสียงเต็มที่ ไปเกือบทุกวัน กลับมาจากอังกฤษถึงที่นี่วันอาทิตย์ วันจันทร์ก็เริ่มเลย ช่วยพ่อแจกบัตร บัตรทุกใบจะต้องมีลายเซ็น จะได้รู้ว่าเป็นของจริง เราก็เดินตาม ยิ้ม มีพี่ชายด้วยก็สนุก เดินเห็นพ่อเล่นมุก เวลาพ่อใส่อารมณ์มันจะยาว เราก็จะบอกพ่อพอแล้วๆ
พ่อเขาหวังไว้ว่าได้ 1-2 คนก็พอแล้ว แต่เรารู้อยู่แล้วว่าพ่อต้องได้ ต๊ะบอกว่าได้ 5 คน ในความคิดต๊ะนะคะ แต่พ่อไม่ค่อยคิดมาก เพราะเขาตัวคนเดียว ประมาณนั้น แต่คือยิ่งได้คะแนนเยอะ ยิ่งรู้สึกภูมิใจเนอะ เหมือนคุ้มที่เราเหนื่อย คุ้มที่เราพยายามให้ทุกคนรู้ว่าเป็นยังไง ยิ่งได้เยอะยิ่งรู้สึกหายเหนื่อย คุณพ่อตัวคนเดียว ใช้เงินตัวเอง ทำทุกอย่างด้วยตัวเอง
เห็นป้ายคนอื่นไหม จืดชืดมาก อย่างป้ายคุณพ่อแปลกไง นักข่าวให้ความสนใจ คนให้ความสนใจไอเดียของพ่อ มีฝรั่งบอกว่าป้ายคุณพ่อเป็นป้ายที่ interactive นะ เป็นป้ายที่ไอเดียเจ๋ง สื่อได้หลายอย่าง เขาสื่อว่าคุณพ่อเป็นเหมือนยักษ์ แต่เป็นยักษ์ด้านดีนะ เป็นยักษ์ที่ปกป้องคุ้มครองมากกว่า คือไอเดียพ่อแปลกดี ต๊ะชอบ
พ่อต๊ะเป็นคนที่คิดแตกต่างจากคนอื่น แต่ไม่แตกแยกนะ สิ่งที่เขาทำ สิ่งที่เขาคิดจะแตกต่างจากคนอื่น ไม่ได้ถึงกับจะแตกต่างจากคนอื่นเขาตลอดเวลา แต่จะแตกต่างออกไปในด้านที่ดี ไม่ได้แตกต่างเพื่อจะขัดผลประโยชน์ของคนอื่น ไม่ใช่แนวนั้น
ต๊ะเคยคิดว่าทำธุรกิจดีกว่า ทำการเมืองไปทำไม คุณพ่อจะมีความคิดอย่างหนึ่งว่าถ้าเราได้อะไรจากสังคมมาเยอะแล้ว ต้องทำกลับบ้าง ทำคืนให้บ้าง ต๊ะก็เข้าใจพ่อ”
แฟนคลับนับหมื่นในโลกไซเบอร์
ด้วยความที่หน้าตาน่ารัก และมีบุคลิกสดใส ทำให้เธอเป็นที่สนใจมีกลุ่มแฟนคลับติดตามความเคลื่อนไหวในโลกไซเบอร์มานานแล้ว ตั้งแต่สมัยเรียนที่โรงเรียนเซนต์โยเซฟคอนเวนต์ มีรูปเธอในอินเทอร์เน็ต ตั้งแต่สมัยใส่เหล็กจัดฟัน รูปครอบครัว รูปปาร์ตี้ จนถึงรูปปัจจุบันที่พัฒนาการความสวย มีแฟนคลับติดตามมากขึ้น พอถามถึงความรู้สึกที่มีต่อกลุ่มแฟนคลับ เธอก็เปิดใจว่าเธอก็เป็นคนธรรมดา ใช้ชีวิตปกติทั่วไป บางครั้งอาจจะไม่ได้พูดคุยกับแฟนคลับที่ทำเว็บไซต์ให้มากนัก แต่ก็รู้สึกดีที่มีคนมาชอบ มีคนให้ความสนใจ
“ชีวิตตอนนี้ก็เปลี่ยนค่ะ เราชอบทำอะไรบ้าๆ ทำอะไรแปลกๆ แม่จะคอยเตือน กลัวคนจะจำได้ ว่าคนนี้หน้าคุ้นๆ นะ ต๊ะก็ต้องทำตัวปกติแบบที่คนอื่นเขาเป็นกัน (หัวเราะ) แต่ชีวิตที่ใช้อยู่ปัจจุบันก็จะไม่เปลี่ยน ยังเหมือนเดิน ที่ต้องระวังก็เช่น เวลาอยู่ข้างนอกเราก็จะไม่พูดจาเสียงดัง คือปกติต๊ะเป็นคนชอบโวยวาย
ในอินเทอร์เน็ตมีคนมาทำเว็บไซต์แฟนคลับให้เรา ก็รู้สึกดีที่มีคนมาชอบ มีคนมารักเรา แต่คือเราไม่ใช่ดารา เคยมีคนโพสต์บนเฟซบุ๊กมาถามเราว่าทำไมไม่ค่อยอยากให้สนใจ ไม่ค่อยคุยกับแฟนคลับ เราก็ตอบไปว่าเราไม่ใช่ดารา เราเป็นคนปกติทั่วไป ที่ใช้ชีวิตปกติ ไม่ได้เลิศเลออะไรขนาดนั้น แต่ภายนอกคนอื่นอาจจะมองเรามีพร้อมทุกอย่าง เป็นลูกสาวคนดัง แต่จะไม่ชอบถ้าเห็นใครก็ไม่รู้มาด่าเรา มันต้องมีอยู่แล้วนะ แต่เราไม่ยอม ถ้าจับได้นี่โดนนะ คุณเป็นใครอยู่ดีๆ มาด่า ขนาดพ่อเรายังไม่ด่าเราอย่างนี้เลย แต่มีคนชมก็ดีใจ ก็ชอบ ตอนเด็กๆ มีแต่ชมตัวเอง (หัวเราะ)”
