xs
xsm
sm
md
lg

ตีนแมวหัวหมอสะอึก! จำนนหลักฐาน ตร.แกะรอยจับอีกรอบ

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม

รวบสองผัวเมียขับรถตระเวนลักทรัพย์หมู่บ้านจัดสรรย่านฝั่งธน และปริมณฑล ยึดของกลางหลายล้านบาท ตำรวจเชื่อมีคนร่วมแก๊งมากกว่าที่จับได้ ระบุ ผู้ต้องหาจะทำเป็นขายเสื้อผ้าตามตลาดนัดบังหน้า ก่อนขับรถดูลาดเลาตามบ้านเป้าหมาย แน่ใจไม่มีคนอยู่ ผัวลงมือใช้คีมตัดประตู-ไขกุญแจผี เข้าไปขนทรัพย์เกลี้ยง เมียคอยดูต้นทาง ถ้าบ้านไหนมีหมาก็วางยาเบื่อผสมอาหารให้กินจนตาย

วันนี้ (4 มิ.ย.) เมื่อเวลา 12.30 น.ที่ศูนย์สืบสวน (ศส.บช.น.) พล.ต.ต.ภูมิรา วัฒนปาณี รอง ผบช.น. พ.ต.อ.ธัมรงค์ วงศ์แป้น พ.ต.อ.สุมิตร คุณานุคุณ พ.ต.อ.พันธุ์เทพ ธรรมจารี ผกก.ศส.บช.น.พร้อมเจ้าหน้าที่ ศส.บช.น.ร่วมกันแถลงข่าวจับกุม นายสุพจน์ คชวงษ์ อายุ 46 ปี อยู่บ้านเลขที่ 37/5 หมู่ 2 ต.บางกะเจ้า อ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลาอาญากรุงเทพใต้ เลขที่ จ.72/2552 ลงวันที่ 28 ม.ค.2552 ในข้อหา ลักทรัพย์ในเคหสถาน โดยทำลายสิ่งกีดกั้นสำหรับคุ้มครองบุคคลหรือทรัพย์ และ น.ส.อารีย์ สีดี อายุ 41 ปี อยู่บ้านเลขที่ 274 หมู่ 7 ต.บางตะเคียน อ.สองพี่น้อง จ.สุพรรณบุรี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญากรุงเทพใต้เลขที่ จ.235/2551 ลงวันที่ 22 ก.พ.2551 ในข้อหาลักทรัพย์ในเคหะสถานเวลากลางคืน โดยทำลายสิ่งกีดกั้นสำหรับคุ้มครองทรัพย์

โดยจับกุมผู้ต้องหาทั้งสองคนได้ที่บริเวณริมถนนกาญจนาภิเษก แขวงและเขตบางบอน พร้อมของกลางทรัพย์สินจำพวกเครื่องประดับต่างๆ เช่น ทองรูปพรรณ แหวนและสร้อยคอทองคำ จำนวน 170 รายการ เหรียญและเงินตราต่างประเทศ จำนวน 30 รายการ พระเครื่อง จำนวน 110 รายการ อุปกรณ์การงัดแงะ จำนวน 28 รายการ และทรัพย์สินอื่นอีก 21 รายการ รวมทั้งสิ้น 359 รายการ มูลค่ากว่าหลายล้านบาท

พล.ต.ต.ภูมิรา เปิดเผยว่า การจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องเจ้าหน้าที่ศูนย์สืบสวนได้พยายามติดตามแกะรอยของแก๊งคนร้ายลักทรัพย์ตามบ้านเรือนประชาชนแก๊งนี้มานานแล้ว โดยทั้งสองคนเป็นสามีภรรยาที่ยึดอาชีพค้าขายเสื้อผ้าตามตลาดนัดบังหน้า ก่อนจะขับรถออกตระเวนดูลาดเลาตามบ้านจัดสรรเมื่อได้บ้านเป้าหมายแล้วและแน่ใจไม่มีคนอยู่บ้าน ก็จะใช้คีมตัดประตูหรือใช้กุญแจผีไขประตูเข้าไปลักทรัพย์สินมาแล้วหลายครั้ง โดยนายสุพจน์จะเป็นคนขนทัพรย์สิน ส่วน น.ส.อารีย์ จะเป็นคนคอยดูต้นทาง และหากมีสุนัขเฝ้าบ้าน ก็จะเอายาเบื่อผสมใส่อาหารให้สุนัขกินจนเสียชีวิต

พล.ต.ต.ภูมิรา กล่าวต่อว่า กระทั่งเวลา 13.15 น.วานนี้ (3 มิ.ย.) เจ้าหน้าที่จึงได้ติดตามสะกดรอยผู้ต้องหาทั้งสองคนขณะเดินทางออกจากบ้านเลขที่ 43/52 หมู่บ้านไพลดา 5 ถนนพระรามที่ 2 แขวงแสมดำ เขตบางขุนเทียน หลังคาดว่าทั้งสองคนจะออกไปก่อเหตุอีก แต่ผู้ต้องหาได้จอดรถลงบริเวณดังกล่าวจึงแสดงตัวเข้าจับกุมทันที ก่อนนำตัวไปตรวจค้นบ้านพักหลังดังกล่าว และบ้านเลขที่ 81/95 หมู่บ้านทองไพศาล ถนนเพชรเกษม แขวงบางหว้า เขตภาษีเจริญ ก็พบทรัพย์สินของกลางอีกดังกล่าวซุกซ่อนอยู่จำนวนมาก จึงยึดไว้เป็นของกลางก่อนนำตัวมาสอบสวน

