สัมผัสงานอาร์ตกับศิลปินที่บางคนอาจหาว่าเขาเพี้ยน แต่เบื้องลึกจะสัมผัสได้ถึงความอัจฉริยะด้านศิลปะจนหลายคนต้องซูฮก เรียนรู้วีรกรรมอาร์ต...อาร์ตแบบศิลปะโคตรๆ กับ มนัสวิน นันทเสน หรือ“ติ๊ก ชีโร่” คนนี้คนเดียวเท่านั้น
“ศิลปะคือสิ่งที่เป็นการถ่ายทอด ทักษะความรู้สึก มุมมอง ความคิดที่ออกมาจากหัวสมองและสองมือของมวลมนุษยชาติ แต่แท้ที่จริงแล้วคงจะพูดอย่างนั้นไม่ได้ เพราะช้างก็วาดรูปได้แล้วอะนะ”
นั่นคือคำนิยามของคำว่า “ศิลปะ” ของคุณติ๊ก ชีโร่ แต่อะไรคือศิลปะแบบ โต้ชีริก-ติ๊กชีโร่ นั้น เจ้าตัวบอกว่าจะเห็นได้ชัดเจนเพราะติ๊กชีโร่เป็นคนแบบวาไรตี้ มีหลากหลายรูปแบบ หลากหลายแนวคิด ชอบที่จะคิด เอาหลายๆ สิ่ง หลายๆ อย่างมารวมกัน ไอเดียต่างๆ จะไหลมาเรื่อยๆ จินตนาการได้ทุกที่ ทุกเวลา
โดยที่คนเราจะวาดอะไรสักอย่างจะต้องมีพื้นฐานแห่งความถูกต้องก่อน คือเรื่องของ Anatomy โครงสร้าง รูปร่าง สัดส่วน กล้ามเนื้อ ไม่ว่าจะคนสัตว์ สิ่งของ ถ้าไม่รู้ที่มาก็จะไม่เข้าใจและอินได้ ต้องเรียนรู้การระดมสี ใส่สี ผสมโทนสี รู้เรื่องทฤษฎีสี
เรื่องของความคิดจะเริ่มเปลี่ยนไปจาก Impressionism คือภาพที่เกิดจากความประทับใจ จะพัฒนาเป็น expressionism คือชอบแบบไหนทำแบบนั้น นำสิ่งต่างๆ มาผสมปนเปกันได้ โดยไม่สามารถนำทฤษฎีไหนมาคัดค้านถึงความถูกผิดได้ เป็นการผสมตัวตนเข้าไป แต่ยังมีรูปทรงพื้นฐานที่ยังสามารถสื่อถึงได้
“อย่างวาดต้นไม้ใบไม้เป็นสีน้ำเงิน เด็กๆ มาดูอาจจะงงว่า คนนี้มันเพี้ยนแล้วล่ะ ใบกล้วยอะไรมันเป็นสีน้ำเงิน คนวาดก็โห่น้อง..ก็พี่อยากให้มันเป็นแบบนั้นน่ะ”
ขั้นต่อมาจะเป็นขั้นของ Semi-abstract คือกึ่งนามธรรม พอจะรู้เรื่องว่าอะไรเป็นอะไร อย่างเช่นภาพเปลือกหอยจำนวนมากที่ตายหมดแล้ว มีเพียงตัวเดียวที่ยังไม่ตาย ความหมายก็คือเป็นตัวแทนของสุสานหอย ถ้ามันยังมีชีวิตอยู่ก็คงจะผมหงอกมีหนวดแล้ว
อีกอันหนึ่งที่ชัดเจนมากว่า “ฉันจะเพี้ยนแล้วนะ” ก็ผลงานแบบนามธรรม 100% เอาสีแดงมาปาด เอาสีเหลืองมาปาด เขียนเป็นกากบาทอีกหนึ่งสี แล้วให้ชื่อว่า ทัศนคติที่แสดงออกมาด้วยจิตวิญญาณแห่งความรุนแรง ต่อสู้กันอย่างไรเหตุผล (หัวเราะ) อาจจะแทนสีนี้ด้วยมวลมนุษยชาติ ความคิดหรือทัศนคติในเชิงความรุนแรง หรือสื่อได้ถึงเจตคติถึงความสามัคคีของชาติ เป็นไปได้เรื่อยๆ
