บนโลกไซเบอร์ ชื่อ “จินตนัดดา ลัมมะกานนท์” เธอคือ สาวมหัศจรรย์ “Wondering Pango” หรือเรียกเธอสั้นๆ ว่า “แป้งโกะ” เธอเป็นสาวฮอตที่มาแรงบนโลกไซเบอร์ ไม่ว่าจะทั้งคลิปวิดีโอ งานศิลปะแอนิเมชั่นที่เธอชื่นชอบและได้รับการติดตามบนเว็บไซต์ยูทูบเป็นจำนวนมาก M-Lite จึงได้นัดเธอมาพูดคุยถึงกระแสที่กำลังฮอตอยู่ตอนนี้
“โลกไซเบอร์” ยินดีที่ได้รู้จัก
… กว่าล้านวิวที่ผู้คนนับไม่ถ้วนหลั่งไหลเข้ามาชมคลิปวิดีโอ และเข้ามาฟังเสียงใสๆ ของเธอร้อง cover เพลงต่างๆ รวมถึงเล่นกีตาร์ให้ฟังในห้วงอารมณ์ชิล ฟังสบายๆ จนกลายเป็นจุดเริ่มต้นให้เธอได้ก้าวเข้าไปทำเพลงในค่าย บีลีฟ เรคคอร์ด ค่ายเพลงที่ค้นหานักร้องคุณภาพหน้าใหม่เข้ามาในวงการ
“ตอนแรกที่โพสต์คลิปร้องเพลงของตัวเองขึ้นบนยูทูป ตกใจมากคนดูเยอะมาก ไม่คิดว่าจะมาขนาดนี้ จากหลักหมื่นกลายเป็นแสน คิดว่ามันเยอะไปหรือเปล่า เราก็ปิดแชนเนลไปพักนึง แต่หลังๆ ก็กลับมาเปิด คิดว่าดีที่มีคนมาเม้นต์นะค่ะ จะได้มีกำลังใจ มีติบ้าง ชมบ้าง ก็พัฒนากันไปในคลิปต่อไป”
จุดเริ่มต้นของผลงานในวงการบันเทิงของ “แป้งโกะ” แม้จะยังมีไม่มากนัก แต่หากเอ่ยถึงมิวสิกวิดีโอ เพลง “เบาเบา” เพลงฮิตติดลมบนของวง Singula ใครที่เคยดูมิวสิกวิดีโอเพลงนี้นอกจากจะชื่นชอบเพลงดังกล่าวแล้ว นางเอกมิวสิกวิดีโอเพลงนี้ยังน่ารักแบบใสๆ อีกด้วย
“หลักๆ เลยคือเราเริ่มจากได้ไปเล่นเอ็มวีเพลง เบาเบา ก่อนค่ะ ซึ่งเป็นมิวสิกวิดีโอเพลงแรก จากนั้นก็มีบ้างเล็กๆ น้อยๆ แล้วก็มีมิวสิกวิดีโอเพลง “สิวเม็ดใหญ่” ของพาที สารสิน ค่ะ”
หลังจากเสียงร้องใสๆ ของเธอถูกโพสต์ขึ้นบนเว็บไซต์ยูทูป ทำให้หลายคนชื่นชอบในน้ำเสียง และชักชวนให้เข้าไปทำเพลง และเริ่มต้นงานเพลงกับค่าย บีลีฟ เรคคอร์ด ค่ายเพลงเล็กๆ แต่เปี่ยมไปด้วยคุณภาพ
คือเราติดต่อกันมาก่อนหน้านี้แล้วค่ะ คือคุยกับพี่พี่ที่ทำเอ็มวีเพลง เบาเบา ก็ได้คุยกับพี่ๆ เขาก็รู้ว่าแป้งเป็นคนชอบร้องเพลง เขาก็พาแป้งมารู้จักกับพี่ๆ ที่บีลีฟ มาร้องให้เขาฟังก่อน พี่เขาชอบก็ตกลงว่าเดี๋ยวเราจะมาทำเพลงกันช่วงนั้นเป็นช่วงที่แป้งยังคงติดเรื่องของการทำธีสิสเรื่องเรียน จึงรอให้เรียนจบแล้วจึงมาเริ่มต้นทำเพลงกันอย่างจริงจัง ”
จากวันนั้นที่มิวสิกวิดีโอเพลง เบาเบา ถูกปล่อยออกมา และมีการโพสต์คลิปวิดีโอของตัวเองขึ้นบนยูทูปขึ้นอีกครั้ง หลังจากก่อนหน้านี้ที่เธอได้ปิดแชนเนลของตัวเองลง จนมีเสียงเรียกร้องให้เธอกลับมาอีกครั้งและได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี
