เหมือนว่าช่วงเวลาเคานต์ดาวน์ข้ามผ่านสู่ปีใหม่จะมีแต่เรื่องดี ๆ พื้นที่ต่างๆ ถูกปกคลุมไปด้วยไออุ่นแห่งความสุข ทุกใบหน้ามีแต่รอยยิ้มพิมพ์ใจ และการเฉลิมฉลอง ฉลอง และฉลอง
ไม่ว่าในพื้นที่ใด ประเด็น ‘ทอล์กออฟเดอะทาวน์’ ที่หลายคนพูดถึงไม่หยุดหย่อนประหนึ่งวาระแห่งชาติ คือ ‘จะไปเคานต์ดาวน์ที่ไหน?’ ‘มีที่เคานต์ดาวน์หรือยัง?’ หรือ ‘ไปเคานต์ดาวน์ด้วยกันไหม?’
รัศมีการเคานต์ดาวน์เปล่งประกายไล่มาตั้งแต่ไฟหลากสีสันที่แข่งกันอวดแสงบนถนนฌองเอลิเซ่ นครปารีส ฝรั่งเศส ผู้คนที่แห่มารวมตัวกันที่หอนาฬิกาบิ๊กเบน กรุงลอนดอน อังกฤษ จนพื้นที่แคบลงไปถนัดตา หรือไทม์สแควร์ ในนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา ที่แสงไฟสวยงามนวลตาไม่แพ้ที่อื่นในโลก
กระทั่งในเมืองไทย แม้จะอยู่ห่างไกลจากประเทศตะวันตกค่อนโลกแต่กระแสการจัดงานเคานต์ดาวน์ก็เดินทางมาถึงได้อย่างไม่ยากเย็นนัก
Let's Countdown Together
รู้กันหรือเปล่า ว่าที่แรกของโลกที่มีโอกาสเคานต์ดาวน์ก่อนใครนั้นคือที่ไหน?
ต๊อก...ต๊อก...ต๊อก... เฉลยละกัน 'สาธารณรัฐคิริบาส' นั่นเอง
เพราะเกาะเล็กๆ กลางมหาสมุทรแปซิฟิกแห่งนี้ เขาเคานต์ดาวน์ก่อนสยามประเทศถึง 7 ชั่วโมงเลย
แน่นอน ในฐานะที่ก้าวสู่ศักราชใหม่เป็นที่แรกของโลก การเฉลิมฉลองจึงเป็นสิ่งที่เลี่ยงไม่ได้ แต่ด้วยความจิ๋ว... (แต่แจ๋วด้วยหรือเปล่าไม่รู้) ทำให้การต้อนรับปีใหม่ของคนในสาธารณรัฐคิริบาสดูธรรมดาไปสักหน่อย อย่างมากก็เป็นการเต้นระบำของคนพื้นเมืองเท่านั้นเอง
แต่ถ้าต้องการสีสันมากกว่า (เยอะๆ) ก็ขอให้รอสัก 2 ชั่วโมง เพราะที่ 'ออสเตรเลีย' ก็จะได้เวลาขึ้นปีใหม่กับเขาบ้างแล้ว โดยแหล่งเคานต์ดาวน์เด่นๆ ของแดนจิงโจ้อยู่ที่มหานครซิดนีย์ บริเวณท่าเรือใกล้โอเปราเฮาส์ ซึ่งจะมีผู้คนมารวมตัวกันนับล้าน เพื่อร่วมชมการจุดพลุสีสันตระการตาร่วมร้อยนัดในยามเที่ยงคืน แถมมหานครแห่งนี้จะสว่างไสวราวกับดินแดนสวรรค์ด้วยไฟ 120 ดวงที่สาดส่อง
ถัดออกไปอีก 2 ชั่วโมงก็ถึงเวลายินดีปรีดาของชาวเอเชีย ตั้งแต่ญี่ปุ่น เกาหลี ที่นำร่องฉลองปีใหม่ก่อนใคร ตามมาด้วยจีน ไต้หวัน สิงคโปร์ ฮ่องกง ฟิลิปปินส์และมาเลเซีย โดยไฮไลต์การเคานต์ดาวน์คงต้องยกให้มหาอำนาจทางเศรษฐกิจอย่าง 'ญี่ปุ่น' ที่นอกจากชาวเมืองแดนปลาดิบจะไปรวมตัวกันตามวัดวาอารามต่างๆ แล้ว ยังมีการจัดงานเคานต์ดาวน์อย่างยิ่งใหญ่ ณ สวนสนุกดิสนีย์แลนด์ พร้อมกับปล่อยลูกโป่ง เสียงร้องประสานจากประชาชนจากทั่วสารทิศจะดังกึกก้องว่า ‘แฮปปี้นิวเยียร์’ ทันทีที่นาฬิกาตีเสียง แต๊งๆๆๆ ครบ 12 ครั้ง...โอ้ พระเจ้า โรแมนติกราวกับเทพนิยายเสียจริง!
