มองภายนอกแล้วใครก็คงไม่เชื่อว่า จอย-สุนันท์ษา จิรมณีกุล หญิงสาวที่หลายคนดูเป็นผู้หญิงน่ารัก น่าทะนุถนอม แต่เมื่อได้เข้าไปพูดคุยกับเธอจึงได้รู้ว่า เธอเองกลับกลายเป็นสาวโก๊ะ ยิ่งไปกว่านั้นจอยให้คำนิยามกับบุคลิกของตัวเองว่า “ลูกสาวกำนัน”
หลายคนอาจคุ้นหน้ากับการทำหน้าที่พิธีกร นักแสดง หรือเซเลบฯ ในงานเปิดตัวสินค้าต่างๆ แต่เมื่อไม่นานจอยได้ปฏิบัติภารกิจที่เธอบอกว่าโหดและลำบากที่สุดในชีวิต นั่นคือ การไปร่วมรายการ “ดิแอดเวนเจอร์” ที่ผู้ร่วมรายการต้องเดินทางพร้อมทั้งทำภารกิจต่างๆ มากมาย รวมถึงสถานที่ไปก็ยังมีสภาพอากาศที่ไม่เอื้อต่อร่างกาย วันนี้จอยจะมาเล่าถึงเรื่องราวการเดินทางในสถานการณ์ที่ต่างคนต่างก็ต้องดูแลตัวเอง
ประสบการณ์สุดลุย
การไปแอดเวนเจอร์ในครั้งนี้จอยเล่าอย่างออกรสว่าเป็นการไปที่โหดมาก ในตอนแรกตนเองคิดว่าจะไปแอดเวนเจอร์แบบสบายๆ ฉันคงไม่ลำบากอะไรมากหรอก แต่พอไปจริงเป็นเหตุการณ์ที่กลับกันแทบทุกอย่าง ทุกคนต้องลุยด้วยตัวเอง ไม่มีข้าวกิน ต้องกินมาม่า บางวันกินขนมแทน ไม่มีที่นอนก็ต้องนอนในรถ หรือดีหน่อยเจอชาวบ้านก็ขอบ้านชาวเขานอน
“จอยเองก็ไม่ได้เตรียมตัวอะไรไปมากเท่าไหร่ ขนแต่เสื้อผ้ากันหนาวไปอย่างเดียว ร่างกายเราก็แค่วิ่งให้เลือดมันสูบฉีด แต่พอไปแล้วมันป่วย ร่างกายมันไม่ไหวกับสภาพอากาศเบาบางของที่นั่น จอยเป็นคนทำอะไรแล้วจริงจัง มีภารกิจที่ต้องทำ จอยก็วิ่งกระจาย วิ่งตลอด วิ่งโดยที่แบบไม่คิดว่าร่างกายตัวเองจะไหวหรือเปล่า”
“เริ่มหายใจไม่ออก เดินไปก้าวนึงหน้ามืด พลิกตัวทีก็เริ่มเวียนหัว” อาการที่ทำให้เธอรู้สึกว่าร่างกายของตัวเองเริ่มไม่ไหวแล้ว แม้ว่าทางทีมงานจะมีออกซิเจนให้แต่ก็ไม่เพียงพอสำหรับอากาศของที่นั่น เธอจึงนั่งทำสมาธิ หายใจเข้าออกอย่างช้าๆ ทุกคนไม่สามารถดูแลใครได้ เธอบอกว่า “แค่ดูแลตัวเองก็จะตายอยู่แล้ว ก็ไม่รู้จะให้ใครมาดูแลเราได้” (หัวเราะ)
“ไปอยู่ที่นู่นได้กินข้าวมื้อเย็น สี่ทุ่ม คือกินก็ไม่เป็นเวลาอยู่แล้ว ตอนเช้าต้องตื่น ล้อหมุนเจ็ดโมง บางวันใจดีหน่อยก็เก้าโมง แล้วอย่างนี้เราเองนอนก็ไม่พอ ข้าวเที่ยงบางทีแทบจะแบบว่านั่งอยู่ในรถ แล้วทางเป็นไหล่เขา รถสวนกันทีแทบจะตกลงไป เชื่อมั้ยว่าต้มมาม่าหม้อนึงใช้เวลาแค่หนึ่งนาทีแล้วต้องไปแล้วอ่ะ ตักได้เท่าไหร่ก็ต้องไปกินในรถต่อ ”