พล.ต.ต.ภูมิรา กล่าวต่อว่า จากการตรวจสอบประวัติผู้ต้องหาทั้งสองคนพบว่า ถูกออกหมายจับและถูกจับกุมดำเนินคดีในหลายท้องที่ด้วยกัน โดยนายสุพจน์ ถูกจับกุมในคดีลักทรัพย์ในท้องที่ สภ.พระประแดง สภ.เมืองนนทบุรี สน.วัดพระยาไกร สน.ลุมพินี สน.บางซื่อ โดยเฉพาะสน.บางโพงพาง ที่เจ้าหน้าที่พบลายนิ้วมือแฝงของนายสุพจน์ในที่เกิดเหตุ และล่าสุด ถูกจับที่ สน.บุปผาราม ในข้อหาพยายามลักทรัพย์และพกพาอาวุธปืนฯ เมื่อวันที่ 13 ก.ค.2551 ที่ผ่านมา แต่เจ้าตัวประกันตัวหลบหนีไปแล้วไม่มาศาล ส่วน น.ส.อารีย์ ก็มีประวัติก่อเหตุลักทรัพย์ในท้องที่ สน.พญาไท สน.เพชรเกษม สน.บางพลัด สภ.เมืองนนทบุรี สภ.เมืองชัยภูมิ และ สน.ยานนาวา

พล.ต.ต.ภูมิรา กล่าวด้วยว่า ทางเจ้าหน้าที่เชื่อว่ายังมีผู้ต้องหาคนอื่นที่ยังร่วมแก๊งก่อเหตุอยู่อีก ซึ่งจะทำการสืบสวนขยายผลต่อไป อย่างไรก็ตาม ทางศูนย์สืบสวนจะอายัดทรัพย์สินของกลางเอาไว้ให้ ผู้เสียหายรายใดที่สงสัยว่าจะเคยถูกผู้ต้องหาทั้งสองคนเข้าไปลักทรัพย์มาดูได้ตลอดเวลา เช่นเดียวกับ สน.วังทองหลาง ที่เคยจัดทรัพย์สินของกลางที่ถูก “แก๊งหมูสกปรก” โจรกรรมไป

จากการสอบสวน นายสุพจน์ ให้การรับสารภาพ ได้ตระเวนก่อเหตุลักทรัพย์มาแล้วหลายครั้ง แต่จำไม่ได้ว่าเข้าไปลักทรัพย์สินที่หลังไหนบ้าง แต่ส่วนใหญ่จะตระเวนหาบ้านเป้าหมายในพื้นที่ย่านฝั่งธน และปริมณฑล

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับ นายสุพจน์ นั้นเคยตกเป็นข่าวมาแล้วครั้งหนึ่ง เมื่อเจ้าตัวเดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวนสน.บุปผารามในวันที่ 16 ก.ค.2551 เพื่อแจ้งความว่า ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวน สน.บุปฝาราม นายหนึ่งทำร้ายร่างกายขณะกำลังสอบปากคำจนได้รับบาดเจ็บสาหัส ทั้งใช้ค้อนยางทุบตามตัว และเตะเข้าตามร่างกายหลายแห่งจนเกิดรอยฟกช้ำดำเขียวไปทั่วตัว หลังถูกจับกุมในข้อหาร่วมกันพยายามลักทรัพย์ในเคหสถานโดยทำอันตรายสิ่งกีดกั้น พกพาอาวุธปืน

แต่ในวันนั้นเจ้าตัวกลับถูกตำรวจฝ่ายสืบสวน สน.บุปผาราม นำหมายจับศาลจังหวัดนนทบุรี เลขที่ 476/2547 ลงวันที่ 13 พ.ค.2547 ในข้อหาร่วมกันลักทรัพย์ผู้อื่นในเคหสถานโดยทำอันตรายสิ่งกีดกั้น และใช้ยานพาหนะเพื่อความสะดวกในการกระทำผิด เหตุเกิดเมื่อวันที่ 24 ก.พ.2547 เข้าจับกุมในโรงพักและนำตัวไปดำเนินคดีทันที ทำเอาเจ้าตัวก็ถึงหน้าถอดสี ออกอาการอ้ำอึ้งและไม่ยอมตอบคำถามใดๆ กับผู้สื่อข่าวอีก

ทั้งนี้ เจ้าหน้าฝ่ายสืบสวนสน.บุปผาราม ก็ได้ชี้แจงกับผู้สื่อข่าวว่า ในเหตุการดังกล่าวนายสุพจน์ถูกชาวบ้านนับ 10 คน รุมประชาทัณฑ์จนสะบักสะบอมแล้ว และหลังจับกุมมา เจ้าตัวก็เกิดอาการคลุ้มคลั่ง เอาศีรษะโขกกับพื้น และกระถางต้นไม้ภายในห้องสืบสวน จนหน้าผากบวมปูด และมีบาดแผลกว้างประมาณ 1 ซม.มีเลือดไหลออกมาด้วย โดยนายสุพจน์อ้างว่ารู้สึกเครียดที่ทำให้แม่ผิดหวัง จึงต้องหาทางระบายความเครียดด้วยวิธีนี้ ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ก็ได้ทำบันทึกให้เจ้าตัวเซ็นรับทราบและถ่ายภาพเอาไว้ เพื่อป้องกัน นายสุพจน์ กลับมาแจ้งความเท็จดำเนินคดีต่อเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมในภายหลัง ซึ่ง นายสุพจน์ ได้พาทนายความมาแจ้งความจริงตามคาด

ตีนแมวหัวหมอสุดเจ้าเล่ห์ พาทนายแจ้งเท็จกุข่าวถูก ตร.ซ้อม!
ตำรวจนำตัวผู้ต้องหาทั้งสองมาแถลงข่าว
ทรัพย์สินของกลางที่ยึดมาได้
อุปกรณ์งัดแงะจำนวนมาก
กำลังโหลดความคิดเห็น