xs
xsm
sm
md
lg

จุดประกายเคมีแห่งธรรม ... ครีม-เปรมสินี

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


สาวซ่าส์ หน้าหวาน วาจาตรงไปตรงมา อย่าง ครีม- เปรมสินี รัตนโสภา จะหันหน้าเข้าวัดทั้งที คงไม่ใช่เพราะเหตุจากข่าวเกาเหลากับเพื่อนรัก อุ้ม-ลักขณา วัธนวงส์ศิริ อย่างแน่นอน

เหตุอะไรที่ทำให้เธอหันหน้าเข้าไปปฏิบัติธรรม แล้วการเข้าวัดเป็นเพราะกระแสข่าวหรือไม่นั้น วันนี้ M-Light พาเธอมานั่งพูดคุย มุมธรรมะ ซึ่งสำหรับเธอไม่ใช่แค่เรื่องนอกกาย แต่ธรรมะสามารถซึมลึกเข้าไปและเป็นส่วนหนึ่งของจิตใจเธอได้

ทำไมช่วงที่ผ่านมาถึงมีแต่ข่าวแรงๆ
“ครีมว่าแปลกอย่างหนึ่งนะ ช่วงที่ครีมไม่ค่อยมีงาน ก็จะมีข่าวมาเรื่อยๆ นะ ไม่ว่าเราจะเป็นแฟนกับใคร อย่างบางทีไม่ใช่เรื่องผู้ชายก็เป็นข่าวเรื่องทะเลาะกับคนโน้นคนนี้บ้าง บางทีมันไม่ใช่เรื่องของเรา ก็จะโดนลากเข้าไปเกี่ยวข้องตลอดเวลา ครีมว่าเรื่องทุกเรื่องก็คงจะมีประเด็นอยู่ ถ้าไม่มีประเด็นก็คงไม่มีข่าวออกมา อาจจะเป็นเรื่องจริง 50% และเรื่องแต่ง 50%”

เจอข่าวไหนที่คิดว่าแรงที่สุด
“ถ้าถามว่าตั้งแต่เจอมาข่าวไหนแรงที่สุด ครีมเองไม่ค่อยจะใส่ใจกับมันมากหรอกค่ะ จริงๆ ทุกข่าวที่โดนทุกครั้งมันก็แรงหมดนะ ครีมเองไม่ค่อยซีเรียส แต่สิ่งที่เราซีเรียสมาก คือถ้ามีข่าวที่พูดเกี่ยวกับที่บ้านของเรา พ่อแม่ของเรา ครีมก็จะมีอารมณ์นิดนึง”

“เราก็ทำนิ่งๆ ไว้ซะ มันดีที่สุดแล้ว เราทำงานในส่วนของเราไปเท่านั้นก็จบ มีสังคมที่เรามี ครีมไม่ค่อยสังสรรค์กับคนในวงการ ครีมก็รู้จักคนเยอะนะ มันเป็นโชคดีที่เราเข้ามาทำงานในวงการหลายแบบ ทั้งเล่น MV ถ่ายโฆษณา เราก็ได้เจอเพื่อนที่เข้ามาในวงการใกล้ๆ กัน และส่วนใหญ่กำลังใจของเรานอกจากครอบครัวแล้ว เราก็ได้เพื่อนๆ คนรอบข้างค่ะ แต่ที่สำคัญที่สุด คือ กำลังใจจากตัวเอง มากกว่า”

คิดว่าคนอื่นมองตัวครีมเป็นคนยังไง
“ครีมเป็นคนตรงๆ นะค่ะ แต่อาจจะตรงเกินไป ชอบก็บอกว่าชอบ ไม่ชอบก็บอกไม่ชอบไปเลย เป็นคนที่มีหลายด้าน นิสัยจะออกเป็นผู้ชายๆ แต่การตรงเกินไปมันก็ไม่ดีนะ เพราะการอยู่ในวงการนี้ การตรงเกินไปก็ไม่ดีกับตัวเอง คนอาจจะมองว่า เฮ้ย! ทำไมเราพูดแรงจัง คนก็อาจจะติดภาพอย่างนั้น เราก็ไม่เสียใจกับข่าวที่ออกมา แต่จะเสียใจกับคนที่มาคอมเมนต์มากกว่า มาเขียนว่าเราไม่ดี บางทีคนอื่นจะไม่รู้ความจริง มาเขียนว่าเราไม่ดี เราเจอบางทีอ่านคอมเมนต์ บอกว่าเราพูดแรง ตรง แต่ถ้าให้มองกลับกัน หลายคนก็จะมองว่า การพูดตรงๆ แรงๆ ของเราคือการไม่มีมุม ไม่มีด้านอะไรที่จะปกปิด”