“ตอนนี้งานเพลงแป้งก็กำลังทำร่วมกับพี่ๆ ทำไปเรื่อยๆ ค่ะ บางทีเพลงยังไม่โดนก็มาเริ่มทำกันใหม่ ตอนนี้ก็เสร็จไปแล้วประมาณ 70 เปอร์เซ็นต์ค่ะ แนวเพลงของแป้งจะไม่เชิง Easy litening มากขนาดนั้น แป้งเองชอบฟังเพลงแจ๊ส ก็ทำเพลงให้มีกลิ่นแจ๊ซหน่อยๆ ค่ะ มีป๊อปปนบ้างเล็กน้อย แป้งอยากให้มันมีซาวนด์ของแอมเบี้ยนส์หน่อยๆ อยากได้แบบไหนเราก็บอกพี่เขา”
พรสวรรค์ที่มาพร้อมพรแสวง
เล่าย้อนนึกไปถึงวัยเด็กของ“แป้งโกะ” เธอบอกว่าเป็นคนชอบร้องเพลงมาตั้งแต่เด็ก ตอนเด็กๆ มักจะมีการตั้งเวทีอยู่ที่บ้าน มีพ่อแม่ และก็พี่เลี้ยงคอยปรบมือให้ แม้ว่าจะชอบร้องเพลงมากเป็นชีวิตจิตใจ แต่เธอก็ยังไม่เคยเข้าร่วมประกวดร้องเพลงบนเวทีใหญ่ๆ มากนัก
“แป้งไม่ถนัดเรื่องการประกวดนะ ส่วนใหญ่ลงแต่ช่วงประถมฯ แต่ถ้าประกวดจริงๆจังๆไม่เคยเลยค่ะ ก็ลองฝึก ลองหัดเล่น ร้องคาราโอเกะบ้างมาเรื่อยๆ ค่ะ มีเคยเรียนเปียโนมาบ้างค่ะแต่ก็หยุดไป”
“ช่วงหลังๆ พอมาเรียนมหาวิทยาลัยก็มาหัดกีตาร์ มาหัดเอาเองค่ะ ดนตรีไทยก็เคยเรียนนะค่ะ ทั้งซออู้ ซอด้วง กีตาร์ก็มาหัดเอาเองไม่เคยเรียนค่ะ”
เริ่มต้นการหัดกีตาร์ด้วยตัวเอง ตอนที่เธอยังเรียนอยู่ที่โรงเรียนราชินีบน ซึ่งเป็นโรงเรียนหญิงล้วน ทำให้เธอปลื้มรุ่นพี่ที่เล่นกีตาร์เป็น ก็ได้ลองหัดๆ ดูบ้าง ในความคิดเธอก็คิดว่าผู้หญิงดีดกีตาร์ดูแล้วเท่ดี จึงทำให้แป้งเริ่มสนใจกีตาร์มาตั้งแต่ตอนเรียนชั้นมัธยมฯ
“ตอนแรกก็ลองไปหัดดูนะค่ะ รู้สึกว่ากีตาร์มันตัวใหญ่เราเล่นไม่ได้หรอก เราคิดว่าผู้หญิงที่ดีดกีตาร์เท่นะ จนช่วงนั้นเราก็ทิ้งไป จนมาถึงเข้ามหาวิทยาลัย มีรุ่นพี่คนหนึ่งเขาให้กีตาร์แป้งมา ตอนนั้นแป้งยังเล่นไม่เป็นก็มีความรู้สึกว่าน่าลองดีนะ งั้นก็ลองดู หลังจากวันนั้นพอได้มาก็ไปซื้อหนังสือเพลงที่มีคอร์ดกีตาร์มา ไปเสิร์ชในอินเทอร์เน็ตว่าคอร์ดนี้จับยังไง ก็เริ่มหัดมาเรื่อยๆ ค่ะ แต่ก็ยังไม่คล่องมาก ไม่เคยเรียนจริงๆจังๆ เพราะแป้งยังอ่านโน๊ตไม่ค่อยเป็น ได้เฉพาะแค่คอร์ตแล้วก็แท็บบางตัว”
สาวขี้อายเรียนต่างประเทศ
นอกจากนี้ ในช่วงวัยเรียน เธอยังเป็นนักกิจกรรมตัวยงของโรงเรียน บุคลิกภายนอกที่หลายคนบอกว่าเธอเป็นสาวหวาน แต่แท้จริงแล้วเธอการันตีบอกว่า เธอไม่ได้เป็นผู้หญิงหวานอย่างที่ใครหลายคนมองเธอภายนอก กลับบอกว่าเธอเป็นสาวห้าวๆ ทั่วไป แต่ไม่ได้ห้าวมากนัก
