xs
xsm
sm
md
lg

พินิจ จารุสมบัติ : อาวุธลับ"ชวลิต-วิชิต"

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

พินิจ จารุสมบัติ
สมการการเมือง
โดย...พาณิชย์ ภูมิพระราม

สถาบันวิทยาการตลาดทุน เพิ่งต้องรับนักศึกษาหลักสูตร วตท. (หลักสูตรผู้บริหารระดับสูง หลักสูตรสถาบันวิทยาการตลาดทุน) รุ่นที่ 9 ไปเมื่อไม่นานมานี้

ที่สำคัญ หลักสูตรวตท.รุ่นที่ 9 นี้ได้มีโอกาสต้อนรับประธานรุ่นคนใหญ่ตัวโต “พินิจ จารุสมบัติ” ซึ่งเรียนจบปริญญาตรี นิติศาสตร์รามคำแหง ในฐานะที่ปรึกษา“บริษัท นามยง เทอร์มินัล จำกัด”

บริษัทที่ดำเนินธุรกิจท่าเทียบเรือ Import และ Export อยู่ที่ ท่าเรือ A5 แหลมฉบัง จ.ชลบุรี และเป็นโจทก์ยื่นฟ้องกรุงเทพมหานคร เป็นจำเลยเรื่องผิดสัญญาชำระค่าธรรมเนียมระวางสินค้า (ค่าหน้าท่า) รถ-เรือดับเพลิง ด้วยทุนทรัพย์กว่า 117 ล้านบาท

สัญญาค่าธรรมเนียมระวางสินค้าดังกล่าว เป็นสัญญาอันเนื่องมาจากการจัดซื้อรถและเรือดับเพลิงของ กทม.มูลค่ากว่า 6,000 ล้านบาท กับบริษัท สไตเออร์ เดมเลอร์ พุค สเปเชียล ฟาห์ซอย์ จำกัด ประเทศออสเตรีย ซึ่งคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ชี้มูลความผิดและระบุว่า สัญญาการจัดซื้อเป็นโมฆะ

แต่กระนั้นการเป็นแกนนำรัฐบาลอย่างไม่เป็นทางการ แล้วช่วยงานด้านที่ปรึกษาบริษัทเอกชน ก็ไม่มีรัฐธรรมนูญข้อไหนห้ามไว้

ความสำคัญของพินิจในปัจจุบันนั้น ต้องถือเป็น เส้นกราฟขาขึ้นทีเดียวโดยเฉพาะการสร้างความสัมพันธ์กับนักธุรกิจด้านตลาดทุนของเมืองไทย ผ่านหลักสูตรผู้บริหารระดับสูง สถาบันวิทยาการจัดการ

วัตถุประสงค์ของหลักสูตรนั้น ก็เพื่อสร้างผู้บริหารที่มีความรู้ความสามารถทางธุรกิจตลาดทุน โดยมีวิสัยทัศน์อันเป็นพลวัต และมีภาวะผู้นำที่มีคุณธรรม สามารถทำให้องค์กรบรรลุเป้าหมาย ทั้งด้านภารกิจขององค์กร และด้านบทบาทและความสัมพันธ์ในสังคม

หลักสูตร 3 เดือนของวตท. รวบรวมนักธุรกิจพันล้าน หมื่นล้าน นักวิชาการ นักการเมือง และสื่อมวลชน เข้ามาร่วมนั่งเรียนด้วยกัน

เนื้อหาการเรียนที่สำคัญ เช่น การสร้างองค์ความรู้ด้านตลาดทุน ซึ่งประกอบด้วย Financial Market Mechanism, Monetary Policy & Economics Stability, Capital Markets: Role in the Economy, Thai Financial Market: “The 5 Exchanges: Roles & Functions”, Thai Financial Market: Regulations and Supervisions รวมทั้งเนื้อหา การเสริมสร้างภาวะผู้นำ (Leadership Development)

