ในสีสันของรายการโทรทัศน์ สิ่งหนึ่งที่จะทำให้ผู้ชมมีรอยยิ้มและได้รับความสุขกลับไป นอกจากเบื้องหน้ารายการที่มีสีสันของพิธีกรแล้ว “ครีเอทีฟ” ก็เป็นอีกหนึ่งหน้าที่คอยสร้างสรรค์สีสันของรายการต่างๆ ให้เป็นไปตั้งแต่ต้นจนจบรายการ
จุดนัดหมายของเราอยู่ที่สตูดิโอ Bang Chanel บนตึก GMM แกรมมี่ “นิติ ชัยชิตาทร” หรือ “ป๋อมแป๋ม” คือหนึ่งในครีเอทีฟของรายการ ไฟว์ไลฟ์ ทางช่อง 5, รายการแตกฟองไลฟ์ ทางช่อง Bang Chanel ผู้อยู่เบื้องหลังสีสันและคอยสร้างสรรค์รายการออกมาให้ผู้ชมได้ชมกัน นอกจากงานเบื้องหลังที่คอยสร้างสรรค์แล้ว เขายังทำหน้าที่พิธีกรในรายการแตกฟองไลฟ์ที่สร้างตัวตนได้สุดฮาและเป็นกันเองจนหลายคนอยากรู้จักตัวตน
1
ป๋อมแป๋มเริ่มต้นงานครีเอทีฟครั้งแรกในรายการ ไฟว์ไลฟ์ ทางช่อง 5 ซึ่งเป็นรายการที่ได้รับความนิยมอย่างมาก กับการนำเอาดีเจมาสู่การเป็นพิธีกรบนจอแก้ว หากยังจำหน้าค่าตากันใน เขาบอกว่าอาจจะเคยเห็นกันในรายการโผล่มาเป็นตัวประกอบในรายการในช่วงเกมโชว์เพื่อสร้างสีสันให้กับรายการ
นอกจากงานครีเอทีฟแล้ว เขายังรับหน้าที่เป็นพิธีกรครั้งแรกในรายการ แตกฟองไลฟ์ ทางช่อง Bang chanel ซึ่งถือเป็นโอกาสที่ทำให้หลายๆ คนได้รู้จักในตัวตนและความฮา ลูกบ้าที่มีอยู่เต็มพลัง
“เริ่มงานพิธีกรครั้งแรกมันไม่ได้รู้สึกตื่นเต้นอะไรมาก เพราะเราอยู่เบื้องหลังแล้วก็เคยโผล่ไปข้างหน้าก็เป็นประสบการณ์ เริ่มมาทำครั้งแรกตั้งแต่จบมาจากคณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เราก็มาทำงานครีเอทีฟเลย”
ตอนเด็กเขาฝันเอาไว้ว่าอยาเป็นคุณครู และตัวเองก็ไม่ได้คิดว่าจะได้มาเป็นครีเอทีฟ เขาเริ่มรู้ตัวว่าตนเองอยากทำงานด้านนี้ เพราะตอนเด็กเป็นชอบดูทีวี ดูรายการโทรทัศน์
“เราอยู่กับทีวี อยู่กับตัวเอง เพราะตอนเด็กเราเป็นเด็กไม่เหมือนเด็กคนอื่นๆ เพื่อนๆ ไม่มีใครเล่นด้วย วันๆ อ่านแต่หนังสือ เรื่องของการครีเอตเราเองก็ไม่รู้ว่าเริ่มยังไง แต่ถ้าย้อนกลับไป เราเป็นคนที่ไม่ชอบอะไรเดิมๆ อย่างตอนเด็กมีกล่องดินสอ เพื่อนคนอื่นมีก็มีแบบเดิมๆ แต่เราก็ไปตัดเอารูปดาราผู้ชายมาแปะบ้าง เต็มฝากล่องเลยแล้วเอาสก็อตเทปใสแปะเอาไว้ไม่ให้หลุดออกมา เราก็เรียนไปด้วย ดูรูปไปด้วย มีความสุขกับการเรียนไป”