เธอเล่าต่ออีกว่า การกินไม่เป็นเวลาทำให้จอยเองเป็นสารพัดโรคเลยทีนี้ จอยไปก็เป็นลมคนแรก อาหารเป็นพิษ ท้องเสีย แล้วตัวเองต้องเข้าโรงพยาบาล ร้องไห้ก็ไม่รู้จะร้องออกมายังไง
“โรงพยาบาลใหญ่โต เต็มไปด้วยหยักไย่ หมอนั่งสูบบุหรี่ ไฟกะพริบตลอดทางเดิน เปิดห้องทีคนไข้นอนเลือดไหลอยู่ มันน่ากลัวมาก โรงพยาบาลผีสิงชัดๆ” จอยบรรยายถึงสภาพที่เธอต้องเข้าโรงพยาบาลเป็นคนแรก
“ครั้งแรกหมอบอกให้เอกซเรย์ ตรวจแล้วให้นอนโรงพยาบาล ให้ตายเหอะ ถ้าฉันนอนฉันขอกลับไปตายดีกว่า แล้ว ฉันไม่ค้างเด็ดขาด เตียงข้างๆเรา คนไข้ชักอยู่ กลัวมาก ทำร้ายจิตใจกันมาก มาอยู่ตรงนี้นึกถึงแล้วเล่ามาทีไรมันขำนะ แต่ตอนอยู่จริงๆ ทรมานมาก”
หลังภารกิจเสร็จสิ้นจอยกลับมาจากการไปแอดเวนเจอร์ในครั้งนั้น ทำให้น้ำหนักลดลง เนื่องจากอาหารการกินที่ต้องลำบาก เธอบอกว่าอยู่เมืองไทยสบายที่สุดแล้ว มีหมูตัวอ้วนๆ ให้กิน มีไก่ เนื้อ ผัก ให้กินมากมาย มีน้ำให้ดื่ม จะดื่มเท่าไหร่ก็ได้ ถ้าอากาศหนาวถึงจะหนาวแต่ก็ยังมีออกซิเจนให้หายใจ
“ดีใจเป็นบ้า โชคดีชะมัดที่เป็นคนไทย กลับมาเรากินทุกอย่างเลย อาหารที่ขายอยู่ริมถนน เจอปุ๊บบอกคนขับรถให้จอดซื้อกินทุกอย่าง ลูกชิ้นทอด อร่อยไม่อร่อยเราเองไม่รู้แต่ตอนนั้นอร่อยทุกอย่างเลย”
ผู้หญิงมองหามุมสวย
ถือว่าจอยเป็นผู้หญิงเก่งในด้านของการทำงานคนหนึ่ง นอกจากรายการ “The Adventure” แล้วเธอยังเป็นพิธีกรรายการ “We're women” ซึ่งออนแอร์ทางทรูวิชั่นส์ และมีงานต่างๆอีกมากมาย ถึงอย่างไรหน้าตาของเธอก็ยังคงแลดูสดชื่น สดใส ร่าเริงได้ตลอดเวลา
“จอยไม่ค่อยเครียดกับการทำงานเท่าไหร่ ถ้าพักผ่อนไม่พอก็จะหลับในรถบ้าง บางวันมีตลาดก็ไปเดินเล่น ชอบสถานที่ที่เป็นเอาต์ดอร์ ไม่ชอบกิจกรรมอินดอร์เท่าไหร่ ไม่ชอบอยู่ในแอร์ ในตึก บรรยากาศจะชอบอยู่ในสวน สัมผัสทราย ดิน หญ้า”
กิจกรรมที่จอยชอบมากที่สุดคือ การได้ออกไปดำน้ำ แล้วก็ชอบขี่ม้าถึงจะไม่ค่อยเก่งแต่ก็พอได้นะ จอยว่าการดำน้ำมันมีเสน่ห์ตามแต่ละสถานที่ที่เราไป มันมีความแตกต่างกัน ได้เจอเพื่อนใหม่ๆ บางทีการได้เจอเพื่อนใหม่ก็ทำให้การพักผ่อนของเราสนุกขึ้น บางทีดำน้ำเจอสัตว์แปลกก็เอามาเล่าสู่กันฟังบ้าง
