หลายปีมาแล้วที่ทุกคนเคยเห็นภาพของสาวน้อยแก้มซาลาเปา ในภาพยนตร์วัยรุ่นเรื่อง ปิดเทอมใหญ่ฯ ที่มาแรงในช่วงนั้น มาวันนี้ แพตตี้ อังศุมาลิน สิรภัทรศักดิ์เมธา เธอมาในลุคของสาวสวยเต็มวัย มีผลงานทั้งละคร ซีรีส์ โฆษณา ถ่ายแบบ ฯลฯ ให้แฟนคลับได้ติดตามกันอย่างต่อเนื่อง และในวันที่ M-Lite ไปสัมภาษณ์พูดคุยถึงเรื่องราวต่างๆ แพตตี้เองก็ยังมีงานถ่ายแบบกับนิตยสาร Volume เล่มล่าสุดอยู่ด้วย... มาสัมผัสความน่ารักอันน่าลุ่มหลงในตัวเธอกันได้แล้ว
เข้าวงการด้วยความบังเอิญ
ย้อนกลับไปก่อนที่ทุกคนจะเห็น แพตตี้ สาวสวยคนนี้ก้าวมาในวงการบันเทิงเพราะความน่ารักของเธอในวัย 16 ปี สะดุดตาแมวมองหลายๆ คนจนถูกชักชวนให้ไปแคสต์ภาพยนตร์เรื่อง ปิดเทอมใหญ่หัวใจว้าวุ่น แพตตี้ เล่าให้ฟังว่า ก่อนเข้าวงการตอนนั้นก็เหมือนวัยรุ่นทั่วไปที่เดินเล่นอยู่แถวๆ สยาม จนกระทั่งมีคนมาขอถ่ายรูป และขอเบอร์โทรศัพท์ แต่เธอเองกลับให้เบอร์พี่สาว เพราะกลัวถูกมิจฉาชีพหลอก
“ตอนพี่เขามาขอถ่ายรูปเราก็อึ้ง กลัว หนูก็ถามว่าใคร เค้าก็ให้นามบัตรมาหนูเองก็ให้เบอร์พี่สาวไปค่ะ หลังจากนั้นอีกสองอาทิตย์เค้าก็โทรมาชวนเราให้ไปแคสต์หนังเรื่อง ปิดเทอมใหญ่มั้ย พี่สาวหนูก็ตกลงเรียบร้อยเสร็จสรรพ”
เมื่อก่อนแพตตี้เป็นเด็กขี้อายมาก จะทำอะไรก็ไม่กล้าทำ พอมีคนมาชักชวนให้ไปแคสต์งาน ก็ไม่อยากทำ ไม่อยากไป แต่เมื่อพี่สาวตอบตกลงไปแล้วจึงจำเป็นต้องไป
“ เหมือนอารมณ์ไม่อยากทำ ไม่อยากไปอ่ะค่ะ เหมือนเรายังไม่ตกลงแต่พี่สาวรับปากไปแล้วเราก็ดื้อไม่อยากไป แต่ทำไงได้ก็ลองไปดู พอไปมาก็โอเคค่ะตอนนั้นอายุ 16 ค่ะตัวยังเล็กก็พอๆกันกับตอนนี้ แคสต์งานเรื่องแรก ก็จริงๆ ตอนแคสต์คือก่อนหน้าที่จะไปแคสต์กดดันมากไม่อยากไป ดื้อกับคุณพ่อคุณแม่มาก ขี้เกียจไปไม่อยากไปเลย แต่เค้าก็ตกลงเค้าไปแล้วก็ไปแคสต์ก็ไม่ได้กดดันมากก็ทำให้เต็มที่ ก็ได้ลองต่อบทดู พอเสร็จก็โล่งคิดว่า ดีใจทำเสร็จสักที ”