เห็นหน้าสวยหุ่นดีแบบนี้ แถมยังได้รับความสนใจจากสื่อฯ และมีแฟนคลับเพียบ อยากรู้ว่าเธอจะสนใจงานในวงการบันเทิงบ้างหรือเปล่า “เราเป็นผู้หญิงก็ชอบของสวยๆ งามๆ อยู่แล้ว แต่ตอนนี้ยังไม่มีใครชวนให้ทำอะไรนะ คือตอนนี้ยังไม่รู้ ในอนาคตเราอาจจะทำ แต่ในความคิดตอนนี้มันไม่ค่อยใช่เท่าไหร่เลย เราชอบทำงานเป็นนักธุรกิจ หาตังค์ อยู่กับครอบครัว แนวๆ นี้มากกว่า”
อ่านหนังสือกับพ่อก่อนนอน
เวลาอยู่ต่อหน้าสื่อฯ หรือเวลาออกทีวีจะเห็นภาพพ่อของเธอเป็นคนดุดัน โผงผาง พูดจาเสียงดัง แต่เธอบอกว่าเวลาอยู่กับครอบครัวพ่อจะเป็นคนละคนกัน พ่อจะเป็นคนใจเย็น ขี้เล่น พร้อมทั้งแอบเล่ามุมน่ารักระหว่างเธอกับพ่อ สิ่งที่ต้องทำเป็นประจำทุกคืนก่อนนอน คือหอมแก้ม และคุยเรื่องหนังสือกับพ่อ
“อยู่ในทีวีพ่อจะดุดัน ตะโกน แต่อยู่ที่บ้านจะค่อยๆ พูด ใจเย็น แล้วก็ขี้เล่นมาก ตอนกลางคืนต๊ะจะส่งพ่อเข้านอนก่อน พ่อนอนดึกมาก ตี 2 ต๊ะก็จะส่งพ่อเข้านอนแล้วบอกให้พ่อนอนเร็วขึ้น ก่อนนอนต๊ะจะต้องพูด พ่อชอบให้ต๊ะพูดให้ฟังก่อนนอน คุยเรื่องทั่วไป อ่านหนังสือ แลกเปลี่ยนความคิดกัน ตอนกลางคืนจะชอบอ่านหนังสือให้พ่อฟัง ก่อนนอนก็จะเล่นกัน เกาเท้า พ่อบ้าจี้ (หัวเราะ) บ้านต๊ะ ผู้ชายไม่มีใครใส่เสื้อนอนสักคน ใส่กางเกงนอน ต๊ะชอบหอมแก้มพ่อแม่ก่อนนอน ไปไหนก็จะหอม มันรู้สึกปลอดภัย รู้สึกว่าได้ทำแล้ว
เมื่ออาทิตย์ก่อนต๊ะอ่านหนังสือเกี่ยวกับเรื่องความพอเพียง แล้วก็เอามาคุยกับพ่อ ต๊ะจะชอบถามเยอะ ปกติพี่ชายจะนอนกับพ่อ ส่วนต๊ะจะนอนกับแม่ พี่ชายก็จะบอกว่าต๊ะไปนอนไป รำคาญ พูดอยู่ได้ ต๊ะก็จะบอกว่าพ่อชอบฟังต๊ะพูด”
ต๊ะเล่าวีรกรรมซนๆ วัยเด็กว่า สมัยที่พ่อเคยประกอบธุรกิจอาบอบนวด เธอกับพี่ชายเคยแอบขึ้นไปวิ่งเล่น จนโดนจับได้ และโดนตีมาแล้ว “ตอนเด็กเคยแอบขึ้นไป พ่อทำธุรกิจอาบอบนวดไงแต่ก่อน เราแอบขึ้นไปดู เป็นสถานที่ต้องห้ามสำหรับเด็ก คนก็เดินเยอะแยะ พลุกพล่าน ตอนนั้นซนมาก ต๊ะกับต่อเดินขึ้นไป วิ่งขึ้นไปข้างบน ตามพี่ชาย พ่อมาเจอก็ตีปั้บๆ นิดนึง แต่โตขึ้นมาก็ไม่เคยโดนตีเลย มีแต่พูดให้คิด
ตอนนี้พ่อขายหมดแล้ว เหมือนเราได้มาพอแล้ว ต๊ะยังคิดว่าอยากให้พ่อทำต่อเลย คือมันได้เงินเยอะกว่าโรงแรม แต่ในมุมมองคนอื่นถ้าทำธุรกิจโรงแรมกับทำธุรกิจอาบอบนวดมันต่างกันมาก พ่อตัดสินใจขายอาบอบนวด ต๊ะยังเคยถามพ่อว่าทำไมถึงขาย ทำต่อเถอะ เดี๋ยวต๊ะทำงานให้ หมายถึงควบคุมนะ เดี๋ยวจะไปกันใหญ่ (หัวเราะ) พ่อบอกว่าเราได้จากสิ่งพวกนั้นมาพอแล้ว เราควรจะพอนะ เราควรให้ประโยชน์แก่สังคมบ้าง พ่อเลยอยากเป็น ส.ส.”
