xs
xsm
sm
md
lg

ขึ้นเงินเดือน ส.ส.-ส.ว. ประชาชนทุกหมู่เหล่าประสานเสียง ‘ไม่เห็นด้วย’

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

หายหน้าหายตาไปไหนกันหมด
ไม่เคยมีใครเข้าใจได้หรอกว่าทำไมถึงจะต้องขึ้นเงินเดือนให้บรรดา ส.ส.-ส.ว. ด้วย โดยทุกวันนี้ก็รับเงินเดือนกันคนละแสนกว่าๆ แค่นี้ยังไม่พอกันอีกรึไง นี่ยังไม่นับเงินสนับสนุนจากพรรคการเมืองต้นสังกัด หรือเงินจากนักการเมืองระดับ ‘นายทาส’ ที่ต้องคอยโปรยเศษเงินเลี้ยงดูบริวารนักการเมืองระดับรองๆ ลงมา

เห็นข่าวขึ้นเงินเดือนนักการเมืองทีประชาชีก็ช้ำใจ ไม่รู้จะทำยังไงได้ ยิ่งได้เห็นพฤติกรรมมนักการเมืองประเภทขี้เกียจสันหลังยาว เห็นแก่ส่วนตน ส่วนนาย และส่วนเขมร พูดจาแถกไถ ปั้นเรื่อง ตบตีแย่งชิงอำนาจ ก็ยิ่งไม่เห็นเหตุผลเลยที่จะเพิ่มเงินเดือน

CLICK จึงขอทำหน้าที่เป็นกระบอกเสียงของประชาชนทุกหมู่เหล่า ช่วยกันส่งสัญญาณไปยังนักการเมือง

รสนา โตสิตระกูล ส.ว.กรุงเทพฯ
“ที่ไม่เห็นด้วยกับการขึ้นเงินเดือนตอนนี้ก็คือ รัฐบาลก็ยังถังแตก ต้องกู้เงิน 8 แสนล้าน มาขึ้นเงินเดือนทำไมช่วงนี้ นั่นประการที่ 1 ประการที่ 2 ต้องบอกว่า การขึ้นเงินเดือนควรจะต้องมีวิธีการ ไม่ใช่ขึ้นแบบสุ่มหว่าน เพราะโดยปกติในระบบธุรกิจเขาจะขึ้นเงินเดือนให้พนักงาน ให้เจ้าหน้าที่ผู้บริหาร เขามีผลกำไรเป็นตัวประเมิน ถ้าในแง่ของนักการเมือง คือแม้แต่ข้าราชการเอง เวลาเขาขึ้นเงินเดือนก็ไม่ได้แปลว่าเขาจะขึ้นให้ทุกคน 2 ขั้นเหมือนกันหมด เพราะฉะนั้นในแง่ของนักการเมืองควรจะต้องมีกรอบความรับผิดชอบพื้นฐาน เช่น ผลงานของคุณ การขึ้นเงินเดือนควรจะเป็นไปตามผลงาน คือถ้าดูโดยภาพรวม เช่น ในหนึ่งสมัยประชุมคุณจะต้องผ่านกฎหมายกี่ฉบับ เป็นขั้นต่ำ ขั้นกลาง ขั้นสูง ไม่ใช่ว่าเงินเดือนก็ขึ้นไปทางหนึ่ง แต่หน้าที่และความรับผิดชอบไม่ได้เอามาประเมิน ไม่ได้มาสัมพันธ์กันเลย มันก็เป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง” (จากเว็บไซต์เอเอสทีวีผู้จัดการออนไลน์)

สุนทรียา พุฒซ้อน นักศึกษาพยาบาล ปี 1 วิทยาลัยพยาบาลตรัง
“ไม่เห็นด้วย เพราะเขามีอำนาจร่างอะไรขึ้นมาก็ได้ เพิ่มเงินให้ตัวเองได้ทุกอย่าง แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ เพราะถ้าทำได้ก็จะไม่ให้ขึ้นเงินเดือน”

