วีเจสาวหน้าหมวย ชื่อแปลกหู “ญี่ปุ่น-ณภัทร บรรจงจิตไพศาล” เธอเข้ามาเป็นวีเจคลื่นลูกใหม่แห่งแชนแนลวีไทยแลนด์ จากการประกวดวีเจเสิร์ชได้เพียงไม่กี่เดือน ชนิดที่เจ้าตัวก็ยังงงๆ อยู่ว่าเข้ามาได้อย่างไร แต่ด้วยบุคลิกภายนอกที่ดูน่ารัก ร่าเริง สดใส และมีความเป็นตัวของตัวเอง ทำให้เธอก้าวเขาสู่วงการบันเทิงอย่างเต็มตัว มีทั้งงานพิธีกร ถ่ายแบบ เล่นหนัง ซึ่งทั้งหมดจะเรียกว่าเข้ามาหาเธอด้วยความบังเอิญ หรือที่เธอคิดว่าฟลุ๊กก็ตาม แต่ด้วยความที่เป็นคนมั่นใจ กล้าแสดงออก และมีความคิดที่จะพัฒนาตัวเองตลอด เชื่อว่าอนาคตในวงการบันเทิงของสาวคนนี้คงจะฮอตไม่แพ้วีเจรุ่นพี่อย่างวีเจพอลลา, จ๋า, พิตต้า หรือวุ้นเส้น อย่างแน่นอน
“ญี่ปุ่น” ชื่อแปลกไม่เหมือนใคร
เชื่อว่าหลายคนคงสะดุดกับชื่อแปลก ไม่มีใครเหมือนของสาวญี่ปุ่น เธอบอกบางคนก็ชอบมาทักว่ามาตั้งชื่อนี้เองทีหลังหรือเปล่า ซึ่งเธอยืนยันว่าชื่อญี่ปุ่นเป็นชื่อที่พ่อแม่ตั้งให้เธอตั้งแต่เกิด เพราะตอนเด็กเธอหน้าเหมือนเด็กญี่ปุ่นมาก
“คนได้ยินชื่อเราก็จะ เอ๊ะ! ทำไมชื่อญี่ปุ่น เป็นฉายาหรือเปล่า มาตั้งเองหรือเปล่า เราก็บอกเปล่า เราชื่อนี้ตั้งแต่เกิดเลย แต่คนจะไม่เชื่อ จะคิดว่าเรามาตั้งเองตอนหลัง ตอนเด็กหน้าเราเหมือนญี่ปุ่นมาก แล้วแม่ตัดผมหน้าม้าเต่อให้เราด้วย ก็เลยยิ่งเหมือนเด็กญี่ปุ่นไปใหญ่เลย น้องสาวก็เลยชื่อปอนด์ น้องชายก็ชื่อปาล์ม แต่น้องสาวก็จะแอบงอน ทำไมเราได้ชื่อญี่ปุ่น ทำไมป่าป๊าไม่ให้ปอนด์ชื่อนี้ แต่จะเปลี่ยนก็ไม่ทันแล้ว
ถึงจะชื่อแปลกแต่ตอนเด็กไม่ค่อยมีเพื่อนกล้าล้อเท่าไหร่ เพื่อนจะเรียกเราว่าเจ้ เพราะน้องสาวจะเรียกเจ้ เพื่อนก็เลยเรียกตาม เหมือนเวลาเพื่อนมีอะไรก็จะมาปรึกษา คือเราเป็นพี่คนโต ภาวะการตัดสินใจ ก็จะมั่นใจบอกเพื่อนไปตรงๆ เราจะเป็นเด็กแก่นๆ เฮี้ยวๆ แต่คนเห็นจะคิดว่าเรียบร้อย ไม่ค่อยพูด แต่จริงๆ ไม่ใช่แบบนั้นเลย เราเป็นคนรั่วๆ ขำๆ ฮาๆ ชอบเล่นกับเพื่อนผู้ชาย ตีแรงๆ เลย เพื่อนก็จะบอกว่าเป็นผู้หญิงหรือเปล่าเนี่ย แต่ถ้าเวลาทำงานเราก็ปรับบุคลิกให้โตขึ้นนิดนึง
แต่ตอนเด็กเราไม่น่ารักนะ คือเรียนโรงเรียนรัฐบาล ไว้ผมบ็อบสั้นเท่าติ่งหู แล้วตาชั้นเดียว เป็นขีดเลย เรียกว่าหมวยสนิท เป็นเด็กติ๋มด้วย พอมัธยมก็เริ่มไว้ผมยาว เริ่มดูแลตัวเองขึ้น ทาครีมบำรุงผิว แล้วเรานอนดึก เหมือนเราโตขึ้นด้วย ตาก็เริ่มมีสองชั้น ตาโตขึ้น ก็เลยดูดีขึ้น”