ลูกไม่ใต้ต้น
เห็นภายนอกจะดูเป็นสาวนิ่งๆ หน้าคมๆ หวานๆ แต่เธอขอบอกว่าเธอนี่แหล่ะลูกไม้ใต้ต้น นิสัยคล้ายกับพ่อมากที่สุดในบรรดาพี่น้อง คือเป็นคนดื้อ ไม่ยอมคน เผลอๆ เธออาจจะดุกว่าเสียอีก
“จริงๆ ต๊ะกับพ่อนิสัยคล้ายกันนะ ดื้อ ถ้ามีอะไรแล้วต้องพูด เอาเหตุผลมาสู้กัน ถ้ากับพี่ชายส่วนมากต๊ะชนะ (หัวเราะ) แต่กับพ่อสูสีๆ แล้วกัน (ยิ้ม) พ่อจะห่วงเรื่องการออกไปข้างนอก เรื่องให้เรามีสัมมาคารวะ บางทีต๊ะทำหน้าเฉยๆ คนจะมองว่าหยิ่ง ยโส จองหอง ตอนใส่เสื้อหาเสียง พี่ชายก็จะบอกทำหน้ายิ้มๆ หน่อย อย่าทำหน้าบึ้งให้มาก เดี๋ยวเขาจะไม่เลือกก็เพราะต๊ะนี่แหละ เราก็พยายาม ไม่ทำตัวอะไรแปลกๆ
ต๊ะจะชอบพูด ชอบคิดอะไรที่เป็นเนกาทีฟ พ่อบอกอย่างต๊ะน่าจะไปเป็นทนาย ส่วนมากจะชอบนั่งคุยกันมากกว่า พ่อจะสอนเรื่องความประหยัด สอนให้เป็นคนใจเย็น เพราะที่บ้านต๊ะใจร้อนทุกคนเลย พ่อจะดุเรื่องที่เราไปทำให้คนอื่นเดือดร้อน ไม่เชิงดุหรอก แต่จะพูดด้วยเหตุผล แต่ก่อนพ่อจะเครียดเรื่องเรียน แต่เดี๋ยวนี้ไม่ค่อยเครียดแล้ว เหมือนเราโตแล้ว เราควรคิดเองได้แล้วนะ ปกติพ่อใจดีอยู่แล้ว จะเลี้ยงแบบให้อิสรภาพ ขีดเส้นเอาไว้ ถ้ามากไปเมื่อไหร่ เขาจะเริ่มเตือน เช่น เวลากลับบ้านดึกแต่เราก็จะโทรบอกว่าเราอยู่ที่ไหน เขาก็โอเค
พ่อไม่ได้เลี้ยงลูกแบบตามใจหรอกนะ ส่วนมากต๊ะไม่ค่อยได้ซื้อของอยู่แล้ว ไม่ค่อยอยากได้อะไร แต่ถ้าอยากได้มันต้องของใหญ่เลยไง อยากได้รถ (หัวเราะ) แล็ปท็อปต๊ะได้ต่อมาจากพี่ชาย รถก็ของพี่ชาย ไม่ค่อยซื้ออะไรใหม่ๆ เท่าไหร่ อย่างกระเป๋าถือนี่กระเป๋าแม่ เราไม่ชอบใช้ของแพงนะ ไม่ค่อยอยากได้อะไรด้วย
ทุกคนก็อยากมีทุกอย่างพร้อม แต่ขึ้นอยู่กับเราว่าอยากซื้อหรือไม่ซื้อ ต๊ะก็ถือว่าเรามี แต่ไม่ถือว่ามีทุกอย่าง เราเป็นคนแตกต่างกับพี่ชาย เป็นคนขี้งกด้วย ไม่ชอบใช้ตังค์ ไม่ชอบให้คนเอาเปรียบ แต่ถ้าเราโตแล้ว ทำงานแล้ว เราอยากได้อะไรก็ต้องได้ แต่ตอนนี้ยังใช้เงินพ่ออยู่ เราก็ไม่อยากไปขอนู่นขอนี่ ตอนเด็กได้เดือนละ 5,000 เดี๋ยวนี้พ่อไม่ค่อยให้ เงินในบัญชีส่วนใหญ่หมดไปกับการไปเที่ยว ไปกินข้าว
พ่อเขาก็ประคบประหงมเรานะ แต่ไม่รู้เขาเห็นเราเป็นลูกสาวหรือเปล่า หรือเห็นเราเป็นลูกชาย (หัวเราะ) ต๊ะไม่ค่อยอ้อนพ่อหรอก นานๆ อ้อนที ถ้าอยู่ดีๆ เดินไปอ้อน เหมือนเราเสแสร้ง อยู่บ้านจะชอบเล่นกระโดดเตะ ชอบกระโดดถีบพ่อ นี่เรื่องจริง ตอนนี้ก็ยังเล่นกันอยู่ เล่นต่อสู้กัน พ่อจะชอบสอนต่อย ฟันศอก ต๊ะกับพี่ชายก็ชอบเล่นเตะต่อยกัน อยากเรียนศิลปะป้องกันตัวมาก แต่ไม่มีเวลา พี่ชายคนโตจะเรียนมวยไทย เหมือนออกกำลังกายด้วย ต๊ะก็จะชอบแนวนี้ ในบ้านเป็นผู้ชายหมดนี่นา จะให้เราไปเล่นตุ๊กตาบาร์บี้เหรอ ต๊ะไม่ค่อยมีมุมผู้หญิงๆ เท่าไหร่
