xs
xsm
sm
md
lg

“อุ๊บ-วิริยะ” ใจบุญเลี้ยงสัตว์จรจัดนาน 20 ปี

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


 
 
ตอนนี้ถ้ามีการจัดงานเกี่ยวกับสัตว์เลี้ยง หลายคนที่รักสัตว์คงต้องนึกถึงอุ๊บ-วิริยะ พงษ์อาจหาญ นักปั้นดารามือฉมังเลยทันที เสมือนเป็นโลโก้ไปแล้วว่าถ้าเป็นเรื่องสัตว์เลี้ยงต้องเป็นเขาคนนี้ แต่อย่าเพิ่งคิดว่าน้องหมาน้องแมวที่เขาเลี้ยง จะเป็นพันธุ์หายาก ราคาแพง หรือต้องนำเข้าจากต่างประเทศเท่านั้น เชื่อเถอะว่าแบบนั้นพี่เขาไม่นิยม เพราะที่บ้านเลี้ยงแต่สุนัขและแมวจรจัดที่อยู่ด้วยกันมานานเป็น 10 ปีแล้ว
 

รู้จักอดอยาก...จึงเผื่อแผ่
อุ๊บ-วิริยะ เลี้ยงหมาแมวจรจัดมาเกือบ 20 ปีแล้ว และเลี้ยงเป็นเรื่องเป็นราวมาเมื่อประมาณ 10 ปีก่อน ในจำนวนเกือบ 30 ตัว ที่อยู่ในความดูแลด้วยความรู้สึกฝังใจว่า “อยากให้เขากินเต็มที่เพราะเราเคยลำบาก เคยรู้รสชาติของความอดอยาก”

“มันเป็นความรู้สึกส่วนตัวนะเพราะว่าในสมัยก่อน เราเคยลำบาก เคยเหมือนเด็กจรจัด ไม่มีกิน ลำบากมาก บางครั้งถึงต้องขโมยข้าวแมวข้าวหมากิน หลังจากนั้นมา พอเข้าวงการบันเทิง ก็มีรายได้มากขึ้น พอเรามี ณ วันนี้ มันก็ปลูกฝังเราว่า พอเห็นหมาแมวจรจัดก็จะสงสาร ก็อยากจะเลี้ยงให้เขาไม่อดอยาก

ตอนนี้ก็เลี้ยงเป็นเรื่องเป็นราว แมวที่เก็บมาก็เป็นแมวข้างทางที่อยู่ตามตลาดโดนหมากัด หรือบางทีประเภทติดกำแพง ซอกตึกก็ต้องทุบตึกเอาออกมา บางตัวลอยน้ำมาก็มี แต่ละตัวมันก็จะมีที่มาที่ไปแตกต่างกันไป จึงรู้สึกสงสารมัน และเวลาเลี้ยงก็จะเลี้ยงอย่างดี ตัวไหนป่วยเราก็จะมีเซนส์ว่าเขาไม่กินข้าวก็จะพาไปหาหมอมีหมอประจำอยู่ที่ลาดพร้าว 101 รพ.สัตว์ยิ้มแฉ่งจะคิดในอัตราที่ถูก เพราะเขารู้ว่าเราเลี้ยงหมาแมวจรจัดเขาก็ช่วยลดค่ารักษาให้ ตอนนี้ก็ค่อนข้างเยอะขึ้นเอาไปเลี้ยงไว้ที่บ้าน จ.อ่างทองด้วย เราไม่เลือกว่าตัวไหนสวยไม่สวยแต่ขอให้เป็นสัตว์ที่เรารัก เราเอามาเลี้ยงก็จะดูแลเขาอย่างดีที่สุด ก็เลี้ยงจนเขาตายไปข้างหนึ่งเลย บางตัวเลี้ยงมา 15 ปีเพิ่งตายไปก็มี พอตายเราก็ใจหาย รักษาอย่างดีที่สุดแล้ว พาไปหาหมอก็ไม่หายก็ต้องปล่อยให้เขาตายตามอายุขัย