“พอเรียนจบก็เดินมาสมัครงานที่แกรมมี่ ผู้ใหญ่เขาก็ให้การบ้านเรามาให้เราคิดรายการมาหนึ่งรายการ กลับไปเราก็ไปนั่งคิด แล้วก็คิดว่าตัวเองจะทำได้เหรอ พอถึงวันมาก็เอางานมาเสนอทางผู้ใหญ่ ตอนนั้นก็คิดว่าเราอยากดูรายการแบบไหนเราก็ทำออกมา เราคิดมาในฐานะคนดูว่าเราอยากดูรายการอะไรแบบไหน เราเองไม่เคยจบมาทางนิเทศศาสตร์ ทำมาในแบบไม่รู้ว่ากรอบมันคืออะไร ตอนเสนอเราก็แสดงความคิดเห็นเต็มที่ในแบบที่จะเป็นไปได้ จากนั้นเราก็ได้ทำหน้าครีเอทีฟรายการมาตั้งแต่วันนั้น”
2
หน้าที่ของครีเอทีฟคือการเขียนสคริปต์รายการตั้งแต่เริ่มรายการจนจบรายการ และยังต้องเขียนสคริปต์ให้กับพิธีกรแต่ละคนพูดให้เกิดการเชื่อมโยงและดูเป็นธรรมชาติมากที่สุด
สำหรับป๋อมแป๋มแล้วงานเขียนสคริปต์ในรายการ ไฟว์ไลฟ์ ที่ทำมานั้นไม่ได้ยากสำหรับเขา เพราะในช่วงแรกที่มีรายการเป็นพิธีกรหน้าเก่าๆ ที่เขาเคยมีประสบการณ์ และได้เคยเห็นบุคลิกตัวตนของพิธีกรคนนั้นมาบ้างแล้ว
“เขียนสคริปต์ให้พิธีกรรุ่นเก่าๆ ที่มีประกสบการณ์มาแล้วไม่ได้ยาก ตอนนั้นจะเป็นสามแยกปากหวาน พี่อ้อม พี่ไก่ สมพล บ้าง รุ่นนี้เขาจัดเต็มมาก่อนแล้วแต่ที่ยากก็คือพวกพิธีกรหน้าใหม่ๆ ที่เรายังไม่รู้จักตัวตนเพราะเราก็ไม่รู้ว่าจะให้เขาพูดแบบไหนมากกว่า”
“พิธีกรรุ่นเก่าบางทีเราเขียนสคริปต์ไป เขาอาจจะไม่ดูเลยก็ได้นะ เขาก็จะพูดในแบบตัวตนของเขา เราก็แค่ตรงไหนสำคัญที่จะต้องพูดก็บอกเขาหน่อย แล้วงานมันก็จะง่ายขึ้นสนุกมากขึ้น”
“ในช่วงที่ไฟว์ไลฟ์ เปลี่ยนพิธีกรจากดีเจรุ่นเก่ามาเป็นดีเจรุ่นใหม่ก็ยากนะ เป็นเด็กรุ่นใหม่จะเขียนยังไงให้มันฮา และพิธีกรรุ่นใหม่เขาจะยังไม่ค่อยกล้าเป็นตัวของตัวเองมากเท่าไหร่ เราเขียนสคริปต์มาฮามันก็จะแป้กไปเลย”
ป๋อมแป๋มเล่าว่าหลังจากถ่ายรายการสดกันเสร็จ หน้าที่ที่ต้องทำเลยก็คือมองข้อผิดพลาดในรายการสดที่เกิดขึ้นวันนี้แล้วก็แก้ไขให้ได้ในวันถัดไป
“พอจบรายการพิธีกรเขาก็จะเปลี่ยนเสื้อผ้า เราทีมงานก็ปิดห้องมืด คอมเมนต์กันไปเลยว่าใครพลาดตรงไหน น้องๆ เขาก็จะเอาไปปรับแก้กันเอง คอมเมนต์กันไปแรงๆ แต่พองานจบเราก็จบ พิธีกรเขาจะได้รับรู้ว่าที่จริงแล้วเราครีเอทีฟคิดแบบไหน อยากให้รายการออกมาเป็นยังไง”
“บางครั้งเราเองมาร่วมงานกับพิธีกรหน้าใหม่ๆ หลายๆคน เราก็ยังไม่รู้ว่าคนไหนจะสร้างบุคลิกแบบไหน บางคนมาแบบนิ่งๆ แต่ไม่นานเราก็จะมองเขาออกว่าจะเขียนให้เขาพูดแล้วดูเป็นตัวเองและธรรมชาติมากแค่ไหน”
หลายคนอาจจะมองว่างานครีเอทีฟเป็นเรื่องง่ายที่เพียงแค่คุณเขียนตามสคริปต์ที่มีมาในแต่ละวันแล้วให้พิธีกรเป็นคนพูด แต่งานทั้งสองจะต้องทำอย่างเชื่อมโยงและเข้าใจกันเป็นหนึ่งเดียวถึงจะทำให้รายการออกมาดูสนุกสนานและดำเนินไปเจอปัญหากันตรงไหนก็จะต้องแก้ไขปัญหากันตอนนั้น