ต๊ะจะมองพ่อเหมือนหมีน้อย หัวเขากลมๆ ตัวเขาอ้วนๆ มีครั้งหนึ่งโดนพ่อหลอกว่าเข้าคุก เขาบอกคนขับรถให้รอที่โรงแรม แล้วจะพาไปเรือนจำพิเศษพร้อมกัน เราก็ไปนั่งรอ มันเป็นห้องกระจก มันสะท้อน ต๊ะก็นั่งเครียดคุยกับพี่ชาย โรงแรมจะเป็นยังไง พ่อไม่อยู่ พอแหงนหน้ามองขึ้นไปข้างบน เห็นพ่อเหมือนหมี ตลกมากเลย เราก็วิ่งตามไป เขาก็ไปหลอกพี่ชายอีกคนต่อ ไร้สาระเนอะ ชอบแกล้ง เราก็ชอบแกล้งกลับ”
อนาคตอยากเป็นมหาเศรษฐี
หลังจากจบชั้น ม.3 ที่โรงเรียนเซนต์โยเซฟคอนเวนต์ เธอก็เดินทางไปศึกษาต่อระดับ year 10 ที่ Millfield Schoolประเทศอังกฤษ ช่วงนี้อยู่ระหว่างกำลังรอผลสอบ เพื่อจะสอบเข้ามหาวิทยาลัย
“ต๊ะไปอังกฤษช่วง ม.3 ขึ้น ม..4จริงๆ ตอนนี้เรียบจบแล้ว รอผลสอบอยู่ ตอนเรียนที่อังกฤษจะมีชื่อฝรั่งที่เพื่อนตั้งให้ชื่อThaia อาจจะมาจากไทยแลนด์ เป็นไทยยา ชื่อจำง่าย บางคนก็เรียก TK
ตอนเรียนเซนต์โยฯ วีระกรรมเยอะ แต่กิจกรรมน้อย คือเราเป็นคนไม่ยอมคน ถ้าครูมาจ้องจับผิดเราก็ใส่เหมือนกัน เราไม่ยอม พ่อจะบอกยอมๆ เขาไปเถอะ เวลาต๊ะเป็นอย่างนั้นพ่อจะเครียดสุดๆ เลย เขาไม่อยากให้เราเป็นคนอย่างนั้น เขาจะดูสองด้าน คือความเป็นพ่อเขาก็จะเข้าข้างลูก แต่เขาไม่ช่วยเรา ถ้าเราผิดจริงก็ต้องยอมรับ ไม่เคยโดนลงโทษนะ แต่จะมีคำพูดที่ทำให้เราคิด ถ้าเขาพูดเมื่อไหร่ เราจะคิดไม่ตกเลยนะ ถ้าเขาพูดอะไรที่มันแทงใจเรา แต่กักบริเวณนี่ทำอะไรเราไม่ได้เลย
ตอนเด็กก็จะมีฉายา เพื่อนเรียกว่าไอ้เหงือก คือด้วยความที่เราเป็นคนยิ้มเห็นเหงือก เวลาอยู่ต่อหน้าคนอื่นก็เลยยิ้มน้อยๆ หน่อย แม่บอกออกไปไม่ต้องเผยอเป็นม้ามากนะ อยู่บ้านก็จะหัวเราะตามธรรมชาติ นี่ก็ธรรมชาตินะ แต่หุบนิดๆ
ความตั้งใจตอนนี้อยากเรียนต่อเกี่ยวกับธุรกิจ อยากเรียนเกี่ยวกับ economic แต่เราเคยเรียน business มา พอเรียนแล้วรู้สึกว่าลื่นเลย อาจจะเป็นเพราะพ่อเป็นนักธุรกิจด้วย แล้วเราก็ชอบด้านนี้ด้วย แต่ business มันจะเล็กกว่า economic มันจะเป็นระดับใหญ่ กว้างออกไป เราคิดว่าถ้าเรียนด้านนี้มันคงลื่นไหล ก็จะเรียนด้านนี้แหละ แต่ยังไม่รู้ว่าจะเรียนที่ไหน พ่ออยากให้เรียนที่ไทย อยู่ไทยก็เป็นเรื่องดี ได้อยู่กับพ่อแม่ มีชีวิตมหา'ลัยที่เด็กปกติเขามีกัน แต่เราก็ยังไม่รู้เหมือนกัน
