ในกระแสสังคมทุกวันนี้ ตามหน้าข่าวบันเทิงในหนังสือพิมพ์หรือแม้แต่ตามนิตยาสารต่างๆ เราจะเห็นได้ว่ามันเต็มไปด้วยรูปภาพของเหล่าคู่ควงระหว่างดาราและไฮโซ หรือคู่รักดารา ซึ่งเดี๋ยวนี้มีคำจำกัดความฮิตติดหูเพื่อเรียกบุคคลเหล่านี้ว่า “เซเลบบริตี” ที่มักออกงานคู่กัน มีข่าวรัก ข่าวเลิก ข่าวรีเทิร์น
และการเป็นข่าวหมายถึงความดัง การที่ทำให้คนพูดถึงได้ คนในสังคมรู้จักได้นั้นเป็นเรื่องที่น่ายินดี เพราะทุกวันนี้เรื่องของการตลาดเป็นเรื่องสำคัญในทุกวงการ เราจะเห็นได้ว่า ซีอีโอ หรือเหล่าผู้บริหารของหลายๆบริษัทได้ออกมาโปรโมตโฆษณาสินค้าด้วยตัวเอง ยกตัวอย่างเช่น นกแอร์ โออิชิ ฯลฯ ซึ่งมันก็ปีนอยู่บนหลักการเดียวกันกับการที่ ไฮโซรุ่นกระเตาะทายาทรุ่นเล็ก ยกตัวอย่างเช่นกรณีของทายาทบริษัทน้ำเมาชื่อดัง ที่ออกมาโปรโมตตัวเองด้วยการคบกับดารา เพื่อที่จะทำให้เป็นที่รู้จักของคนในสังคม หรือไม่ก็เข้าวงการบันเทิงไปเลย และเมื่อตัวเองเป็นที่รู้จัก สินค้าของเขาก็จะเป็นที่รู้จักตามไปด้วย
ส่วนดาราก็ไม่ต้องพูดถึงรู้กันอยู่ว่าคบกับไฮโซแล้วได้อะไร มันจึงเป็นการเจอกันของผลประโยชน์ที่ลงตัว หรือบางทีหากเรามองในอีกแง่มุม มันคือความเหมาะสม คนรวยกับคนหน้าตาดีคบกัน ดังนั้นปรากฏการณ์เซเลปแพกคู่จะเป็นรักแท้หรือแค่การมาบรรจบกันของผลประโยชน์อันลงตัว
ไฮโซ-ดารา ก้าวขามายืนบนที่เดียวกัน
ดูเหมือนว่าทุกวันนี้ ไฮโซกับดาราจะกลายเป็นของคู่กันไปเสียแล้ว ซึ่งก็เป็นธรมดา ที่อาจจะมีคู่ที่รักกันจริงๆ และคู่ที่เป็นรักโปรโมต (ตัวเอง) แต่เมื่อไหร่กันนะ ที่ไฮโซกับดารา มาอยู่ในสถานะที่ก้ำกึ่งกันขนาดนี้
“ถ้าให้ผมมอง มันเป็นเรื่องของงาน สมัยนี้โปรดักต์ต่างๆ เค้าก็ไปจ้างเซเลปจ้างไฮโซ ซึ่งบางคนนั้นก็มีไลฟ์สไตล์ที่น่าสนใจ ศัพท์ทางเอเยนซี เขาเรียกว่าสามารถขายได้ เมื่อก่อนคนเหล่านี้จะเป็นดารา ก็เพราะว่าดาราเป็นที่รู้จักกันเยอะ และในสมัยนี้ก็ไม่จำกัดอยู่แต่เฉพาะดาราเท่านั้น แต่จะเป็นคนอื่นที่เป็นที่รู้จักก็ได้ ลองไปดูตามหนังสือต่างๆ ก็จะเห็นไฮโซ หรือเซเลบที่ไม่ได้อยู่ในวงการบันเทิงโดยตรงอยู่มากมาย ฉะนั้น คนเหล่านี้แม้จะไม่ได้ประกอบอาชีพบันเทิง แต่ก็เป็นที่รู้จักกันในวงสังคม เขาจึงสามารถเป็นตัวแทนของโปรดักซ์ได้