ส่วนใครที่คิดว่า ดินแดนมุสลิมจะไม่มีการเคานต์ดาวน์ก็ขอให้รู้ไว้เลยว่าเข้าใจผิดแล้ว เพราะไม่ว่าจะเป็นคนชาติไหน ศาสนาใดก็ล้วนตื่นเต้นกับปีใหม่ทั้งนั้น อย่างประเทศมุสลิมที่ใหญ่ที่สุดในโลกอย่าง 'อินโดนีเซีย' ซึ่งนอกจากฉลองปีใหม่พร้อมกับประเทศไทยแล้ว ประชาชนร่วมล้านยังไปรวมตัวกันที่จัตุรัสกลางนครจาการ์ตา เพื่อดูพลุชุดพิเศษซึ่งจัดทำขึ้นเพื่อรับศักราชใหม่โดยเฉพาะ ไม่เพียงแค่นั้น ประชาชนยังร่วมกันส่งเสียงร้อง ‘ไชโย’ ฉลองให้กับปีใหม่ที่กำลังเข้ามา พร้อมกับโบกมือลาปีเก่าที่กำลังจะจากไป
หมุนไปดูกลุ่มประเทศในยุโรปกันบ้าง งานขึ้นปีใหม่ทั้งทีรับประกันได้เลยว่า แต่ละประเทศไม่มีใครยอมใครแน่ อย่างประเทศศูนย์กลางของนาฬิกาโลก อย่าง 'สหราชอาณาจักร' ก็มีงานปีใหม่ที่น่าประทับใจไม่แพ้ใครถึง 9 แห่ง อย่างบริเวณแม่น้ำเทมส์ ก็ถือเป็นอีกจุดที่เลื่องชื่อในการเคานต์ดาวน์ของมหานครลอนดอน เพราะนอกจากจะมีพลุที่หาดูที่ไหนไม่ได้ในโลกแล้ว บรรยากาศยังโรแมนติก เหมาะแก่การชวนคนที่รักมาเดินจูงมือมาดื่มด่ำกับบรรยายกาศสุดพิเศษนี้ หรือจะเป็นย่านเวลลิงตัน อาร์ก ซึ่งหากใครมีโอกาสขับรถผ่านก็คงจะเคลิบเคลิ้มไปกับแสงไฟระยิบระยับที่ถูกประดับไว้ตลอดเส้นทาง
ด้านเมืองน้ำหอมอย่าง 'ฝรั่งเศส' ก็ใช่ย่อย เพราะประชาชนต่างพร้อมใจกันฝ่าความหนาวเหน็บมาร่วมฉลองงปีใหม่ตามถนนฌองเอลิเซ่ และหอไอเฟล อย่างครึกครื้น
สำหรับประเทศมหาอำนาจฉายา 'จ้าวโลก' อย่าง 'สหรัฐอเมริกา' ถึงจะฉลองปีใหม่หลังชาวบ้านชาวช่อง แต่บรรยากาศก็ไม่ได้น้อยหน้ากว่าที่ใดแม้แต่น้อย โดยเฉพาะมหานครนิวยอร์ก ย่านไทม์สแควร์ ที่ประชาชนนับล้านจะจับจ้องดูนาฬิกาบนยอดตึกด้วยใจระทึก...และเมื่อนาฬิกาดิจิตอลแสดงเวลา 12.00 P.M. เสียงเฮ!!! ก็ดังลั่นถนน พร้อมเสียงพลุ และดอกไม้ไฟอีกนับไม่ถ้วน ท่ามกลางรอยยิ้มอันสดใสของมหาชนที่ตั้งตารอคอยปีใหม่ด้วยความตื่นเต้น