“แป้งว่าแป้งไม่ใช่คนหวานนะ ห้าวๆ ทั่วๆ ไป แต่ไม่ได้ห้าวมากนัก ไม่ถึงกับเป็นทอม แต่ก็ไม่ได้หวานซะกุ๊กกิ๊ก เป็นธรรมชาติของเราแบบนี้ ซนๆ ติดเพื่อนมากกว่า ทำกิจกรรม เราชอบงานศิลปะ วันๆ ก็จะขลุกตัวอยู่กับเพื่อนๆที่เรียนศิลปะด้วยกัน อยู่วงดุริยางค์บ้าง”
แม้ว่าใครๆ จะมองว่าตอนเด็กๆ เธอจะเป็นเด็กกล้าแสดงออก แต่เมื่อพอโตขึ้นก็ยังมีช่วงที่ขี้อายอยู่บ้าง ช่วงมัธยมศึกษา เธอค่อนข้างเป็นคนขี้อาย จะเริ่มกล้าแสดงออกก็เมื่อตอนที่ตัวเองเขียนไดอารีออนไลน์ลงบนเว็บไซต์แห่งหนึ่ง จนมีคนคอยติดตามอ่านไดอารี่ของเธออยู่บ้าง
“พอได้เขียนไดอารีก็เริ่มมีความกล้าเขียน กล้าพูดมากขึ้น แต่ถ้าให้ขึ้นโชว์ก็จะไม่ค่อยกล้า จะมารู้สึกว่าได้แสดงออกมันก็โอเคนะก็ตอนช่วงเรียนมหาวิทยาลัยแล้วค่ะจุดหนึ่งก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมเราต้องขี้อายตอนโต มันคงเป็นเพราะเราอยู่ในช่วงวัยรุ่นที่เราต้องเปลี่ยนนิสัยมั้ง ก็ไม่ได้ขี้อายจนถึงขั้นว่าเราจะไม่กล้าเลย แต่แค่มันไม่ค่อยมั่นใจในตัวเอง”
หลังจากเรียนจบชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 พ่อจึงส่งให้เธอลัดฟ้าไปเรียนต่อที่ Wellington East Girls’ College ประเทศนิวซีแลนด์ เป็นช่วงเวลากว่า 3 ปี ที่ชีวิตของเธอต้องใช้ชีวิตกับโฮสที่คอยดูแลเธอและต้องรับผิดชอบตัวเองตลอดเวลาที่เรียนอยู่ที่ประเทศนิวซีแลนด์
“พ่อคงอยากให้แป้งไปเรียนและลองช่วยเหลือตัวเองบ้าง พอเราจบจากที่นั่นมาก็รู้สึกว่าตัวเองทำอะไรเองได้ ดูแลตัวเองเป็น และสามารถไปไหนมาไหนคนเดียวได้ แต่พอกลับมาถึงไทยพ่อเขาก็ยังเป็นห่วงเรา อยู่เมืองไทยพ่อแม่จะหวง ไม่อยากให้กลับบ้านดึก โตมาพ่อก็ยังห่วงอยู่นะค่ะ เพราะเราเริ่มโตขึ้นก้เริ่มปล่อยๆ บ้างแล้ว มาเข้าวงการบันเทิงพ่อก็ยังหวง แต่ไม่ถึงขั้นว่าไม่ให้ทำนะ ท่านอยากให้เราดูแลตัวเองดีๆ แป้งเองก็รู้นิสัยตัวเองดีว่าเป็นเด็กยังไง ไม่มีทางที่เราจะไปทำอะไรไม่ดีอยู่แล้ว พ่อกับแม่ก็เลยไม่ต้องห่วงมาก”
ชีวิตต่างประเทศ กับโฮส สุดโหด
เวลา 3 ปีกับชีวิตที่ต้องอยู่ต่างประเทศกับโฮสที่ต้องคอยดูแลเธอ ทว่าการเลี้ยงดูในแบบฝรั่งจึงทำให้แป้งรู้ว่า คนต่างชาติมักจะไม่ค่อยดูแลประคบประหงมเหมือนคนไทย แต่ก็ทำให้เธอได้สนุก และโชคดีที่เพื่อนที่โรงเรียนต่างประเทศส่วนใหญ่เป็นชาวเอเชีย ทั้งญี่ปุ่น จีน ฯลฯ
