ด้วยอาชีพทหารประจำศูนย์รักษาความปลอดภัยกอง 8 ของกองบัญชาการกองทัพ ต้องทำหน้าที่ในการอารักขาบุคคลสำคัญทำให้ผู้หญิงคนนี้ต้องกลายเป็นหญิงแกร่งในสายตาใครต่อใคร
ด้วยใจชอบศิลปะป้องกันตัวมาตั้งแต่ตอนเป็นทหารยศร้อยตรี พอได้มารับตำแหน่งเป็นทหารอารักขาความปลอดภัยให้กับผู้นำระดับต่างๆ ยิ่งเกิดความซึมซับมากยิ่งขึ้น จึงผันตัวเองมาเป็นครูสอนศิลปะป้องกันตัวให้ทหารและตำรวจ พอได้เห็นภัยอันตรายรอบตัวที่เกิดขึ้นกับคนในสังคมจึงได้เข้ามาเป็นอาสาสมัครและเปิดโรงเรียนสอนศิลปะป้องกันตัวสำหรับคนทั่วไป
เรื่องราวชีวิตของ พันเอกหญิง กนกวรรณ ศรีไชยะ ผู้รับบทบาทเป็นบอดี้การ์ดอารักขาความปลอดภัยในกองบัญชาการกองทัพ แม้ตอนนี้ด้วยวัยจะขึ้นเลข 5 แต่ก็ไม่เป็นปัญหาในภารกิจที่ได้รับ เพราะพร้อมจะเป็นหนึ่งแรงเพื่อช่วยสังคมให้ปลอดภัย และคดีอาชญากรรมต่างๆ ให้ลดลง โดยเฉพาะคดีความรุนแรงในครอบครัว
การที่เป็นบอดีการ์ดที่เป็นผู้หญิง ต้องเผชิญแรงกดดันมากกว่าผู้ชายหรือเปล่า
ก็ตอนนี้กลายเป็นเรื่องดีแล้ว เพราะคนเห็นว่าเราเป็นผู้หญิงแต่เราเป็นทหาร ก็เหมือนกับว่ามันเป็นจุดเด่น เพราะมีคนติดต่อมาเชิญไปสาธิตเราก็ งง ว่าทำไม ก็คงเป็นเพระว่าเราเป็นผู้หญิง เพราะว่าผู้ชายตัวใหญ่ๆ แล้วเก่งเขาก็คงไม่แปลก
ทำไมเลือกรับราชการทหาร
ชอบตั้งแต่สมัยเด็กๆ เพราะคุณพ่อเป็นตำรวจ เป็นลูกสาวคนเดียว มีพี่ชายน้องชายทั้งนั้น เราก็จะแก่นๆ หน่อย
เลือกหน่วยนี้ตั้งแต่ต้น และทำไมถึงเลือก
ใช่ จริงๆ ไม่ได้ตั้งใจเลือก คือช่วงที่เข้าไปรับราชการตอนนั้นได้รู้จักกับท่านพลเอกอาทิตย์ กำลังเอก ท่านชอบเดินทางไปรับราชการต่างประเทศบ่อย และได้เห็นบอดี้การ์ดผู้หญิงของต่างประเทศ ก็เลยอยากให้เราเป็นอย่างนั้นบ้าง ท่านเลยช่วยการันตีให้เราตอนเข้ามา จึงให้สังกัดกองนี้ เราก็ถูกใจนะ เพราะไม่เหมือนตำรวจหญิงหรือทหารหญิงทั่วไปที่นั่งทำงานในออฟฟิศ แต่เราเน้นหนักด้านการฝึก
เริ่มต้นที่เข้าไปฝึกเป็นวิชาอะไร
แรกๆ ก็ฝึกวิชายูโด ฝึกการต่อสู้เพื่อจะปกป้องวีไอพี (บุคคลสำคัญ very important person - VIP) ที่เราอารักขาเพื่อให้เขาปลอดภัย ต่อมามีอาจารย์วิชาไอคิโดมาสอนให้กับหน่วยเรา ก็นำไอคิโดเข้ามาใช้ ในภารกิจที่ทำอยู่ เพื่อปกป้องวีไอพีให้ปลอดภัยจากการลอบทำร้าย โดนยิง โดนแทง เน้นไปทางแย่งอาวุธ ปัดป้อง และก็ระงับเหตุ ควบคุม พอฝึกมาเรื่อยๆ ก็มีหน่วยงานราชการอื่นร้องขอเข้ามาอยากฝึกกับเรา ไม่ว่าจะเป็น รปภ. ตำรวจ ทหาร นานเข้าลยกลายเป็นอาจารย์