ตอนนั้นแพตบอกว่าไม่ได้คิดว่าตนเองจะได้ตั้งแต่แรก เพราะคิดว่าตัวเองไม่ได้อยากทำงานวงการบันเทิงมาตั้งแต่แรกแล้ว ไม่อยากเข้าไปเป็นดารา จึงไม่ได้คาดหวังเอาไว้ว่าตนเองจะได้รับคัดเลือกให้เล่นบทดังกล่าว
“ราคิดเอาไว้แล้วว่าเราไม่อยากทำตั้งแต่แรกแล้ว ไม่อยากเข้ามาเป็นดาราไม่อยากเข้าวงการเราก็ไม่คาดหวัง พอได้พี่สาวเขาก็เข้ามาบอกหนูว่า ไม่รู้เหมือนกันนะว่าเป็นข่าวดีหรือข่าวร้ายสำหรับแพต เราก็ทำไม เค้าก็บอกเราว่า ได้นะ เราก็เฉยๆ นิ่ง แค่รู้สึกว่า พอเราไม่ได้คาดหวังอะไรเราก็ไม่ได้ดีใจที่สุด หรือเสียใจที่สุดไงค่ะ เราก็จะนิ่งๆกับมัน ความรู้สึกลึกๆ มันก็ดีที่เรารู้สึกว่าเรามีโอกาสได้มีอีกเส้นทางหนึ่งให้กับตัวเอง”
“ที่บ้านเค้าไม่ได้แบบจะห้ามหรือเพราะเค้าไม่ได้มองว่าเราไปแคสต์งานโฆษณาที่ต้องไปวิ่งๆงานไม่ได้อยู่กับที่ แต่ที่เราเล่นเป็นหนังเพราะเป็นภาพยนตร์ที่เค้าพอจะรู้จักค่าย ถ้าได้ก็ดีถ้าไม่ได้ก็ไม่เป็นไร”
เด็กติดแม่
ในครอบครัวแพตตี้เป็นลูกสาวคนสุดท้อง มีพี่ๆ ทั้งหมด 3 คน ซึ่งในวัยเด็ก แพตตี้เป็นเด็กติดแม่มาก เอาแต่ใจตัวเองบ้างในบางครั้ง ไม่ว่าแม่ไปไหนก็จะร้องไห้ตามคุณแม่ตลอดเวลา
“มีพี่สามคนค่ะ แพตเป็นคนสุดท้อง จำความได้ว่าเป็นเด็กติดแม่มาก พอโตขึ้นหน่อยก็ยังมีเอาแต่ใจนะ บางทีอยากได้ของอะไรก็ไม่ได้นะเพราะบางทีเรามีพี่ๆ ที่เค้าได้ของเราเป็นน้องก็ได้ของต่อจากพี่เค้าอีกที คือว่าของที่เค้าไม่ใส่แล้วเราใส่ได้ แม่ก็จะให้ใส่ของเก่าของพี่ๆ เราก็จะบอกแม่ว่าทำไมหนูไม่เคยได้ของใหม่ๆ เลยอ่ะ ก็ไม่คิดไรมาก ไม่ได้เอาแต่ใจมากไม่ถึงกับร้ายแรง พอโตมาถึงจุดหนึ่งที่มีงาน ก็เปลี่ยนไม่ได้รู้สึกว่าอยากได้อะไร ”
“ช่วงแรกๆที่เข้าวงการบันเทิง พี่ๆ ก็เป็นห่วงค่ะ ไปไหนมาไหนด้วยตลอดเวลา ไปกองถ่าย ไปถ่ายแฟชั่น ออกงาน ตอนนั้นแพตเองก็ยังเป็นเด็กใหม่กับวงการแบบนี้ด้วย พี่สาวก็จะคอยไปเป็นเพื่อนค่ะ”
เข้ามาวงการครั้งแรก ไม่ได้รู้สึกว่าวงการนี่จะอันตรายสำหรับเธอ เพราแพตตี้เองไม่ได้คิดว่าจะเข้าสู่วงการบันเทิงอย่างทุกวันนี้ คิดเพียงแค่ว่า มาถ่ายงานก็ทำตามหน้าที่ของตนเอง ไม่เคยคิดถึงผลต่อท้ายที่จะออกมาว่าหลังจากนี้จะเป็นอย่างไร ขอเพียงแค่ทำงานแล้วสนุกกับงาน แค่นี้ก็ทำให้เธอทำงานในวงการได้