“การจ้างไฮโซหรือเซเลบฯนั้นดีต่อโปรดักซ์ด้วยซ้ำ เพราะค่าใช้จ่ายมันน้อยกว่าคนที่ทำงานบันเทิง เพราะว่าเขาเหล่านั้น มาในลักษณะของคนที่ไม่สนใจเรื่องเงินเท่าไหร่ อาจจะคิดว่าสนุกดี มาทำงานร่วมกับดารา คล้ายกับงานอดิเรกไม่ใช่อาชีพหลักของเขา”
ปี๊ป รวิชญ์ เทิดวงส์ ดาราและเซเลบหนุ่มมองปรากฏการณ์ที่ไฮโซและดารากลายมาเป็นคนกลุ่มเดียวกันได้อย่างมีที่มาที่ไป และเมื่อทั้งไฮโซและดารามาเป็นคนกลุ่มเดียวกันแล้ว อะไรๆ ที่เกิดตามมาก็เป็นอย่างที่เราเห็นกันในวันนี้
“สังคมของไฮโซกับดาราในสมัยนี้ เป็นสังคมที่ใกล้ชิดกันมากจนแทบจะกลายเป็นสังคมเดียวกันไปแล้ว ในงานต่างๆ ก็มีทั้งคนในวงสังคม และมีดาราผสมกันไป รูปแบบการนำเสนอในทุกๆ สื่อมันเปลี่ยนไป ถ้าคุณไปงานปาร์ตี้ใหญ่ๆ สักงานหนึ่ง จะเห็นว่าคนหลากอาชีพ เป็นเพื่อนกันหมด”
และเมื่อเป็นเพื่อนกัน ก็เป็นธรมดาที่จะมีการแชร์ผลประโยชน์ร่วมกัน ซึ่งในกรณีนี้มีตั้งแต่ การคบกับคนที่มีฐานะทางสังคมที่ดีกว่า ไปจนถึงการคบคนเพื่อส่งให้ตนเองมีชื่อเสียงมากขึ้น ซึ่งเรื่องเหล่านี้ไม่ใช่ว่าจะเป็นกับทุกคน เพราะคนคบกันแบบมีคุณธรรมน้ำมิตรจริงๆ ก็ยังมีอยู่มาก
“มันมีส่วนจริงนะ ก็แล้วแต่คนแล้วแต่เคสไป ทุกวันนี้เจ้าของโปรดักต์หรือคนที่เป็นผู้รับผิดชอบนั้นมาสนิทกับดาราก็มี ทั้งนี้ก็เพื่อผลต่อไปที่อาจจะเกี่ยวข้องกับเรื่องงาน ทุกคนอยากมีความเป็นอยู่ที่ดีกว่าเดิม ก็จะวิ่งไปสู่สิ่งนั้น ไม่จำกัดอยู่ที่วงการไฮโซหรือดารา แต่วงการไหนก็เป็น ทุกวันนี้ทุนนิยมมันรุนแรงขึ้นกว่าแต่ก่อนมาก
“สมัยผมเด็กๆ พ่อค้าไม่ใช่ชนชั้นแรก ชนชั้นแรกคือข้าราชการ เป็นคนที่มีเกียรติที่สุดในสังคม แต่ทุกวันนี้คนมีเงินคือคนที่เกียรติ ตามงานต่างๆ เขาให้เกียรติคนที่มีเงินทั้งนั้น เรื่องชาติตระกูลถ้าประกอบกันได้ก็จะดีขึ้นไปอีก แต่เรื่องชาติตระกูลนี่ก็ไม่ใช่ว่าจะคงอยู่ไปตลอด เมื่อ 30 ปีที่แล้ว ชาติตระกูลที่มีชื่อระดับต้นๆ ในไทย ทุกวันนี้ก็มีบางชื่อที่เงียบลงไปแล้วในขณะที่มีตระกูลใหม่ๆ โผล่ขึ้นมา ขึ้นอยู่กับธุรกิจของเขาด้วย”
นอกจากการคบหาเป็นมิตรสหายแล้ว หลายคนหลายคู่ ก็มาคบกันเป็นคู่รักเลยก็มี แน่นอนว่ามีทั้งรักันจริง และทำท่ารักกันเพื่ออนาคตที่ดีกว่า
“การมารักกันของไฮโซกับดารามีหลายแบบ บางคนก็มาคบกันเป็นช่วงแล้วก็เลิกกันไป บางคู่ก็คบกันจนแต่งงานกันไปเลยก็มี เป็นคนละแบบกัน การที่คนเราจะมาคบกันมันไม่ง่าย การที่จะอยู่ด้วยกันเป็น สิบสิบปี แสดงว่าเขาต้องเข้ากันได้จริงๆ ในที่สุดมันก็กลับมาที่พื้นฐานของคนสองคนว่าจะอยู่กันได้ไหม
