ถึงวันนี้อาจจะยังไม่มีใครทราบได้ว่า เหตุบ้านการเมืองของประเทศไทยจะก้าวเข้าสู่ทางออกหรืออาจเข้าสู่ทางตัน...
ทุกคนกำลังจับตามองสถานการณ์การเมืองอันร้อนระอุ M-Lite พามานั่งคุยกับ “ดร. เดือนเต็มดวง ณ เชียงใหม่” หรืออาจจะรู้จักในนามของ “ดร.แป้ง” เธออาจจะเป็นอีกหนึ่งเสียงเล็กที่มาจากการเมืองในระดับท้องถิ่น ทว่าถ้าพูดถึงการเมืองระดับใหญ่กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแล้ว ย่อมเป็นเรื่องใหญ่สำหรับทุกคน ... และนี่ก็เป็นอีกเสียงที่จะสะท้อนไปถึงการออกมาเรียกร้องทางการเมืองของผู้ชุมนุมในครั้งนี้
คิดอย่างไรกับการออกมาชุมนุมในครั้งนี้
การออกมาชุมนุมไม่ว่าครั้งนี้หรือครั้งไหนๆ ก็ตาม เป็นเหมือนอีกหนึ่งวิธีในการแสดงออกทางการเมือง แต่เมื่อถามว่าแป้งจะเห็นด้วยหรือไม่นั้น ถ้าออกมาชุมนุมแล้วก่อให้เกิดความรุนแรง หรืออะไรที่มันเกินเลยขอบเขตในกรอบของกฎหมายคิดว่ามันเกินความจำเป็น
แป้งห็นว่า การออกมาเรียกร้องครั้งไหนๆก็ตาม สิ่งที่ทุกคนต้องตระหนักคือความสงบเรียบร้อย และต้องไม่ก่อความเดือดร้อนให้กับผู้คนในสังคม ส่วนของภาครัฐบาลเองก็มีการเตรียมรับมือเพื่อความปลอดภัย เพื่อไม่ให้เกิดความสุ่มเสี่ยงเกิดขึ้น การชุมนุมหรือออกมาเรียกร้องนั้นสามารถทำโดยสงบได้ เนื่องจากทางกรุงเทพฯ ก็มีพื้นที่ให้ชุมนุมแล้วมีหลายจุดที่ส่งผลกระทบต่อคนส่วนน้อย
การออกมาของเรียกร้องทางการเมืองเช่นนี้ ดร.แป้ง เห็นว่าเป็นอีกหนึ่งทางเป็นการแสดงของการเป็นประชาธิไตย แต่สิ่งที่ไม่อยากให้เกิดขึ้นมากที่สุดก็คือเรื่องของความรุนแรง หากว่ามีการชุมนุมสิ่งที่ทุกคนควรคำนึงถึงและคิดอยู่เสมอคือจะต้องไม่ทำให้เกิดความรุนแรงหรือก่อความเดือดร้อนให้แก่บุคคลอื่นที่อยู่ร่วมกันในสังคม
เบื่อการเมืองหรือยัง
คิดว่าทุกคนเบื่อหมดนะ เพราะว่าทุกคนได้รับผลกระทบ เพราะฉะนั้นถึงบอกว่าถ้าชุมนุมกันโดยสงบ ชุมนุมโดยที่ไม่กระทบวิถีชีวิตของคนทั่วไป คนทำมาหากิน ก็จะไม่ว่า หลายคนก็อาจจะรับฟังเหตุผลของการชุมนุม ซึ่งอาจจะมีคนรับรู้ถึงวัตถุประสงค์ในการออกมาชุมนุม