“นั่งถือพู่กันฟังเพลงธรรมะ เพลงจบเอาพู่กันจุด จึ้ก! บนผ้าใบ แล้วให้ชื่อว่า จุดจบของโลก นี่แหละนามธรรมจะเป็นแบบนี้ การขีดเส้นสีขาวบนพื้นสีดำก็อาจเป็น ทางช้างเผือกในทัศนะของข้าพเจ้า ก็ยังได้ ไม่มีใครว่า คนจะเข้าใจหรือเปล่าก็คนละเรื่อง เป็นการเดินทางมาจนถึงการตกผลึกของแนวคิด”
Semi-abstract ฉบับติ๊ก ชีโร่
ติ๊ก ชีโร่ก็ต้องผ่านการเรียนรู้ความถูกต้อง จนมาถึงวันนี้ ที่วาดได้ทั้ง Portrait ภาพเหมือน ภาพวิวทิวทัศน์ที่ประทับใจก็วาดเก็บไว้ แต่สิ่งที่ทำมากและชัดเจนที่สุดคือ Semi-abstract แบบที่คนดูไม่ต้องปีนบันไดดู เข้าใจได้
“บางทีผมก็ไปแอบดูนะ เวลาเขายืนวิจารณ์ภาพ ก็มีทั้งแบบ โอ้โห...นี่ช้างนะเนี่ย เห็นหาง เห็นหูมันไหม อีกคนบอกสงสัยคุณจะดูงานศิลปะไม่เป็น คุณก็เห็นอยู่ว่ามันเป็นหมี เนี่ยหมีแพนด้าชัดๆ เลย อีกคนหนึ่งมาดูบอกคุณไม่เห็นปีกมันเหรอ นี่มันสัตว์ปีก นกอินทรีชัดๆ บางคนบอกไม่หรอก..นี่เป็นภาพเด็กกำลังอาบน้ำ”
งานชนิดนี้สามารถตีความได้หลายอย่าง แต่แท้ที่จริงแล้วคือศิลปะกำลังดึงดูดคนเข้าไปหา นี่คือความสำเร็จของงานศิลปะ จะให้คนดูคิดอะไรก็ได้เหมือนมองก้อนเมฆแล้วจินตนาการ ศิลปินบางคนจะไม่ได้บอกชื่อหรือคำนิยามผลงาน ปล่อยให้คนจินตนาการสนุกสนาน ผิดบ้างถูกบ้าง แต่ตัวคุณติ๊กเองจะเขียนแนวคิดอย่างละเอียดไว้หลังรูปเสมอ
อย่างเช่นภาพหนึ่ง เป็นภาพที่ได้มาจากการที่ไปวิ่งมาราธอน จึงคิดว่าเหรียญที่ได้มาทุกครั้งจะนำมาสร้างอะไรได้ แขวนไว้ไม่เกิดประโยชน์ ก็นำมา Reuse ใหม่ นำเหรียญมาติดบนผ้าใบแล้วแต่งแต้มสีก็จะเกิดงานตัดปะที่เรียกว่า Collarge ขึ้น
เรื่องอาร์ต...อาร์ตอยู่ที่ไหนก็ทำได้
“งานศิลปะอยู่ที่ไหนก็ทำได้ เคยสเกตช์ภาพบนเครื่องบิน ตอนนั้นภราดรได้แชมป์ ก็รู้สึกว่ายูนี่เก่งจริงๆ ก็เลยวาดจากความรู้สึก ภราดรต้องเป็นอย่างงี้ๆๆ”
ไม่น่าเชื่อว่าเมืองนอกจะให้ความสำคัญกับงานศิลปะอย่างมาก อย่างนั่งเครื่องบินแอร์โฮสเตสไทยจะชมว่า “พี่ติ๊กวาดรูปเป็นด้วยเหรอ น่ารักดีเนอะ ใช้ได้ๆ” ในขณะที่ของต่างชาติเขาจะทักจนน่าตกใจว่า “Oh! My god… so beautiful wow!” ด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น ตื่นตาตื่นใจสุดชีวิต