“การไปคบกันเพราะอยากดังอยากมีชื่อเสียง สุดท้ายแล้วมันก็จะเปิดเผยตัวเองออกมา ระยะเวลาจะตอบ ถ้าแรกๆ รักของคนคู่หนึ่งเป็นรักโปรโมต แต่ต่อมาเขาอยู่กินกันไปจริงๆ เราก็ต้องยินดีกับเขา ระยะเวลาจะจัดการตัวมันเอง”
แล้วคนทั่วไปที่ดูละครอ่านนิตยสารดาราล่ะเขาคิดยังไงกัน ลองมาฟังเสียงของเหยื่อที่อยู่สุดปลายสายห่วงโซ่การตลาดกันดูบ้าง
ความเห็นจากผู้รับสื่อ คุณ สิรินาฏ หุ่นทรัพย์ พนักงานออฟฟิต ได้แสดงความเห็นเกี่ยวกับเรื่องคู่รัก เซเลปบริตี้ว่า
“เดี๋ยวนี้แทบแยกไม่ออกแล้วน่ะว่าไฮโซกับดาราต่างกันยังไง คืออาชีพดารานักแสดงก็นับได้ว่าเป็นอาชีพที่มีรายได้สูงมากน่ะค่ะ พวกเค้าก็เหมือนกับเป็นไฮโซอยู่กลายๆอยู่แล้วในสังคมทุกวันนี้ จะต่างกับพวกไฮโซก็ตรงที่ว่าไม่ได้รวยล้นมาแต่กำเนิด ส่วนไฮโซเดี๋ยวนี้ใครที่หน้าตาดีๆก็ได้เข้าวงการบันเทิง จากที่รวยอยู่แล้ว รวยเข้าไปอีก”
ส่วนเรื่องความเห็นเกี่ยวกับการที่เดี๋ยวนี้ไฮโซกับดารามักจะนิยมมาคบกัน คุณ สิรินาฏ ได้ให้ความเห็นว่า
“ก็เป็นคนหน้าตาดีกับคนมีตังคบกัน ก็เหมาะสมกันดีน่ะคะ แล้วดาราเองเดี๋ยวนี้ก็ไม่ใช่ว่าจะจนเห็นทุกคนออกข่าวมาก็รวยๆกันทั้งนั้น ถ้ามองกันแบบผิวเผินไฮโซก็มาจีบดาราเพราะเค้ามีเงินเค้ารวย มีสิทธิ์ คนธรรมดาๆอย่างเราๆถามจริงว่ายากได้แฟนเป็นดารามั้ย? ก็แน่นอนว่าอยากได้กันทั้งนั้นไม่งั้นคงไม่คลั่งไคลดารากัยอย่างทุกวันนี้ แต่เอาเข้าจริงเป็นได้แค่แฟนคลับ แต่พวกไฮโซเนี่ยเค้ามีสิทธิ์จีบดาราได้”
“ แต่ถ้าหากมองอีแง่อย่างที่เห็นกันอยู่ทุกวันนี้ หากเราสังเกตุดีๆ จะพบว่าเรารู้จักไฮโซมากขึ้นกว่าแต่ก่อนเยอะเลย เพราะเค้ามาคบกับดารา หากว่าเค้าคบกันเองก็ไม่เป็นที่รู้จัก จึงอาจจะเป็นได้เหมือนกันว่า ถ้าให้พูดตรงๆเลยคือไฮโซเกาะดาราดัง บางทีมันก็อาจจะเป็นเรื่องของผลประโยชน์”
“แต่สำหรับคนรับสื่ออย่างเราๆ ก็ไม่ได้สนใจอะไรมากมาย เรื่องของเขา เขาจะคบจะเลิก จะหลอกกันยังไง อย่างบางคู่อาจจะรักกันจริง แต่งงานกันไปก็มีให้เห็นอยู่เยอะ เรื่องของวงการบันเทิงเราก็ตามดูตามข่าวแบบพอบันเทิง บางทีติดออกไปทางชอบน่ะคะ มีเรื่องให้คุยกันเยอะดี ดาราเป็นบุคคลที่เราสามารถพูดถึงได้อย่างสบายปาก เพราะเรารู้จักเค้าแต่เค้าไม่รู้จักเรา ถึงแม้จะรู้น่ะว่าการที่เราไปพูดถึงข่าวของเค้าเป็นเรื่องที่เข้าทางพวกดาราเลย แต่ก็อย่าไปคิดอะไรมาก เรามันก็แค่คนรับสื่อ”