“ช่วงแรกที่แป้งไป ปรับตัวยากเหมือนกันค่ะ แต่ที่โรงเรียนก็มีเพื่อนๆ คนจีนเยอะเหมือนกัน เป็นคนฮ่องกงบ้าง เขาก็พูดภาษาอังกฤษไม่ค่อยเก่ง อาจารย์เขาก็จะจัดเป็นบัดดี้กัน เพราะว่าเหมือนเราเองก็ปรับตัวไม่ยากนะ เหมือนมีเพื่อนตั้งแต่วันแรกๆ ที่ไป ก็ช่วยๆ เรียนจนจบค่ะ”
แป้งว่าการเรียนต่างประเทศจะไม่มีการแยกสายเรียนเหมือนเมืองไทย ถ้าหากว่ารู้ตัวว่าชอบอะไรตั้งแต่แรก ก็ให้มุ่งเน้นไปเรียนทางด้านที่ถนัดเฉพาะทางได้อย่างเต็มที่
เธอเลือกที่จะลงเรียนทางด้านศิลปะ ก็สามารถเรียนศิลปะได้อย่างเต็มที่ มีหลากหลายวิชาให้เลือกก็สามารถเลือกเรียนเองได้ว่าอยากเรียนศิลปะ ก็ไปลงเรียนตัวอื่นที่ไม่ค่อยยากมากนัก จะได้เรียนทางด้านศิลปะอย่างเต็มที่
นอกจากเรื่องเรียนแล้ว การใช้ชีวิตอยู่ต่างประเทศตัวคนเดียวจึงทำให้เธอต้องดูแลตัวเองมากขึ้นกว่าเดิม ทั้งงานบ้าน ทำความสะอาดห้อง ซักผ้า ล้างจาน เรียกได้ว่างานบ้านทุกอย่างได้ลองทำด้วยตัวเอง แม้ตนเองจะรู้สึกไม่เหงามากกับการมาเรียนต่างประเทศ แต่ช่วงหลังๆ ทำให้เธอคิดถึงบ้านอยู่ไม่น้อย
คนที่ดูแลเธอเมื่ออยู่ต่างประเทศจะเป็นใครไม่ได้นอกจากครอบครัวชาวต่างชาติที่เธอสามารถรีเควสต์ว่าต้องการเป็นครอบครัวแบบไหน สำหรับโฮสที่แป้งรีเควสต์ไปทั้งหมดกลับไม่ได้เป็นอย่างที่คาดหวังเอาไว้
“ แต่กลับมีอีกหลายเรื่องที่ไม่น่าประทับใจอยู่เหมือนกันนะ การที่เราไปเรียนเมืองนอก เวลาไปเจอโฮส มันก็ต้องเสี่ยงกันไปค่ะว่าเราจะได้โฮสที่ดีมั้ย อย่างไปครั้งแรก แป้งเจอโฮสที่เราต้องทำตัวให้ทรหดเมื่ออยู่กับเขานะ เพราะว่าไปเขาก็ไม่ใส่ใจแป้ง เป็นครอบครัวฝรั่ง มีพ่อแม่ แล้วก็ลูกหนึ่งคน ข้าวกลางวันเขาคลุกข้าวโพดกับน้ำตาลให้เรากิน เราก็กินแบบนี้อยู่เป็นปีเลยค่ะ พอกลางวัน เราต้องทำข้าวกลางวันไปกินเองที่โรงเรียน เขาก็ให้ทูน่ากระป๋องและให้ข้าวมาเราก็ต้องกินแบบนั้นไงค่ะ
ตอนกลับบ้าน บางคนเค้าก็จะมีคนคอยรับ-ส่งนะค่ะ บางคนก็ให้ขึ้นรถไปเอง พอแป้งไปเรียนแป้งต้องออกไปคอยรถเป็นกิโลฯ กว่าจะถึงป้ายรถเมล์ เจอตอนหนักที่สุด แป้งจะกลับเมืองไทย เพราะว่าเราซื้อตั๋วไปกลับเอาไว้ไงค่ะ เราก็ออกตั้งแต่ 6โมงเช้า ออกจากบ้านตอนตี 4 เขาก็ไม่ไปส่งเรา ให้แท็กซี่มารับ ตอนหลังโรงเรียนก็คอมเพลนไป หลังๆ เขาก็เลิกทำแล้วมั้งค่ะ แป้งไม่ได้ติดตามเหมือนกันเพราะแป้งไม่กล้าพูดหรอก กลัวพ่อแม่เราจะเป็นห่วง ก็ทนอยู่ไปเป็นปี ปีต่อมาเราก็ขอเปลี่ยนโฮสเลยค่ะ เป็นครอบครัวจีน ก็ได้กินอิ่ม สบายไปค่ะ ใช้ชีวิตต่างประเทศก็สนุกดีนะค่ะ เป็นคนชอบใช้ชีวิตด้วยตัวเองอยู่แล้ว”