ส่วนดินแดนสุดท้ายที่ได้ฉลองปีใหม่ คงจะเป็น 'รัฐอิสระซามัว' ที่แม้จะอยู่ติดกับประเทศคิริบาสไม่กี่กิโลเมตร แต่กลับได้ฉลองปีใหม่ช้ากว่า 25 ชั่วโมง ซึ่งสาเหตุก็เป็นเพราะ 2 ประเทศนี้อยู่คนละซีกโลกนั่นเอง
เพราะฉะนั้นก็อย่าแปลกใจที่จะเห็นคนจากซามัวนั่งเรือไปคิริบาส เพราะเขาจะฉลองปีใหม่เร็วกว่าใคร ตั้ง 1 วีนเลย
เคานต์ดาวน์แบบไทย อลังการไม่แพ้ตะวันตก
แม้รัฐมนตรี ธีระ สลักเพชร เจ้ากระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) จะออกมาตีฆ้องร้องป่าวให้ทุกภาคส่วนจัดงานปีใหม่บนพื้นฐานความเป็นไทย นำหลักเศรษฐกิจพอเพียงของในหลวงมาปรับใช้ ไม่ใช้จ่ายฟุ่มเฟือย ภายใต้หลักปฏิบัติ 10 ข้อ เช่น ไปเยี่ยมบิดามารดาและญาติผู้ใหญ่ ทำบุญตักบาตร ส่งบัตรอวยพร และมอบของขวัญให้ผู้ที่เคารพ โดยการจัดกิจกรรมเคานต์ดาวน์ของเอกชนไม่ควรจัดเกินขอบเขต เพราะมองว่ามันเป็นของชาติตะวันตก
แต่ในความเป็นจริง การเคานต์ดาวน์นับถอยหลังสู่ปีใหม่เหมือนหยั่งรากลึกลงในผืนแผ่นดินไทยแล้วเรียบร้อย ไม่ต้องตกใจหากทุกพื้นที่ทั่วไทยจะแห่กันจัดงานเคานต์ดาวน์ปีใหม่อย่างพร้อมเพรียงกัน!
เริ่มที่ 'อุบลราชธานี' จังหวัดที่ดวงอาทิตย์ขึ้นเป็นแห่งแรกของประเทศไทย ไฮไลต์ของงานเคานต์ดาวน์เมืองหมอลำไม่ได้อยู่ที่พลุสีสันตระการตา แต่คือพิธีต่อแสงตะวันที่ลานผาแต้ม และไหลโคมล่องโขง ณ สวนสาธารณะดอนหินตั้ง อ.โขงเจียม
ใน 'กรุงเทพฯ' สถานที่สำคัญและผับบาร์ทั่วเมืองจัดเคานต์ดาวน์อย่างเอิกเกริก แต่ที่อลังการและทุ่มงบมหาศาลสวนกระแสเศรษฐกิจ (เพราะมี กทม.เป็นหนึ่งในผู้ร่วมจัด หรือไม่ก็ไม่อาจทราบได้?) คงเป็นงาน HANDS Bangkok Countdown 2010 ลานด้านหน้าเซ็นทรัลเวิลด์ งบ 25 ล้านบาท ถูกแปรเป็นค่าตัวนักร้องดังจาก 4 ค่ายใหญ่ พลุ 300 นัด และนาฬิกาจอแอลอีดีสูง 18 เมตร และความสนุกอื่นๆ อีกเพียบ
ฉลองปีใหม่ยาวนานที่สุด เห็นจะเป็นงานส่งท้ายปีเก่าและเคานต์ดาวน์ที่ 'พัทยา' จัดแบบนอนสตอปไม่เกรงใจใคร 7 วัน 7 คืน งานนี้ท่าเทียบเรือพัทยาใต้ (แหลมบาลีฮาย) มีนักร้องค่ายใหญ่ฝั่งอโศกมาครวญเพลงกล่อมคนเมา!