ชิโนรส แจ้งไสว แม่ค้าขายปลาสวยงาม
“ไม่เห็นจะมีใครเห็นด้วย ถึงครั้งสุดท้ายที่ขึ้นเงินเดือนจะนานแล้ว แต่ตอนนี้มันไม่เหมาะสมด้วยสภาวะเศรษฐกิจ ไม่ถูกกาลเทศะ ส.ส. มันก็อ้างว่าเป็นเรื่องทำดำเนินการมาจากรัฐบาลที่แล้ว เบี้ยประชุมยังขอเพิ่มเลย ประชุมก็ไม่เข้า เรื่องราวเกิดจากนักการเมืองทั้งนั้นแหละ พฤติกรรมนักการเมืองกับภาวะเศรษฐกิจ ไม่น่าขึ้นเงินเดือน”

มิตร รักจุ้ย เกษตรกรผู้ทำสวนยางพารา และรองประธานกรรมการสหกรณ์การเกษตรพนมวังก์ จังหวัดพัทลุง
“ไม่เห็นด้วยที่จะขึ้นเงินเดือน ส.ส.ในภาวะเศรษฐกิจอย่างนี้ ทางฝ่าย ส.ส.ควรจะทำหน้าที่ให้มีประสิทธิภาพก่อน ให้สมกับเป็นตัวแทนของประชาชน ในสภาฯ มีการขาดประชุมเยอะ อยากให้ ส.ส.ไม่ว่าฝ่ายค้านฝ่ายรัฐบาลช่วยกันสร้างภาพลักษณ์ของสภาฯ ให้ดีก่อน ค่อยไปคิดเรื่องจะขึ้นเงินเดือน เพราะตอนนี้คนเบื่อการเมือง เข้าไปแย่งอำนาจผลประโยชน์กัน ก็อยากฝากสื่อมวลชนบอกให้ทางสภาเขารู้ด้วยว่า ตอนนี้ชาวบ้านเบื่อเรื่องการแย่งอำนาจกัน ผมว่าเรื่องเงินเดือนไม่ใช่ประเด็น ค่าครองชีพของเรา (ประชาชน) ลำบากกว่า”

วรวรรณ (สงวนนามสกุล) ข้าราชการ
“ไม่สมควรที่จะขึ้นเงินเดือนให้แก่ ส.ส. เพราะเงินเดือนเดิมก็ค่อนข้างสูงอยู่แล้ว ยิ่งช่วงนี้เศรษฐกิจไม่ค่อยดี ประเทศชาติก็ยังมีปัญหาเยอะ ที่สำคัญก็คือตัวของ ส.ส. และ ส.ว. ถ้าเทียบกับข้าราชการหรือว่ากลุ่มคนอื่น น่าจะมีความเดือดร้อนน้อยกว่า ฉะนั้น จึงมีความเห็นว่าเรื่องของการปรับขึ้นเงินเดือนน่าจะชะลอไปก่อน แล้วก็รอจนถึงช่วงที่เศรษฐกิจดีขึ้นเสียก่อน”

ภาวิณี สุดาปั่น นิสิตปริญญาโทคณะเกษตร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
“ไม่เห็นด้วย เพราะไม่รู้จะขึ้นไปทำไม ขึ้นไปก็ไม่มีประโยชน์ ถ้าทาง ส.ส.เขาไม่ทำงานกัน น่าจะนำเอาเงินเดือนที่ขึ้นส่วนตรงนี้ไปช่วยเหลือคนอื่นมากกว่า เช่น ขอทานตามสะพานลอย หรือว่าตามสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าน่าจะดีกว่า อีกข้อหนึ่งก็คือ ท่านมีเหตุผลอะไรทำไมถึงต้องขึ้นเงินเดือน เพราะว่าจากที่ทราบมารู้สึกว่าเงินเดือน ส.ส. ก็น่าจะเยอะอยู่แล้ว”