ตามหาตัวตน
ชีวิตในวัยเรียนที่ต่างประเทศ ความสนใจทางด้านงานศิลปะของเธอเริ่มโดดเด่นขึ้น เนื่องจากงานศิลปะเป็นสิ่งหนึ่งที่เรียกว่าเป็นการถ่ายทอดทางพันธุกรรม เพราะคุณพ่อของแป้งเองก็เป็นคนที่ชอบวาดรูปและวาดรูปเก่งมาก
แป้งเล่าว่าคุณพ่อเป็นคนวาดรูปเก่งมาก ตอนเด็กๆ ก็ชอบอยู่ชมรมศิลปะ วาดรูปประกวด และเป็นวิชาเดียวที่ได้เกรดเอตลอด แม้จะจำไม่ได้ว่าตัวเองวาดรูปไหนเป็นรูปแรก
“ตอนแรกแป้งไม่ได้มั่นใจหรอกค่ะว่าจะเรียนศิลปะ หรือว่าคิดว่าตัวเองจะเก่งทางด้านนี้ ที่บ้านทำธุรกิจร้านอาหาร แล้วพอจบ ม.ปลายก็ไปสอบที่คณะโรงแรมและการท่องเที่ยวมหาวิทยาลัยมหิดล ภาคอินเตอร์ เพราะคิดว่าตัวเองเป็นคนชอบเที่ยว และสามารถต่อยอดเรียนบริหารได้ กลับมาช่วยที่บ้านได้ แต่พอเรียนไปสักพักเริ่มรู้สึกว่าชอบแต่มันก็ยังไม่ใช่ซะทีเดียว เลยตัดสินใจไปสมัครเรียนที่คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ เอกนิเทศศิลป์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี”
“แป้งว่าแป้งเป็นคนที่ค่อนข้างรู้ตัวช้านะ ว่าเราอยากเรียนอะไร เพราะจะต้องลองผิดลองถูกก่อน อย่างเรื่องร้องเพลงก็ร้องเล่นๆ แต่พอมารู้ว่าตัวเราจริงจังก็หลังๆแล้วล่ะ ที่เรียนเอกนิเทศศิลป์ ก็ไม่ได้แค่วาดรูปอย่างเดียว มีเรียนทำกราฟิก ทำวิดีโอ วิชวลเอ็มวี มันได้มากกว่างานศิลปะทั่วไปนะค่ะ”
ช่วงนี้เป็นช่วงที่เธอกำลังทำธีสิสในระดับปริญญาโท ด้าน Design and Planning มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี ซึ่งต้องใช้ไอเดียสร้างสรรค์ผลงานที่เก็บเกี่ยวมาตั้งแต่ตอนเรียนแตกแขนงออกมาในแบบงานศิลปะ
“งานที่เราทำธีสิสตอนนี้จะออกเป็นแนวนิทรรศการงานตัดกระดาษมากกว่าค่ะ เราต้องเริ่มต้นทำงานทั้งหมด ต้องตัดกระดาษทุกวัน โดยไม่ต้องคิดว่าจะตัดเป็นรูปอะไร ตัดและจดบันทึกไปเรื่อยๆ เหมือนงานฉลุ ตอนนี้ก็ใกล้เสร็จแล้วค่ะเหลือแค่เขียนธีสิสเป็นภาษาอังกฤษที่ยังต้องแก้เรื่องของแกรมมาร์”
ตอนนี้เธอเองก็ยังคงรับงานฟรีแลนซ์ทำกราฟิก ในงานโลโก้บ้าง ทำภาพอิลลาสบ้าง และล่าสุดกับการโชวืฝีมือออกแบบวาดรูปแอนิเมชั่น เพลง “นิดนึง”ของลูกหว้า พิจิกา