นักธุรกิจที่เข้าเรียนรุ่นที่ 9 ที่สำคัญ เช่น ชัชวาล เจียรวนนท์ จากทรูคอร์ปอเรชั่น กรรณิกา ชลิตอาภรณ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ ไทยพาณิชย์ เกริกไกร จิระแพทย์ ประธานบริษัทบ้านปู จำกัด (มหาชน) เกษมสิทธิ์ ปฐมศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ เมอร์ชั่น พาร์ทเนอร์ จำกัด(มหาชน) ปณต สิริวัฒนภักดี รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัททีซีซี แลนด์ จำกัด เลอศักดิ์ จุลเทศ ผู้อำนวยการ ธ.ออมสิน วิชัย ทองแตง ประธานนกรรมการ บริษัทประสิทธิ์พัฒนา จำกัด (มหาชน) ฉัตรรพี ตันติเฉลิม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน อยุธยา จำกัด ฯลฯ

นายทหาร เช่น พล.อ.มนตรี สังขทรัพย์ รอง ผบ.สส. กองบัญชาการกองทัพไทย พล.ร.อ.อภิชาติ เพ็งศรีทอง รอง ผบ.สส.กองบัญชาการกองทัพไทย นักการเมืองที่เข้าเรียนหลักสูตร วตท.รุ่นที่ 9 ประกอบด้วย อนุทิน ชาญวีรกูล คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ พรเทพ เตชะไพบูลย์ ดร.ไตรรงค์ สุวรรณคีรี รวมทั้งพินิจ จารุสมบัติ ในฐานะที่ปรึกษา บริษัทนามยงฯ

ถือเป็นการสร้างความสัมพันธ์ แสวงหามิตรในหลากหลายวงการมากขึ้นของอดีตสหายพนัส
พินิจ วัย 58 เติบใหญ่ทางการเมืองสุดขีด เมื่อครั้งนั่งเก้าอี้ “รมช.คมนาคม” ดูแลรับผิดชอบด้านการขนส่งทางน้ำ ที่ซึมลึกและเงียบสนิท ในรัฐบาลชวน 1 ต่อเนื่องไปถึงรัฐบาล พล.อ.ชวลิต ตั้งแต่ปี 2536-2540

ทำให้ “ทุนการเมือง”ทั้งในรูปตัวเงิน และไม่ใช่ตัวเงินมีมากสุดขีด แม้ว่าจะไม่เพียงพอต่อการตั้งพรรคการเมืองของตัวเองได้ แต่เพียงพอที่จะไม่พลาด “เก้าอี้รัฐมนตรี” ในฐานะ Head of Fraction

จากอดีตนักกิจกรรมรามคำแหงที่ไม่ประสบความสำเร็จการลงสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.ฉะเชิงเทรา แม้แต่ครั้งเดียว แต่สามารถกลายเป็น ส.ส. 4 สมัย ของจังหวัดหนองคาย โดยความช่วยเหลือในช่วงเริ่มต้นจาก “สุเมธ พรหมพันห่าว-สิทธิรัตน์ รัตนวิจารณ์ ในพื้นที่เลือกตั้งเขตงานเก่าสหายอีสานเหนือ (เซกา, โซ่พิสัย, พรเจริญ)

นับตั้งแต่ปี การเลือกตั้ง 22 มี.ค. 2535-17 พ.ย. 2539 พินิจไม่เคยพลาดเก้าอี้ส.ส. ตั้งแต่พรรคสามัคคีธรรม จนกระทั่งพรรคเพื่อแผ่นดิน

พินิจ มีคนที่ต้องแทนบุญคุณจำนวนมาก รวมทั้ง พล.อ.วิชิต ยาทิพย์ นายทหารคู่ใจของบ้านปิ่นประภาคม "พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ” ในฐานะเพื่อนรัก พล.อ.เตีย บันห์ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหมกัมพูชา พล.อ.วิชิต กลายเป็นตัวเชื่อมประสานงานที่สำคัญทางการเมือง-ต่างประเทศ ไปโดยปริยาย