เมื่อไม่นานมานี้ได้มีข่าวออกมาว่า ครีม-เปรมสินี เกาเหลากับเพื่อนรักที่คบกันมานานกว่า 10 ปีอย่าง อุ้ม-ลักขณา วัธนวงส์ศิริ ซึ่งตอนนี้หลายคนอาจจะมองว่าความสัมพันธ์ของทั้งคู่จะต่อไม่ติดกันเสียแล้ว

คำนิยามของคำว่า “เพื่อน” เป็นอย่างไร
“เพื่อนคือคนที่สามารถแบ่งปันความสุข ทุกข์ มันต้องยิ่งกว่าคำว่าแฟน และจะต้องไม่มีผลประโยชน์ บางทีการอยู่กับแฟน เราอาจจะมีอารมณ์ งอน น้อยใจ เสียใจบ้าง มีทะเลาะ แต่กับเพื่อนมันจะต้องไม่มีโมเม้นต์นั้นออกมา และจะต้องสามารถแบ่งปันอารมณ์กันได้หมด”

“กับข่าวนั้นไม่ใช่ว่าเราจะรู้สึกไม่ดี หรือว่าโกรธนะ แต่สิ่งที่ทำให้เราเสียใจในสิ่งที่มันออกมาเป็นแบบนี้ ครีมบอกได้แค่ว่า เป็นอันว่าทุกคนรู้ว่าใครทำอะไร ยังไง ทุกคนรู้ความจริง และเราก็เชื่อว่าสื่อ และคนอ่านก็มีวิจารณญาณในการติดตามข่าว อาจจะมองว่าแรงเกินไปหรือเปล่า เอาเป็นว่าเรารู้ตัวของเราดี ถ้าพูดอีกมันจะยาว ครีมว่าครีมเองก็ให้เกียรติเพื่อนนะ”

ถ้าถามว่าจะกลับมาคืนดีกันได้ไหมนั้น ครีมว่าถ้าทุกคนหันหน้ามาพูดความจริง ก็จะสามารถกลับมาคุยกันได้ แต่ในตอนนี้แม้แต่ความจริงก็ยังให้กันไม่ได้ ไม่ต้องมาอยู่ต่อหน้าสื่อหรืออะไร ถ้าความจริงกับเพื่อนยังยอมรับไม่ได้ ก็ไม่มีเหตุผลอะไร ถ้าเพื่อนเองมีความสุข เราก็โอเค บางทีด้วยอารมณ์ผู้หญิง ก็มีน้อยใจ เสียใจ งอนกันบ้าง

“ครีมเคยพูดกับเพื่อนว่าถ้าเรื่องนี้ยังไม่เคลียร์ เราก็ไม่ได้ห้ามเพื่อนว่าอย่าไปยุ่งกับเขา จะไปกินข้าวอะไรด้วยกันได้ แต่สำหรับเราเอง ถ้าเรื่องนี้ไม่เคลียร์ ก็ยังไม่สะดวกใจที่จะไป”

เพราะข่าวนี้หรือเปล่าที่ทำให้หันไปปฏิบัติธรรม
ไม่ใช่เลยนะ ไม่มีส่วนเลย ครีมไปทุกปีอยู่แล้ว บางทีก็จะลากเพื่อนไปด้วย อุ้มเองเราก็เคยพาเขาไปนะ เพราะเราถูกปลูกฝังมาตั้งแต่เด็กแล้ว ให้ทำบุญ เราได้เริ่มไปนั่งปฏิบัติธรรมจริงๆ ตอน ปี 48 นี่ก็ 5 ปีแล้วนะที่ไป ครั้งล่าสุด เราไปที่ลำปาง เพราะครีมสัญญากับตัวเองว่า เราจะสละเวลาสัก 3-4 วันเพื่อให้เราได้เอาทุกข์ออกจากใจ อย่างน้อย 365 วัน สละเวลาสัก 3-4 วันก็ไป เจออะไรที่เป็นธรรมชาติ ไปกินข้าวในที่ที่ไม่มีอะไรที่อยากกิน ไม่มีกาแฟให้เรากิน เริ่มกลับสู่ธรรมชาติ ตอนเริ่มไปครั้งแรก ก็ยอมรับนะว่าไปเพราะเรามีปัญหากับครอบครัว แต่ 2 ปีหลัง เราไปเพราะไปแล้วมีความสุขจริงๆ