เขาบอกว่างานครีเอทีฟไม่ได้เป็นงานที่เครียดมากนัก หรืออาจจะเป็นเพราะตัวตนของเขาทำงานในแบบไม่เครียด อยากให้รายการออกมาในแบบไหนก็แค่คิดออกมาแบบนั้น
“โชคดีที่ผู้ใหญ่เขาให้รายการฟรีสไตล์ไปเลย เมื่อก่อนผมก็เขียนสคริปต์มาให้ผู้ใหญ่ดูเราเขียนมาในฐานะคนดูรายการอยากดูแบบไหนก็ทำแบบนั้น บางทีเราก็เถียงผู้ใหญ่เพราะเราเองก็ไม่เคยเรียนนิเทศฯมาก่อน แต่เขาก็โอเค เพราะงานมันจะได้ออกมาหลายมุมมอง ไม่ใช่คนนิเทศฯที่เรียนรู้เรื่องทฤษฎีก็จะมีกรอบของนิเทศฯไปแต่เราไม่มีกรอบมากเท่าไหร่”
3
จากงานเบื้องหลังที่ครีเอตรายการให้กับพิธีกรหลากหลายคนก้าวมาเป็นพิธีกรหน้าใหม่สุดฮาในรายการแตกฟองไลฟ์ ทางช่อง Bang Chanel กับบุคลิกสุดฮา และพิธีกรรายการนี้ที่ป๋อมแป๋มคอนเฟิร์มว่า ทุกคนมาปล่อยของ ปล่อยลูกบ้ากันกลางรายการ
“รายการนี้เป็นหลายคนที่อาจจะดูเหมือนรายการอ่านข่าวบันเทิงทั่วไป แต่อย่างหนึ่งที่ต่างเลยก็คือรูปแบบการเสนอ เราเอาพิธีกรมานั่งพูดคุยสังเกตจากโต๊ะของรายการมันไม่ใช่โต๊ะอ่านข่าวอย่างรายการทั่วไป หรือเป็นโซฟา ที่เห็นมันเป็นโต๊ะกินข้าวในโรงอาหารของโรงเรียน มันจะได้ทำให้เรารู้สึกว่าเหมือนเพื่อนมานั่งเมาท์แตกเรื่องข่าวดาราให้ฟังกัน แล้วบุคลิกของพิธีกรแต่ละคนก็เป็นกันเอง มันก็เลยดูแล้วสบายๆ สนุกสนาน ปล่อยของกันออกมาอย่างเต็มที่”
“งานพิธีกรไม่ได้ยากนะ คงเพราะว่าเราคลุกคลีอยู่กับพิธีกรมานานหลายปี พอเราได้โอกาสจากผู้ใหญ่เราก็เลยรู้ว่าจะต้องพูดยังไงแบบไหน แล้วสคริปต์รายการเราก็เป็นคนเขียนก็เลยกลายเป็นเหมือนนอกจากเขียนให้คนอื่นพูดเราก็เขียนให้ตัวเองพูดด้วย เราก็มองตัวเราออกว่าจะเป็นแบบไหน ก็เป็นตัวของตัวเองมาเล่าข่าวบันเทิงให้ฟังในรายการมีสคริปต์ให้ตัวเองก็เป็นเรื่องสำคัญๆ ครับ รายละเอียดต่างๆ ก็รู้อยู่แล้ว โชคดีที่เราได้ทำรายการที่ฟรีสไตล์”
ในเว็บบอร์ดชื่อดัง นอกจากหลายคนอยากจะรู้จักตัวตนของป๋อมแป๋มแล้ว ยังมีหลายคนที่มีเขาเป็นไอดอลในหัวใจ ทว่า ป๋อมแป๋มบอกว่าตนเองไม่ได้คิดว่าจะมาเป็นไอดอลใคร เพียงแค่คิดว่าตนเองมีคนรู้จักเพิ่มมากขึ้น และทุกคนที่รู้จักก็คงชอบที่รายการมากกว่า
