T&N Steak House เป็นร้านสเต๊กเจ้าแรกๆ ของย่านม.เกษตร เปิดขายมานานเกือบ 10 ปีแล้ว ลูกค้าประจำส่วนใหญ่จะเรียกกันติดปากว่า "ร้านพี่โหน่ง” จุดเด่นของร้านนี้คือตัวเจ้าของร้าน ทั้งอารมณ์ดี เป็นกันเอง คุยเก่ง แถมยังใจดี มีเฟรนช์ฟรายและชาเขียวบริการให้ลูกค้ากินฟรี ตั้งแต่เดินเข้ามานั่งในร้าน นอกจากนั้นสเต๊กของร้านนี้ยังเป็นสูตรโบราณที่ยังใช้น้ำซอส โดยกรรมวิธีเคี่ยวเอง หมักเอง ลงมือทำเองกันเป็นวันๆ ถึงได้รสชาติอร่อย เข้มข้น และกลมกล่อม ที่สำคัญทุกเมนูอร่อยคุ้มค่า คุ้มราคา ล่าสุดสเต๊กร้านนี้ถูกโหวตจากนิตยสารฉบับหนึ่งว่าเป็นร้านที่มีสาวสวยหน้าตาดีมากินเยอะที่สุด รับรองว่ามาร้านนี้นอกจากอิ่มท้องแล้ว ยังได้อิ่มตาเป็นของแถมอีกด้วย
ร้าน T&N Steak House อยู่ในซอยอมรพันธ์ เข้ามาเกือบสุดซอย จะเจอร้านอยู่ทางขวามือ เมื่อเข้ามาข้างในก็พบกับ "อมร เสสกุล" หรือที่หลายคนเรียกกันว่า "พี่โหน่ง" เจ้าของร้านร่างใหญ่อัธยาศัยดี คุยเก่ง แถมยังใจดีมากๆ เข้ามาทักทาย พร้อมทั้งจัดแจงเรียกให้พนักงานเสิร์ฟเฟรนช์ฟราย และชาเขียวผสมชามะลิไต้หวัน ซึ่งเป็นชาเขียวที่ทางร้านทำเอง รสชาติหวาน หอม เย็นชื่นใจ มีบริการฟรีให้ทุกโต๊ะระหว่างรออาหาร
จุดเด่นของร้านนี้ไม่เพียงอยู่ที่ความเป็นกันเองของเจ้าของร้านที่ชอบลด แลก แจก แถมเท่านั้น อาหารของที่นี่ก็มีความแตกต่างจากอาหารฝรั่งทั่วไป ทั้งรสชาติและขั้นตอนการทำอาหาร เมนูส่วนใหญ่ถูกปรับปรุงสูตรให้ถูกปากคนไทย โดยใช้เครื่องเทศเป็นส่วนประกอบ และปรุงรสชาติเข้มข้น ไม่จืด ไม่เลี่ยนจนเกินไป สูตรอาหารของที่นี่ยังมีประวัติเก่าแก่ยาวนาน ตั้งแต่สมัย ร. 6 ครอบครัวเคยเปิดร้านอาหารฝรั่งอยู่ที่แคมป์ทหาร จ. อุดรฯ สเต๊กของที่นี่จึงเป็นสูตรโบราณ เน้นของสดใหม่ ไม่ใช้ของสำเร็จรูป ต้องทำเองเกือบทุกขั้นตอน ไม่ว่าจะเป็นน้ำซุป น้ำซอสต่างๆ ต้องลงมือทำเองตั้งแต่เช้า บางอย่างใช้เวลาเคี่ยวเกือบทั้งวัน กว่าจะได้น้ำซอสอร่อยๆ เข้มข้น
เมนูแรกที่เจ้าของจัดมาให้ลองชิมก่อนก็คือ ซุปเห็ด เนื้อครีมเข้มข้น ใส่เนื้อเห็ดแบบไม่มีหวง รสชาติอร่อยแบบกลมกล่อม และ “เฟรนโอเนี่ยนซุป” ( 50 บาท) ซุปหัวหอมฝรั่งเศส จะเห็นว่าซุปหัวหอมส่วนใหญ่จะเป็นน้ำใส แต่ที่นี่จะเป็นซุปน้ำข้นซึ่งผ่านกรรมวิธี เคี่ยวกับน้ำสต๊อก คุมไฟปานกลาง ใช้หอมใหญ่ผัดเนยเพื่อให้กลิ่นหอม เสิร์ฟพร้อมแผ่นขนมปัง โรยด้วยหอมใหญ่ที่นำไปเจียวให้เหลือง ราดด้วยมอสซาเรลลาชีส เข้ากันดีกับซุปครีมร้อนๆ