อยากเป็นนักธุรกิจ millionaire (หัวเราะ) ต็ะว่าต๊ะได้ความเจ้าเล่ห์ของพ่อ พ่อเป็นคนเจ้าเล่ห์ พลิกแพลง คิดต่าง เขาชอบที่จะมีหนี้ด้วย เพราะว่ามันผลักดันให้เขาต้องทำงาน ถ้าไม่มีหนี้ก็นั่งเฉยๆ เพิ่งอ่านหนังสือกับพ่อไปไม่นานนี่เอง เขาบอกว่ามหาเศรษฐี ดูรวย ใช่ไหม แต่ที่จริงจนกว่าคนธรรมดาอีก เขาเปรียบเทียบให้ฟังว่า คนหนึ่งมีเงิน 10,000 บาท ไม่มีหนี้ ไม่มีสิน ใช้เงินพอดี อีกคนมีเงิน 50,000 บาท แต่มีหนี้ เงินหมดไปกับการใช้หนี้ ก็ถือว่าคนที่ได้เงิน 50,000 บาท ไม่ใช่คนที่รวยกว่า เพราะเขามีหนี้สิน
การที่เราจะประสบความสำเร็จได้มันต้องมีหลายอย่าง อย่างแรกคือต้องมีโอกาส คนอยากประสบความสำเร็จเยอะแยะ แต่ไม่มีโอกาส สองความพยายาม ทุกคนต้องมีความพยายามในตัวเองอยู่แล้ว ถ้าไม่พยายามมันไม่ประสบความสำเร็จหรอก อีกอย่างก็ โชค เช่นเราซื้อหวยมา โพล๊ะแตก สุดท้ายคือความต้องการ ทำความต้องการให้น้อยที่สุด อย่างพ่อนี่ความต้องการน้อยสุดๆเลย
ต๊ะได้โชคมาแล้ว ขำมากเลย พ่อบอกต๊ะเป็นคนโชคดีมากเลย ต้องอยู่กับพ่อนะ ห้ามมีแฟน (หัวเราะ) แหมไม่ค่อยเลยนะ ต๊ะถือว่าต๊ะเป็นคนมีโอกาส พ่อให้โอกาส ความพยายาม ยิ่งโตยิ่งมี แล้วแต่ว่าสิ่งที่เราต้องการคืออะไร ความต้องการก็น้อยนะ ถ้าเทียบกับคนทั่วไป อาจจะน้อยกว่าคนทั่วไปด้วย เหลือโชค ไม่รู้โชคดีโชคร้าย ค่อยดูกัน”
เมื่อถามถึงความฝันวัยเด็ก ต๊ะคิดนานแล้วตอบว่าเธอเป็นคนแปลกๆ จำไม่ได้ว่าตอนเด็กอยากเป็นอะไร แต่พอโตขึ้นมาก็อยากทำหลายอย่าง ที่เหมาะกับเธอที่สุดคงเป็นเรื่องของธุรกิจ เพราะเห็นพ่อทำมาตั้งแต่เด็ก
“แปลกนะ ตอนเด็กๆ ไม่รู้ว่าฝันอยากเป็นอะไร คือเรียกว่าโชคดีที่คุณพ่อทำมาก่อนแล้ว เรียกว่าโชคดี แต่เราไม่ถือว่าเราเป็นคนรวยนะ คุณพ่อรวย แต่เราไม่รวยหรอก เราคิดว่าแค่รักษาธุรกิจที่เขาให้มาก็พอแล้ว ตอนนี้คิดว่าอยากเรียนให้จบก่อน
เคยคิดอยากเป็นทหาร ไม่ต้องแต่งตัวแต่งหน้าเลยนะ ปลอมตัวเข้าไป ปัญญาอ่อนเนอะ จะใช้นามสกุลเก่าแม่ แต่ไม่ตัดผมนะ ไม่ตัดเด็ดขาด อยากลองเข้าไปฝึกสัก1-2 ปี
อีกอย่างที่อยากทำคืออยากทำงานเป็นอาสาสมัครมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ต๊ะเข้าไปดูเว็บเขาแล้วต้องอายุ 20 ปี ขึ้น คือเริ่มสนใจจากตอนที่พ่อไปช่วยสึนามิ ลงไปที่เกิดเหตุ เขาถ่ายรูปศพเต็มเลยนะ เหมือนเป็นการลองใจเรา ถ้าเราดูได้เหมือนเราก็ผ่านมันไปได้ อยากเป็นอาสาสมัคร อยากช่วยเหลือคนเจ็บ มีสองอย่างที่ต๊ะชอบทำ หนึ่งเป็นอาสาสมัครป่อเต็กตึ๊ง กับสองอาสาดับไฟ ตั้งใจอยากเป็นอาสาสมัคร”
ตัวตน “สวยดุ”
ถ้าจะให้พูดถึงตัวตนของเธอ ถือว่ายากเอาการ เพราะเธอก็ยังตอบไม่ได้ว่าเป็นคนแบบไหน เธอให้นิยามสั้นๆ ว่าเธอเป็นคนแปลกๆ มีนิสัยไม่ยอมคน บางครั้งก็มีความคิดเป็นผู้ใหญ่ บางครั้งก็ยังชอบเล่นซุกซน ชอบท่องเที่ยว ถ่ายรูป และมีบางมุมที่ชอบอ่านหนังสือ อยู่เงียบๆ คนเดียว