ด้วยความที่เป็นผู้หญิงตัวเล็ก เลยพยายามศึกษาว่าทำไมคนตัวเล็กถึงต่อสู้กับคนที่มีรูปร่างสูงใหญ่ได้ คนไทยเราก็ตัวเล็กอยู่แล้ว เมื่อเทียบกับฝรั่งที่เป็นแขกต่างประเทศ ก็เลยพยายามศึกษาจนได้วิชาไอคิโด ซึ่งมันจะมีเทคนิคการใช้กำลัง ถือว่าดีมาก ต่อมาได้เปิดสถานที่ฝึกสำหรับบุคคลทั่วไป เพราะว่าบางทีคนเขาต้องการมาเรียนกับเรา แล้วไม่สามารถเข้ามาได้เพราะเป็นหน่วยราชการ เราก็เลยเปิดเป็นสถานฝึกอบรมสำหรับคนทั่วไปให้เข้ามาเรียนได้ ถ้าเป็นทหาร ตำรวจ ก็จะให้สิทธิ์พิเศษเรียนฟรี
พอเริ่มเปิดมาเราก็จะเห็นวิชาอื่นอีกที่ไม่ใช่ไอคิโด ไม่ว่าจะเป็นมวยไชยา มวยจีน พวกเทควันโด คาราเต้ เลยปรับสื่อการเรียนเป็นหลักสูตรอรรถยุทธ์ แปลว่าหลากหลายวิชา แล้วแต่คนที่จะฝึกเพื่อจะเลือกตามที่เขาต้องการแล้วแต่ภารกิจที่จะต้องนำไปใช้ ส่วนบุคคลภายนอกก็เอาไปไว้ป้องกันตัว
ฝึกเกี่ยวกับการต่อสู้มานานเท่าไหร่
ตั้งแต่เป็นร้อยตรี คือเราเป็นทหารสังกัดหน่วยอารักขาบุคคลสำคัญ เหมือนเป็นบอดี้การ์ดนั่นแหละ พอเข้าฝึกตอนเป็นทหารใหม่ๆ ในหลักสูตรมันก็จะมีวิชาการต่อสู้และมีการใช้อาวุธ เราก็เริ่มเรียนตั้งแต่ตอนนั้นมาก็ 20 กว่าปีแล้ว
ฝึกหนักไหม
ไม่หนัก มันก็จะมีวิธีให้เราไม่ใช้กำลังมาก มันก็จะไม่ปะทะ เดิมมีอาจารย์เป็นอาจารย์ญี่ปุ่นสอนไอคิโด ท่านเป็นนายกสมาคมไอกิโดประจำประเทศไทยแต่เป็นคนญี่ปุ่น อีกท่านหนึ่งก็เป็นทหาร คือพันเอกสมบูรณ์ ทองอร่าม ซึ่งเป็นคนไทย ท่านสอนไอคิโดให้เรา แล้วต่อมาจากการที่เราได้สอนคนอื่นมากมายทั้งทหาร แม้กระทั่งมนุษย์กบ ทหารเรือ แม้กระทั่งพนักงานต้อนรับเที่ยวบินของการบินไทย ก็สอนพวกเขาประมาณ 3 ปีได้ ที่สอนให้เขาเป็น 1,000 คน
ตอนนี้ยังฝึกซ้อมอยู่ไหม
พวกนี้มันจะไม่มีจบ ถ้าเราหยุดไปร่างกายเราก็จะไม่เป็นอัตโนมัติแล้ว เอาจจะจับท่าได้แต่รีแอ็กชันมันไม่เป็น ทุกคนเมื่อเจอกับเรื่องร้ายๆ มันต้องช็อกไปก่อนประมาณ 3 วินาที แต่คนที่เขาฝึกมาจนเป็นนิสัย การตกใจของเขาก็จะเป็นในรูปแบบป้องกันด้วย
มีบุคคลคนไหนที่เคยอารักขา
ตอนนั้นที่ประจำอยู่ เมื่อ 2 ปี ก็จะมีพันเอกคุณหญิงอรชร คงสมพงษ์ ซึ่งตอนนั้นท่านเป็นภรรยาของผู้บัญชาการทหารสูงสุด พันเอกสุนทร คงสมพงษ์
มีการอารักขาพระบรมวงศานุวงศ์ด้วยหรือเปล่า
ที่ทำงานเราก็ถวายการอารักขาอยู่แล้ว และก็ได้ฝึกให้กับนายทหารที่เขาอารักขาด้วย ซึ่งเราก็ถือว่าถวายงานให้กับพระองค์ท่านอยู่แล้ว
การอารักขาบุคคลสำคัญต้องมีกระบวนการหรือการวางแผนอย่างไร