ดาวมหา'ลัยสู่วีเจเฟรชชี
ปัจจุบันเธอเรียนคณะศิลปกรรมศาสตร์ เอกการแสดงและกำกับการแสดง ที่มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ประสานมิตร และเป็นดาวของมหา'ลัยด้วย จนกระทั่งมีกิจกรรมการประกวดวีเจเสิร์ช เพื่อค้นหาวีเจหน้าใหม่แห่งแชนแนลวีไทยแลนด์มาตั้งบูธที่มหา'ลัย ตอนแรกเธอไม่ได้สนใจจะเข้าประกวด แต่ด้วยแรงยุจากอาจารย์ทำให้เธอตัดสินใจลองสมัคร และได้เข้ารอบผ่านเข้ามาจนได้เป็นวีเจหน้าใหม่ในที่สุด
“จริงๆ ปุ่นเข้าวงการตั้งแต่ ม.4 ค่ะ มีเพื่อนพาไปถ่ายรูปกับโมเดลลิง แล้วเขาก็เรียกให้ไปแคสงาน งานแรกคือโฆษณาทเวลพลัส หลังจากนั้นก็มีแคสงานมาเรื่อยๆ มีถ่ายแบบนิตยสาร ถ่ายโฆษณา แต่ช่วงนี้คนอาจจะเริ่มเห็นปุ่นจากงานวีเจ งานแสดงภาพยนตร์ งานวีเจเริ่มจากทางแชนแนลวีไทยแลนด์มาตั้งบูธที่มหา'ลัย ตั้งอยู่ใต้ตึกเลยตั้งแต่เช้ายันเย็น เพื่อนก็มาทักเราว่า ปุ่นไปสมัครสิ เราก็บอกว่าไม่เอา ไม่อยากเป็นวีเจ แต่ปรากฎว่าตอนเที่ยงมีพี่คนหนึ่งมาจับแขนแล้วบอกว่าสมัครสิ แล้วอาจารย์คนหนึ่งเดินเข้ามาสมทบ ยื่นปากกาให้เลย เราก็เลยเกรงใจ ก็เลยเขียนใบสมัครก็ได้ คืออาจารย์คนนี้เขาจะเป็นเจ๊ดัน เพราะปุ่นเป็นดาวมหา'ลัยด้วย มีงานอะไรอาจารย์จะให้ปุ่นไปทำตลอด พอมีงานวีเจมาเขาก็เลยอยากให้เราลองทำ
ตอนเขียนใบสมัครเขาก็บอกว่ามีคนมาสมัคร 5,000 คนแล้ว เราก็คิดว่างั้นเราคงไม่ได้หรอก หลังจากนั้นประมาณ 2 อาทิตย์ มีพี่ที่แชนแนลวีโทรมาบอกว่าน้องได้เข้ารอบนะ 200 คน เราก็อะไรนะ ฟลุ๊กหรือเปล่าพี่ แล้วเขาก็นัดมาออดิชัน ตอนมาออดิชัน เราก็ยังคิดว่าเราคงไม่ได้หรอก ก็พูดๆ ไป หลังจากนั้นทีมงานก็โทรมาบอกว่าน้องได้เข้ารอบ 20 คนสุดท้าย เราก็ช็อกหนักเลย พอมาถึงเขาก็ให้นั่งบนรถฮอนด้า แล้วมีกระดาษแปะไว้ เราแกะออกมาอ่าน 'คุณคือคนที่ผ่านเข้ารอบ 10 คนสุดท้าย' เท่านั้นแหละกรี๊ดเลย”
ด้วยบุคลิกน่ารัก สดใส มีความมั่นใจ และมีความเป็นตัวของตัวเอง ทำให้เธอถูกเลือกให้เป็นวีเจจัดรายการทุกวันจันทร์ เวลา 5-6 โมงเย็น ช่วงรายการคนดูเป็นใหญ่ ซึ่งก็เริ่มมีแฟนคลับติดตามให้กำลังใจทั้งทางรายการ และทาง face book