แสดงให้เห็นว่าการสื่อสาร การถ่ายทอดความรู้สึกผ่านแง่มุมศิลปะนั้น เมืองนอกถือเป็นเรื่องสำคัญ น่าประทับใจ และก็หวังว่าชาวไทยที่แต่ละปีผลิตศิลปินออกมาเยอะแยะมากมาย อยากให้ทุกคนอิ่มเอิบ เห็นความสำคัญของผลงานศิลปะเช่นกัน
ส่วนตัวก็จะไม่ได้มีที่นั่งทำงานชัดเจนไม่ว่าที่บ้านหรือที่อื่นก็ตาม สามารถเกิดแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์ผลงานได้ทุกที่ งานไหนอยากจะนั่งมุมไหน จุดไหนก็ได้หมด หรือเกิดไอเดียขึ้นมาตอนไหนก็สามารถวาดได้ทันที โดยในเวลาเร็วสุดที่เคยวาดจะประมาณ 3.30 นาทีในรายการ รู้จริงปะ? โดยให้โจทย์ว่าต้องวาดรูปตามเพลง แต่บางงานก็ค้างมานานหลายปีรอให้เกิดประกายความคิดเพื่อสร้างสรรค์งานต่อ
ผลงานสุดรัก
คุณติ๊กชีโร่บอกว่าตั้งแต่ทำงานด้านศิลปะมาไม่ว่าจะเป็นงานเพลงหรืองานเขียน ก็มีผลงานชิ้นโปรดเหมือนกัน โดยในงานดนตรีนั้น จะชอบเพลง “รักไม่ยอมเปลี่ยนแปลง” เป็นเพลงที่แฟนเพลงให้การต้อนรับการกลับมาอย่างสมบูรณ์แบบ มีความภาคภูมิใจทุกครั้งที่ขึ้นร้องเพลง รวมทั้งเพลง “ชัดเจน” ด้วย
ส่วนรูปวาดนั้น จะมีอยู่ภาพหนึ่งตอนที่คุณติ๊กไปประเทศเดนมาร์ก แล้วเกิดไม่ชอบ ต่อมาก็เกิดแนวคิดในการสร้างสรรค์ผลงานแบบ Reduce, Reuse, Recycle ก็รื้อภาพนั้นมาทำใหม่ เผอิญเห็นขวดยาธาตุน้ำขาววางอยู่ก็เลยปิ๊งไอเดีย เอาขวดยานั้นยัดเข้าไปในรูปภาพ พร้อมกับวาดใหม่จากคนหน้าบึ้งเป็นหน้ายิ้มๆ อารมณ์ประมาณว่า “อู๊ววว..ท้องไส้สบายแล้ว” คือภาพที่ชอบในแนวคิดที่สุด
“แล้วก็ยังมีผลงานที่ได้มาด้วยความอุตสาหะ ใช้ความอดทนในการทำ ซึ่งจากทั้งหมดที่เคยทำมากว่าครึ่งก็ชอบมาก แต่จริงๆแล้วก็ชอบทุกภาพแหละ (หัวเราะ) บางภาพก็ชอบนั่งมอง เจ๋งนะ ออกแนวเข้าข้างตัวเองแบบเพ้อๆ หน่อย”
เพี้ยนหรืออัจฉริยะ
“หลายคนอาจจะซีเรียสกับคำนี้ แต่ตนเองไม่ได้คิดอะไร ให้มองว่าระยะทางพิสูจน์ม้า กาลเวลาพิสูจน์คน เวลาตั้งใจก็คือตั้งใจ เวลาบ้าระห่ำก็เต็มที่ คือ สนุกให้เต็มที่ เรียนรู้ให้หนักเข้าไว้ ใช้ชีวิตอย่างหนักหน่วง ดูแลครอบครัวอย่างดีที่สุด จริงใจและรักเพื่อนพ้อง สนองความต้องการของผู้ใหญ่ และเป็นตัวของตัวเองอย่างมากมายที่สุด“
