xs
xsm
sm
md
lg

ปั่นจักรยานฟอกปอด ณ โอเอซิสกลางกรุง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


เบื่อมลพิษ ฝุ่น หมอก ควัน ในกรุงเทพฯ กันไหม?... แน่นอนว่าหลายคนจะต้องพยักหน้าตามๆ กัน

ถ้าอย่างนั้นวันพักผ่อนครั้งต่อไป คุณต้องไม่พลาดที่จะเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของ Oasis in the City กับพื้นที่สีเขียวกลางเมืองอย่าง ต.บางกะเจ้า อ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ ไม่ต้องขับรถมาไกลก็ได้สูดออกซิเจนเต็มปอดแล้ว แถมยังได้รักษ์โลกด้วย

สวนกลางมหานครที่ว่านี้ หมายถึงโครงการที่อนุรักษ์พื้นที่สีเขียวบริเวณบางกะเจ้า ในเนื้อที่ 11,819 ไร่ ตั้งแต่เมื่อวันที่ 14 กันยายน 2520 ประกอบด้วย 6 ตำบล ได้แก่ ตำบลทรงคะนอง บางยอ บางกะเจ้า บางกระสอบ บางน้ำผึ้ง และบางกอบัว เป็นพื้นที่ที่ล้อมรอบด้วยแม่น้ำเจ้าพระยา เป็นระยะทาง 15 กิโลเมตร มีรูปร่างคล้ายรูปบ่วงหรือกระเพาะหมู

นอกจากเป็นพื้นที่สีเขียว อากาศบริสุทธิ์กว่าในเมืองแล้ว ยังเป็นศูนย์รวมวัฒนธรรม ไทย-มอญ ชาวรามัญพื้นเมืองเดิมที่อพยพเข้ามาอยู่อาศัยกว่าร้อยปี ที่ถึงแม้ว่าปัจจุบันนี้จะกลายเป็นคนไทยด้วยกันแล้ว แต่ก็ยังรักษาประเพณีดั้งเดิมต่างๆ ไว้ได้เป็นอย่างดี

แต่ทริปนี้ขอบอกว่าไม่ธรรมดา เพราะคุณจะไม่ได้นั่งรถยนต์แอร์เย็นฉ่ำ เห็นวิวทิวทัศน์จนพอใจแล้วก็กลับ ฟังดูน่าเบื่อเกินไปไหม... ดังนั้น ครั้งนี้คุณจะต้อง “ปั่นจักรยาน” เปลี่ยนบรรยากาศเพื่อเก็บภาพ อารมณ์ ความทรงจำรายทางกลับไปอย่างน่าประทับใจ ซึ่งนอกจากความคุ้มค่า สามารถซิกแซ็กไปได้ทั่วถึง และได้ออกกำลังกายแล้ว คุณยังได้เป็นส่วนหนึ่งในการรักษ์โลกใบนี้ให้มีสีเขียวยิ่งขึ้นด้วย

“เรามองว่าการปั่นจักรยานในครั้งนี้ไม่เพียงแต่เป็นการเดินทางเพื่อเปิดโลกกว้างเท่านั้น แต่ยังเป็นการได้สัมผัสธรรมชาติ และเรียนรู้วิถีชีวิต วัฒนธรรมไทยและมอญ พร้อมสัมผัสระบบนิเวศ ‘ป่าในเมือง’ กับการปั่นจักรยานท่องเที่ยวเชิงนิเวศ” คือความเห็นจากคุณโกวิทย์ ผดุงเรืองกิจ บรรณาธิการบริหาร นิตยสารเนชั่นแนล จีโอกราฟฟิก ฉบับภาษาไทย ผู้จัดกิจกรรมนี้ขึ้น

เบิกตาชมสวนรับตะวัน
“แมะเหง่อระอาว”...เริ่มต้นด้วยการทักทาย ‘สวัสดี’ เป็นภาษามอญกันก่อนจะล้างปอดยามเช้าที่สวนศรีนครเขื่อนขันธ์ ก่อนออกไปสำรวจพื้นที่ซึ่งคุณสามารถนำรถยนต์มาจอดไว้ที่นี่ได้และปั่นจักรยานวนกลับมาในภายหลัง

สวนศรีนครเขื่อนขันธ์เป็นหนึ่งในโครงการสวนกลางมหานคร ซึ่งอนุรักษ์พื้นที่บริเวณบางกะเจ้าเป็นพื้นที่สีเขียวหรือพื้นที่เกษตรกรรม ในเนื้อที่กว้างถึง 148 ไร่ โดยในปี พ.ศ. 2535 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานชื่อว่า สวนศรีนครเขื่อนขันธ์ แปลว่า สวนสาธารณะที่เป็นศรีแก่นครเขื่อนขันธ์