ตอนนี้สุนัขก็น้อยลงเพราะว่าที่คอนโดฯ นี้เขาไม่ให้เลี้ยงสุนัข เราก็จะให้เขาอยู่ตามซอยละแวกนี้ พอถึงเวลาเราก็ให้เขากินข้าวหมด แต่ก่อนเราจะแจกอาหารให้หมาแมวพวกนี้ตั้งแต่ลาดพร้าว 101 จนถึงเดอะมอลล์บางกะปิ (หัวเราะ) บ้างก็เป็นโซนแม็คโคร น้อมจิตต์ แฮปปี้แลนด์ สมัยก่อนยังไหวนะเลี้ยงมา 15 ปี หมดเงินเดือนละ 20,000 กว่าบาท ปีหนึ่งก็ 3-4 แสนบาท 15 ปีที่ผ่านมาก็หมดไปหลายล้านแล้ว

ค่าใช้จ่ายแพงมากเพราะจำนวนมันเยอะ ตอนนี้ที่เลี้ยงก็เป็นอย่างสุนัขจะให้โครงไก่ทอดหรือเป็ด แต่ก่อนให้กินวันละ 2 มื้อ เดี๋ยวนี้เราไม่ค่อยสบายและไม่มีเวลาด้วยก็จะให้กินมื้อใหญ่มื้อเดียวคือตอนเย็น แต่ก็มีบางครั้งที่เรามีธุระไม่ได้ให้เองก็จะฝากเพื่อน ฝากพี่สาวคอยช่วยเลี้ยงให้ แต่อาหารเม็ดเขาไม่ค่อยกิน ส่วนแมวก็จะมีทรายสำหรับแมวไว้ขับถ่าย ทรายนี่ค่อนข้างแพงมาก มีอาหารเม็ด อาหารกระป๋อง หมูหยอง ปลาสลิด ปลาทู แล้วแต่เมนูเขาจะได้ไม่เบื่อ กินกัน 24 ชั่วโมง อ้วนปั้กเลย (หัวเราะ) เวลากินก็จะให้เขากินเต็มที่เพราะเราเคยลำบาก เคยรู้รสชาติของความอดอยาก”
 

น้องเหมียวตัวโปรด
“เจ้าสัว” แมวตัวผู้สีน้ำตาล และ “ทับทิม” แมวตัวเมียลายสีขาว เจ้าแมวลูกครึ่งไทย-เปอร์เซียสองตัวนี้จะคลอเคลียอยู่กับเจ้าของตลอดเวลา ไม่ต้องบอกเป็นคำพูดเลยว่าเขาสนิทกันแค่ไหน

“เขาอยู่กับเรามา 3 ปีกว่าแล้ว เจ้าทับทิมเขาเป็นแมวที่เริงร่า ชอบวิ่งเปรี้ยว 4x100 เมตรหญิง (หัวเราะลั่นเลย) แต่พอลงมาเจอผู้คนก็จะกลัว แต่เจ้าสัวเขาเป็นสุภาพบุรุษ คู่นี้เขาจะอยู่ด้วยกันตลอด และเราอยู่กับเขาก็มีความสุข แมวเปอร์เซียพันธุ์นี้มันฉลาดนะ เวลาเรียกชื่อให้มาหาเขาจะรู้

เจ้าทับทิมมีความพิเศษอย่างหนึ่งคือเขาไม่ขี้โรคเลย ในขณะที่เขาเป็นกันทั้งห้องเลยนะ ตอนนั้นเมื่อ 3-4 ปีที่แล้ว เป็นไข้หวัดแมว มีทั้งหมด 30 กว่าตัว หมดเงินรักษาวันละ 3-4 พันบาท ทั้งหมด 10กว่าวัน 4-5 หมื่นบาท มีเจ้าทับทิมตัวเดียวไม่เป็นอะไรเลย พี่ต้องจ้างหมอมาที่นี่เลย เพราะ 30 กว่าตัวเราเอาไป รพ.สัตว์ไม่ไหว ตอนนั้นหมดค่ารักษาเยอะเลย

ตอนนี้เราก็เป็นผู้เชี่ยวชาญเรื่องแมวบ้างแล้ว ตัวไหนป่วย เราจะสังเกตจากอากัปกิริยาของเขาแต่ละตัว ไม่สบายก็พาไปหาหมอ ซื้อยามากิน เราจึงต้องให้ความสนใจเขา เรามีความสุขตรงนี้ ไม่คิดมาก เหมือนกับว่าเราทำบุญ ทำทาน” แถมยังพูดแกมเล่นอีกว่า “เลี้ยงคนด้วย เลี้ยงสัตว์ด้วย” (หัวเราะลั่น)