ไม่ว่าจะงานร้องเพลงหรืองานศิลปะ ทั้งสองงานเป็นงานที่เธอชื่นชอบและรักงานที่ได้ทำอย่างมาก ไม่คิดว่างานทั้งสองจะมาขนานกันได้ เรียกว่างานทั้งสองอย่างคืองานศิลปะเหมือนกัน แต่เพียงว่ามันใช้ศาสตร์คนละศาสตร์ แป้งเองคงไม่ทิ้งสิ่งใดสิ่งหนึ่ง รักทั้งสองงาน
“เราทำงานศิลปะก็ไม่ใช่ติสต์แบบที่จะคุยด้วยไม่ได้ แต่จะว่าไปงานของแป้งเองก็ยังไม่มีความชัดเจนในเรื่องของเอกลักษณ์มากนัก ว่าเราถนัดหรือชอบงานแบบไหน เวลาไปเจองานสวยๆ ก็คิดว่าชอบงานแบบนี้ แต่พอสักพักไปเจออีกงานเราก็ชอบอีกแบบหนึ่ง ช่วงนี้ก็กำลังค้นหาตัวเองอยู่ว่าชอบแบบไหน”
เอกลักษณ์งานศิลปะอาจจะยังไม่ชัดเจน สำหรับเรื่องงานพวกนี้จะต้องใช้เวลาอีกสักพัก หาไปเรื่อยๆ และคิดว่างานแบบไหนจะเหมาะสม และสื่ออกมาเป็นในแบบตัวตนของเธอ
“แป้งชอบผลงานของคุณตั้ม วิสุทธิ์ ที่เขาวาดการ์ตูน He she it. นะ ชอบมากเก็บทุกเล่มเลย ออกอะไรมาเก็บหมด ตอนแรกที่อ่านก็คิดว่าเฮ้ย! การ์ตูนนี่มันลายอะไร ลายเส้นอ่านแล้วงงๆ แต่พอได้มาอ่านเนื้อหารู้เลยว่าเราชอบแบบนี้”
งานศิลปะในแบบของสาวอาร์ตอย่างเธอบอกว่า แรงบันดาลใจในการวาดรูปมักเกิดขึ้นในช่วงที่ฟังเพลง จินตนาการตามไปด้วย จึงสามารถสร้างสรรค์ผลงานออกมาตามอารมณ์ของตัวเองผ่านเสียงเพลง
สาวอาร์ตช่างฝัน
ตอนนี้นอกจากงานศิลปะที่แป้งถนัดแล้ว ความฝันตั้งแต่เด็กของแป้งอยาเป็นนักร้อง และขณะนี้ความฝันที่เธออยากเป็นนักร้องมาตั้งแต่เด็กก็ได้เริ่มเป็นความจริง แต่ยังมีอีกหนึ่งความฝันที่เธออยากทำและเป็นความชื่นชอบมาตั้งแต่เด็ก
“อยากเป็นนักร้อง มันเป็นความฝันที่ช่วงหนึ่งมันเคยหายไปค่ะแต่ว่าด้วยอะไรก็ไม่รู้มาเริ่มคุกรุ่นเอาตอนนี้ อีกอย่างแป้งเป็นคนชอบเที่ยวมาก คือแป้งไปเที่ยวมาเยอะมาก ชอบทั้งต่างประเทศและในประเทศ อย่างล่าสุดก็ไปเที่ยวเชียงคานกับเพื่อน ไปแบ็กแพกกันเองกับเพื่อนๆมาค่ะ”
การได้ไปเที่ยวทำให้แป้งชอบถ่ายรูป ได้ไปเจอกับโลกใบใหม่ เจอสิ่งแปลกใหม่ ได้เปิดโลกทัศน์ของตัวเอง ไปในแต่ละสถานที่เธอมักจะซื้อโปสการ์ดกลับมาเป็นที่ระลึกจนกลายเป็นของสะสม
จากการได้ท่องเที่ยวรอโลกเป็นอีกหนึ่งความฝัน แต่ความฝันเช่นนี้ เธอบอกว่าคงกลายเป็นเรื่องท้ายๆ ที่จะได้ทำ เพราะจะต้องทำงาน และเก็บเงินไปก่อน
