xs
xsm
sm
md
lg

ชีวิตไม่ตลกของตลกขั้นเทพ “สุเทพ โพธิ์งาม”

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


“ป๋า”แห่งวงการตลก คงจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจาก “สุเทพ โพธิ์งาม” บุรุษไม่ตลกผู้ผันชีวิตเป็นตลกฟ้าลิขิตแบบไม่ได้ตั้งใจ กับมรสุมชีวิตที่ถาโถมทุกครั้งเมื่อเลือกเดินตามฝันของตัวเอง ล่าสุดลาออกจากรายการมาสเตอร์คีย์ที่ทำมานานถึง 18 ปี เพื่อใช้ชีวิตอย่างที่ต้องการ

วันนี้ป๋าเทพอยู่อย่างสมถะในบ้านหลังน้อยกับลูกหลาน หลังกรำงานหนักถ่ายหนังโต้รุ่ง เดินมาในมาดเสื้อยืดตัวบาง นุ่งผ้าขาวม้า ด้วยสภาพกายเหนื่อยล้าแต่ทว่านัยน์ตายังมีประกาย...

ฟ้าบันดาลให้ป๋าเดิน

กว่าจะมีวันนี้...ป๋าเทพใช้ชีวิตการทำงานกว่า 30 ปีในวงการบันเทิงบนเสียงหัวเราะจากผู้คนหลากหลายวัยหน้าเวทีตั้งแต่อายุ 13-14 ปี เหมือนกับเกิดมาเพื่ออาชีพด้านนี้ เพราะไม่ว่าจะเคยทำธุรกิจด้านอื่นๆ อย่างไรสุดท้ายก็ต้องบอกว่า “เจ๊งหมด”

การที่ได้ก้าวมาสู่ศิลปินตลกนั้น เขาบอกว่าของแบบนี้ตัวเองไม่มีทางรู้ว่าจะไปอย่างไร และไม่เคยใฝ่ฝันการเล่นตลก เหมือนเป็นเส้นที่ถูกขีดให้เดิน เพราะเดิมอยากเป็นนักร้อง และบอกได้เลยว่าไม่ชอบ ไม่ใช่คนชอบดูตลก แต่สิ่งที่อยากทำจริงๆ กลับทำไม่ได้

“เคยสมัครจะทำงานเป็นนักร้อง ไปๆ มาๆ กลายมาเป็นตลกไปได้ไงไม่รู้ ตลกชิบเป๋งเลย แล้วก็ตามๆ กันไป เหมือนโดนบังคับให้มาเล่นไง ซึ่งตอนแรกๆ ทำงานไม่สนุกเลย แต่ว่าคนดูสนุก เออ..เอาสิ! พยายามทำให้เขาไม่ชอบให้ป๋าเล่นตลก ก็ดันชอบเข้าไปอีก จนวันนี้ก็ไม่คิดว่าจะมาถึงขนาดนี้ได้ก็นับว่ามาถูกทาง ทำอะไรมาก็เจ๊งไปหมด สุดท้ายก็มาได้ดีกับอะไรที่ไม่ได้ตั้งใจ”

ปั้นอากาศให้เป็นตัว

สำหรับนิยามคำว่า “ศิลปินตลก” ของตลกอาวุโสผู้นี้คืออาชีพที่ยากกว่าปั้นน้ำเป็นตัวเสียอีก

“ศิลปินตลกก็คือคนทั่วๆ ไปที่สามารถดึงความคิดออกมาปรุงแต่งให้เป็นรสชาติ หรือทำมาให้เห็นเป็นรูปภาพ รูปธรรม คือการนำเอาอากาศมาทำให้เป็นประโยชน์ เอาความว่างเปล่ามาทำเป็นเงิน อยู่ที่ว่าจะเลือกอะไรมา มันมีทั้งเน่าและดี ก็ต้องเลือกอะไรที่มีประโยชน์ รู้จักใช้สิ่งรอบตัว ยากยิ่งกว่าปั้นน้ำให้เป็นตัว เพราะต้องปั้นอากาศให้เป็นตัว เอาความนึกคิดมาสร้างมโนภาพให้คนมีความสุข”

ต้องก้าวสู่สากล

วงการตลกทุกวันนี้ป๋าเทพมองว่าเปลี่ยนไปไม่มากนัก เพราะวงการตลกยังขาดวัยรุ่นยุคใหม่ไฟแรง ส่วนตัวเองถือเป็นรุ่นเก่าแล้ว มีวันที่ต้องหยุดพัก ต้องถอยลงไปอยู่ข้างหลัง หรือหากเด็กคนไหนอยากจะให้ไปร่วมสร้างสีสันก็ไปได้

