“หนูผิดตรงที่มาเป็นแฟนหลุยส์?” การเปิดตัวว่ากำลังคบกับ “หลุยส์ สก็อตซ์” ทำให้เธอต้องถามใจตัวเองด้วยคำถามนี้ไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครา แต่คราวนี้เป็นครั้งแรกที่ “นุ่น รมิดา ประภาสโนบล” ตกลงตอบแบบไม่แทงกั๊ก เปิดใจให้หลายคนที่เคยรู้สึกสงสัยได้รู้กันชัดๆ ไปเลย
นิตยสารเล่มไหนติดอันดับ “เซ็กซี่” เธอคนนี้จับจองพื้นที่หน้าปกมาแทบทุกฉบับแล้ว ภาพของ “นุ่น รมิดา” จึงมักซ้อนทับกับผู้หญิงนุ่งบางโชว์เรือนร่าง จนหลายต่อหลายคนแทบจะนึกภาพเธอขณะใส่ชุดไปรเวทธรรมดาๆ ไม่ออก... แม้แต่เจ้าตัวเอง
“มีคนบอกว่าเวลาเสิร์ชชื่อนุ่น จะมีแต่รูปถ่ายเซ็กซี่ของเราขึ้นมาเยอะมาก แต่ไม่ค่อยมีภาพชุดธรรมดา ซึ่งมันก็จริงนะ เพราะไม่เคยมีใครติดต่อให้นุ่นถ่ายแฟชั่นอย่างอื่นเลย ก็เลยอาจจะทำให้ไม่มีภาพใส่ชุดปกติให้เห็นกันเท่าไหร่... พอดีเลย ได้สัมภาษณ์ลงคอลัมน์นี้ จะได้มีภาพนุ่นที่ไม่ใช่ชุดว่ายน้ำในอินเทอร์เน็ตเพิ่มขึ้นบ้าง”
ผู้สัมภาษณ์พยักหน้ารับรอยยิ้มขี้เล่นของนุ่นพลางคิดในใจว่า ไม่ใช่แค่รูปภาพของเธอเท่านั้นหรอกที่จะมีเพิ่มขึ้น แต่การนั่งคุยกันยาวๆ กับผู้หญิงที่พูดตรงๆ ง่ายๆ สบายๆ คนนี้ จะช่วยให้หลายคนได้รู้จักตัวตนของเธอดีขึ้นอีกมากเลยทีเดียว
คำว่า “เซ็กซี่”
ขณะที่ทีมงานเดินทางมาถึง ตารางงานของนุ่นยังไม่ว่าง เธอกำลังอัดรายการซุบซิบดาราคู่กับพิธีกรหญิงอีกคนอยู่ในสตูดิโอขนาดกะทัดรัด ผู้สัมภาษณ์แอบมองการทำงานของนุ่นอยู่ห่างๆ เพื่อพบว่าเธอกำลังเล่าข่าวบันเทิงอย่างสนุกสนาน ด้วยลูกล่อลูกชนและมุกตลกที่ถูกปล่อยออกมา ไม่บอกก็รู้ว่าเธอต้องมีความขี้เล่นอยู่ในตัวเป็นทุนเดิมอย่างแน่นอน
จะว่าไปก็ตลกดีเหมือนกัน ดาราสาวที่เรานัดพบในวันนี้กำลังถ่ายทอดเรื่องราวของเพื่อนร่วมวงการให้คนดูทั้งประเทศได้รับรู้ ส่วนทีมงาน M-Lite เดินทางมาเพื่อถ่ายทอดเรื่องราวชีวิตของเธอ...