หลังจากภาพยนตร์เรื่องแรก ก็ได้รับกระแสตอบรับเป็นอย่างดี ภาพของสาวสวยแก้มซาลาเปา และมีงานโฆษณา ภาพยนตร์เรื่อง รถไฟฟ้ามาหานะเธอ จนถึงวันนี้ได้รับประสบการณ์หลายๆ อย่าง
“อย่างแรกพอเราทำงานทำให้เราโตขึ้น ทำงานก็คือทำงานนะ ทำงานแล้วเล่นก็ไม่ได้ รู้จักคนเยอะเรียนรู้นิสัยคนมากขึ้น รับมือกับคนแบบนี้ยังไง ทำงานมามุมมองก็เปลี่ยนนะค่ะ โตขึ้นจากเด็กติดแม่มาทำงาน การใช้ชีวิตจริงๆ มันไม่ได้เปลี่ยนอะไรมาก พอโตขึ้นมาเราทำอะไรเองได้ ไม่ต้องติดแม่แล้ว แค่เปลี่ยนมุมมองความคิดที่เราโตขึ้น”
เรียนรู้งานเบื้องหลังอย่างจริงจัง
ปัจจุบันสาวแพตตี้ยังคงศึกษาทางด้านฟิล์มและดิจิตอล กับสถาบันที่สอนตรงทางด้านนี้โดยเฉพาะ หลังจากที่ความฝันในวัยเด็กของเธออยากเป็นแอร์โฮสเตส ได้เปลี่ยนไป
“ที่เรียนทางด้านนี้เพราะรู้สึกว่าเป็นเรื่องที่อยู่ใกล้ตัว เราอยากรู้ว่าก่อนที่จะออกมาเบื้องหน้าให้คนได้ดู หนักสักเรื่องต้องทำยากแค่ไหน พอได้เรียนจึงเรียนรู้ว่าทุกคนต้องทำงานกันเป็นทีม เมื่อคนเยอะๆมาทำงานร่วมกัน เราจะต้องจัดการกับทุกคนให้งานออกมาดีได้ยังไง มันต้องช่วยกันทุกคน
แค่รู้สึกว่า ที่เลือกเรียนเพราะว่าอันดับแรกเรายังก่ำกึ่งที่เราไม่รู้ว่าตัวเองชอบอะไร ก็เลยคิดว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่อยู่ใกล้ตัวเรามากที่สุด ก็เลยลองดูค่ะ ก็เลือกเรียนสิ่งที่ใกล้ตัวเนี่ยแหละ ก็ลองดูถ้ารู้สึกว่าชอบเราก็เรียนแต่ถ้าไม่ชอบก็เราก็เปลี่ยนได้ แต่เราชอบทางด้านนี้ก็เรียนมาใกล้จบแล้วค่ะ สนุกดีค่ะ”
สิ่งหนึ่งที่เธอเลือกเรียนเฉพาะด้านกับสถาบันที่ได้รับความนิยมและการันตีดีกรีได้ว่า เป็นหนึ่งทางด้านนี้จริงๆ เพราะเธอคิดว่าการเรียนในสถาบันอุดมศึกษาเหมือนที่หลายๆ คนเรียนกันอยู่นั้น ไม่ได้เรียนรู้ในเรื่องนี้อย่างเต็มที่