“รายการสนุก ฮา คนก็รู้จักเรา มุกบางมุกในรายการเราก็ยิ่งกันสดๆ บางทีพิธีกรก็บ้าเกินไป ส่วนใครที่มองว่าเป็นไอดอล ฟังดูตลกนะ เราไม่อยากให้ใครมองว่าเราเป็นไอดอล บางทีมีตุ๊ดเด็กๆ หัวเกรียนมาบอกว่าฉันอยากจะเป็นแบบป๋อมแป๋ม ซึ่งเราก็ไม่ได้คิดว่าเราจะดังแล้วจะมาให้เป็นไอดอลแบบนั้นก็ไม่เอา
อยากให้คิดว่าโตมาฉันอยากทำงานแบบนี้มากกว่า หรือบางคนคิดว่าเพราะฉันเป็นตุ๊ดแล้วฉันจะเป็นแบบนี้ให้ได้แล้วฉันจะดังมันก็ไม่ได้ ซึ่งอยากจะบอกว่าเราอยากให้มองว่าการเป็นแบบนี้แล้วจะได้ออกทีวีมีคนรู้จักมาส่วนหนึ่งก็ต้องเกิดจากความตั้งใจและทำในสิ่งที่อยากจะทำมากกว่าจะมาบอกว่าฉันอยากเป็นตุ๊ดแบบนี้แล้วฉันจะได้ออกทีวี”
4
หากใครอยากทำงานทางด้านครีเอทีฟ ป๋อมแป๋มบอกเอาไว้ว่าจะต้องเสพสื่อทุกสื่อ งานทุกอย่างไม่ว่าตัวเองจะชอบหรือไม่ก็ตาม เมื่อเสพมากก็จะมีทุกอย่างรวมอยู่ในตัวคุณมากขึ้น
“การดูในสิ่งรอบข้างที่ไม่ได้มีไว้แค่ในทีวี บางทีผมก็เอามาตามข้างทางที่เราเจอมาใช้กับงานบ้าง ถ้าคุณดูมากๆ ก็จะมีอะไรเก็เอาไว้เยอะมากขึ้น ถ้าดูสิบคุณก็มีแค่สิบ แต่ถ้าคุณดูเป็นร้อยก็เก็บเอาไว้ในลิ้นชักสมองของคุณ แล้วค่อยๆ ดึงเอามาใช้ ในแต่ละลิ้นชักก็จะสามารถนำออกมาใช้งานได้ง่ายขึ้น หรือบางครั้งมันใช้หมดแล้วในร้อยลิ้นชักนั้น ยังไงคุณก็อาจจะเอาแต่ละลิ้นชักมาผสมผสานกันให้สามารถทำออกมากลายเป็นงานชิ้นใหม่ของคุณได้”
อีกหนึ่งสิ่งที่ป๋อมแป๋มให้ความสำคัญกับการทำงานทางด้านนี้คือ เรื่องของการสื่อสาร เพราะการทำรายการก็เหมือนการสื่อสารในสิ่งที่ต้องการนำเสนอให้ผู้ชม หลายคนเรียนจบมาแต่ก็ยังสื่อสารกันไม่เข้าใจ
“เด็กนิเทศศาสตร์ทุกคนอย่าคิดแค่ว่าการเรียนนิเทศฯ แล้วมันจะทำให้คุณได้เป็นนักแสดงเข้าวงการ ได้ดูหนัง ร้องเพลง แต่แก่นของการเรียนทางด้านนี้คือการสื่อสาร เด็กเดี๋ยวนี้อยู่กับตัวเองมากเกินไปเพราะโลกในสังคมออนไลน์ พร่ำบ่นกันอยู่บนหน้าบอร์ดจนคนอื่นก็ไม่รู้ว่าคุณหมายถึงอะไรเหมือนกัน เพราะแบบนี้แหละคนเราถึงสื่อสารกันไม่ค่อยเข้าใจกันเท่าไหร่ หลายครั้งที่มีเด็กมาฝึกงาน ผมก็สังเกตเอาจากเด็กรุ่นใหม่ๆ ว่าพวกเขายังสื่อสารกันไม่ค่อยได้เท่าไหร่ ดังนั้นเราก็ต้องเรียนรู้กันอีกหลายอย่าง” ป๋อมแป๋มทิ้งท้าย
ประวัติส่วนตัว
ชื่อ นิติ ชัยชิตาทร
ชื่อเล่น ป๋อมแป๋ม
การศึกษา คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
ผลงาน ครีเอทีรายการ ไฟฟ์ไลฟ์ ทางช่อง 5 ,
พิธีกรรายการ แตกฟองไลฟ์ ทางช่อง Bang Chanel
ข่าวโดย Manager Lite/ASTV ผู้จัดการสุดสัปดาห์
ภาพโดย อดิศร ฉาบสูงเนิน