“ปุ่นว่าที่เข้ารอบมาได้เพราะคาแรกเตอร์เราดูร่าเริง สดใส ปกติปุ่นเป็นคนชอบคุย ยิ้มง่าย ขี้เล่นอยู่แล้ว ตอนที่ไปออดิชัน ก็ตื่นเต้นนะ แต่ก็ไม่ได้คิดอะไรมาก เพราะเราคิดว่าเข้ามาเล่นๆ ก็เลยปล่อยความเป็นตัวเองออกไปว่านี่คือฉัน แต่พอได้เข้ามาทำงานตรงนี้ก็ถือว่าเป็นประสบการณ์ที่ดี ได้รู้จักเพื่อนใหม่ๆ 10 คน แล้วก็เริ่มมีน้องๆ มาทักใน face book ว่าเป็นห่วง พักผ่อนบ้างนะ เวลาจัดรายการตอนแรกก็คิดว่าจะมีใครโทรมาคุยกับเราไหมหนอ เราหน้าใหม่ด้วยแต่พอมีคนโทรมาเราก็ดีใจ
สำหรับงานในวงการบันเทิง ปุ่นมองว่าไม่ได้อยากเข้ามาแล้วดังเป็นพลุแตก แล้วก็หายไป แต่คิดว่าอยากทำงานให้คนจดจำได้ มีงานมาเรื่อยๆ แต่อยู่นานๆ ปุ่นมองว่างานในวงการฯ มีอะไรให้ทำหลายอย่าง เล่นหนัง เล่นละครมันก็มีหลายบทบาท มันไม่มีที่สิ้นสุด แม้แต่งานพิธีกร มันไม่มีหรอกงานพิธีกรที่ง่ายๆ มันก็ต้องมีอุปสรรค มีอะไรเข้ามาให้แก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า ปุ่นรู้สึกว่ามันเป็นอีกเสน่ห์หนึ่งที่มีอะไรให้ทำอย่างไม่มีที่สิ้นสุด
ปุ่นคิดว่าไม่มีอะไรที่คนเราทำไม่ได้ ต่อให้เป็นเรื่องยากขนาดไหน แต่ถ้าคนเรามีความพยายามที่จะทำมันให้ได้ แล้วพัฒนาต่อไป ยังไงก็ต้องทำได้ ทุกคนเกิดมาเท่ากันหมด แต่อยู่ที่ความขยัน และความตั้งใจจริงของเรามากกว่า”
มั่นใจทำอะไรก็ดูดี
กว่าจะได้มาเป็นวีเจคลื่นลูกใหม่ ที่มีบุคลิกเป็นสาวมั่นอย่างที่เห็น ใช่ว่าจะผ่านเข้ารอบมาแล้วจะทำหน้าที่พิธีกรอย่างคล่องแคล่วเป็นธรรมชาติได้เลย เธอต้องผ่านการฝึกบุคลิก การพูด การเดิน การยืน และพัฒนาตัวเองให้ดูดีอย่างเป็นธรรมชาติ ซึ่งสิ่งสำคัญในการปรับตัวสำหรับงานวีเจคือ 'ความมั่นใจ'
“ตอนแรกคิดว่างานวีเจยากมาก เพราะเราไม่ค่อยถนัดพูดแบบงานพิธีกร หนึ่งต้องพูดรู้เรื่อง สองมีสาระ สามคนอยากฟัง ตอนแรกเข้ามาเราก็เกร็งๆ ยึดสคริปต์มาก แต่พอเราได้เข้ามาทำงานโครงการวีเจเสิร์ช พี่เขาก็ให้ทริกว่าอย่าไปท่อง ให้อ่านคร่าวๆ แล้วจับใจความเอา อันไหนที่สำคัญก็มาร์กไว้ ให้จำแค่ตรงนั้นพอ แรกๆ ก็ยังตื่นเต้นมาก มือสั่น แต่พอทำไปสักพัก มีพี่ทีมงานคอยแนะนำ มันก็เริ่มไม่เกร็ง แล้วทำได้ดีขึ้นกว่าเดิมมาก ปุ่นจะกลับไปถามคนที่บ้านตลอด ได้ดูหรือเปล่า ทำไมไม่ดูหละ เขาก็จะบอกตามตรง อย่างเราชอบหมุนเก้าอี้ นั่งไม่อยู่นิ่ง เราจะติดนิสัยไฮเปอร์เหมือนตอนอยู่มหา'ลัย เพื่อนก็จะบอก อยู่เฉยๆ สิ พอมาพูดอย่างเดียว ก็เลยต้องหมุนเก้าอี้ ตอนนี้พี่โปรดิวเซอร์แก้ไข โดยให้ปุ่นยืนแทน เราก็เล่นอย่างอื่นแทน (หัวเราะ)