ประสบการณ์การไปปฏิบัติธรรมครั้งแรกเป็นอย่างไร
ครั้งแรกที่ครีมไป เราไปเชียงใหม่ มีพี่เขาชวนไปเราก็ไม่คิดอะไรมาก ก็ไปปฏิบัติธรรม ไปเพราะว่าเราเองก็อยากลอง แต่พอเราไปถึงเขาจับเราแยกกันเพราะคงกลัวว่าเราจะคุยกัน ที่นี่เองค่อนข้างเข้มงวดมาก

ตอนนั้นถามตัวเองว่า 23 ปีที่เกิดมา ไม่เคยไปนั่งกินอะไรช้าๆ เดินช้าๆ สวดมนต์ ตื่นตี 4 เข้านอน 3 ทุ่ม ก็ต้องทำเขาไม่ให้เราคุยโทรศัพท์ แต่เราก็แอบคุย แอบโทรหาแม่ แม่ก็บอกเราว่าให้อดทน แต่พอเข้าวันที่ 3 เราร้องไห้ โอ้ย ! ไม่ไหวแล้วอ่ะ ไปนั่งมองหน้าพระพุทธรูปอยู่ตรงลาน คงเพราะใจเราเองแอนตี้ไปแล้ว ยิ่งมองหน้าท่านจะดูโหดร้ายมาก เราถึงขั้นโทรเลื่อนไฟลต์บินจะกลับกรุงเทพฯ แล้วนะ แอบวิ่งไปบอกพี่ที่มาด้วยกัน เขาบอกว่าแล้วแต่ เราเองก็เก็บเสื้อผ้าใส่กระเป๋าหมดแล้วกำลังจะเดินออกไป ไปเจออาจารย์ศิริพรซึ่งเขาอยู่ที่วัดนี้ ถามเราว่า จะไปไหน “หนูทนไม่ไหวแล้วค่ะ หนูจะกลับแล้ว” เขาบอกว่า “จะกลับไม่ได้ ถ้าหนูอดทนไม่ได้ แล้วออกไปชีวิตจะทำอะไรได้ กับเรื่องแค่นี้ยังทำไม่ได้เลย” วินาทีนั้นเราหันไปมองคนอื่น มีคนที่เด็กกว่าเรายังอยู่ได้เลย เราจะอายได้ยังไง จากนั้นก็มีแรงอยู่ต่ออีก 4 วัน ครีมว่าพอใจเรายอมรับกับสิ่งนั้นได้ ก็อยู่ต่อได้ เราภูมิใจมาก 7 คืน 8 วัน

ครั้งล่าสุดไปลำปางมา ครีมไปแค่ 4วัน เพราะอยากไปที่ไกลจากกรุงเทพฯ และตอนนี้มีโปรเจกกับเพื่อนว่า จะรวมตัวกันไปสัก 10 คน ไปปฏิบัติธรรมกัน

ความรู้สึกที่ได้ไปปฏิบัติธรรมทุกครั้งเป็นอย่างไร
ในตัวของคนเรามีกิเลสอยู่เยอะใช่มั้ยค่ะ เมื่อเราเข้าหาธรรมะ มันเหมือนอะไรที่เข้าไปกะเทาะกิเลสของเราออกไปนะ ธรรมะสามารถทำให้เราเองปรับตัวได้ เมื่อก่อนครีมเองก็ดื้อกับที่บ้านนะ พอได้รู้อะไรมากขึ้น ก็กลับมาคิดว่าเราน่าจะดูแลครอบครัวให้มากขึ้น