ไม่นานเกินรอ พิธีกรสาวซึ่งอยู่บนหน้าจอมอนิเตอร์สักครู่ก็ตรงเข้ามาทักทาย “เสื้อดำ ริมฝีปากแดง กระโปรงสีเหลืองสดใส” ไม่มีคำตอบที่แน่ชัดว่าองค์ประกอบใดทำให้เธอดูเปรี้ยวสะดุดตาตั้งแต่วินาทีแรกที่เห็น มีเพียงคำอธิบายไม่กี่ประโยคจากเจ้าตัวเพื่อลบภาพดังกล่าวออกจากตัวตนที่แท้จริงของเธอ
“นี่ถ้าไม่มีถ่ายรายการ สภาพจะไม่ดูดีแบบนี้นะ (หัวเราะ) ปกติเสื้อยืดตัวกางเกงตัว ก็ไปไหนมาไหนได้แล้ว ไม่รู้วันนี้แต่งหน้าจัดไปหรือเปล่าด้วย พอดีต้องแต่งเผื่อไฟในสตูฯ น่ะค่ะ พี่จะให้ลบหน้าหน่อยไหมคะ?” นุ่นปิดท้ายประโยคคำถามด้วยรอยยิ้มเป็นมิตร แต่เมื่อคำตอบจากอีกฝ่ายคือ “ไม่เป็นไร แบบนี้ก็ดูเหมาะกับนุ่นดีออก ดูเซ็กซี่ดี” เจ้าตัวจึงขอเปิดประเด็น พูดถึงความรู้สึกของตัวเองกับคำว่า “เซ็กซี่” ที่ได้รับเสียเลย
“เวลามีคนมาพูดว่าเราเซ็กซี่ นุ่นจะมานั่งคิดกับตัวเองตลอดเลยนะว่าเราเซ็กซี่ตรงไหนวะ (น้ำเสียงสงสัยปนขำ) เวลานุ่นเจอใครที่สนิทหน่อย ก็เคยถามเขาเหมือนกันนะ เขาก็ตอบว่าคงเพราะสีผิวเรามั้ง (หัวเราะ) แต่นุ่นมองตัวเอง เห็นตัวเองในกระจกทุกวัน นุ่นไม่รู้สึกนะว่าตัวเองเซ็กซี่ จะออกแนวเซอร์ๆ ด้วยซ้ำ... เรื่องแบบนี้คงแล้วแต่คนมองมั้งคะ แต่ถ้ารู้จักนุ่นตั้งแต่เด็กๆ คงไม่พูดแบบนี้หรอก” ประโยคปิดท้ายของเธอชวนสงสัย จนต้องขอคำอธิบายเพิ่มเติม ไม่คิดว่าจะกลายเป็นโอกาสให้ได้รู้จักนุ่นในมุมที่ต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง
อดีตของ “นางงาม 100 เวที”
“ตอนเด็กๆ จะเป็นคนลุยๆ ไม่ได้ห่วงสวยเลย ไม่รู้ด้วยซ้ำค่ะว่าสวยคืออะไร ตอนอยู่ที่ชัยภูมิ (บ้านเกิด) ก็เล่นตามประสาเด็กต่างจังหวัดทั่วไป ชอบออกไปตกปลากับคุณพ่อ ก็เลยสนิทกับคุณพ่อมากกว่าคุณแม่ ทำให้โตมาแบบนิสัยผู้ชาย คุณแม่ก็จะบ่นตลอดว่านี่ฉันมีลูกเกิดมาผิดเพศหรือเปล่าเนี่ย (หัวเราะเล็กๆ)”
“พอโตขึ้น ย้ายไปเรียน ม.1 ที่โคราชนุ่นก็ยังทโมนเหมือนเดิม แต่จะไปทางเล่นกีฬามากกว่า คือนุ่นเป็นนักวิ่งของโรงเรียนอัสสัมฯ ค่ะ ตอนนั้นตัวดำเมี่ยม ไม่มีแววอะไรเลย เป็นแค่เด็กผู้หญิงคนหนึ่งที่สูงๆ ผอมๆ คิดอย่างเดียวว่าจะเป็นนักกีฬาทีมชาติให้ได้ (ยิ้มเขินๆ) แต่พอจบอัสสัมฯ ปุ๊บก็ไปต่ออาชีวะ แล้วไม่ได้เล่นกีฬาอีกเลย แต่ดันกลายเป็นจุดเปลี่ยนที่ทำให้รู้สึกว่าเราเป็นผู้หญิงจริงๆ เป็นครั้งแรก”