“ ถ้าเรียนในมหาวิทยาลัยมันไม่ได้ในสิ่งที่เราต้องการค่ะ จริงๆ บางทีมหาวิทยาลัยมีเรียนทั้งวิชาที่ไม่เกี่ยวกับวิชาที่เราไม่ต้องการ เราเรียนฟิล์มแต่เราต้องไปเรียนคณิต สังคม หรืออะไรที่มันไม่ได้เกี่ยวกับที่เราต้องการอยากจะได้จริงๆ ก็ตจ้องมาเรียนมันไม่ได้รับเต็มๆอย่างที่เราอยากได้ มีหลายคนที่เด็กฝรั่งเรียนกันแบบนี้ คนไทยส่วนใหญ่ยังคิดว่าการเข้ามหาวิทยาลัยดังๆเป็นอะไรที่ดูดี มีการแข่งขันกันเข้าไปคิดว่าเก่งวัดกันตรงนี้แต่จริงๆ แล้วเราควรได้รับใจสิ่งที่เราต้องได้กับมาเต็ม จริงๆก็สอนมีหลักสูตรที่เป็นทฤษฎีและก็ปฏิบัติโปรเจ็กต์ที่ทำก็เป็นงานเดี่ยวหมดไม่เหมือนมหาวิทยาลัยที่ทำงานกลุ่ม บางคนมาทำงานกลุ่มแต่ไม่ได้ทำงานจริงแต่ได้คะแนนตามกันไป มันก็ไม่ใช่แบบนั้นไงค่ะ ก็สบาย อันนี้ไม่ได้
งานก็ค่อนข้างจะหนัก แต่ก็คุ้ม ได้ลองทำ ลองจับ ก็ได้ทำงาน เป็นงานที่ได้ก็ไล่ตามสเต็ป ง่ายๆ ไปทำข่าว กราฟิ ก ถ่ายโฆษณา หนังสั้น มีผลงานออกมาบ้าง ส่งอาจารย์ค่อนข้างจะคาบเกี่ยวกันหมดให้เราวางแผนให้เสร็จตามกำหนด มันไม่ใช่งานเดียวแล้วหยุดงานยาว แต่งานทั้งหมดก็ต่อเนื่องกันนะ ก็สนุกดีค่ะ ก็เรียน สองสามปีก็จบ วุฒิ ป.ตรี เหมือนกัน นี่มันเป็นเหมือนเป็นสถาบันที่มีการรับรองแล้ว”
ช่วงนี้อยู่ในช่วงทำโปรเจ็กต์จบ ทำให้เธอต้องคอยแบ่งเวลาทั้งเวลางานและเวลาเรียนให้ดี แต่ไม่ว่าอย่างไร แพตก็บอกว่า แบ่งเวลาช่วงนี้ง่ายกว่าตอนเรียนมัธยมฯ เยอะเลย
ต่อไปหากเรียนจบก็ยังคงทำงานในวงการบันเทิงอยู่ และมีผลงานแสดงไปเรื่อยๆ มีสิ่งหนึ่งที่อยากลองทำก็คือ งานเดินแบบ ซึ่งอย่างไรก็ตาม ก็อยู่ที่โอกาสที่ผู้ใหญ่จะยื่นมาให้
“เรียนจบก็ยังคงอยากอยู่ตรงเรื่องของการแสดงอยู่ ถ้ามีลู่ทางอื่นอย่างร้องเพลง เดินแบบก็อยากลองดูค่ะ ก็แล้วแต่โอกาสที่จะได้ ในวงการหนูกลัวกับอะไรหรอ ก็ไม่มีนะค่ะ หนูว่าอยู่ที่เรามากว่าว่าเราจะเดินทางที่ดีหรือไม่ดี เราโตขนาดนี้แล้วก็ต้องรู้แล้วว่าอะไรดีไม่ดี มีข่าวไม่ดีออกมามันต้องดูก่อนว่ามันหนักขนาดไหน แต่เท่าที่โดนมาก็ไม่ได้หนักมากขนาดนั้นนะค่ะก็ถือว่าไม่ได้โดนกับตัว แต่โดนคนใกล้ตัว