ตอนนั้นผู้ใหญ่เขาพูดอะไรเราก็จะไม่เชื่อ บอกเราว่าอย่าคบคนนี้ เราเองก็ดื้อ มันอาจจะไม่ใช่เรื่องร้ายแรง แต่จริงๆ พ่อกับแม่เขามองออก จนวันหนึ่งเราเจ็บ ถึงจะรู้ว่าผู้ใหญ่เขารู้มากกว่าเรานะ เคยปฏิบัติธรรมแล้วพระเปิดวิดีโอตอนที่แม่คลอดเด็กให้ดู เชื่อมั้ยค่ะ อะไรที่เคยทำกับพ่อแม่เรานึกออกมาหมดเลยค่ะ พระท่านบอกว่า
“เนี่ยที่โยมมาที่นี่โยมระลึกชาติได้แล้วนะ” เราก็ถามชาติอะไรค่ะท่าน “ชาติชั่วไง” (หัวเราะ) เออมันก็จริงนะ ตอนนี้เราก็เชื่อแล้ว สำนึกแล้ว ตอนนี้ยังคิดอยู่นะ ว่าจะมีลูกดีมั้ยเนี่ย กลัวกรรมตามทันจังเลย (หัวเราะ)

อย่างล่าสุดที่ไปมา ครีมยังไม่กินเนื้อสัตว์เลยค่ะ เพราะพระท่านเปิดวิดีโอฆ่าหมูให้เราดู ก็เลยคิดว่าอย่าไปเบียดเบียนสัตว์ดีกว่า ซึ่งมันก็ทำให้ปลงได้ระดับหนึ่ง แต่ลึกๆ ถามว่าจะเปลี่ยนคนเราได้เลยมั้ยนั้น ก็คงจะไม่ เราอยู่มากี่ปีแล้ว กลับมาจากปฏิบัติธรรมแล้วจะให้เป็นคนใหม่ ไม่วีนเลย ไม่ปรี๊ดเลยก็คงไม่ได้ เพราะเรากลับมาอยู่ในสังคม แค่ออกมาเจอคน ขับรถออกนอกบ้านเจอปาดซ้ายปาดขวา เราก็ปรี๊ดแล้วนะ ถึงว่าจะเปลี่ยนคนเลยไม่ได้ แต่ถ้ารู้จักนำเอามาปรับเปลี่ยนก็เป็นเรื่องที่ดี

พระท่านบอกเอาไว้ว่า เมื่อเราออกมาก็อย่าไปต่อกรรมกับใคร ไม่ว่ายังไงก็ต้องอโหสิกรรมให้เขา บางทีอโหสิกรรมให้ แต่ถ้าเราไม่ตอบโต้บ้างมันก็อาจจะทำร้ายเราได้ ก็แค่ต้องหาวิธีป้องกันตัวเองให้ได้ จะได้ไม่ถูกรังแก

พอมาเจอข่าวกับเพื่อน ครีมนำมาปรับใช้ยังไง
อย่างปัญหาเรื่องเพื่อนก็มองว่า เราทั้งสองคงหมดกรรมกาล ทำบุญมาด้วยกันแค่นี้ บางทีเคมีในตัวเราอาจจะเข้ากันไม่ได้แล้ว เราก็แค่อยู่กับคนที่รับในสิ่งที่เป็นเราได้ก็พอแล้วค่ะ อย่าไปคิดอะไรมาก

แค่รู้สึกว่า ไม่เอาเปรียบใคร หรือไม่ทำร้ายใคร เพื่อนกันจริงๆ ต้องไม่เอาเปรียบกัน ไม่ใช่มาพูดว่าอะไรก็ได้ ยังไงก็ได้กับเพื่อน หลายคนอาจจะมองว่าเป็นแบบนี้ แต่สำหรับครีมไม่ควรใช้คำว่าง่ายๆ กับคนใกล้ตัวเรา ซึ่งมันใช้ไม่ได้ อย่าพูดว่าไม่เป็นไรกับเพื่อน อย่างเรื่องเงิน เรายืมเงินเพื่อนมา ร้อยหนึ่ง อย่าพูดว่า เฮ้ย! ร้อยหนึ่งเพื่อนกันไม่เป็นไรหรอก เพราะบางทีเพื่อนเราอาจจะเสียความรู้สึกได้ เราควรต้องดูแลเอาใจใส่เขาอย่างที่เขาดูแลเอาใจใส่กับเราเช่นกัน

เราทั้งสองคงหมดกรรมกาล ทำบุญมาด้วยกันแค่นี้ บางทีเคมีในตัวเราอาจจะเข้ากันไม่ได้แล้ว เราก็แค่อยู่กับคนที่รับในสิ่งที่เป็นเราได้ก็พอแล้วค่ะ อย่าไปคิดอะไรมาก


ภาพโดย : พงศ์ศักดิ์ ขวัญเนตร



กำลังโหลดความคิดเห็น