และสิ่งที่ตามมาจากการคบกันของเหล่าเซเลบบริตีนั้ก็คือปรากฏการณ์การออกงานออกสื่อเป็นคู่ ซึ่งปรากฏการณ์ดังกล่าวนี่มีให้เห็นกันแทบทุกวันเลยทีเดี่ยวก็ว่าได้
ผลประโยชน์ 'คู่รัก'
“ ผมมองว่า การมีเซเลบที่เป็นคู่รักกันมาปรากฏตัวในงานอีเวนต์ก็เป็นเรื่องผลประโยชน์ของหลายๆ ฝ่าย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ถ้าคนคู่นั้น กำลังเป็นที่สนใจ อยู่ในกระแสสังคม ค่าตัวเขาก็จะยิ่งสูง เจ้าของงานก็พร้อมจะทุ่มราคาเชิญตัวให้มางานให้ได้ เพราะถ้าเป็นคู่รักที่คนสนใจ สื่อมวลชนก็จะมางานเยอะมาก แม้จะมาถาม มาสัมภาษณ์เรื่องความรักว่า รักกันมานานหรือยัง วางอนาคตยังไง หรือแม้แต่คู่ที่กำลังมีข่าวฮ็อตๆ ว่ากำลังจะเลิกกันก็เถอะ แค่มีคนดังมา แล้วสื่อรุมสัมภาษณ์ แค่นั้น เจ้าของงานและเอเยนซีที่รับหน้าที่ประชาสัมพันธ์ ก็พอใจแล้ว เพราะเขาถือว่าภาพที่ปรากฏออกไป ก็คืองานของเขา เพราะเวลาที่สื่อมารุมสัมภาษณ์ดารา ก็จะมีฉากหลังเป็นชื่องาน เป็นโลโก้สินค้า”
ช่างภาพหนุ่มแห่งบริษัทเอเยนซีแห่งหนึ่งซึ่งรับหน้าที่ประชาสัมพันธ์ และ 'เชิญแขก' ตามงานอีเวนต์ต่างๆ ให้ความเห็นต่อกรณีคู่รักคนดังที่ปรากฏกายตามงานต่างๆ โดยมองว่าเป็นเรื่องของผลประโยชน์ที่ฝ่าย 'พีอาร์' เองถือว่าประสบความสำเร็จ หากสามารถเชิญสื่อมวลชนมางานได้เป็นจำนวนมาก แม้ประเด็นความรักที่ตามมาขุดคุ้ย จะไม่เกี่ยวกับเนื้อหาของงานเลยก็ตาม เพราะไม่ว่าอย่างไร ภาพที่ปรากฏออกไป ก็เป็นอันรู้กันว่า ข่าวสัมภาษณ์ดาราหรือคนดังเหล่านั้น เกิดขึ้นในงานใด
แต่นอกจากกระแสความดังที่เชิญสื่อมาได้มากมายหลายสำนักแล้ว ชายหนุ่มผู้นี้ ยังเผยถึงกลเม็ดการ 'ถีบค่าตัว' ให้แพงขึ้น ของคู่รักบางคู่
“มีข่าวที่คนในวงการเอเยนซี่เขาจะรู้กันว่า คู่รักบางคู่ ที่เคยเป็นกระแส เป็นข่าวดัง คนให้ความสนใจ เวลาออกงานแต่ละทีแต่ละคนก็ฟันค่าตัวไปเป็นแสน แต่พอนานๆ ไป คนก็เริ่มเฉยๆ กับข่าวคราวของเขา เจ้าตัวจึงแกล้งทำเป็นปล่อยข่าวว่ากำลังจะเลิกกัน แกล้งเลิกกันปลอมๆ เพื่อเรียกกระแส ให้สื่อมาตามสัมภาษณ์ ทั้งที่จริงๆ แล้ว ไม่ได้เลิกกันหรอก แล้วพอสื่อให้ความสนใจ งานต่อๆ ไป เขาก็กลับมาเรียกค่าตัวได้แพงๆ เหมือนเดิม”
ในมุมมองของเอเยนซี่ผู้นี้ ระดับค่าตัวคู่รัก หรือเซเลบฉายเดี่ยวก็ตามจะถูกหรือแพงย่อมขึ้นอยู่กับระดับความดังของเจ้าตัวด้วย