เราเข้าใจคนใกล้ตัวเข้าใจ แฟนคลับเข้าใจ เราไม่สามารถไปห้ามใครได้นะค่ะว่าห้ามคิดแบบนี้นะ แบบนั้นนะไม่ได้ ต้องใช้เวลาให้เค้าพิสูจน์ให้เค้าได้รู้ว่าตัวเราเองเป็นแบบไหนมากกว่า คำสัมภาษณ์ที่เราบอกกับข่าวที่เราโดนหนัก เราต้องดูด้วยว่า เราจะไม่ค่อยว๊เรียสเรื่องข่าวแต่ถ้าโดนหนักๆ ก็อาจจะมีบ้าง”
ความรักที่ต้องใช้ความเข้าใจ
ถามถึงเรื่องราวความรักของสาวแพตตี้ กับหนุ่มแดน วรเวช ดานุวงษ์ หนุ่มมากความสามารถที่ทำทั้งหน้าที่นักร้อง ผู้จัดละคร ผู้กำกับ ว่าช่วงนี้กำลังไปได้ดี มีเวลาให้กันบ้าง และมีความเข้าใจต่อกันมากขึ้น
“ความรักก็ดีค่ะ มีเวลาให้กันบ้างไหมก็มีบ้างค่ะ ช่วงนี้พี่เค้าก็จะทำงานหนักหนูก็เรียนเพราะว่าใกล้จบแล้ว พอมีเวลาตรงกันก็ไปกินข้าวดูหนังบ้าง อะไรที่คิดว่าสองคนเข้ากันได้ หนูว่าความเข้าใจมากกว่า ที่มีความเห็นที่ไม่ได้ขัดแย้งกันมากเกินไป”
แม้ว่าหนุ่มแดนจะมีข่าวกับสาวๆ ออกมาบ่อยครั้ง สิ่งหนึ่งที่จะทำให้ความรักของทั้งคู่ขับเคลื่อนไปด้วยกันได้ก็คือ ความเชื่อใจที่มีต่อกัน
“ตั้งแต่วันที่เราเริ่มคุยดีกว่าว่ามันเป็นเรื่องจริง มีหลักฐานมั้ย ก็จะคิดว่าถ้าเมื่อก่อนเค้าเป็นยังไงเราไม่รู้คนเรามันก็ต้องมีช่วงที่ดีและช่วงที่ไม่ดีอยู่บ้าง ก็แล้วแต่ว่ากันไป ซึ่งเมื่อก่อนเป็นไงไม่รู้ แต่เราดูแค่ช่วงที่เราคุยกัน ว่าตั้งแต่ตอนนั้นเค้าเป็นคนยังไงมากกว่า มันเป็นอดีตที่เราไม่ต้องรู้ก็ได้ ”
มุมมองความรัก มันก็เหมือนกับว่ามันไม่ใช่รักกุ๊กกิ๊กแต่เราก็ให้กำลังใจกัน ให้เวลาเราดูแลกัน เป็นความรักที่เราต้องเติมเต็มกันอ่ะ ถ้าไม่เป็นอย่างนั้นเราก็ไม่มีความรักดีกว่า ตอนนี้ก็โอเคมากกว่าที่คุยกันตอนแรก เราเข้าใจกันมากขึ้นรู้จักมุมมองความคิด รู้ว่าเราชอบอะไรพี่เค้าไม่ชอบอะไร
อย่างไรก็ตาม สาวแพตตี้ก็ไม่ได้อยู่ในใจหนุ่มแดนแค่เพียงคนเดียว ทว่าเธอกำลังอยู่ในใจ แฟนคลับ ทุกคน ที่กำลังตกหลุมรอยยิ้มอันแสนน่ารัก ที่จะทำให้ทุกคนหัวใจละลาย...
ข่าวโดย Manager Lite/ASTV ผู้จัดการสุดสัปดาห์
ภาพโดย อดิศร ฉาบสูงเนิน