ไม่น่าเชื่อว่าผู้หญิงที่ใครต่อใครมองว่าเซ็กซี่ เธอจะเคยมีช่วงเวลาที่ไม่เชื่อมั่นในความสวยของตัวเองเหมือนกัน นุ่นบอกว่าเธอไม่เคยคิดว่าตัวเองสวยเลย ครั้งแรกที่ยอมรับงานเป็นพริตตี้ซึ่งเป็นงานที่รุ่นพี่ร่วมสถาบันแนะนำให้ ก็เพราะมั่นใจในคุณสมบัติที่มีอยู่ในตัวเพียงสองประการคือ “ความกล้า” และ “ความสูง” ส่วนเรื่องความสวยนั้น เธอบอกว่า ”พอได้แต่งหน้าแต่งตัวเป็นครั้งแรกนั่นแหละ ถึงมารู้สึกว่า เฮ้ย! เราก็สวยเหมือนกันนี่หว่า (ยิ้มขำๆ)” หลังจากนั้นความมั่นใจที่มีก็ค่อยๆ เพิ่มมากขึ้น กระทั่งเธอได้รับการยอมรับอย่างเป็นทางการจากการประกวดหลายต่อหลายเวที
“ตอนนั้นประกวดเยอะเหมือนกันแล้วก็ได้รางวัลด้วย ประกวดจนกรรมการจำได้ เรียกเราว่าเป็นนางงาม 100 เวที (ยิ้ม) บางเวทีบอกว่าไม่ให้คนนี้ประกวดแล้วนะ เพราะเคยชนะไปแล้วครั้งก่อน กลายเป็นว่าเวทีที่โคราชจำเราได้หมด ถึงขนาดที่เคยมีน้องๆ ที่ไปประกวดเวทีเดียวกันขยาดเรา เห็นเราเมื่อไหร่ สละสิทธิ์กันหมด ตอนนั้นก็เลยเหิมเกริมใหญ่ คิดว่าตัวเองเจ๋ง จนได้เข้ามาเรียนที่กรุงเทพฯ ถึงได้รู้ว่าคนเฟอร์เฟ็กต์กว่าเรายังมีอีกเยอะ หลังๆ เลยแทบไม่ประกวดเลย จะประกวดก็เฉพาะเวลาอยากได้ตังค์อย่างเดียว”
จำเป็นต้องถ่ายหวิว
ตังค์... ใช่เหตุผลเดียวกันกับที่ตัดสินใจถ่ายภาพเซ็กซี่ด้วยหรือเปล่า? ผู้สัมภาษณ์ดึงเข้าประเด็นที่เชื่อว่าหลายคนคงอยากรู้ ส่วนผู้ถูกถามก็ไม่ได้ตกใจอะไร เธอยิ้มเย็นๆ ก่อนให้คำตอบว่า “ไม่เลยค่ะ ไม่เคยคิดเลย นุ่นว่าเหตุผลของนุ่นคงเหมือนกับคนในวงการคนอื่นๆ ที่เขาถ่ายกันนั่นแหละ” อีกครั้งที่คำตอบของเธอเชื้อชวนให้ผู้ฟังอยากรู้มากขึ้นกว่าเดิมเป็นสองเท่า ว่าแล้วนุ่นก็เฉลยความจริง
“เชื่อไหม ตอนยังไม่เข้าวงการ สมัยนั้นเสื้อสายเดี่ยวกำลังบูมมาก คุณแม่หนูยังไม่ให้ใส่เลยนะ ท่านเป็นคนหัวโบราณมาก จนวันหนึ่งเราโตแล้ว ทำงานในวงการมาได้สักพัก เป็นช่วงต้องทัวร์คอนเสิร์ต ออกต่างจังหวัดตลอด 2 ปี พอจะกลับมารับงานละคร รับงานทีวีอีกที คนเขาจำเราไม่ได้แล้ว เพราะนุ่นไม่ได้ออกสื่อเลย เหมือนคนดูเขานึกว่าเราหายไปจากวงการแล้ว ทั้งที่ความจริงเราทัวร์คอนเสิร์ตอยู่ นุ่นก็เลยพักงานบันเทิงไปเลยเกือบปี หลังจากนั้นพี่ที่แม็กซิมก็โทร.มา ถามว่าสนใจถ่ายชุดว่ายน้ำไหม ให้ลองเก็บไปคิดดู สุดท้ายก็เลยตอบตกลงเขาไป”