เคานต์ดาวน์แบบคนรักสุขภาพก็มีเหมือนกัน ‘วิ่งสู่ทศวรรษใหม่ เคานต์ดาวน์ 2010’ งานนี้ 'เมืองหาดใหญ่' เขาจะเปลี่ยนถนนเป็นลู่วิ่งให้คนทุกเพศวัยมาเดินและวิ่ง 4 กิโลเมตร ฉลองปีใหม่แบบเหนื่อยๆ แต่สุขใจ
ขึ้นเหนือไปเคานต์ดาวน์ที่ 'เจียงใหม่' ก็ม่วนขนาด! นอกจากมีกิจกรรมบังคับเหมือนที่อื่นๆ เช่น คอนเสิร์ต และจุดพลุ ลองไปดูกันว่า เคานต์ดาวน์กลิ่นล้านนาที่ผสมผสานวัฒนธรรมตะวันตกจะน่าดูชมหรือไม่ ที่ทิงค์ บาร์ก สี่แยกรินคำ
ขึ้นไปต่อที่ 'เชียงราย' ส่งท้ายปีกันด้วยแสงเสียงของพลุหลายพันชุด โคมไฟล้านนาหลากสี 9,999 ดวง ที่หอนาฬิกา ถนนบรรพปราการ อย่าลืมแวะซื้อของที่ถนนคนเดิน ‘กาดเจียงฮายรำลึก’ ในบรรยากาศหนาวเย็นสบาย และไปดูดอกทิวลิปในงาน ‘เชียงรายดอกไม้งาม’ ที่สวนไม้งาม ริมน้ำกก
'โคราช' ไม่น้อยหน้า เติมสีสันให้ลานอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารีช่วงส่งท้ายปีด้วยโดมหิมะขนาดใหญ่
ใกล้ๆ กัน 'ขอนแก่น' จัดเคานต์ดาวน์ที่ประตูเมือง โชว์น้ำพุเจ็ดสีพุ่งสูงกว่า 9 เมตร ดอกไม้ผืนพรมยักษ์ Flower Carpet แสง สี เสียง เทคนิคไพโรเอฟเฟกต์จากอเมริกาเชียวนะ
คนดังเคานต์ดาวน์กันยังไง?
อาจคิดว่า คนดังในตระกูลเด่นต้องไปเคานต์ดาวน์ในสถานที่หรูเริดในเมืองนอกกับก๊วนไฮโซ และร่ำไวน์ราคาแพงหูฉี่กันยันเช้า ผิดถนัด!