“ถ้าให้พูดถึงตัวเองยากนะ เห็นแบบไหนก็เป็นแบบนั้นแล้วกัน ต๊ะเป็นคนไม่ยอมคน ไม่ชอบคนเอาเปรียบ เรื่องตังค์นี่ห้ามคนเอาเปรียบ ภายนอกเราไม่ได้เป็นคนมั่นใจนะ เวลาเราทำหน้าเฉยๆ จะดูเหมือนไม่สบอารมณ์ ทำไมหน้าหล่อนร้ายอย่างนี้ อาจจะเป็นคนหน้าเฉยๆ หน้าเป็นอย่างนั้น จริงๆ ก็เป็นอย่างนั้นแหละ (หัวเราะ) เวลาอารมณ์เสียก็จะเสียสุดๆ ไปเลย
เราว่าเราเป็นคนแปลกๆ นิสัยเราแปลก ชอบเลี้ยงสัตว์แปลกๆ อย่างงู เคยเลี้ยงงูครั้งนึง หายไปแล้ว พ่อเอาไปทิ้งชัวร์ รับรองได้ ของอะไรหายก็โทษพ่อไว้ก่อน บางครั้งก็มีสังคมได้ บางครั้งก็ชอบอยู่คนเดียว บางวันว่างๆ ก็ขับรถออกไปคนเดียว ขับรถเล่น ขับเรื่อยๆ นั่งคิดเรื่อยเปื่อย เวลาว่างชอบอ่านหนังสือ เว่อร์ไหม ไม่เข้ากับหน้าเลย จริงๆ ชอบอ่านหนังสือ แนวพัฒนาตัวเองด้านความคิด นิยาย คำคม อ่านคำสอน
ต๊ะกับพ่อจะชอบอ่านหนังสือ ชอบท่องเที่ยว ชอบเที่ยวไปเรื่อยๆ ไม่ชอบเที่ยวทัวร์ ไม่ชอบเจาะจง ต๊ะชอบไปแบบไม่มีจุดหมาย ชอบไปเที่ยวแบบพร้อมหน้าครอบครัว มีความสุขแล้ว เคยคิดอยากไปเที่ยวคนเดียวมาก แต่พ่อไม่ปล่อย ไปไม่ได้เลย ไปเที่ยวต่างจังหวัดกับเพื่อนพ่อยังไม่ให้เลย ต้องมีพี่ชายตาม ไม่ก็แม่ตาม ชอบไปเที่ยวน้ำตก ขึ้นเขาลงห้วย ชอบเที่ยว เราเป็นคนชอบถ่ายรูป ชอบสะสมรูปถ่าย กับหนังสือเต็มบ้านเลย”
พัฒนาการความสวย
เรื่องเสื้อผ้า หน้าผม เธอยกให้คุณแม่เป็นคนจัดการ ส่วนตัวเธอบอกว่าเวลาไปช้อปปิ้งกับแม่ทีไรต้องขอผ่าน หรือไม่ก็รอข้างนอกทุกที เพราะเป็นคนไม่ชอบซื้อของ ซึ่งต่างจากสาววัยรุ่นทั่วไป
“ต๊ะชอบแต่งหน้านะ แต่เรื่องเสื้อผ้าแม่จะเป็นคนจัดให้ เพราะต๊ะไม่ชอบช้อปปิ้ง ไม่ชอบซื้อของ เวลาไปซื้อของกับแม่ตามประสาผู้หญิง แม่จะชอบซื้อของ แต่ต๊ะจะบอกแม่ รอข้างนอกนะแม่ ต๊ะไม่ไหว ขี้เกียจดู นั่งรอหน้าร้าน แม่จะดูไซส์ ซื้อให้เรียบร้อย"
เรียกว่าพอโตเป็นสาวก็สวยขึ้น ดูเป็นสาวกว่าตอนเด็กมาก บ้างก็ว่าเธอทำศัลยกรรม ทำตาบ้างล่ะ ทำจมูกบ้างล่ะ ซึ่งเจ้าตัวยืนยันว่าไม่เคยคิดจะทำศัลยกรรมเลย ที่เห็นดูสวยขึ้นอาจจะเป็นเพราะเธอเริ่มเป็นสาว เริ่มดูแลตัวเอง แต่งหน้า แต่งตัวเป็น
“หน้าตาเปลี่ยนเยอะแน่นอน ไม่ได้ทำศัลยกรรมนะ ขอบอก มีคนบอกว่าทำนมด้วย เขาหาว่าทำจมูก ทำคาง ไร้สาระอ่ะ คือเราชอบแต่งหน้า เราชอบแต่งให้หน้าเราสวย แต่เราไม่ได้บอกว่าเราเป็นคนสวยนะ แต่เราชอบทำให้หน้าเราสวย ใครๆ ก็อยากให้หน้าเราสวยอยู่แล้ว เราก็พยายามดูแลตัวเอง เรื่องศัลยกรรมนี่ไม่มีเลย