เมื่อกลับกลายเป็นว่ามันเข้าสู่เหตุการณ์ที่ไม่สงบคนก็จะเริ่มเบื่อ แล้วสิ่งที่ออกมาเรียกร้องก็อาจจะมีอีกหลายคนที่ไม่เห็นด้วย ไม่ว่าจะชาวไทยหรือว่าชาวต่างชาติก็ตาม ขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ที่คุณออกมาเรียกร้องชุมนุมกันมากกว่า ว่าในความเป็นจริงผู้ชุมนุมต้องการให้เกิดอะไรขึ้นในสังคม ถ้าเขาต้องการให้คนเห็นด้วย การออกมาชุมนุมก็ต้องบอกจุดประสงค์และต้องอยู่บนความสงบเรียบร้อย แต่ถ้าวัตถุประสงค์ของเขาเป็นอย่างอื่น ต้องการให้เกิดความวุ่นวาย คิดว่าทุกคนก็จะรู้สึกเบื่อ
คิดอย่างไรต่อการแสดงออกของผู้ชุมนุม โดยวิธีการใช้เลือด
แม้ว่าสถานการณ์จะยังไม่มีเรื่องของความรุนแรงเข้ามา แต่หากเทียบกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างที่ผ่านๆ มา การแสดงออกลักษณะนี้มันจะดูเกินเหตุไปหรือไม่นั้น ส่วนตัวเองแป้งก็คิดว่า เลือดที่ได้มามันสามารถนำเอาไปช่วยชีวิตคนได้อีกจำนวนมาก แต่ถ้าสมมติว่าเราเป็นผู้ชุมนุมก็คงคิดว่าเป็นเรื่องที่น่าเป็นห่วงอย่างที่หลายๆ ฝ่ายออกมาบอก ซึ่งเราเองก็ไม่รู้ว่าเลือดจะเป็นอะไรบ้าง ซึ่งมันน่าจะเอาไปทำประโยชน์ได้มากกว่าการเอาไปเท
ในแง่ของผู้ชุมนุมอาจจะต้องการสื่ออกมาในเชิงสัญลักษณ์ว่าจะทำอย่างไรกันบ้าง แต่กลับกันก็ต้องกับมาคิดว่าถ้ามันอันตรายน้อยกว่านี้จะดีกว่า ถ้าให้มองสถานการณ์ในตอนนี้แป้งก็คิดว่ายังไม่รุนแรง ถ้าเรามองในแบบคนทั่วไป เราก็ไม่อยากให้เอาเลือดไปเท มันดูน่ากลัว ซึ่งก็ไม่มีใครเช็กได้ว่าเป็นเชื้อไวรัสหรือเปล่า อาจจะทำให้มีโรคติดต่อเกิดขึ้นก็เป็นได้ แป้งคิดว่าถ้ามีใครเอาเลือดมาเทต่อหน้ามันก็น่ากลัวนะ
สิ่งที่ผู้ชุมนุมแสดงท่าทีออกมาในตอนนั้นอาจจะเป็นเพียงแค่อารมณ์ร่วมในการแสดงออกว่าเขาได้ทำอะไรร่วมกัน อาจจะยังไม่ได้ใช้เหตุผลไตร่ตรองถึงผลดีผลเสีย ไม่ได้มีเวลาไตร่ตรองมากนัก
คิดอย่างไรกับการเรียกร้องให้มีการยุบสภา
ต้องกลับไปถามตัวเองว่า ถ้ายุบสภาแล้วจะได้อะไรขึ้นมา เรื่องเหล่านี้ทางรัฐบาลเองก็ต้องคิดว่าจะเป็นอย่างไร สิ่งที่ผู้ชุมนุมเรียกร้องมา ทางรัฐบาลก็ต้องรับข้อเสนอ และคิดพิจารณาว่าจะได้อะไร แล้วเหตุผลที่แท้จริงเพื่ออะไรกันแน่ ยุบสภาแล้วประเทศได้อะไร แล้วถ้ายุบไปแล้วมันจะเป็นอย่างที่เราอยากได้กันจริงหรือเปล่า