ข้าราชการระดับสูงคนหนึ่ง
“ตัว ส.ส.เองน่าจะทำผลงานให้เห็นมากกว่านี้ เช่น การผ่านกฎหมายหรือว่าอะไร แล้วก็นับองค์ประชุมก็ไม่ค่อยจะครบ หมายความว่ายังไง หมายความว่าเซ็นชื่อแล้วรับเบี้ย แล้วก็หายไปหรือเปล่า? แล้วก็ผลประโยชน์อื่นๆ เขาก็เยอะแยะ ทั้งบินฟรีทั้งอะไรที่ ส.ส.มีสิทธิพิเศษเหนือคนอื่น ไม่มีเหตุผลที่จะต้องมาปรับเงินเดือนขึ้น”

กิตติพล สรัคคานนท์ บรรณาธิการสำนักพิมพ์, นักเขียน
“จริงๆ ก็ไม่รู้สึกอะไร เพราะมันก็ขึ้นมาโดยปกติอยู่แล้ว อาจเพราะเราไม่มีอคติกับ ส.ส. อาจพูดได้ว่าเป็นโชคดีของเขา จำนวนเงินอาจจะไม่มากเกินไปสำหรับประเทศนี้ที่มีปฏิวัติรัฐประหารบ่อยๆ มันไม่ได้มีหลักประกันเลยว่าต่อไปประเทศนี้จะมี ส.ส.หรือไม่มี ส.ส. โลกมันเปลี่ยน เงินเดือนก็ต้องขึ้น มันไม่มากเกิน เพราะปฏิวัติกันทีคนทำก็อาจจะได้เบี้ยปฏิวัติ มันทีใครทีมัน แล้วก็เปลี่ยนอะไรไม่ได้ จะขึ้นก็ขึ้นไป ตราบใดที่ยังทำให้เราเลือกตั้งกันได้”

สุธานิธิ คมคาย มัคคุเทศก์อิสระ
“เท่าที่ได้อยู่ก็เยอะพอแล้วนะครับ จริงๆ ควรจะลดด้วยซ้ำ และน่าจะเอางบประมาณส่วนนี้ ไปช่วยเหลือคนยากจน หรือเอาไปทำสวัสดิการสังคมอะไรก็ได้ เพราะค่าเดินทาง เบี้ยประชุมก็เบิกได้อยู่แล้ว สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรน่าจะเป็นผู้เสียสละ มันเป็นงานอาสา เวลาหาเสียงก็บอกกันว่าจะเข้ามารับใช้พี่น้องประชาชน ฉะนั้น การมาขึ้นเงินเดือนนี่มันอาจจะไม่เหมาะสม”

สมพล ยารังษี ศิลปิน
“คนทำงานศิลปะอย่างผมก็เดือดร้อนกันพอสมควร เพราะมันโดนมองข้ามอยู่แล้ว และก็ไม่มีใครมาช่วยเหลือ ในขณะที่ ส.ส. ส.ว. กำลังจะขึ้นเงินเดือน ในความคิดผม เขาไม่ได้ทำเพื่อประชาชนโดยตรง อาจจะมีแค่ส่วนหนึ่ง มันเป็นอาชีพของเขาด้วย เงินที่ได้อยู่ทุกวันก็ถือว่าเขามีรายได้เยอะพอสมควรแล้วนะ”

กิตติศักดิ์ ทวีกิจภิญโญ ช่างภาพอิสระ
“ถ้าเขาทำงานหนักก็ขึ้นให้เขาไปเถอะ นี่หมายถึงว่าถ้าเขามีความรับผิดชอบในงานของเขานะ แต่ที่เห็นอยู่ก็ไม่ได้เป็นอย่างนั้น มีข่าวสภาล่มออกมาบ่อยๆ ตอนจะเข้ามาก็บอกว่าจะอาสาเข้ามารับใช้ประชาชน แต่พอได้เป็นแล้วก็ทำตัวไม่น่ารักสักเท่าไร แต่โดยรวมแล้วมันก็ถือว่าที่ได้อยู่มันก็เยอะไปอยู่ดีนะ แต่ถ้าทำงานให้คุ้มเงินได้ก็แล้วไป”