“อยากทำรายการท่องเที่ยวด้วยค่ะ สมมติว่าปีที่แล้วเราไปเที่ยวญี่ปุ่น ไปตามสถานที่หลักๆ ที่เขาแนะนำกันมา แต่สำหรับแป้งจะชอบเดินเข้าไปตามซอกซอยเข้าไปนั่งร้านเล็กๆ น่ารักๆที่ไม่ได้อยู่ในหนังสือแนะนำ ไปนั่งร้านกาแฟ คุยกับชาวบ้าน บางทีเราคุยกันไม่รู้เรื่องก็ใช้ภาษามือสื่อสารกัน แบบนี้เป็นการเที่ยวที่แป้งชอบมาค่ะ เราชอบสำรวจ ไปแล้วถ่ายรูปเอามาให้ทุกคนได้ดูว่าเราไปเจอที่ใหม่มานะ หรือเขียนหนังสือท่องเที่ยวก็ได้ค่ะ มันน่าสนุกดี”
“ตอนไปที่อเมริกา ไปเวิร์กแอนด์ทราเวล ก็สนุกดีนะค่ะ อันนั้นพอเราทำงานเสร็จก็ได้เที่ยว ไปเที่ยววัดไทยที่นู้น ตอนนั้นที่แป้งไป เป็นวันมาฆบูชาพอดีก็ไปช่วยพระที่นั่นเขาทำของแล้วก็ใส่บาตรกันค่ะ”
ล่าสุดเธอไปเที่ยวที่ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเป็นประเทศแรกที่เธอไปเที่ยวและชื่นชอบมากเป็นพิเศษ ไปมาหลายครั้งญี่ปุ่นก็ยังคงสร้างความประทับใจให้แก่เธอมาโดยตลอด ถึงแม้ว่าทุกวันนี้จะโดนภัยพิบัติสึนามิก็ตาม แต่ยังคงบอกว่าอยากกลับเที่ยวอีกครั้ง
“เรารู้สึกว่าประเทศญี่ปุ่นเป็นประเทศที่ไปเที่ยวแต่ละครั้งความรู้สึกมันไม่เหมือนกันเลยสักครั้ง ไปแต่ละทีก็จะได้เจออะไรใหม่ๆ มาตลอด แป้งว่าคนญี่ปุ่นน่ารัก และมีความคิขุอยู่ในสายเลือด บางทีเราเดินชนเขา เรายังไม่ทันได้หันไปขอโทษ เขาก็หันมากล่าวขอโทษเราก่อนด้วยซ้ำ ก่อนหน้านี้แป้งมีแพลนจะไปเที่ยวญี่ปุ่นนะแต่ว่ามีสึนามิซะก่อนเลยยกเลยไป ”
แป้งเล่าว่าสิ่งที่เธอได้จากการท่องเที่ยวในแบบแบ็กแพก เป็นสิ่งที่ได้มากกว่าความประทับใจในแต่ละประเทศแล้ว เรื่องของการได้แก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าเป็นเรื่องสำคัญของคนที่ชอบเที่ยวแบบนี้จะต้องมีเอาไว้ ไม่ต้องกลัวหลง
“สิ่งที่แป้งได้เป็นพวกแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า คือไม่ใช่เชิงที่จะฉุกเฉินแต่บางทีการที่เราไม่เคยไปไหนมาไหนไกลๆ อาจจะทำใหไราทำอะไรไม่ถูก ตกใจ แป้งจะไม่ค่อยกลัวเรื่องนี้ เพราะแป้งเคยไปหลงอยู่ในเมืองนึงของญี่ปุ่น เป็นเมืองหนึ่งที่ขายของน่ารักมาก ไม่ใช่เมืองใหญ่แต่เราเข้าไปเราหลงอยู่ในบล็อกตึกนั้น โทรศัพท์แบตฯ ก็หมด เราก็เดินแยกกับเพื่อนๆ วนหาทางออกแหลกเลยค่ะ ถามทางเค้าก็พูดอังกฤษไม่ค่อยได้ ผังเมืองเขาเป็นบล็อกๆ เราก็เดินวนๆ ออกมาเป็นเขาวงกตเลยค่ะ ”
หวานใจ หนุ่ม “ว่าน AF5”
หันมาถามถึงเรื่องหัวใจกันบ้าง สาว “แป้งโกะ” ของเรามีเจ้าของหัวใจเรียบร้อยแล้ว หนุ่มโชคดีคนนั้นไม่ใช่ใครที่ไหน “ว่าน AF 5” ที่ทั้งคู่ได้เริ่มรู้จักกันเมื่อครั้งหนุ่มว่านขึ้นประกวดบนเวทีเอเอฟ และแป้งโกะเองก็ไปทำงานถ่ายรูปอยู่ด้านหลังเวที จึงทำให้ทั้งคู่ได้รู้จักกัน