ใครจะคิดว่าการลองหันไปชิมลางร้องเพลงลูกทุ่งตามคำแนะนำของผู้ใหญ่จะส่งผลกระทบต่อชีวิตมากมายขนาดนี้ เพราะถ้าวัดจากกระแสตอบรับตอนนั้นแล้ว นุ่นกำลังได้รับความสนใจจากเพลงประกอบละครเรื่อง “เทพธิดาโรงงาน” ที่เธอร้องเอาไว้เป็นอย่างมาก จึงเดินหน้าทำอัลบั้มพิเศษและทัวร์คอนเสิร์ตเอาใจแฟนเพลง ไม่เคยคาดคิดว่าโอกาสที่คว้าไว้ในตอนนั้นจะทำให้ชะตาชีวิตต้องพลิกผันไปในภายหลัง แต่เมื่อมันเกิดขึ้นแล้ว หนทางเดียวที่นุ่นมองเห็นก็คือการคว้าโอกาสครั้งใหม่ที่นิตยสารผู้ชายเสนอ เพื่อดึงให้สายตาใครๆ กลับมาจ้องมองเธออีกครั้ง
“แล้วมันก็ได้ผลจริงๆ นะ จำได้ว่าเรียกเสียงฮือฮาจากสื่อได้มากพอสมควรเลย เพราะหลังจากถ่ายเสร็จ วางแผงได้แป๊บเดียว ก็มีรายการโทร.มาติดต่อขอสัมภาษณ์เลย กลายเป็นประเด็นว่าที่เราถ่ายเพราะอยากสร้างกระแส อยากกลับมาดัง ซึ่งนุ่นยอมรับค่ะว่าใช่ นุ่นอยากให้คนกลับมาจำเราได้จริงๆ แค่อยากได้งานละครกลับมาเหมือนเดิม นุ่นว่าคนอื่นที่ถ่ายกันก็เพราะแบบนี้แหละ ไม่งั้นเขาจะถ่ายทำไม หรือไม่ก็ต้องเป็นเพราะอยากมีรูปตัวเองเก็บไว้ ไม่อย่างนั้นไม่มีใครถ่ายหรอก เชื่อนุ่นสิ แต่ถามว่านุ่นต้องการให้ทุกคนมองเราเป็นลุคเซ็กซี่ไหม ไม่ต้องการเลยค่ะ เพราะคุณแม่หนูก็ไม่ชอบอยู่แล้ว” เธอเปิดใจพูดทุกอย่างแบบตรงไปตรงมา
ที่เห็นว่าโชว์เนื้อหนัง
ถึงแม้จะไม่อยากถูกมองว่าเซ็กซี่หรือโน้มเอียงไปในทางนั้นมากนัก แต่ภาพที่ออกมาก็ทำให้นุ่นหลีกหนีการตัดสินจากคนในสังคมไปไม่พ้น โดยเฉพาะกลุ่มผู้ชายผู้ติดตามงานของเธอ เพราะถึงแม้เจ้าตัวจะพยายามแยกแยะ “นุ่นคนที่ถ่ายชุดว่ายน้ำ” กับ “นุ่นตัวจริง” ออกจากกันมากขนาดไหน แต่คนที่อยากมองให้เป็นเรื่องเดียวกันก็ยังมีอยู่
“มีผู้ชายคนหนึ่งอ้างว่าเป็นคนทำนิตยสาร โทร.มาคุยกับเราตลอดเลยช่วงหนึ่ง นุ่นก็คุยดีด้วยนะ คิดว่าไม่มีอะไร แต่มีอยู่วันหนึ่งเริ่มน่าสงสัย เขาโทร.มาตอนเที่ยงคืน แล้วงานที่ไหนล่ะโทร.มาเวลานั้น ตอนที่คุยกันเขาก็ชอบถามว่าตอนที่นุ่นไปถ่ายชุดว่ายน้ำ นุ่นใส่ชุดยังไง โป๊ขนาดไหน นุ่นก็เล่าให้ฟังหมด จนวันหนึ่งเพื่อนนอกวงการมาเล่าให้ฟังว่าเขาก็โดน นุ่นก็อ๋อเลย สงสัยเราจะโดนแล้วแน่ๆ ฟันธง! (หัวเราะ)”
ถ่ายเซ็กซี่แบบนี้ นอกจากพวกโรคจิตแล้ว ไม่กลัวบ้างหรือว่าจะมีแต่ดึงดูดผู้ชายที่ไม่จริงใจเข้ามาในชีวิต? ผู้สัมภาษณ์ถามตรงๆ ในขณะที่ผู้ถูกถามก็ตอบตรงๆ เช่นกัน