สวนแห่งนี้มีต้นไม้อยู่หนาแน่น ให้ความร่มรื่นได้เป็นอย่างดี รวมทั้งมีสระน้ำและมีปลาเป็นจำนวนมาก เหมาะแก่การมานั่งพักผ่อน เดินเล่น ออกกำลังกายยามเช้า สูดออกซิเจนให้เต็มปอด คุณสามารถปั่นจักรยานอบอุ่นร่างกายเตรียมพร้อมสู่เส้นทางทริปปั่นจักรยานนี้ได้อย่างสบายๆ

แต่งแต้มสีเขียวบนผืนดิน
เมื่อปั่นจักรยานตามเส้นทางจากสวนศรีนครเขื่อนขันธ์ ผ่านพื้นที่สวนและบ้านพักอาศัยของชาวบ้านแถบนั้นกับบรรยากาศยามเช้ามาเรื่อยๆ ราว 4.5 กิโลเมตร ก็จะมาถึง ‘สวนป่าเกดน้อมเกล้า’ ซึ่งสามารถทำกิจกรรมปลูกป่าตามรอยพระราชดำริ ณ ชุมชนวัดป่าเกด คุณสามารถนำต้นไม้ต้นน้อยที่ทางศูนย์ฯ เพาะไว้ ไปปลูกลงในผืนดินบริเวณใกล้เคียง ให้เกิดเป็นป่าในชุมชนตามโครงการพระราชดำรินั่นเอง

นอกจากนี้ คุณต๊อย ผู้ดูแลพื้นที่ยังบอกด้วยว่า บริเวณนี้มีหอยเป็นสิ่งสำคัญของระบบนิเวศ เนื่องจากหิ่งห้อยจะวางไข่ไว้กับหอยเพื่อฟักและกลายเป็นหิ่งห้อยต่อไป แต่ปัจจุบันมีจำนวนลดน้อยลงมาก จึงอยากให้ทุกคนช่วยกันอนุรักษ์สิ่งสวยงามเหล่านี้ไว้

เรียนรู้วิถีรามัญ
หลังจากได้ทำกิจกรรมเพิ่มสีเขียวให้แก่เมืองกรุงแล้วก็ปั่นจักรยานต่อไปที่ ‘วัดคันลัด’ ด้วยระยะทางประมาณ 2 กิโลเมตร วัดแห่งนี้เป็นวัดราษฎร์ที่มีความสำคัญ สร้างขึ้นราว พ.ศ. 2349 ตั้งแต่ชาวมอญอพยพมาจากปทุมธานีและนนทบุรี ได้เลือกวัดคันลัดเป็นวัดประจำหมู่บ้าน

ณ วัดคันลัด คุณจะได้เห็นประเพณีวัฒนธรรมที่คนในพื้นที่สืบทอดกันมาจากรุ่นสู่รุ่น ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ของทุกปี เป็นโอกาสที่หนุ่มสาวจะได้มาทำกิจกรรมร่วมกัน นั่นคือ ‘สะบ้าบ่อน’ โดยการละเล่นนี้จะแบ่งเป็นฝ่ายชายและหญิงเท่าๆ กัน ครั้งละมากที่สุดคือ 8 คนหรือ 4 คู่ มีพ่อเมืองและแม่เมือง (ผู้เล่นนำ) ตกลงถึงการเล่นว่าต้องใช้ลีลาท่าทางอย่างไรในการทอยสะบ้าเล็กหรือล้อตะครุบ แล้วดีดสะบ้าใหญ่ให้ล้ม ผลัดกันไปมาทั้งสองฝ่ายเรื่อยๆ อาจเล่นกันทั้งคืนเลยทีเดียว

นอกจากประเพณีสะบ้าบ่อนแล้ว ยังมีประเพณี ‘ค้ำต้นโพธิ์’ ชาวมอญถือว่าการค้ำต้นโพธิ์นี้เป็นการค้ำจุนศาสนา เพราะต้นโพธิ์เป็นต้นไม้ที่เกี่ยวข้องกับพุทธศาสนา จึงถือว่าเป็นการทำบุญเพื่อสาธารณประโยชน์ แต่ไม่ใช่ว่าเมื่อถึงวันสงกรานต์จะไปค้ำกันทุกคน แต่มีหลักอยู่ว่า วันที่ 14 เมษายน ของแต่ละปี เป็นวันที่ตรงกับวันอะไรผู้ที่เกิดตรงกับวันนั้นจะเป็นผู้ที่ต้องนำไม้ไปค้ำต้นโพธิ์นั่นเอง