ที่แชนแนลวีส่งไปเรียนพัฒนาบุคลิกภาพ ที่จอห์น โรเบิร์ต พาวเวอร์ส ประมาณ 3-4 ครั้ง เรียนเรื่องการเดิน การนั่ง การพูด เขาก็ถามว่ามีอะไรให้ช่วยแก้ไหม ปุ่นก็บอกว่าปุ่นเป็นคนพูดส-เสือไม่ชัด ทำยังไงดี เขาก็บอกให้พยายามเกร็งปาก ช่วงแรกให้บีบปากเข้ามาก่อนจะได้พูดชัด แล้วตอนหลังมันจะเริ่มชินไปเอง สไตล์การจัดรายการของเราจะเหมือนคุยเล่นอยู่ที่บ้าน แต่การพูด การนั่ง ก็ต้องดูดีนิดหนึ่ง เพราะออกกล้อง นั่งก็ต้องนั่งหลังตรงนะ พูดก็ต้องพูดให้ชัดเจนขึ้นมากกว่าเดิม
เรื่องบุคลิกการเดิน ปกติเราเป็นคนเดินสบายๆ เขาจะให้เราเดินไป-กลับประมาณ 3-4 รอบ แล้วถ่ายวีดีโอไว้ พอเขามาเปิดให้เราดู เขาก็บอกว่าเห็นไหมไหล่ซ้ายตกไปนิดนึง คือดูแล้วเห็นชัดมาก แต่ตอนเดินเราไม่ได้โฟกัสขนาดนั้น ว่าต้องเป๊ะๆ เวลาเดินปุ่นแกว่งแขนมือเดียว เขาก็บอกว่าเราสะพายกระเป่าอีกข้างใช่ไหม นั่นแหละไหล่เราเลยตก เขาบอกการเดินให้ดูมีเชฟ คือต้องเดินขาไขว้กัน แล้วทิ้งสะโพกนิดนึง แล้วมันจะดูดีขึ้น เราก็ เออ...จริงด้วย การยืนอีก เราไม่เคยคิดว่าจะยืนให้ดูดีได้ เขาก็บอกยืนต้องยืนแบบ 10 นาฬิกา ทิ้งน้ำหนักตัวไปด้านหลัง พ้อยขาไปด้านหน้า เวลานั่งอีก คือทุกอย่างมีรายละเอียดเยอะมาก เราฝึกเพื่อให้เราดูดีขึ้นโดยที่ไม่ต้องพยายามทำ ฝึกให้ติดเป็นนิสัย แล้วเราจะดูดดีออกมาเป็นธรรมชาติ แล้วก็ต้องเรียนแต่งหน้าให้เข้ากับตัวเอง เวลาจัดรายการให้ดูเด็กใสๆ เวลาออกงานให้ดูดี สวยงาม แล้วแต่กาละเทศะ”
สาวอารมณ์ติสท์
เห็นภายนอกอาจจะคิดว่าเธอเป็นสาวเรียบร้อย ใสๆ แต่เมื่อพูดถึงตัวตนเธอบอกว่าเป็นสาวที่มีหลากอารมณ์ เวลาอยู่กับเพื่อนก็ร่าเริงสดใส ชอบเล่น เฮฮา แต่เวลาว่างที่อยู่คนเดียวเธอก็ชอบอ่านหนังสือ ชอบฟังเพลงตามอารมณ์ และบางอารมณ์เธอก็มีความคิดว่าอยากไปสะพายกล้องถ่ายรูปท่องเที่ยวที่ต่างจังหวัดคนเดียว