ต่อด้วยจานเด็ดแนะนำว่าต้องลอง “บาร์บีคิวสไปซี่ริป” ( 120 บาท ) ซี่โครงหมูซอสบาบีคิว ที่คัดสรรเฉพาะซี่โครงหมูอ่อน เพื่อให้ได้ความกรุบของกระดูกอ่อน และต้องเป็นของสด ไม่ใช้ของแช่แข็ง เคล็ดลับความอร่อยอยู่ที่การนำซี่โครงหมูไปใส่ในหม้ออัดแรงดันเพื่อให้ได้เนื้อหมูที่นิ่มก่อนนำไปกริล แล้วก็หมักด้วยกรรมวิธีของทางร้าน เสร็จแล้วนำมาราดด้วยซอสบาร์บีคิว เคี่ยวซอสมะเขือเทศกันเป็นวันๆ ใช้มะเขือเทศสดต้มจนเละ เปื่อยยุ่ย ผสมกับหัวหอมใหญ่ แล้วก็อบกับซี่โครงหมูอีกทีเพื่อให้ซอสบาร์บีคิวมันซึมเข้าไปในเนื้อ
อีกเมนูความอร่อย “พาสต้าโอกาแตง” (75 บาท ) เส้นมะกะโรนี อบชีส ราดด้วยมอสซาเรลลาชีสยืดนุ่มเหนียว อัดแน่นด้วยเนื้อแฮมเส้น ความยากของเมนูอยู่ตรงที่ทำไวต์ครีม ต้องตีแป้งพอดีๆ เวลาคนแป้งก็ต้องใช้ไฟกลางๆ ถึงจะได้ไวต์ครีมขาว ข้น นุ่ม อย่างที่เห็น รสชาติอร่อยกลมกล่อมกำลังดีไม่เค็ม และไม่เลี่ยนจนเกินไป
ส่วนเมนูที่คนสั่งเยอะที่สุดยกให้ “ไก่แซนคิง” ( 100 บาท ) ที่รวมเอาสเต๊กไก่กริลเนื้อนุ่ม ชิ้นโต ทับด้วยชีสแผ่นใหญ่ และเบคอนทอด เสิร์ฟคู่กับสเต๊กหมูพริกไทยดำ ไส้กรอก และสลัดรวมอยู่ในจานเดียว ขอบอกว่าน้ำสลัดของที่นี่ใส่อะไรก็อร่อย จะเอาไปเป็นน้ำจิ้มไก่ทอด หรือเอาไปราดขนมปัง ก็อร่อยไปอีกแบบ น้ำสลัดเป็นน้ำสลัดทำเองสูตรเฉพาะของที่ร้าน คือใช้มัสตาร์ด ที่มีรสชาติ เปรี้ยวเค็ม หวาน มีใส่ขวดวางไว้บนโต๊ะให้ลูกค้าใส่เพิ่มได้ตามใจชอบ
สำหรับเมนูที่รู้สึกถึงความแตกต่างจากร้านอื่น คือมันบด มันบดทั่วไปจะใช้เป็นผงมันบดแบบสำเร็จรูป แต่ที่นี่ใช้มันบดแท้ๆ เนื้อนุ่ม คล้ายๆ พุดดิ้ง ราดด้วยน้ำเกรวี่ เพิ่มรสเค็มนิดๆ มีกลิ่นพริกไทยหน่อย อร่อยมาก
นอกจากนั้นยังมีเมนูน่าลองใหม่ๆ อีกหลายเมนู ไม่ว่าจะเป็น หอยแมลงภู่พริกไทยดำ หอยแมลงภู่อบชีส ซึ่งทุกเมนูทางร้านเลือกใช้แต่ของดีๆ มีคุณภาพ และใส่ใจทุกขั้นตอนของการทำ ซึ่งสมัยนี้หาร้านที่ทำเองแบบนี้ค่อนข้างยาก เพราะส่วนใหญ่ก็จะใช้ของสำเร็จรูป ของแช่แข็ง เพราะสะดวก รวดเร็วกว่า
สำหรับคนที่จะเดินทางมาร้านนี้อาจจะหาที่จอดรถยากสักหน่อย เพราะไม่มีที่จอดรถ สามารถไปจอดในซอยข้างๆ แล้วเดินมาได้ ลูกค้าประจำส่วนใหญ่จะเป็นนักศึกษา มีทั้งลูกค้าประจำและลูกค้าขาจร ช่วงเย็นคนจะเยอะเป็นพิเศษ ถ้ามาช่วง 6 โมงเย็นเป๊ะๆ ก็ไม่ต้องตกใจ ที่จะเห็นทุกคนในร้านลุกขึ้นยืนเคารพเพลงชาติกันเป็นเรื่องปกติของร้านนี้
T&N Steak House อยู่ในซอยตลาดอมรพันธ์ งามวงศ์วาน 64 ใกล้ๆ กับสี่แยกเกษตร
ตรงเข้าซอยไปประมาณเกือบ 100 เมตร ก็จะเห็นร้านอยู่ทางขวามือ
เวลาเปิด-ปิด : 11.30 น. - 22.30 น. ทุกวัน
ราคา : 35-180 บาท
เบอร์โทร : 02 579-7500
รายงานข่าวโดยทีมข่าว M-Lite/ASTV สุดสัปดาห์