“นุ่นเชื่อว่าถึงจะถ่ายหนังสือแบบนี้ แต่ถ้าเราวางตัวอีกแบบ ก็ไม่น่าจะมีอะไรนะ เพราะนุ่นเป็นคนไม่ค่อยเที่ยวกลางคืนค่ะ แล้วถึงจะมีใครเข้ามาคุย นุ่นว่าเขาคงไม่ได้เข้ามาเพราะคิดว่าเราเคยถ่ายหนังสือหรอก นุ่นเชื่อว่าชั่วโมงนั้นเขาคงจำนุ่นไม่ได้ด้วยซ้ำ เขาอาจจะมองเราเป็นแค่ผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่ง แล้วเวลาไปเที่ยว นุ่นก็ไม่ได้แต่งโป๊ เกาะอกยังไม่เคยเลย ก็เลยไม่น่าจะเป็นผลลบอะไร นุ่นว่าตอนที่ถ่ายชุดว่ายน้ำออกมา คุณแม่เห็นแล้วแม่ตกใจ นั่นแหละค่ะคือผลลบสำหรับนุ่น“
จะไม่ให้คุณแม่ตกใจได้อย่างไร ขนาดคนที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกันทางสายเลือดอย่างเราๆ ดูแล้วยังอดเข็ดฟันไปกับความเปรี้ยวของเธอไม่ได้ แต่ละภาพที่ได้รับการตีพิมพ์ วาบหวิวจนแทบไม่เหลือชิ้นผ้าไว้ปกปิด ผู้สัมภาษณ์อดสงสัยไม่ได้ว่าคุณแม่ของเธอยอมได้อย่างไรหากท่านหัวโบราณอย่างที่นุ่นบอกไว้จริง เธอจึงช่วยยืนยันคำเดิมและเพิ่มเติมเหตุผลที่หลายคนไม่เคยรู้มาก่อนให้ฟัง
“นุ่นอธิบายให้ท่านฟังค่ะว่าภาพที่ออกมากับความจริงมันไม่เหมือนกัน ตอนที่นุ่นถ่ายแทบจะไม่เห็นอะไรเลย ที่เห็นในภาพเกิดจากการรีทัชทั้งนั้น เอาภาพออริจินัลกับแบบที่รีทัชแล้วมาเปรียบเทียบให้ท่านดูเลยค่ะ ให้คุณแม่เห็นว่าส่วนที่เป็นเนื้อหนังมันเคยเป็นเนื้อผ้ามาก่อน บอกเขาว่าจริงๆ แล้วนุ่นใส่เซฟมากๆ เลยนะ ตอนถ่ายใส่ชุดชั้นในกันไว้สองชั้น คือต้องใส่จีสตริงไว้ข้างในด้วย ส่วนหน้าอกก็มีซิลิโคนแปะทับ มองไม่เห็นอะไรเลย พอบอกไปแบบนี้คุณแม่ก็โอเคนะ ส่วนคนอื่น ถ้าเขาจะมองว่าเราโป๊เปลือยก็คงไปว่าอะไรเขาไม่ได้หรอกค่ะ เพราะเขาไม่รู้ว่าความจริงคืออะไร” เธอพูดด้วยสีหน้าปลงตก
เกาะผู้ชายดัง?
อีกประเด็นที่นุ่นต้องทำใจยอมรับไม่ต่างกัน นั่นก็คือกระแสข่าวที่ว่าเธอคบกับหลุยส์ สก็อตซ์ เพราะต้องการอาศัยชื่อเสียงของฝ่ายชายดันตัวเองให้เป็นที่รู้จักมากขึ้น นุ่นถึงกับถอนหายใจออกมาเมื่อถูกถามเรื่องนี้ ไม่บอกก็รู้ว่าเธอรู้สึกอึดอัดมากขนาดไหน
“ปีที่แล้วตอนคบกันใหม่ๆ ถูกเล่นเรื่องเกาะหลุยส์ดังแรงกว่านี้อีกนะ แต่นุ่นก็พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่านุ่นไม่ได้เกาะเขาดัง นุ่นว่าการที่นุ่นยังมีงานละครอยู่ คงเป็นเพราะคนเห็นผลงานเราแล้วเขาสนใจมากกว่า ส่วนเรื่องที่เป็นแฟนหลุยส์ มันช่วยทำให้คนจำได้มากขึ้น มีส่วนช่วยเสริมเรื่องงานจริง อันนี้ไม่เถียงค่ะ แต่ไม่ใช่เพราะเราเป็นแฟนหลุยส์ เขาถึงจ้างแฟนหลุยส์มาเล่นละคร คงไม่มีใครคิดแบบนั้นนะนุ่นว่า”