หญิงแม้น-ม.ร.ว.แม้นนฤมาส ยุคล เล่าว่า เธอไม่ได้ให้ความสำคัญต่อการเคานต์ดาวน์สักเท่าไหร่ เพราะมองว่าวันทุกวันมีความสำคัญเท่าๆ กัน
“ให้ความสำคัญกับคนที่อยู่รอบตัวมากกว่ากิจกรรมเคานต์ดาวน์นะ โดยส่วนตัวอยากก้าวผ่านเวลานั้นไปพร้อมๆ กับคนที่เรารัก มันเป็นช่วงคาบเกี่ยวปี พอเปลี่ยนปุ๊บแล้วเราก็ข้ามไปกับคนที่เรารักด้วยน่าจะดีมาก”
สำหรับกิจกรรมในวันผ่านข้ามปีของครอบครัวหญิงแม้น คือ ปาร์ตี้บาร์บีคิว เอาท์ดอร์ระหว่างครอบครัวกับญาติ บริเวณบ้านพักที่ตัวเมืองในจังหวัดเชียงใหม่ และอาจร่วมรับประทานอาหารกัน ตั้งแต่ 2 ทุ่ม หลังจากนั้นก็กินเลี้ยงและร่วมเคานต์ดาวน์ไปด้วยกัน
“ครอบครัวเราไปด้วยกันทุกปี อย่างปีที่แล้วไปเคานต์ดาวน์ที่ริมทะเล ปีนี้ก็เลยขึ้นภูเขากัน ซึ่งคอนเซ็ปต์แต่ละปี กลุ่มญาติๆ ก็เป็นคนเลือก ช่วงเวลานั้น อยากอยู่กับคนที่เรารักซึ่งมันเป็นความสุขอย่างหนึ่ง เราให้ความสำคัญกับคนที่อยู่รอบตัวมากกว่า บางคนชอบพูดว่าอะไรที่ไม่ดี ทิ้งไว้ปีนี้ ปีใหม่แล้วคือเริ่มต้นใหม่ แต่สำหรับเรา คิดว่าเริ่มต้นใหม่เมื่อไหร่ก็ได้ วันไหนก็สามารถเริ่มต้นใหม่ได้ ไม่จำเป็นต้องเป็นปีใหม่”
ไม่ต่างจาก ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ คืนวันที่ 31 ธันวาคม 2552 เขาจะร่วมรับประทานอาหารกับครอบครัว ญาติมิตร และเพื่อนบ้าน ในบ้าน ส่วนหลังจากนั้นใครอยากไปร่วมกิจกรรมที่ไหนก็แล้วแต่สะดวก
“คนอื่นเคานต์ดาวน์ ผมอยู่บ้าน ผมไม่เห่อนะ ทุกปีก็เหมือนๆ กัน ไม่ได้ตื่นเต้นกับวันปีใหม่ ซึ่งวันถัดมามันก็ยังเหมือนเดิม ไม่เห็นมีอะไรที่เปลี่ยนแปลงขึ้น ผมไม่ได้ให้ความสำคัญกับการเคานต์ดาวน์ ไม่ตื่นเต้น หรือต้องพาครอบครัวไปร่วมกิจกรรมเคานต์ดาวน์ คิดว่ามันก็เป็นแค่ธรรมเนียมหนึ่งที่เกิดขึ้นมาในระยะหลังๆ ซึ่งเป็นเรื่องปกติสำหรับผม
“การกินข้าวกับครอบครัว ญาติสนิทมิตรสหายและเพื่อนบ้าน ผมว่าเป็นเรื่องที่ดีที่เราจะนั่งอยู่บ้านในวันต้อนรับปีใหม่ และมันก็สะดวกสบายด้วย ไม่ต้องไปนั่งเบียดเสียดใครที่เซ็นทรัลเวิลด์ หรือที่ไหนๆ ที่คนไปเยอะๆ ผมว่าอยู่บ้านดีกว่า นั่งดูทีวีที่บ้านแฮปปี้กว่าเยอะ ข้างนอกรถติดด้วย เรียกแท็กซี่ยาก”
กิจกรรมอีกอย่างที่อดีตเจ้าพ่ออ่างบอกว่าจะทำหลังจากที่กิจกรรมภายในครอบครัวเสร็จสิ้นลงก็คือการนั่งชมบรรยากาศเมืองกรุงฯ บนเพนต์เฮ้าส์ ย่านรัชดาภิเษก ที่สามารถมองเห็นวิวมุมสูงของเมืองหลวงได้อย่างชัดเจน
“หลังงานเลี้ยงกินข้าวเสร็จ ผมจะอยู่ที่เพนต์เฮ้าส์ของผมนั่นแหละ มันสามารถมองเห็นพลุที่เขาจุดฉลองกันช่วงเที่ยงคืนด้วย”
……….
ผ่านไปอีกหนึ่งปี แน่ละว่า คืนเคานต์ดาวน์ของแต่ละคนอาจมี ‘สีสัน’ ต่างกันไป แต่ถึงอย่างไร หวังใจให้เริ่มต้นปีใหม่ด้วยความสุข และสุขตลอดไป
.........
เรื่อง : ทีมข่าว CLICK