แต่ถ้าหากโดยทั่วไปแล้วคุณติ๊กจะมองว่า “เพี้ยน” คือ มีแนวคิดไม่เหมือนใคร อย่างเซอร์ไอแซค นิวตันที่ไม่ยอมเรียนหนังสือ วันๆ ไปนอนใต้ต้นแอปเปิล อาจารย์ก็จะบอกว่าเพี้ยน สอนไม่รู้เรื่อง โตขึ้นไปก็เป็นผู้ใหญ่ที่โง่ แต่แท้จริงแล้วคือสมองเขาไปไกลกว่านั้น สุดท้ายก็พบกฎแรงโน้มถ่วงของโลก
เช่นเดียวกับอริสโตเติลที่พบหลักปริมาตรของสสาร หรืออย่างบีโธเฟ่นที่หูหนวกแต่สามารถประพันธ์เพลงได้เป็นศิลปินอัจฉริยะของโลก หรือไมเคิล แจ็กสัน ที่หลายคนบอกว่าเพี้ยนเพราะด้วยสีผิว การแสดงออกบางอย่าง แต่จริงๆ แล้วก็เป็นคนอ่อนโยน ทำอะไรให้แก่สังคมมากมาย หรืออย่างไอน์สไตน์ที่ถูกมองว่าเพี้ยนแต่กลายเป็นอัจฉริยะ
คนเหล่านี้จะเป็นเหมือนปัจเจกบุคคล มีโลกส่วนตัว มีเหตุผลของตนเอง แตกต่างจากปุถุชนทั่วไป มักจะทำงานในพื้นฐานความเข้าใจในแบบของตัวเอง
“คือคนเราจะเรียกว่ามี Sense of humor หรือความตลกขบขัน แต่เมื่อเอามารวมกับความคิดแปลกๆ คนก็จะมองว่าหมอนี่เพี้ยนนะ อย่างลีโอนาโด ดาวินชีวาดรูปกรวยแล้วมีเชือกลากลงมาเหมือนร่วมชูชีพ คนก็จับไปขังหาว่าเพี้ยน บ้า คิดอะไรเลอะเทอะ แต่ปัจจุบันก็พิสูจน์แล้วว่าใช้ได้ ดูอย่าง นมอุโด๊ด ขึ้นปกใส่สูทขาวปล่อยกางเกงลงมา เพี้ยนไหม คนเขาไม่ทำกัน แต่มันเป็นการ creativity ให้เกิดการกระแทก น่าสนใจขึ้นมา”
สี่ สิ่ง สม่ำเสมอ
“ผมมองว่าศิลปะอยู่กับเราทุกที่ตั้งแต่เราลืมตาตื่นมาบนโลกจนถึงเวลาที่หลับตา ข้าวของเครื่องใช้ ร่างกาย เสื้อผ้า ทุกสิ่งคือสิ่งเดียว คือศิลปะเหมือนกันทั้งนั้น หากเราไม่ใช่ตัวจริง ก็จะถูกพัดหายไปตามกระแส เหมือนปราสาททราย”
คุณติ๊กบอกว่า มี 4 สิ่งที่วนเวียนเข้ามาในชีวิตและโลกศิลปะของเขาอย่างสม่ำเสมอ ได้แก่ ดนตรี การแสดง ความรัก และวาด
“วาดคือความคุ้นเคยตั้งแต่มือสามารถขยับได้ นับได้จากการ์ตูน drawing ระบายสี และอื่นๆ วันนี้ผมกระโจนออกมาจากมุมที่แอบซ่อนตัว เพื่อให้ทุกคนได้รู้ว่าไม่เสียแรงที่อุตส่าห์บากบั่นมาด้วยน้ำตา และวิริยอุตสาหะ คนคนนี้ก้าวขึ้นฝั่งแล้ว แต่ความสำเร็จนั้นอยู่ในมือของทุกคน”
ภาพโดย... พลภัทร วรรณดี