เมื่อประกาศตัวว่ามีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องกับหนุ่มในวงการชื่อดัง ชื่อของ “หลุยส์ สก็อตซ์” จึงถูกดึงมาพัวพันกับนุ่นทุกครั้งที่มีข่าวเรื่องใดก็ตามเกี่ยวกับเธอ หรือแม้แต่การถ่ายชุดว่ายน้ำครั้งล่าสุดของนุ่น ยังถูกสื่อพูดถึงว่าไม่ได้รับอนุญาตจากฝ่ายชาย จนเป็นเหตุให้ผิดใจกันมาแล้ว ส่วนผู้คนบนสังคมออนไลน์ก็วิจารณ์กันไปต่างๆ นานา หนักสุดคือกล่าวว่าเธอไม่เหมาะสมที่จะเป็นแฟนของหลุยส์
“นุ่นบอกหลุยส์ก่อนถ่ายอยู่แล้วนะ แล้วตอนที่ถ่ายอยู่ นุ่นก็ส่งรูปให้เขาดูสดๆ เลยว่าเราถ่ายแบบนี้นะ ใส่ชุดประมาณนี้นะ เพราะฉะนั้นนุ่นกับหลุยส์จะไม่เคยมีปัญหากันเรื่องนี้เลยค่ะ ส่วนใครจะไปเขียนข่าวให้เป็นกระแสยังไง มันก็เรื่องของเขา บนอินเทอร์เน็ตเองก็มีคนมาแสดงความคิดเห็นเหมือนกัน ตัวนุ่นไม่ได้เข้าไปอ่านเองหรอก แต่ชอบมีเพื่อนมาพูดให้ฟัง บอกว่าเขาเม้นต์ด่าแกแรงมากเลยนะ ไม่ได้อ่านเหรอ เราก็บอกว่าไม่ได้อ่าน”
“นุ่นพยายามไม่สนใจเพราะไม่อยากคิดมาก รู้อยู่แล้วค่ะว่าทำอาชีพนี้มันมีทั้งคนชอบและไม่ชอบ แต่บางทีก็ท้อเหมือนกันนะ เพราะเมื่อก่อนนุ่นถ่ายชุดว่ายน้ำครั้งแรกๆ คนถามแค่ว่าคนนี้คือใคร ส่วนเรื่องด่าแทบไม่มีเลย แต่พอมาเป็นแฟนหลุยส์ปั๊บ มันผิดที่นุ่นมาเป็นแฟนหลุยส์ใช่ไหม แล้วนุ่นไปถ่ายชุดว่ายน้ำ มันผิดตรงนี้แหละ นุ่นว่าถ้านุ่นเป็นดาราที่ไม่มีข่าวกับใครเลย พอถ่ายแบบนี้ อาจจะถูกพูดถึงแค่ “ใครอ่ะ หวือจัง โป๊เนอะ” แต่ที่นุ่นโดนกระแสแรงขนาดนี้เพราะนุ่นเป็นแฟนหลุยส์ไง เพราะเขาคือคนที่หลายๆ คนชื่นชอบ”
“อยากบอกคนที่โพสว่าเราบนอินเทอร์เน็ตเหมือนกันนะ คือถ้าเขาไม่ได้รู้จักเราจริงๆ ขอเถอะค่ะ อย่าทำให้คนอื่นเขาเกลียดเราด้วยเลยได้ไหม ถ้าจะแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการถ่ายชุดว่ายน้ำก็ทำไปเถอะ นุ่นไม่ว่า แต่อย่าพาดพิงถึงใครหลายๆ คน หรือใช้คำว่า “สงสารแฟนเขาเนอะ” มันไม่จำเป็นค่ะ แต่ละครั้งที่ถ่าย มันมีการรีทัช มีอะไรมากกว่าภาพที่คุณเห็น เพราะฉะนั้นอย่าเพิ่งตัดสินเราจากภายนอก ถึงจะไม่มีโอกาสได้รู้จักตัวหรือได้คุยกันจริงๆ ก็อยากให้วัดจากสิ่งอื่นๆ บ้าง แค่นั้นเอง” พูดกันตรงๆ ทื่อๆ แบบนี้ นี่แหละตัวตนที่แท้จริงของเธอ
ข่าวโดย Manager Lite/ASTV ผู้จัดการสุดสัปดาห์
ภาพโดย พลภัทร วรรณดี