ตลาดย่านถิ่นบางน้ำผึ้ง
ตลาดน้ำบางน้ำผึ้งคือจุดสุดท้ายของทริปปั่นจักรยานนี้ โดยมีระยะทางจากวัดคันลัดประมาณ 3.5 กิโลเมตร นับว่าเป็นสถานที่ไฮไลต์ที่ใครหลายคนรอคอยก็ว่าได้ ตลาดแห่งนี้เป็นตลาดทางเดินความยาวกว่า 2 กิโลเมตรขนานกับคลองซอยสายเล็กๆ สองข้างทางจะมีร้านจำหน่ายสินค้าต่างๆ เรียงรายอยู่ไม่ขาดสาย

สินค้าที่จำหน่ายมีมากมายหลายประเภทอย่างต้นไม้นานาพันธุ์ ผลิตผลทางการเกษตรของชาวบ้าน หรือจะเป็นอาหารคาวด้วยราคาที่ไม่แพงอย่างที่คิดกับปริมาณจุใจ รวมทั้งขนมหวานนานาชนิดที่ส่วนใหญ่จะเป็นขนมไทยที่มีรูปแบบตามภูมิปัญญาชาวบ้าน กับรสชาติเข้มข้น สดใหม่ จนอดใจไม่ได้ที่จะซื้อติดไม้ติดมือกลับมาบ้าง

แม้ว่ามีบางส่วนที่สินค้าดูคุ้นตาจากสวนจตุจักร แต่ก็นับว่าเป็นส่วนน้อยมาก เกือบ 100% เป็นสินค้าที่มาจากฝีมือคนในท้องถิ่นจริงๆ บวกกับความมีอัธยาศัยดีของบรรดาพ่อค้าแม่ขายก็ซื้อใจนักท่องเที่ยวได้เป็นอย่างดี

ตลาดน้ำบางน้ำผึ้งจะเปิดเฉพาะวันเสาร์-อาทิตย์ ตั้งแต่เวลา 8.00 – 15.00 น. เท่านั้น หลังจากชอปจนหนำใจแล้วก็สามารถปั่นจักรยานกลับมาที่สวนศรีนครเขื่อนขันธ์ได้ในระยะทาง 3 กิโลเมตร จึงสามารถรวมระยะทางทั้งหมดของทริปปั่นจักรยานชมระบบนิเวศ และวิถีวัฒนธรรมนี้อยู่ที่ 13 กิโลเมตรโดยประมาณ คุณอาจรอตะวันตกดินและเก็บภาพยามค่ำของวงแหวนอุตสาหกรรมแถมกลับนี้ไปด้วยก็ยังได้

งานนี้นอกจากชื่นใจ สบายปอดแล้วยังได้ออกกำลังกาย ได้สุขภาพแข็งแรงกลับไปอีกด้วย แต่แนะนำกันนิดว่า หากใครอยากมาปั่นจักรยาน กินลมชมวิวแบบนี้ก็ให้วางแพลนมาแต่เช้า เพราะแดดจะได้ไม่ร้อนมาก และรถบนถนนไม่พลุกพล่าน

แล้วคุณจะรู้ว่าหนึ่งวันพักผ่อนทำอะไรได้มากกว่าท่องเที่ยว เพราะคุณยังช่วยรักษาโลกใบนี้ไว้อีกด้วย




เตรียมพร้อมก่อนออกปั่น

ตรวจสอบความพร้อมของจักรยานเพราะเป็นการปั่นระยะทางไกล อย่าให้เบาะนั่งแข็งเกินไป ปรับระดับให้พอดีกับความถนัด เช็กลมยางให้เรียบร้อย และแนะนำว่าควรเป็นจักรยานส่วนตัวที่ขี่จนคุ้นเคยแล้วจะดีที่สุด

ควรพกน้ำเปล่าหรือเครื่องดื่มเกลือแร่ไปด้วย 1-2 ขวดเพื่อเติมความสดชื่นระหว่างทาง รวมทั้งอาจพกอาหารทานง่ายอย่างขนมปังไปเผื่อหมดแรงกลางทางด้วยก็ได้

ก่อนออกปั่นจะต้องมั่นใจในความพร้อมของสุขภาพร่างกายด้วย หากพักผ่อนไม่เพียงพอ หรือเพิ่งมาจากงานฉลองข้ามคืน งานนี้อาจไม่สบายได้

ควรทาครีมกันแดด ใส่เสื้อผ้ากันแดด หรือใส่หมวกปั่นด้วยเพราะทริปนี้จะใช้เวลาราว 5-6 ชั่วโมง แดดช่วงสายถึงบ่ายจะแรงมาก

ในการขี่จักรยาน ทุกครั้งก่อนการเปลี่ยนทิศทางควรให้สัญญาณมือ อย่าเปลี่ยนทิศทางอย่างกะทันหัน มองหน้ามองหลังให้รอบคอบ ไม่เช่นนั้นอาจเกิดอันตรายขณะเลี้ยวได้






กำลังโหลดความคิดเห็น