การวางแผนก็อยู่ในหลักสูตร ถ้าเป็นวีไอพี เราก็ต้องดูว่าเขามีข่าวอะไรที่มีผลกระทบบ้าง ก็ต้องมีเรื่องเยอะกว่าปกติ เราจะต้องดูจากมูลเหตุจูงใจที่ทำให้คนร้ายมาทำร้าย ว่าเป็นเรื่องทรัพย์สิน เรื่องทางเพศ หรือปัญหาการขัดแย้งกับศัตรู ซึ่งเป็นปัญหาที่ป้องกันยากที่สุด เพราะว่าเมื่อเรามีศัตรูขึ้นมา เราต้องระวังตัวกับคนที่รู้จัก รู้จักบ้าน คนใกล้ชิด สถานที่ทำงาน หรือกิจวัตรประจำวันของเรา ฉะนั้นจะป้องกันยาก แต่ถ้าเป็นโจรทั่วไป ก็ป้องกันในระดับที่สมเหตุสมผล คนร้ายทั่วไปก็คงไม่มาเรียนวิชาต่อสู้ที่ต้องใช้เวลาเรียนกันเป็นปีๆ ก็จะมีแต่ลอบทำร้ายและใช้กำลังตอนเราเผลอ
การเป็นอารักขาหรือบอดี้การ์ด เหมือนที่เห็นในหนัง
ก็เหมือนกัน อย่างเช่นวีไอพีจะมา เราต้องศึกษาว่าเขามีจุดอ่อนอย่างไร เช่นมีโรคประจำตัวหรือเปล่า มีอะไรที่ไม่เหมือนคนธรรมดา แล้ววาระงานเขาไปที่ไหนบ้าง ฉะนั้นเราจึงต้องสำรวจตรวจสถานที่ก่อน เสร็จแล้วต้องมีการเฝ้า ส่วนที่พักเขา ก็ต้องดูว่าคนร้ายจะมาทำร้ายได้ไหม ต้องตรวจหมด นอกจากสถานที่แล้ว ต้องศึกษาเส้นทางที่จะไป แล้วก็คิดเผื่อว่าหากมีคนทำร้ายเขาจะพาเขาหนีไปทางไหน เตรียมเส้นทางไว้ให้หลบหนี มันก็เหมือนกับชีวิตของคนทั่วไปนั่นแหละ เวลจะขึ้นรถ มีคนร้ายมาตีกัน จะวิ่งหนีไปไหนล่ะ ถ้าไม่เตรียมการไว้ก่อน หากวิ่งไปห้องน้ำอาจจะเจอทางตัน เขาก็จะสามารถตามมาฆ่าปิดปากได้
แต่ที่เห็นว่ามีการล้อมหน้าล้อมหลัง ไม่ใช่แค่ป้องกันว่าจะมีคนมาทำร้ายเอาชีวิตอย่างเดียวก็ต้องป้องกันเรื่องการเสื่อมเสียเกียรติเขาด้วย คนดังก็อาจจะมีคนเอาอะไรมาปาก็ได้ หรือมีคนมาตะโกนด่าแม้จะไม่เจ็บอะไรแต่ก็อาย ทำให้เขาเสียเกียรติ ฉะนั้นเจ้าหน้าที่ต้องสำรวจล่วงหน้า ต้องรู้การข่าวไม่ใช่พาวีไอพีไปขายหน้า
การล้อมหน้าล้อมหลังนี่ต้องทำอย่างไร
ใช่ อันนั้นเขาก็มีวิธีการฝึกว่าต้องล้อมแบบไหน ไม่ว่าจะเป็นการยืนล้อมหรือการมองก็จะต้องมองในมุมกว้าง ไม่ใช่จะมานั่งจ้องวีไอพี ต้องมองให้เห็นว่าใครจะเข้ามาบ้างและใครอยู่ใกล้ทำหน้าที่อะไร อย่างเช่นคนที่ล้อมคนข้างหน้าอยู่ใกล้คนร้าย เขาจะไปสกัดคนร้าย และคนด้านข้างจะพาวีไอพีหนี ส่วนคนที่เตรียมอยู่ข้างนอกก็เตรียมรถ เตรียมอะไรรอ และต้องพาไปตรงนั้น ตรงนี้ มันก็จะเป็นตามระบบขั้นตอนที่เราฝึกมา
มันเหมือนในหนังไหมที่จะต้องยอมตายขนาดนั้นเลย
เราไม่ได้คิดถึงอย่างนั้นก็อย่างที่บอกคนที่อยู่ใกล้วีไอพีก็ผลักเขาให้พ้นวิถีกระสุน ซึ่งมันจะโดนยิงก็ต้องโดน รปภ ก่อนใช่ไหม ในเมื่อเราไปจับเขากดลงให้พ้นอาวุธเราก็ต้องหลบด้วยไม่ใช่ไปยืนให้เขายิงด้วย นั่นก็ไม่ใช่การฝึกแล้ว