ตลกขั้นเทพผู้นี้ยังบอกด้วยว่า ตอนนี้ตลกไทยดูได้เฉพาะในบ้านเราเท่านั้น ควรคิดว่าทำอย่างไรให้ตลกไทยเข้าใจได้ทั่วโลก อย่างชาลี แชปลิน ที่สามารถขายได้ทั่วโลก โดยไร้ซึ่งบทพูด แต่รู้เรื่องว่าเศร้าหรือดีใจ สื่ออารมณ์ให้คนทุกเชื้อชาติเข้าใจได้ กล่าวคือศิลปะตลกสามารถฉีกออกมาได้อีกหลายทาง ขึ้นอยู่กับว่าจะมีใครสามารถคิดรูปแบบอะไรที่ฉีกออกจากกรอบเดิมได้บ้าง

ผู้ดีหลบไป ขี้ข้ามาแล้ว

“ป๋าเป็นคนที่พูดตรงๆ บางทีก็แบบชาวบ้านๆ พูดออกไปบางทีก็ไม่ค่อยเข้าหู มันคือความเป็นธรรมชาติ หากต้องวางตัวเป็นผู้ดีก็จะทำตัวยากอยู่ แต่ถ้าขี้ข้าคือสะดวก เพราะเราก็คือขี้ข้า แต่เมื่อก่อนนี้มันสถุลด้วย ก็ใช้คำตรงๆ สังคมก็มองว่าหยาบ แต่ป๋าว่าคำพูดภาษาไทยคือภาษาท้องถิ่น บางครั้งมาบอกว่าหยาบคาย ทะลึ่ง แต่มันเป็นคำพูดของชาวบ้าน ไม่อย่างนั้นคนสมัยก่อนก็ทะลึ่งตายห่า หรือแค่มึงกูก็หยาบแล้ว พ่อขุนรามคำแหงก็ตัวหยาบสิงั้น”

แล้วยังเสริมด้วยว่าคนส่วนใหญ่มักคิดถึงคำว่าอนุรักษ์ประเพณีไทย ศิลปะไทย แต่ดารานักร้องสมัยนี้เรียกได้ว่าจะกลายเป็นเกาหลีเต็มคราบแล้ว ซึ่งเป็นสิ่งที่คนไทยเปิดรับเข้ามาอย่างมากล้น แต่คนไทยด้วยกันกลับไม่ส่งเสริมกัน

“ป๋ายังอยากให้ส่งเสริมเด็กๆ ยุคใหม่ขึ้นมาบ้าง คนเก่าๆ น่าเบื่อแล้วไม่ว่าจะวงการตลกหรือการเมือง ปัญหากี่หนก็หน้าเดิมๆ หลอกกินกันอยู่นั่นแหละ พวกนี้คล้ายกับไม่รู้จะไปทำอะไร เข้ามาทำเพื่อให้อยู่ได้ไม่เป็นขี้ปากของลูกหลาน เหมือนเป็นอาชีพที่กะเกณฑ์ไว้สำหรับคนแก่ๆ แต่แก่แล้วหมดประโยชน์ ไม่ใช่ ไอพวกนี้จะไม่ยอมจม พอถึงเวลาที่ตัวเองจะไปก็ให้ลูกหลานเข้ามากันไว้ จบๆ ไปได้แล้ว มีความคิดได้แล้วว่า แก่แล้วยังมาทะเลาะกันมันทุเรศ เราทำมาหากินกันอดอยากแต่พวกนั้นดันมาแย่งกันเป็นใหญ่”

ตลกคือศูนย์กลาง

“ในวงการตลกไม่มีคำว่าเกษียณ อย่างป๋าต๊อกจะ 90 ปีก็ยังออกมาแจมได้ คืออาชีพตลกสามารถไปในวงการบันเทิงได้ยาวกว่า เหมือนเป็นศูนย์กลางที่จะให้ไปทำหน้าที่อะไรก็ทำได้ เล่นตลก ร้องเพลง พิธีกรรายการอะไรก็ทำได้ เป็นจุดเริ่มต้นแล้วสร้างความแปลกใหม่ อย่างคอนเสิร์ตนักร้องต่างๆ สมัยก่อนมาก็ร้องอย่างเดียว เพลงต่อเพลง แต่ก็ดึงเอาจุดหนึ่งของการแสดงตลกเข้ามาอย่างการให้ผู้ชมมีส่วนร่วม เล่นกับคนดูเนี่ยก็ดึงมาจากตลกทั้งนั้น”

ส่วนเรื่องอายุนักร้อง 20กว่าถึง 30 บางทีก็เริ่มแก่เกินแล้ว แต่ตลกเล่นได้ตลอด ซึ่งเขาก็ดีใจที่ได้มาอยู่ตรงนี้ เพราะสามารถทำให้ไปได้หลายทางหลายสาขา มีโอกาสมากกว่างานอื่นๆ