“ตอนนี้ก็ถือเป็นความรับผิดชอบของเราไปเลย ก็จะมีดารามาช่วยบ้างอย่าง อั้ม - พัชราภา, เอ๊ะ - อิศริยา, ลิฟท์ - สุพจน์ และก็จะมีหลายๆ หน่วยงานที่เขาก็ช่วยๆ กัน แต่เราก็คงไม่ได้ไปบอกบุญเรี่ยไรเป็นเงินทอง ส่วนมากเขาก็จะศรัทธา แต่เมื่อเลี้ยงแล้วมันก็ทำให้เรารู้สึกดีนะ มันเห็นผลตามทันเลยว่าเราจะมีงานต่อเนื่องมาตลอดเลย”
 

ด้วยความรักและผูกพัน
การจะดูแลสัตว์เลี้ยงหลายสิบตัว ดูเหมือนจะเป็นภาระอันหนักอึ้งสำหรับคนคนเดียว แต่ถ้าเลี้ยงด้วยความรักและความผูกพัน กลับเป็นภาระที่เต็มใจทำ ที่เขายืนยันว่าถ้าคิดจะเลี้ยงเขาแล้วต้องเลี้ยงจนวาระสุดท้ายของเขา ให้ตายกันไปข้างใดข้างหนึ่ง เพราะเขาก็มีชีวิตจิตใจ มีความรู้สึกเหมือนเรา

“บางทีเราอยู่คนเดียว พอมีเจ้าพวกนี้เราก็รู้สึกอบอุ่น กลับมาก็มาเล่นกับเขา และถ้าไม่มีเขาก็คงเหงาแย่เลย บางครั้งกลับมาจากต่างจังหวัดก็มานั่งเล่นกับเขา มันมีความผูกพันกันมาก มันรู้สึกสงสารและก็คิดว่าอยากเลี้ยงให้ดีที่สุด แต่ตรงนี้มันมีพื้นที่จำกัดจริงๆ เราคิดว่าอีกสัก 10 ปีก็คงไปอยู่ต่างจังหวัด เอาไปอยู่ด้วยกันหมด ที่นั่นมีพื้นที่เยอะ เลี้ยงได้สบาย

ตอนนี้ก็มีความสุขนะ กลับมาก็เจอเขา มากอดมานอนเล่นกับเขา เหมือนเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตไปแล้วว่าพวกหมาแมวเหล่านี้ก็จะเลี้ยงต่อไป ตราบใดที่ยังมีแรงทำงาน รายได้ครึ่งหนึ่งก็เอามาเลี้ยงหมาแมว บางคนที่เขารู้ว่าเราเลี้ยงเขาก็เอาอาหารเลี้ยงสัตว์มาให้เราตลอด ก็ดีนะ เราก็สบายใจและคิดจะทำตรงนี้ต่อไป

เราเลี้ยงก็ต้องดูแลเขาอย่างดีด้วย ไม่ใช่เอามาแล้วเขาไม่สวย ไม่น่ารักเหมือนตอนเด็ก ก็เอาเขาไปปล่อย มันไม่ใช่ ต้องเลี้ยงจนหมดอายุขัยไปเลย เพราะเขาก็มีชีวิตจิตใจ มีความรู้สึก เขามีความผูกพันกับเจ้าของ เจ้าของเลี้ยงเขาตั้งแต่ตัวเล็กๆ พอวันหนึ่งเอาเขาไปปล่อยให้คนอื่นเลี้ยง เขาก็ตรอมใจบ้างจนไม่สบายและก็ตายไป”

ทุกวันนี้จำนวนสัตว์เลี้ยงถูกทอดทิ้งมีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ได้ยินอย่างนี้เหล่าคนรักสัตว์คงสะเทือนใจถ้าต้องเห็นน้องหมาน้องแมวเดินเร่ร่อน ผอมโซอยู่กลางถนน ใครคิดจะเอาไปเลี้ยงให้หมดคนเดียวก็คงไม่ไหว ถ้าเจ้าของรักเขาจริงต้องดูแลอย่าทอดทิ้งให้เหมือนอย่างสำนวน “เหมือนหมาข้างถนน” เพราะสัตว์ก็มีหัวใจ
 
 
 

ภาพโดย พงศ์ศักดิ์ ขวัญเนตร



กำลังโหลดความคิดเห็น