มีภารกิจไหนที่ประทับใจกว่าภารกิจอื่น
จริงๆ มันก็ดีหมด เพราะว่ามาทำงานเป็นข้าราชการ อาจจะมองว่าเงินเดือนน้อย แต่เราไม่ใช่จะทำงานให้กับบุคคลสำคัญอย่างเดียว แต่เป็นสถาบันเราก็ได้ถวายการอารักขา อย่างเพื่อนๆ เราที่เขาทำงานเอกชนได้เงินเดือนสูงกว่าแต่ก็ไม่ได้มีประสบการณ์อย่างเรา นี่ก็ถือว่าเป็นเกียรติต่อชีวิต เพราะได้ถวายการอารักขาคนสำคัญระดับประเทศ ที่คนธรรมดาเข้าถึงได้ยาก ซึ่งก็ถือได้ว่าเป็นความประทับใจ ความภูมิใจของพวกเรา
การเป็นครูฝึกกับการเป็นหัวหน้าอารักขาอันไหนยากกว่ากัน
การเป็นครูตอนนี้ไม่ยากแล้ เพราะประสบการณ์เราเยอะ และการอารักขาตอนนี้ก็ลดน้อยลงแล้ว เป็นผู้ใหญ่แล้วตอนนี้ก็จะเป็นครูฝึกไม่ค่อยได้ออกงาน นอกจากว่ามีแขกต่างประเทศมาหลายประเทศอย่างงานเฉลิมฉลอง หรืองานใหญ่ๆ พอคนไม่พอเราก็ออกไปบ้างก็จะอยู่ในส่วนควบคุมมากว่าตอนนี้ ชีวิตก็สนุกกับการได้สอนไม่ว่ากับเด็กหรือผู้ใหญ่
เป็นครูฝึกช่วยเหลือสังคมด้วย
ตอนนี้ทำโครงการยุติความรุนแรงของผู้หญิง คืออาสาไปถวายงานให้พระองค์ภาฯ แล้วก็จัดอบรมป้องกันตัวเบื้องต้นให้กับผู้หญิงและเด็ก โดยไม่คิดค่าใช้จ่าย ทำมาได้ 2 ปีแล้ว เราก็นำเอาหลักสูตรการอารักขาบุคคลสำคัญมาปรับใช้สอนให้กับผู้หญิงหรือเด็กที่เรียน ก็เหมือนกับเอาหลักสูตรมาใช้แต่เราไม่ได้ป้องกันวีไอพี แต่ป้องกันคนในครอบครัว ซึ่งคนเหล่านั้นเขาก็เป็นยิ่งกว่าวีไอพีเสียอีก
มันไม่ได้ฝึกการต่อสู้อย่างเดียว แต่เป็นการเรียนรู้ว่าจะทำอย่างไรให้ปลอดภัยแม้อยู่ในบ้านของตัวเองก็ยังมีอันตราย ไม่ว่าจะทรัพย์สิน หรือเรื่องทางเพศ ซึ่งเป็นปัญหาสังคม และยิ่งออกไปนอกบ้านก็ยิ่งต้องระวังตัว
มีมุมโรแมนติกบ้างไหม
เจ้าแม่เลย (หัวเราะ) ไม่ใช่เจ้าแม่ด้านบู๊แต่เป็นเจ้าแม่ปาร์ตี้ เพราะว่าจะเป็นหัวหน้าแก๊งเอง ไม่ว่ากับเพื่อนหรือลูกศิษย์ เพราะที่บ้านเราอยู่คนเดียว และตอนนี้ยังโสด บ้านก็เลยออกแบบจัดไว้เหมือนบา ผับหรือแนวร้านไว้สำหรับรองรับเพื่อนๆ ที่จะมาปาร์ตี้ อาทิตย์หนึ่งก็สักสองวันได้ ส่วนใหญ่ก็จะกับลูกศิษย์ คือใครคนไหนทำกับข้าวเก่งเราก็จะให้เขามาแสดงผีมือ ชอบทำกับข้าวด้วย
ส่วนเรื่องการแต่งกายตอนอยู่ในกองทหาร เราก็จะมีแต่ชุดยูโด ชุดฝึก ชุดทหาร แต่พอปาร์ตี้ก็จะจัดเต็มแบบหลุดโลกไปเลย บางเห็นเราอย่างนี้คิดว่าอย่างทอมบอย แต่ไม่ใช่นะ ไม่ใช่อย่างที่คนคิดว่าจะห้าวๆ เพราะเงินทองส่วนใหญ่ของเราก็หมดไปกับเสื้อผ้าเครื่องสำอาง
>>>>>>>>>>>
……….
เรื่อง : กฤษฎา ศุภวรรธนะกุล / อุบลวรรณา โพธิ์รัง
ภาพ : วรวิทย์ พานิชนันท์