การที่ทางรัฐบาลจะออกมาปฏิเสธผู้ชุมนุมก็ไม่ได้ เพราะเป็นเรื่องของการแสดงความคิดเห็นของกลุ่มหนึ่งที่รัฐบาลต้องรับฟังแล้วก็อยากให้รัฐบาลกลับไปพิจารณา เหตุผลจะเป็นอย่างไรก็แล้วแต่ว่าจะตัดสินใจกันอย่างไร มองถึงข้อดีข้อเสียที่จะเกิดขึ้นก็ว่ากันไป แต่ถ้าถามว่าจะให้มายุบสภากันตอนนี้เป็นทางออกที่ดีมั้ย แป้งเองก็ตอบไม่ได้ เพราะมันอาจจะฟังดูแล้วสั้นเกินไป
วิธีไหนที่คิดว่าจะแก้ปัญหาได้ดีที่สุด
แป้งเชื่อว่าไม่ว่าแป้งหรือใครก็ตามก็ไม่ชอบให้เกิดความวุ่นวาย ไม่ชอบให้มีการกระทำแล้วมากระทบต่อวิถีชีวิตของคนอื่น กระทบผู้คนที่ทำมาหากิน ถามว่ามีทางออกที่ดีกว่านี้หรือไม่ ที่ไม่ต้องก่อให้เกิดความวุ่นวายเกิดขึ้น แป้งว่าปัญหาของประเทศก็ไม่ได้มีแค่เรื่องการเมืองเพียงเรื่องเดียวที่จะต้องมาให้รัฐบาลนั่งแก้ปัญหา ปัญหาของประเทศเองก็ยังมีอีกมากนะ ที่ยังต้องได้รับการแก้ไข อย่างปัญหาเศรษฐกิจ เรื่องของปากท้องการทำมาหากิน
ทุกวันนี้เราเองเอาเรื่องของการเมืองมาเป็นเรื่องใหญ่ที่ต้องแก้ปัญหา เรื่องเศรษฐกิจเป็นเรื่องที่ใหญ่กว่า ถ้าทุกคนมัวแต่จะมุ่งไปที่ปัญหาทางการเมืองเพียงปัญหาเดียว แล้วอยู่แต่ในวังวนของเรื่องการเมือง มานึกขึ้นได้อีกทีกลับกลายเป็นว่าเรื่องของเศรษฐกิจประเทศไทยกลายเป็นว่าตามเพื่อนบ้านไม่ทันแล้ว ไม่ว่าจะพม่า กัมพูชา เวียดนาม อาจจะแซงเราไปหมดแล้วก็ได้ แป้งคิดว่าคนไทยส่วนใหญ่ตอนนี้เขาสนใจเรื่องปากท้องมากกว่า ไม่อยากให้เอาเรื่องการเมืองเป็นเรื่องหลักเพียงเรื่องเดียว
แป้งก็เชื่อว่าสิ่งที่นายกฯ กำลังทำ ก็ทำได้ดีที่สุดแล้ว ถ้าเป็นแป้งเองก็ต้องพยายามทำให้เกิดผลดีที่สุดกับทั้งสองฝ่าย ไม่ทำให้ก่อเกิดความเสียหาย ทำตัวให้เป็นกลางมากที่สุด เพื่อที่จะหาทางออก ไม่ใช่ว่าปิดประตูไม่ฟังฝ่ายใดเลย แต่ตัวแป้งเองไม่ได้อยู่ในจุดนั้นและไม่มีข้อมูลเชิงลึกมากเท่าไหร่ แต่สิ่งที่แป้งจะไม่ทำเลยคือ จะไม่ไปมัวแต่หมกหมุ่นเรื่องการเมืองอย่างเดียว ปัญหาของประเทศยังมีอีกมาก ต้องทำให้มันไปพร้อมๆ กัน คือทำอย่างไรก็ได้ให้การทำงานของรัฐบาลเดินหน้าต่อไปเรื่อยๆ ได้ โดยที่ไม่ทำให้ด้านอื่นๆ ช้าลงไปด้วย ถ้ามัวแต่จะมาวุ่นวายเพียงเรื่องเดียวก็คงทำอะไรไม่ได้