“เวลาว่างชอบอ่านหนังสือ ชอบฟังเพลง เวลาอารมณ์ดี เหงา เศร้า เซ็ง เบื่อ ก็จะฟังเพลง เพลงมีอิทธิพลต่ออารมณ์เรามาก อย่างเวลาหงุดหงิด พอขับรถเปิดเพลงดังๆ ร้องเพลงดังๆ แค่แป็บเดียวมันหายแล้ว แต่ถ้าเศร้าจะพยายามฟังเพลงเร็ว ให้กระตุ้นอารมณ์เรานิดนึง ไม่ใช่เศร้าอยู่ แล้วเปิดเพลงเศร้า ยิ่งเศร้านักกว่าเดิม นอยหนักกว่าเดิม ปกติปุ่นจะชอบฟังเพลงเบาๆ แนวเลิฟอีส บางทีก็ร็อกๆ บ้าง พอมาทำงานวีเจก็ต้องฟังเพลงเยอะขึ้น ต้องรู้จักอัลบั้ม ดู MV เยอะขึ้น ฟังเพลงหลายแนวมากขึ้น ดูทีวีเยอะขึ้น ก็ต้องดูข่าว ทั้งข่าวไทย ข่าวต่างประเทศด้วย จะได้มีเรื่องมาคุยกับคนดูได้
ถ้าอยู่คนเดียวก็จะชอบอ่านหนังสือ ชอบอ่านหนังสือของสำนักพิมพ์ a book ค่ะ เพราะหนังสือจะมีอะไรแปลกๆ พออ่านแล้วจะได้แนวคิดเยอะมาก เขาเขียนเรื่องธรรมดาให้คนสนุก ตลก ขำ แต่สอดแทรกแนวคิดดีๆ นักเขียนที่ชอบก็คือนิ้วกลม เขาเขียนท่องเที่ยวก็สนุก เขียนเรื่องแนวคิดก็สนุก เขียนคำคม-ความคิด ก็ติดใจ อีกคนที่ชอบก็ทรงศีล เขาวาดการ์ตูนสนุก
ความสุขของปุ่นก็คือได้ทำสิ่งที่อยากทำในช่วงอารมณ์นั้น ฟังเพลง หรืออ่านหนังสือในห้องคนเดียว ก็โอเคแล้ว ไม่ชอบไปเที่ยวหรูๆ ชอบเที่ยวแบบผจญภัย บางอารมณ์ก็อยากนั่งรถไฟไปเหนือคนเดียว ไปแม่สาย ไปเที่ยว ถ่ายรูป” สาวปุ่นเผยอารมณ์แบบติสท์ๆ ด้วยรอยยิ้มหวานๆ
--------------------------------------------------------------------------------------------------
“เต้ย-จรินทร์พร” ไอดอลของญี่ปุ่น
“ผู้หญิงในวงการที่เป็นไอดอลของปุ่นเลยคือ “เต้ย-จรินทร์พร จุนเกียรติ” พูดตรงๆ คือเขาก็เหมือนเด็กผู้หญิงทั่วไปหาได้ตามสยาม หน้าตาน่ารักแบบนี้ แต่ความที่เขาเป็นรุ่นพี่ของปุ่น เรียนคณะเดียวกัน แล้วมีโอกาสได้ทำงานด้วยกันที่มหา'ลัย พอได้รู้จัก เรารู้สึกว่าพี่เขาเป็นคนที่มีความคิดมาก และเป็นคนมีความรับผิดชอบด้วย เหมือนเขาทำงานมาทั้งวัน แต่ว่าอาจารย์นัดมาคุยสคริปต์งานพิธีกร ตอนสามทุ่มที่มหา'ลัย ถึงเขาอยู่ไกลแค่ไหน เขาก็ตีรถกลับมาคุย เขียนสคริปต์เองด้วย เราก็เลยคิดว่าสุดๆ ไปเลยผู้หญิงคนนี้ ยิ่งได้คุยกับเขายิ่งรู้ว่าเขารับผิดชอบมาก เขาทำงานกลับตี 5 แต่เขามาเรียน 8 โมงเช้า แล้วเขาเรียนไปพร้อมเพื่อนด้วย ไม่ได้เรียนช้ากว่าคนอื่นเลย แล้วเรื่องการแต่งตัวก็น่ารัก การเป็นอาร์ตติสท์ของเขาด้วย ไม่ได้เป็นผู้หญิงน่ารักใสๆ ไม่มีสมอง เขาเก่ง มีความรับผิดชอบ เป็นไอดอลเลย”
ข่าวโดยทีมข่าว M-Lite/หนังสือพิมพ์ASTV สุดสัปดาห์
ภาพโดย อดิศร ฉาบสูงเนิน