ชอบแต่งหน้าเข้ม ชอบแนวแขก ก็เลยแต่งหน้าแนวนี้ แม่ต๊ะเป็นเวียดนามนะ เขาจะชอบแนวแขกๆ แต่งหน้าคมๆ ต๊ะก็เลยชอบแต่งหน้าคมๆ บางคนชอบหน้าเราตอนเด็กมากกว่านะ ตอนดัดฟันขี้เหร่ ไม่ชอบเลย แต่เราก็จะมองตัวเอง ว่าเป็นมายังไง จะไม่ลืม คนสวยมักจะหลงตัวเองว่าตัวเองสวย แต่เราไม่ลืมว่าเราเป็นมายังไง พัฒนาการความสวยขึ้นอยู่กับอายุ เราโตขึ้น เราก็อยากดูดี ไม่ชอบให้คนชมว่าสวยนะ ชอบให้ชมว่าฉลาดมากกว่า”
สุดรัก สุดหวง
เป็นลูกสาวคนเดียวท่ามกลางพี่น้องผู้ชายแบบนี้ แถมยิ่งโตก็ยิ่งสวย พอถามถึงเรื่องหนุ่มๆ ต๊ะตอบทันทีเลยว่าทั้งพ่อและพี่ชายหวงมาก
“เรื่องหนุ่มๆ หวงมาก... (เน้นเสียง) สุดยอดเลย พอพี่ชายรู้ว่าเราคุยกับใครจะถามว่าคุยกับคนนี้เหรอ เริ่มเอาเรื่องเอาราวแล้ว สืบเสาะว่าเป็นใคร จะบอกว่าอย่าไปยุ่งกับมัน ยิ่งถ้าผู้ชายคนนั้นอยู่ในแวดววงที่พี่ชายรู้จัก จะเริ่มเข้าไปคุยแล้ว หวงมากๆ พี่ชายจะหวงต๊ะหมด น้องชายคนเล็กจะแนวบ่นมากกว่า พี่ชายจะชอบบังคับ แต่ถ้าเราไม่เห็นว่าเป็นเรื่องผิด เราให้เหตุผล แล้วเราก็จะทำ แต่ถ้าเขามีเหตุผลเราก็ฟัง ส่วนมากพ่อจะให้พี่ชายคนโตจัดการ
เคยมีผู้ชายคนหนึ่งเขาโทรมาขอกับพี่ชายว่าอยากคุยกับเรา พี่ชายบอกอย่ามายุ่งกับน้องสาวนะ ออกแนวโหดๆ หน่อย เขาจะช่วยสกรีนดูว่าดีไหม แต่ยังไม่มีใครกล้าเข้ามา น่าเศร้าเนอะ
เวลามีคนหวง บางครั้งก็รู้สึกดี บางครั้งก็รู้สึกเว่อร์ ขอร้องอย่าเว่อร์ บางครั้งมากไปก็เบื่อ ปล่อยต๊ะบ้างเถอะ ให้ต๊ะอยู่คนเดียว ใช้ชีวิตทั่วไป เหมือนคนปกติที่เขาทำกัน แต่ก็รู้สึกดีที่มีคนหวงอยู่ วันนึงไม่มีคนหวง ดูสิจะร้องไห้ไหม”
พอถามถึงสเปกผู้ชายแบบที่ชอบ สาวต๊ะยอมเผยแบบออกอาการเขินเล็กๆ
“ชอบผู้ชายหน้าคมๆ ผิวแทนๆ เขิน (หัวเราะ) ชอบคนสุขุม นิ่งๆ ชอบคนมีความคิด ที่สำคัญต้องยอมเรา ขีดเส้นใต้เลยนะ เพราะเราเป็นคนไม่ยอมใคร พ่อบอกเลยว่าต๊ะเป็นคนไม่ยอมใครเลยนะ ถ้าหาแฟนต้องหาแฟนที่ยอมเรานะ ไม่งั้นเราจะอยู่ไม่ได้ นิสัยไม่ชอบไม่มีนะ ชอบหมด...ล้อเล่น (หัวเราะ) ไม่ชอบคนเอาเรื่องเอาราว ไม่ชอบคนโมโหร้าย แบบบ้า เพราะเราจะบ้ากลับ (หัวเราะ)
เพื่อนที่อังกฤษจะเอาชื่อต๊ะไปเสิร์ช จะขึ้นว่าลูกสาวเจ้าพ่อ เขาก็จะเข้ามาถาม จะไม่มีใครเข้ามาจีบเลย รอบตัวต๊ะจะมีแต่เพื่อนผู้ชายเยอะ ออกแนวแมนๆ สนุกสนาน เพื่อนพี่ชายด้วย"
ความสุขของเธอในเวลานี้คือการได้ใช้เวลาอยู่กับครอบครัว ไปเที่ยว ไปทำกิจกรรมร่วมกันแบบพร้อมหน้าพร้อมตา