“ถ้าเป็นอั้ม-พัชราภา ตอนนี้ค่าตัวต่องานอีเวนต์ครั้งหนึ่งก็เฉียดแสนนะ 8 หมื่นบาทอัป ส่วน โดม ปกรณ์ ลัม ก็งานหนึ่งรับเป็นแสน เหมือนกัน”
แค่ฉายเดี่ยวยังรับทรัพย์อื้อขนาดนี้ หากมีคู่รักชื่อดังไม่แพ้กัน ดีกรีความดังยกกำลัง 2 ค่าตัวจึงพุ่งกระฉูดตามไปด้วย
ปัจจุบันค่านิยมของสังคมได้เปลี่ยนไป เรื่องราวของคู่รักเซเลบบริตี จากเรื่องจริงกล้ายเป็นเหมือนดั่งละครชวนติดตาม และที่แน่นอนคือขายได้ เพราะทุกวันนี้การตลากแฝงตัวอยู่ในทุกที่วงการ ผู้รับสื่อทั้งหลายจึงควรใช้วิจารณญาณในการชม
********
คำจำกัดความ คำว่า “เซเลบบริตี้”
ก้อง-ปิยะ เศวตพิกุล นักแสดงและนักจัดอีเวนต์มือทอง หรือที่เรียกกันว่า ออแกไนซ์เซอร์ ให้นิยามของคำว่า เซเลบบริตีหรือเซเลบฯ ไว้ค่อนข้างครอบคลุมว่า
“ถ้าพูดกันถึงนิยามความหมายของเซเลบบริตีหรือ 'เซเลบ' ก็มีอยู่หลากหลายมาก แต่สำหรับพี่ พี่มองว่าเซเลบคือคนที่มีชื่อเสียง ดาราก็ถือว่าเป็นเซเลบได้ แต่คนที่เป็นเซเลบแล้วไม่ใช่ดาราก็มี
“เซเลบในความหมายของพี่คือคนที่มีความน่าสนใจ มีความสามารถ และเป็นที่ยอมรับของคนในสังคม โดยที่เซเลบคนนั้นอาจจะเป็นคนที่มีฐานะ หรือไม่มีฐานะก็ได้ สิ่งสำคัญก็คือ ถ้าเขาเป็นคนที่มีชื่อเสียง ผู้คนให้การยอมรับในความสามารถ ก็ถือว่าเป็นเซเลบ”
ไม่ว่าไฮโซ ดารา นักกีฬา สถาปนิก วิศวกร หรือใครก็ตามที่มีชื่อเสียง เป็นจุดสนใจ เป็นที่ยอมรับของผู้คนในแต่ละแวดวง ย่อมถือได้ว่า คนคน นั้น คือเซเลบ โดยไม่จำเป็นต้องมีเงินทองร่ำรวยล้นฟ้า เหตุผลหลักๆ ประการหลังนี่เอง คือเส้นแบ่งที่ช่วยจำแนกคำว่า 'เซเลบ' กับ 'ไฮโซ' ให้แยกจากกัน เพราะเซเลบ ไม่จำเป็นต้องมีเงินถุงเงินถังร่ำรวยล้นฟ้า เพียงแค่ผู้คนให้ความสนใจและยอมรับ คนคน นั้น ก็ย่อมถูกยกสถานะให้กลายเป็น 'เซเลบ' ได้
แต่ก็นั่นแหละ จะจำแนกแยกแยะให้เหนื่อยเปล่าไปทำไม ในเมื่อทุกวันนี้ ไม่ว่า ดารานักแสดง นักร้อง ไฮโซ ไฮซ้อ เขาต่างข้ามช็อตข้ามเขตมาร่วมแก๊งร่วมก๊วน ร่วมเรียงเคียงหมอนกันให้คึกคัก ทั้งมักตกเป็นข่าวตามสื่อแขนงต่างๆอยู่บ่อยครั้ง ด้วยเหตุนี้ การยกคำจำกัดความว่า พวกเขาและเธอคือบุคคลที่ 'คนในสังคมให้ความสนใจ' จัดอยู่ในข่ายเซเลบบริตีคนดังด้วยกันทั้งนั้น ก็คงจะไม่ใช่การให้นิยามที่ผิดจากความเป็นจริงไปมากนัก
*****
เรื่อง - ทีมข่าว CLICK