ระดับนี้ไม่มีแป้ก

การแสดงของป๋าจะไม่มีสคริปต์ แต่ขอไม่เรียกว่าเป็นการแสดงสดเพราะเพียงแค่ทำให้เป็นธรรมชาติ แต่ถ้าเล่นเป็นชุดจะต้องมีนัดแนะกันมาบ้าง แต่ถ้าอย่างเล่นเป็นเกร็ดเล็กๆ ก็สามารถเปลี่ยนแปลงไปได้ ถ้าตรงไหนไม่ค่อยดีก็เปลี่ยนได้ทันที

“เวลาเล่นเป็นชุดนั้นเปลี่ยนยากชิบเป๋งเลย บางทีออกมาเล่นแล้วเกิดมุกมันไม่ฮาก็ใจเสีย แต่ก็ต้องเล่นตามคิว เปลี่ยนยากมาก ต้องแก้ไขสถานการณ์ แต่ตลกไม่มีคำว่ามุกแป้ก หลายคนจะมาคิดว่าวันนี้จะปล่อยมุกอะไร คือไม่เข้าใจว่าเล่นตลกไม่ใช่สิ่งที่จะมานั่งคิดก่อนได้ ไม่มีใครรู้หรอกว่ามุกไหนจะตลก ก็ขึ้นกับตัวเองด้วยว่าจะปรับตัวให้ดีที่สุดอย่างไร”

ความชื่นชอบของคนดูนั้นบอกไม่ได้ว่าแนวไหนฮิตที่สุด เพราะการเล่นตลกสามารถพูดเรื่องอะไรก็ได้ที่จะนำมาพลิกแพลงให้คนดูเกิดความสนุก ซึ่งบอกเลยว่าไม่มีหลักการตายตัว ไม่มีตำรา ศิลปินตลกจะรู้เองด้วยการใช้วิจารณญาณ คาบลูกคาบดอกให้เป็น แสดงให้เป็นธรรมชาติที่สุด

ศิลปะชั้นสูงไร้ตำรา

ตลกขั้นเทพคนนี้ยังบอกด้วยว่า ใครจะมาเป็นศิลปินตลกก็เป็นได้ทั้งนั้น อยู่ที่ว่าเข้ามาในวงการแล้วจะรู้จักคิดเองไหม จะไปต่ออย่างไร และเป็นยากที่ว่าไม่ได้มีเนื้อเพลงมาให้ร้องเลยแบบดารานักร้อง ไม่มีผู้กำกับ เป็นตลกต้องกำกับตัวเอง เล่นเองเข้าใจเอง รู้จักตัดสินใจและไหวพริบต้องเร็ว ใครที่ทำมานานแล้วก็จะมีความคล่องตัวขึ้น

“ตลกระดับครูเนี่ยคือเขาจะรู้คิวกัน พูดกันไม่แย่งกันนะ บางทีดารา พิธีกรที่เขาไม่เข้าใจจังหวะก็เล่นได้ไม่ดี เพราะจังหวะคือตัวสำคัญ บางทีแย่งกันพูดเจี๊ยวเลย พูด ร้องเพลง ชีวิต อะไรก็มีจังหวะทั้งนั้น หากเดินไม่เป็นจังหวะมันก็ลุ่มๆ ดอนๆ ถ้ารู้จังหวะก็จะไปได้คล่อง เหมือนเป็นเฟือง ทุกอย่างจะต้องมีจังหวะของมันลงล็อกถึงจะสวย ถ้าไปขัดกันเดี๋ยวก็พัง”

พร้อมกับบอกว่า คนเล่นตลกต้องคิดพลิกแพลงมุกไปเรื่อยๆ ทุกคนเล่นต้องใช้สมอง ทีมเวิร์ก ไม่มีตำราต้องมาเรียนรู้ด้วยตัวเอง และไม่ใช่ว่าตนไม่สอนแต่มันสอนไม่ได้จริงๆ

เรื่องเก่าเล่าใหม่

“รูปแบบการแสดงสมัยนี้มันเหมือนเป็นความคิดของเด็กๆ รุ่นใหม่ทั้งนั้น บางทีเพิ่งเรียนจบมาก็มาสอนให้เล่นนู่นทำนี่ แบบเฮ้ย..มึงดูบ้างนะมาสอนให้กูทำอะไรเนี่ย คือไปดูตลกคนอื่นเล่นแล้วก็เอามาบอกป๋าให้ทำ มึงรู้รึเปล่ามุกของกูทั้งนั้นเลยนะ เล่นมาตั้งกี่สมัย ตั้งแต่มึงยังไม่เกิด แล้วเพิ่งมาดูเห็นว่าสนุกมุกเยอะ เอาของเก่าๆ มาแล้วก็พูดเหมือนคล่อง คือเอาของเก่ามาแปลงมาแยกอีก ถึงบอกว่ายังไม่มีอะไรที่พัฒนาได้มาก”

สังเกตดูว่าเวลาดูตลกเล็กกับตลกใหญ่ที่เล่นจะผิดกัน อย่าง “หม่ำ เท่ง โหน่ง” คือมีความเข้าใจแล้วว่าจังหวะเป็นอย่างไร เหมือนร้องเพลงจะจังหวะไม่สวย ไม่รู้จังหวะก็ตกรอบไป ศิลปะตลกก็เหมือนกันแต่เป็นคนละแขนงเท่านั้นเอง

ป๋าเอาอีกแล้ว!