นอกจากการพักผ่อนที่จะทำให้เธอดูเป็นคนสดใสร่าเริงแล้ว ตอนนี้จอยบอกว่ากำลังเรียนเต้นแบบโพลแดนซ์ ที่ต้องใช้ทักษะการเต้นกับเสา ซึ่งเป็นการออกกำลังกายอีกอย่างหนึ่งที่จอยบอกว่าทำให้ตัวเองรู้สึกเซ็กซี่ขึ้น
“เพื่อนชอบว่าจอยว่าทำไมแกไม่ทำตัวให้เป็นผู้หญิงหน่อย จอยจะเป็นคนลุยๆอยู่แล้ว เลยบอกเพื่อนไปว่าก็ฉันเกิดมาเป็น “ลูกสาวกำนัน” เพื่อนหัวเราะกันใหญ่ ว่าแกจะบ้าหรือเปล่า คนอื่นเกิดมาอยากเป็นเจ้าหญิง ส่วนเราคาแร็กเตอร์เป็นลูกสาวกำนันเลย (หัวเราะ)”
จากคำพูดนั้นทำให้จอยเริ่มค้นหาตัวเองว่ามีอะไรที่เซ็กซี่อยู่ในตัว ด้วยการออกกำลังกาย แล้วจึงมาลงเอยที่การเต้นแบบโพลแดนซ์ ที่ช่วยทำให้เธอรู้สึกว่าตัวเองมี
ความเซ็กซี่อยู่ในตัว
“วิธีการมองหามุมสวยของตัวเอง เทรนเนอร์ที่สอนเราก็จะให้เราลองมองตัวเองในกระจก เล่นกับผม ลูบขา แขนไปมา เออมันก็สนุกดีนะ ไม่ต้องไปยกเวต ฟิตร่างกายแบบที่ผ่านมา ต้องใช้กล้ามเนื้อเยอะมาก เหวี่ยงขาที่พลาดก็เจ็บตัว นี่จอยเป็นแผลช้ำเลย ยิ่งเริ่มเรียนก็เริ่มรู้มุมสวยของตัวเอง ได้ออกกำลังกายด้วย แต่ไม่ได้รู้สึกว่าตัวเองเซ็กซี่ขึ้นนะ ”
สุดท้ายจอยฝากถึงการดูแลตัวเองในแบบของจอยว่า “อย่าเป็นโรคจิต อารมณ์ที่บอกว่าตัวเองอ้วนตลอดเวลา คิดว่าขาเราทำไมเป็นแบบนี้ ทำไมผิวฉันไม่ขาว เพราะคนเราสวยไม่เหมือนกัน นิยามของคำว่าหุ่นดีต่างกันมันอยู่ที่ปัจเจกบุคคลมากกว่า เลียนแบบไม่ได้ เราเองจะไปสวยแบบนางแบบก็ไม่ได้ เรามีขาของเราก็สวยในแบบของเรา แค่ต้องรู้ตัวว่ากินอะไรเข้าไปก็ต้องหัดออกกำลังกายด้วย”
“อย่าสนใจกับคำวิจารณ์ของคนอื่น เธออ้วนนะ ขี้เหร่นะ คล้ำไปหรือเปล่า คำพวกนั้นอย่าไปฟัง อย่างจอยเองไปเรียนเต้นขาช้ำมา ใครทักว่าอย่าใส่กระโปรงสั้น จอยไม่เคยสนใจเลย ฟังแล้วเก็บไปคิดมากมันทำให้เป็นโรคจิตไปเปล่าๆ”
************************************
โพลแดนซ์ (Pole dance) เป็นการออกกำลังกายชนิดหนึ่งซึ่งนำเอาการเต้น ยิมนาสติก และแอโรบิกเข้าไว้ด้วยกัน โดยมีเสาเป็นอุปกรณ์ การเต้นโพลแดนซ์จะช่วยให้ร่างกาย Fit&Firm เพราะจะได้ใช้ท่าทางในการเต้นทุกส่วน ตั้งแต่ขั้นพื้นฐานไปจนถึงการเต้นในระดับสูงที่มีการยกตัวตีลังกาห้อยโหนกับเสา ต้องใช้การฝึกฝนเป็นอย่างมากและต้องใช้สามาธิในการเต้นด้วย
************************************
รายงานโดย ทีมข่าว M-Lite
ภาพโดย ธนารักษ์ คุณทน