“การออกมาชุมนุม” จะทำให้ประเทศก้าวเข้าสู่ความเป็น
ประชาธิปไตยมากขึ้นหรือไม่
ประเทศไทยก็มีความเป็นประชาธิปไตยอยู่แล้วนะ แล้วแป้งเองก็คิดว่าคนไทยก็ค่อนข้างอิสระในการแสดงความคิดเห็น ตามระบอบระบอบประชาธิปไตย แต่ว่ามันก็ต้องมีวิวัฒนาการนะ ลองคิดดูว่าคำว่า “ประชาธิปไตย” คืออะไร ซึ่งมันไม่มีกรอบอะไรตายตัว อเมริกา อังกฤษเองก็มีความเป็นประชาธิปไตยอยู่ที่ว่าจะมีมากหรือน้อยเท่านั้น
คนไทยค่อนข้างมีอิสระในการแสดงความคิดเห็น ถ้าถามว่าเป็นประชาธิปไตยมั้ย ก็บอกว่ามันกำลังอยู่ในช่วงของวิวัฒนาการ การปรับเปลี่ยน ประเทศเราเองเปลี่ยนกฎหมาย รัฐธรรมนูญบ่อย การปรับเปลี่ยนก็ต้องปรับเพื่อให้เข้ากับความเป็นประชาธิปไตยในแบบของคนไทย จริงอยู่ที่มันอาจจะใช้ระยะเวลาที่ยาวนาน เพราะยังคงต้องปรับอะไรอีกมากเพื่อให้เข้ากับคนไทย
************************************************
“Ms.Twitter” มองการเมือง
ในวันที่การเมืองยังผ่าทางตันไม่ได้ เทคโนโลยีถูกดึงมาใช้ ทั้งการโฟนอินของ "ทักษิณ ชินวัตร" หรือการระบายความรู้สึกผ่านทวิตเตอร์ ทั้งรัฐบาล ฝ่ายค้าน ถูกนำมาใช้อย่างแพร่หลาย สำหรับ “ซี ฉัตรปวีณ์ ตรีชัชวาลวงศ์” เจ้าหญิงไอที ที่ใครต่อใครรู้จักเธอดีในโลกไซเบอร์ ซีเผยว่าแท้ที่จริงแล้วการใช้ทวิตเตอร์ถูกใช้อย่างแพร่หลายในทางการเมือง รวมไปถึงการประชาสัมพันธ์ผลงาน
"บ้านเรามีการนำทวิตเตอร์มาใช้งานอย่างกว้างขวาง ซีคิดว่า มันเป็นเครื่องมือในการส่งข่าว หรือประชาสัมพันธ์ได้ทันที ไม่น่าแปลกใจที่จะเป็นสื่อที่มีประสิทธิภาพ ทั้งการประชาสัมพันธ์ความคืบหน้าในการทำงาน และอาจมองได้ว่าเป็นสื่อช่วยให้กลุ่มผู้บริหารประเทศสามารถเข้าถึง เข้าใจความต้องการของคนทั่วไปมากขึ้น ในทางกลับกัน เราก็มีหนทางที่จะเสนอแนะ ร้องทุกข์ หรือ รับฟังข่าวคราวไม่มากก็น้อย อันนี้อยู่ที่การนำไปใช้"
สำหรับเจ้าหญิงไอที เจ้าตัวบอกไม่เคยเบื่อกับการเมือง หากแต่จะให้เธอหาทางออกให้กับการเมืองแล้ว เจ้าตัวบอกว่านักวิชาการต่างให้ทางออกไว้หลายทาง แต่เธอเชื่อว่าให้รู้ค่าของแผ่นดินที่ยืนอยู่ คือสิ่งที่ทุกคนต้องตระหนัก...