“ที่เรารู้จักกันเพราะว่าแป้งรู้จักกับพี่ที่เขาทำโปรดักชันให้แก่เอเอฟตั้งแต่ปี 1 แป้งก็รับงานถ่ายรูปให้เขาตามงานต่างๆ จนกระทั่ง เอเอฟ 5 เป็นคอนเสิร์ตวีกสุดท้ายก็ไปช่วยงานพี่เขา เลยได้รู้จักกัน ความรักครั้งนี้ของแป้งก็โอเคนะค่ เรื่อยๆ ยังไม่ได้หวือหวามาก แต่ก็เป็นไปสบายๆ ค่ะ คบกันมา 3 ปีแล้ว ความรักของแป้งก็เป็นสิ่งที่ดีค่ะ
แป้งมองว่าความรักเป็นสิ่งที่ดีนะค่ะ ถ้าความรักทำให้เราแย่ลง มันก็เป็นความรักที่ไม่ดี แต่ว่าความรักเป็นสิ่งที่เราต้องคอยช่วยเหลือเกื้อกูลกัน ผลักดันกันไปในทางที่ดีค่ะ”
แป้งบอกว่ามุมมองความรักของเธอถ้าเปรียบกับสีแล้วก็คงจะหมายถึงสีฟ้า เพราะแป้งชอบท้องฟ้า สีฟ้ามองแล้วสบายตา สบายใจ สดใส และความรักในแบบของเธอก็คงจะเหมือนเพื่อนกันไปก่อน พ่อบางครั้งคุณพ่อมักจะคอยหวงลูกสาวคนนี้อยู่บ้างเหมือนกัน
“คุณพ่อหวงแต่แป้งเองก็รู้นะค่ะเราไม่ใช่คนที่รู้จักใครแล้วจะไปเป็นแฟนเขาตลอด คือเราต้องทำความรู้จักกันก่อนระยะเวล่าหนึ่ง แล้วค่อยบอกคุณพ่อคุณแม่ว่าเรากำลังคบกับใครอยู่ พอเขารับรู้ก็จะไม่ค่อยเป็นห่วงอะไรเรามากมาย”
นอกจากงานศิลปะที่หลายคนอาจจะได้เห็นผลงานของเธอผ่านมิวสิก วิดีโอผ่านภาพอิลลาสในเพลง “นิดนึง” ของ ลูกหว้า พิจิกาเรื่องของวงการบันเทิงตอนนี้ “แป้งโกะ” มีผลงานให้คอยติดตามคือเพลงซิงเกิลแรกที่จะออกให้แฟนๆ ได้ฟังช่วงเดือนพฤษภาคมนี้กับเสียงร้องใสๆ ของสาวหมวย หน้าหวาน คนนี้อย่างแน่นอนหลังจากที่เธอทำเอาแฟนคลับต้องรอคอยผ่านการฝากเสียงใสๆ ลงบนยูทูปกันมาก่อนหน้านี้แล้ว
****************
ประวัติส่วนตัว
ชื่อ จินตนัดดา ลัมมะกานนท์
ชื่อเล่น แป้งโกะ
เกิดวันที่ 2 พฤษภาคม 2529 อายุ 24 ปี
การศึกษา โรงเรียนราชินีบน
ก่อนจะลัดฟ้าไปศึกษาต่อที่ Wellington East Girls' College ที่ประเทศนิวซีแลนด์
ปัจจุบันเธอสำเร็จการศึกษาเป็นบัณฑิตคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ เอกนิเทศศิลป์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี
และกำลังศึกษาปริญญาโทด้าน Design and Planning
ผลงาน MV เพลงเบา เบา ของวง singula , mv เพลง สิวเม็ดใหญ่ ของ พาที สารสิน
******************************************************
ภาพโดย พลภัทร วรรณดี
ข่าวโดย Manager Lite /ASTV ผู้จัดการสุดสัปดาห์