ศาสวัต บุญศรี อาจารย์มหาวิทยาลัย
“ถ้าจะขึ้นก็ต้องดูความเหมาะสม จริงอยู่ว่าเขาอาจจะมีค่าใช้จ่ายเชิงสังคมเยอะ แต่ถ้าขึ้นแล้วต้องมีการชี้แจงค่าใช้จ่ายให้ชัดเจน เพื่อที่จะให้คนได้ทราบ ความโปร่งใสต้องมี และควรให้ความเป็นธรรมต่ออาชีพอื่นๆ ด้วย ที่ทำงานเหนื่อยเหมือนๆ กัน มันจะต้องมีการตรวจสอบการทำงาน มันน่าจะเปิดข้อมูลว่า ในการประชุมแต่ละครั้ง ใครเข้าบ้าง ไม่เข้าบ้าง ให้ประชาชนเข้าไปดูได้ว่า ส.ส.ของตัวเองทำงานหรือไม่”

สิร์ดาภัทร สุทธิพิพรรธน์ แอร์โฮสเตส
“ค่าตอบแทนที่เขาได้อยู่ทุกวันนี้มันก็มากเกินกว่าผลงานที่เขาทำอยู่แล้ว มันไม่มีเหตุผลที่จะต้องขึ้น เพราะงานเขาไม่ได้เพิ่มขึ้น อย่างที่เห็นกัน ตอนประชุมเขาก็ไม่ค่อยไปกันอยู่แล้ว สภาล่มกันบ่อยๆ เขารู้อยู่แล้วตั้งแต่ก่อนมาเป็นว่าเข้ามาทำงานตรงนี้จะมีรายได้เท่าไหร่ ก็ควรจะพอใจ ไม่ใช่ว่าเข้ามาแล้วอยากได้มากขึ้น มากขึ้นๆ”

สมยศ จันทะรี ช่างซ่อมมอเตอร์ไซค์
“ผมรู้สึกไม่ดี ไม่เข้าท่านะ งานพวกนี้มันเป็นงานที่อาสาเข้าไปทำไม่ใช่เหรอ ถ้าคุณไม่พร้อม คุณอดๆ อยากๆ คุณจะเข้าไปเป็นทำไม น่าจะให้คนที่พร้อมอุทิศตนเขาเข้าไปทำมากกว่า คนหาเช้ากินค่ำอย่างเราๆ นี่ตื่นเช้ามาเจอกับค่าอะไรต่อมิอะไรจิปาถะ จะหาเงินที่ไหนมาจ่าย ประเทศเราไม่ใช่ประเทศที่ประชาชนร่ำรวย จะไปขึ้นเงินเดือนกันเรื่อยๆ ได้ยังไงถ้ามีเงินก็ควรจะเอามาช่วยคนที่ไม่มีกินมากกว่า เอามาทำแหล่งเงินกู้ ให้คนไปกู้เอามาทำให้เศรษฐกิจมันเดินจะดีกว่าไหม”
………

หวังว่าคงเพียงพอแล้วที่จะสะท้อนให้ผู้มีเกียรติในสภาทั้งหลายได้รับรู้ว่า ทุกวันนี้ ชาวบ้านร้านตลาดเขาคิดกับพวกคุณอย่างไร อย่าทำอะไรให้เป็นที่ประจานตัวเองมากไปกว่านี้เลย

************

รวบรวม : ทีมข่าว CLICK
ภาพ : ทีมภาพ CLICK



กำลังโหลดความคิดเห็น