อดทนไว้...พรุ่งนี้ก็สวยแล้ว
บางครั้งเป็นเพียงแค่คำปลอบใจตัวเอง เมื่อนอนอยู่ในห้องผ่าตัดเพื่อทำ “ศัลยกรรม”
พอนึกถึงคำว่าศัลยกรรม ร้อยทั้งร้อยต้องคิดถึง “ความสวยงาม” หลังการผ่าตัด จากที่เคยเข้าใจนั้นการทำศัลยกรรม มีไว้เพื่อการรักษาทางการแพทย์เพื่อให้ผู้ป่วยมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นทั้งทางร่างกายและจิตใจ การศัลยกรรมจึงเป็นการพัฒนาทางการแพทย์อย่างสร้างสรรค์
เมื่อเวลาเปลี่ยน...อะไรก็เปลี่ยน
คนในยุคสมัยนี้ ยึดติดกับความสวยงามบนใบหน้าและรูปร่าง เพราะเข้าใจว่าความงดงามที่มีนี้จะเป็นตัวนำพาไปสู่อนาคต และอาชีพการงานที่ดีได้
สวย...หล่อ...น่ารัก...หุ่นดี ใครๆก็ชอบ คนรอบข้างต่างพากันชื่นชม ชื่นชอบคนเหล่านี้
เมื่อยังเล็กได้อยู่กับครอบครัว “ลูกฉันเอง...สวยไหม? โตขึ้นจะให้เป็นดารา เอ๊ะ! หรือว่าจะส่งประกวดนางสาวไทยดีไหม?”
เมื่อโตขึ้นหน่อยได้เข้าโรงเรียน “น่าตาดีขนาดนี้ เป็นเชียร์ลีดเดอร์ประจำโรงเรียนไหม? หรือจะเป็นนางนพมาศงานลอยกระทงดี? ตอนนี้เป็นตัวแทนทำกิจกรรมของโรงเรียนก่อนแล้วกันนะ”
เมื่อเข้าสู่วัยทำงาน “หน้าตาแบบนี้ หุ่นอย่างนี้ สัมภาษณ์แอร์โฮสเตสผ่านรอบแรกได้สบายเลยเธอ”
เข้าทำนอง “หน้าตาดี มีชัยไปกว่าครึ่ง”
อย่างนี้...เมื่อมีพื้นที่ทางสังคมให้กับคนที่เกิดมาพร้อมวาสนาทางหน้าตา แล้วคนไร้วาสนาล่ะ? ทำไงดี? จะมีพื้นที่ไหนยืนได้อย่างสง่าผ่าเผยในสังคม เหมือนกับคนที่วาสนาสูงส่ง มีรูปดั่งทรัพย์นั่นเอง
คนเราไม่หมดความพยายาม เมื่อบุญไม่พา วาสนาไม่นำ คงต้องพึ่งศัลยกรรมกันล่ะที่นี่??
สิ่งมหัศจรรย์ไม่มีในโลก...ไม่มีอะไรวิเศษไปมากกว่านี้ เมื่อคิดอย่างนี้ คงถึงสภาพอ่อนแอเต็มทน ไม่ใช่ทางด้านร่างกายที่อ่อนแอแต่เป็นทางด้านจิตใจ ที่เหมือนอยู่ในสภาวะจำยอม แล้วอะไรล่ะ? ที่ทำให้คนเหล่านี้ต้องตกอยู่ในสภาพแบบนี้ ถ้าไม่ใช่สภาวะกดดันทางสังคมจนทำให้คนที่มีสภาพจิตใจอ่อนแอ ต้องลุกขึ้นมาเปลี่ยนหน้าด้วยการพึ่งการศัลยกรรม
ความคิดนี้ฝังลึกอยู่ภายใต้จิตใจ และเริ่มระบาดไปทั่วโลก ยิ่งเห็นข่าวนี้ ต้องตะลึง! เมื่อแม่ฉีดโบท็อกซ์ให้ลูกสาววัย 8 ขวบเพราะอยากให้ลูกคงความอ่อนเยาว์ เพื่อจะส่งเข้าประกวดนางงามในอนาคต และลูกสาวเธอก็ชอบเสียด้วยซิ! เพราะเพื่อนที่โรงเรียนต่างพากันชมชอบเธอยกใหญ่
ดาราไทยบางคนถึงขั้นเสพติด...ศัลยกรรม ตัดแต่งจนหน้าพัง เสริมนั่น แต่งนี่ จนหน้าไม่เป็นหน้า ตอนสวย หล่อ เด็กๆที่เห็นก็อยากทำตาม อยากสวยเหมือนดาราคนนั้น อยากหล่อเหมือนดาราคนนี้ จึงส่งผลให้เด็กเลียนแบบไปในทางที่ผิดๆ พอนานไปอาจไม่สวยงามอย่างที่เห็น ไม่มีของปลอบใดคงรูปถาวรอยู่ได้ตลอดไป
การศัลยกรรม ไม่ต่างอะไรกับดาบสองคม ให้ประโยชน์ก็ให้โทษได้เหมือนกัน
“ทำยังไงถึงจะสวยเหมือนอย่างเธอ?” ยิ่งนานวันแรงกดดันยิ่งปะทุจนทนไม่ไหว จึงต้องหาทางออกโดยการกลายเป็นผู้ (อยาก) ป่วยทางด้านจิตใจ
รักษาด้วยการตัด...แต่ง... ต่อ หรือ ผ่า...เจาะ...คว้าน สารพัดวิธีการศัลยกรรม
อยาก “สวย” จึงยอม “เสี่ยง” (เจ็บ!)
คนเรามักหาทางออกด้วยทางลัดเสมอ เส้นทางไหนที่จะถึงจุดหมายได้อย่างรวดเร็ว แม้ในทางนั้นจะเจอขวากหนาม แต่ก็ภาวนานึกในใจว่าอีกไม่นานก็ถึงชัยชนะที่คิดว่าเป็นที่สุดของชีวิต
ศัลยกรรม...ใช่ที่สุดของชีวิตจริงหรือ?
ตอนนี้คิดจะไปแก้ที่ปลายเหตุของการเกิดขึ้นของวงการศัลยกรรมก็คงไม่ใช่ มันต้องเริ่มที่ต้นเหตุในความคิดของคนก่อน เพราะสิ่งเหล่านี้มันเกิดขึ้นเพื่อตอบสนองความต้องการทางด้านจิตใจของคนทั้งสิ้น
ทบทวนสักนิด! ความคิดที่อยากสวย อยากหล่อเหมือนดารา บางทีสังคมไม่ได้ยอมรับคนที่หน้าตาเพียงอย่างเดียว องค์ประกอบอื่นก็สำคัญไม่แพ้กันโดยเฉพาะ ความรู้ ความสามารถ ซึ่งบอกถึงระดับปัญญาที่คนทุกระดับก็มีได้ คนมีปัญญา อาจไม่ใช่คนที่เรียนหนังสือสูงและอาจไม่ใช่คนที่แก่ด้วยอายุ แต่คนเหล่านั้นก็เป็นคนดี คนเก่ง ที่มีความเพียบพร้อมทั้งทางด้านความคิด สติปัญญา และเป็นที่ยอมรับของคนทั้งสังคม โดยปราศจากการ “ศัลยกรรม”
ข่าวโดย M-lite / ASTV ผู้จัดการสุดสัปดาห์