"ประชาธิปไตย สำหรับซี มันคือสิ่งที่แสดงให้เห็นคุณค่าของการมีสิทธิในฐานะประชาชนคนหนึ่งของประเทศค่ะ ส่วนตัวซีแม้หลายคนมองว่าเป็นผู้หญิงตัวเล็กๆคนหนึ่ง แต่ซีก็เชื่อในปรัชญาที่ว่า "Make a difference,even a small one" ซีเชื่อว่าเราทุกคนต้องเห็นคุณค่าของตัวเอง เพื่อสร้างสิ่งดีๆให้คนอื่นๆในgenerationต่อไป"
****************************************************
อย่างนี้มันเสียมั๊ย...ติ๊ก ชีโร่
การเมืองยืดเยื้ออาจเป็นเรื่องปวดหัวของใครหลายคน แล้วมุมมองของศิลปินผู้ต้องสร้างสรรค์ท่ามกลางความกดดันของสังคมจะเป็นเช่นไร “ติ๊ก ชีโร่” หรือ “มนัสวิน นันทเสน” ศิลปินสัญชาติไทยคนนี้ขอแสดงความคิดเห็นแบบชัดเจน!
“ประเทศไทยถูกมองว่าเป็นประเทศที่น่ามาท่องเที่ยวที่สุดในโลก แต่เมื่อมีเหตุการณ์แบบนี้ ข้อมูลถูกส่งผ่านไปยังสื่อต่างๆ ไม่ให้คนมาจับจ่ายใช้สอย ก็จะเป็นโดมิโนโยงใยไปเพราะเรื่องของสังคม การเมือง มีผลกระทบต่อเศรษฐกิจอย่างชัดเจน”
ส่วนผลที่จะตามมาจากโดมิโนดังกล่าวล้วนแล้วแต่เป็นผลลบ การจัดงานต่างๆ ต้องเลื่อนกำหนดการไป หากถามว่าใครเสียหายก็คือคนส่วนมาก ไม่ใช่แค่ตนคนเดียว เศรษฐกิจที่ควรจะมีเงินหมุนเวียนก็ต้องติดขัด หากมองแบบ Inside out จากประเทศไทยมองออกไปข้างนอก จะเห็นทั้งสิ่งสวยงามและสิ่งที่บั่นทอนความสำเร็จ
ในขณะเดียวกันถ้ามองอย่าง Outside in ชาวต่างชาติมองเข้ามาคงต้องคิดว่า “นี่มันเกิดอะไรขึ้น?” สถานทูตต่างๆ ก็พยายามบอกกับผู้คนของตนว่า “อย่ามาเลย ไปที่อื่นดีกว่า” สังคมไทยกำลังเจอวิกฤติการแบ่งแยกเป็นฝักเป็นฝ่ายอย่างชัดเจนมากที่สุดเท่าที่เคยเกิดขึ้นมาในประวัติศาสตร์ชาติ
“สถานการณ์ความไม่ปลอดภัยที่อาจจะเกิดขึ้นหรือไม่นี้เชื่อว่ามีคนจำนวนไม่น้อยหนีออกจากกรุงเทพฯ ผมเองก็กำลังจะมีธุรกิจ เพื่อนผมมาหาที่กทม.ไม่ได้เลยหนีไปสมุย ซึ่จะตามไปก็ได้ แต่กลัวว่าจะกลับเข้ากทม.ไม่ได้”
ความรุนแรงไม่เคยให้ประโยชน์ เปรียบเป็นสงครามที่ไม่มีคำว่าผู้ชนะหรือผู้แพ้ มีเพียงผู้ที่แพ้มากกับแพ้น้อยเท่านั้น พื้นฐานความต้องการของมวลมนุษยชาติ “ความสุข” เมื่อมาถูกบั่นทอนลงไปแล้วความหมายของการเป็นมนุษย์ก็ลดลงไปด้วย
ประชาธิปไตยคือวิถีชีวิตของคนที่เลือกทางเดินในแบบเอาใจเขามาใส่ใจเรา เห็นความต้องการของคนหมู่มากส่วนแนวคิดคือการเคารพซึ่งกันและกัน ไม่มีใครสามารถตอบสนองความต้องการของตัวเองได้อย่างครบถ้วนทุกกรณี
“อยากเห็นความสุขบังเกิดขึ้นในสังคมไทย ถึงเวลาแล้วที่คนไทยจะพบกับความสุขที่แท้จริงสักที”
****************************************
รายงานโดย ทีมข่าว M-Lite
ภาพ ดร.แป้ง : วรงค์กรณ์ ดินไทย