ทุกวันนี้ ป๋าเทพอาจกลายเป็นสัญลักษณ์ของความล้มเหลวที่ไม่ว่าจะทำธุรกิจอะไรก็ละลายทรัพย์หายไปหมด แต่เขาก็คือสัญลักษณ์ของความพยายาม มานะบากบั่นเช่นกัน และวันนี้เขาขอปลดตัวเองจากพิธีกรรายการมาสเตอร์คีย์อย่างเป็นทางการ เพื่อมาตามหาความสุขที่หายไป ประเดิมด้วยการหาเก้าอี้ผู้กำกับนั่งสักตัว...

“ตอนนี้ป๋าไม่ได้จริงจังกับงานตลกมากแล้ว ก็อยู่บ้านพักผ่อนบ้าง แล้วก็มีโปรเจกต์ทำภาพยนตร์เรื่อง ซามูไร คิดเอง เขียนเอง กำกับเองแล้วไปเสนอขายเขา เป็นหนังบู๊สไตล์ญี่ปุ่นที่เกี่ยวกับการล้มละลายของเรา ความโมโห เครียด แล้วตัวเองบ้าแต่งตัวเป็นซามูไร ถือดาบไปไล่ฟันพวกธนาคาร นอกระบบมั่ง ในระบบมั่ง ไล่ฟันด้วยความแค้นที่ต้องล้มละลาย เรื่องง่ายๆ ขำๆ แบบนี้แหละ เหมือนจะซีเรียสแต่มันไม่ใช่เรื่องซีเรียส คือความคิดที่อยากจะทำออกมาอย่างนี้ แต่จริงๆ ก็จ่ายเขาไปหมดแล้ว”

การกำกับภาพยนตร์ถือเป็นงานแขนงใหม่สำหรับตลกรุ่นเก๋าคนนี้ เป็นหนึ่งในงานที่ใฝ่ฝันว่าจะได้มาทำ สามารถพัฒนามาให้ถึงจุดนี้ เห็นคนอื่นทำก็อยากทำบ้าง และอยากคิดทำอะไรใหม่ๆ ออกมามากขึ้น

ด้วยรักและห่วงใย

สุดท้ายป๋าเทพฝากว่าอยากให้คนไทยเอาใจช่วยดูศิลปินไทย ซึ่งเป็นห่วงมากว่าศิลปะเมืองนอกเข้ามามากเกินไป ขาดความดูแลจากผู้ใหญ่ รวมทั้งไม่ได้ส่งเสริมกันเท่าที่ควร ซึ่งมีเด็กไทยฉลาดมากมายแต่ไม่รู้จักใช้

“คือเรามีของดีอยู่แล้ว แต่คุณจะเลือกเอาไปตั้งไปใช้ได้ถูกจุดไหม เอาแก้วทองคำไปวางหน้าส้วมมันจะสวยไหมอย่างนี้ จ้างเราไปจะให้ไปทำอะไรเหมือนเด็กๆ ก็ไม่ใช่ มันก็เกินไป ป๋าชอบใช้คำพูดอำกันบ้างนิดหน่อย ซึ่งสไตล์ป๋าก็เรียกว่าหยาบก็ได้ แต่มันเป็นไปไม่ได้เลยถ้าไม่มีเรื่องพวกนี้แล้วจะเกิดตลกขึ้นมา ตรงนี้ก็ทำให้ไปได้ไม่ถึงไหน ถ้าอย่างเมืองนอกคุณจะทำอะไรก็ได้ เพียงแค่ทำให้เกิดเสียงหัวเราะได้ถือว่าคุณคือซูเปอร์สตาร์แล้ว”

พร้อมกับสรุปง่ายๆ ว่าในวงการตลกต่างประเทศนั้นมีความหยาบคายบ้าง ลามกบ้าง แต่ก็ยังคงรักษาไว้ซึ่งวัฒนธรรม แต่ในไทยอาจยังแยกแยะไม่ได้ว่าตรงนั้นคือ “อาชีพตลก”

ข่าวโดยทีมงาน M-Lite
ภาพโดย...ธนารักษ์ คุณทน




กำลังโหลดความคิดเห็น