“ปกติจะใช้เวลาอยู่กับครอบครัว มีความสุขที่สุดแล้ว อยู่กันพร้อมหน้า 6 คน เวลาจะทำอะไรก็จะถามความเห็นคนในครอบครัวก่อน ไม่ใช่อยากทำอะไรก็ทำ พี่น้อง 4 คน สนิทกันหมด จะหอมแก้มกัน ตอนเด็กๆ ถ้าไม่ให้หอมจะร้องไห้ เดี๋ยวนี้เขามาขอหอมแก้ม ต๊ะไม่ให้ หยิ่งๆ สนิทกันมาก มีเรื่องอะไรคุยกัน เวลาไปไหนก็ไปด้วยกัน เพื่อนเขาเพื่อนเรา สนิทกันหมด มีอะไรจะคุยกัน ตักเตือนกัน ขอแฉๆ พี่ชายคนกลาง พี่เติม เวลาเราไปกินข้าวที่ไหน เขาจะรู้แล้ว ไปที่ไหน ไปกับใคร ยังไม่ทันจอดรถเลยนะ บีบีมาแล้ว ไปกินกับใคร เพื่อนชั้นเห็น
พี่น้องแต่ละคนจะนิสัยต่างกันหมดนะ พี่ชายคนโต เริ่มมีความเป็นผู้ใหญ่ เป็นคนใจกว้างมาก ใจดี ยิ้มตลอดเวลา พี่ชายคนกลางจะเหมือนคนเย็นชา พูดหูซ้าย ทะลุหูขวา เป็นคนเฉยๆ อย่างเราจะเป็นดื้อ ไม่เชิงว่าใจร้อนหรอก พูดเร็ว ทำเร็ว แต่เป็นคนลังเล น้องชายจะดูข้างนอกเป็นคนขี้แย แต่โตขึ้นแล้วแข็งขึ้นเยอะ ดูอ่อนนอก ข้างในเขาแข็ง
ครอบครัวมันไม่สมบูรณ์แบบ แต่ทุกคนพยายามทำให้มันสมบูรณ์ ช่วยกัน อยู่พร้อมหน้าพร้อมตากัน ไปเที่ยวกัน ไม่ต้องใช้เงินเว่อร์ เที่ยวธรรมดาๆ”
เลี้ยงลูกแบบชูวิทย์
เป็นที่รู้กันว่าชูวิทย์เป็นนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ มีชื่อเสียง ร่ำรวย ถึงจะมีเงินทองมากขนาดไหน แต่ลูกอยากได้อะไร ก็ไม่ใช่ตามใจซื้อให้ทุกอย่าง ไม่เลี้ยงลูกแบบตามใจ แถมยังมีวิธีอบรมเลี้ยงลูกที่น่าสนใจ เลี้ยงแบบให้อิสระ ตีกรอบกว้างๆ ให้ลูกเดินเอง แต่ไม่ตามใจจนเสียนิสัย จะเห็นได้ว่าลูกๆ แต่ละคน นอกจากจะหน้าตาดีแล้ว ยังมีความเป็นตัวของตัวเอง ใช้ชีวิตติดดิน รู้จักพูด รู้จักวางตัว
ลูกชายทุกคนเคยขโมยเงินพ่อ จะมีวิธีลงโทษที่ทำให้ลูกๆ กลัวความผิด และไม่กล้าทำผิดอีก อย่างลูกชายเคยขโมยเงินจากกระเป๋าสตางค์ ธีสอนลูกคือจับลูกเข้าโรงพัก ให้ไปดูนักโทษที่อยู่ในห้องขังว่าเป็นยังไง แล้วสอนว่าถ้าขโมยเงินต้องอยู่ในห้องขัง อีกเรื่องคือเรื่องของความประหยัด ไม่ใช้ของฟุ่มเฟือย ถ้าลูกอยากได้ของแบรนด์เนม ก็จัดการด้วยการซื้อของปลอมให้ลูกใช้ โดยหลอกลูกว่าเป็นของจริง สอนให้ลูกรู้ว่าถึงจะเป็นของปลอมก็ใช้ได้ดีเหมือนกัน จะของแท้ของปลอมอยู่ที่ความรู้สึก สิ่งสำคัญที่เขาย้ำกับลูกๆ เสมอคือ อย่าอวดรวย ไม่จำเป็นต้องใช้ของแบรนด์เนม อย่าดูถูกคนอื่น อย่าขโมยของ ที่สำคัญห้ามยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด
ชื่อ : ตระการตา กมลวิศิษฎ์
ชื่อเล่น : ต๊ะ
วัน เดือน ปี เกิด 2 ตุลาคม 2536
มีพี่น้อง : 4 คน เป็นคนที่ 3
ประวัติการศึกษา : มัธยม - เซนต์โยเซฟคอนเวนต์, Millfield School ประเทศอังกฤษ
ภาพโดย พลภัทร วรรณดี
ขอบคุณภาพจาก facebook ต๊ะ