พล.อ.วิชิต มีหลายสถานะในทางการเมือง ทั้งประธานบอร์ดการประปานครหลวง ประธานศิษย์เก่า วตท.รุ่น 7 กรรมการพรรคเพื่อแผ่นดิน

ที่สำคัญคือ อดีตนายกสมาคมวัฒนธรรมและเศรษฐกิจไทย-จีน

สมาคมที่ พินิจ จารุสมบัติ นั่งทำหน้าที่นายกฯ ต่อจาก พล.อ.วิชิต

สมาคมวัฒนธรรมและเศรษฐกิจไทย-จีน ได้รับอนุญาตจัดตั้งจากนายทะเบียนสมาคมกรุงเทพมหานคร เมื่อวันที่ 20 ธันวาคม 2536 โดยมีผู้ริเริ่มจัดตั้ง คือพล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ นายกสมาคม พล.อ.พัฒน์ อัคนิบุตร อุปนายกสมาคม นายพิพัฒ พะเนียงเวทย์ เลขาธิการ พล.ต.อมรรัตน จุลตะกานนท์ เหรัญญิก นายกฤษณ์ ศิรประภาศิริ ปฏิคม พ.ต.อ.อาทร บุญปสาท นายทะเบียน นาง ผาณิต พูนศิริวงศ์ ประชาสัมพันธ์

เดือนพฤษภาคมปีนี้ พินิจ เข้านั่งเก้าอี้นายกสมาคมฯ ต่อจาก พล.อ.วิชิต หลังจากที่ ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ อดีตรองนายกรัฐมนตรี ส่งไม้ต่อให้พล.อ.วิชิต กรรมการสมาคมในปัจจุบัน เช่น พล.อ ชวลิต ยงใจยุทธ นายกก่อตั้งสมาคม และประธานที่ปรึกษา พินิจ จารุสมบัติ นายกสมาคม พล.อ.วิชิต ยาทิพย์ อุปนายกคนที่ 1 สุชาติ ตันเจริญ อุปนายกคนที่ 2 ปรีชา เลาหพงศ์ชนะ อุปนายกคนที่ 3 พล.อ.วิชิต ยาทิพย์ อุปนายกคนที่ 4 เกษม วิศวพลานนท์ อุปนายกคนที่ 5 นายพิพัฒ พะเนียงเวทย์ อุปนายกคนที่ 6 นายอมร อภิธนาคุณ อุปนายกคนที่ 7 ฯลฯ

เรียกได้ว่ารวมพลคนมักคุ้นทั้ง พล.อ.ชวลิต พล.อ.วิชิต สุชาติ พินิจ ปรีชา

พินิจ ทำหน้าที่นายกสมาคมได้อย่างสมราคา เมื่อข่าวความเคลื่อนไหวของนักธุรกิจจีนและนักธุรกิจ ถูกตีพิมพ์บนหน้าหนังสือพิมพ์อย่างต่อเนื่อง

โดยเฉพาะการเชื่อมความสัมพันธ์ผ่าน “กระทรวงอุตสาหกรรม” ที่ ชาญชัย ชัยรุ่งเรือง บริหารงานอยู่ ตัวอย่างเช่น เมื่อ 9-11 ตุลาคมที่ผ่านมา พินิจบอกผ่านสื่อว่าสมาคมนักธุรกิจยอดเยี่ยมเชื้อสายจีนทั่วโลกได้พาสมาชิกที่เป็นนักลงทุนจีนที่ต้องการเข้ามาลงทุนในประเทศไทยรวม 8 บริษัท และมีนักธุรกิจจีนเดินทางมาพบปะนักธุรกิจชาวไทย 15 คน เพื่อเจรจาจับคู่การลงทุนร่วมกันที่ประเทศไทย

การหารือครั้งนั้นบริษัท Beijing Tan Bao Technology Co., Ltd. สามารถบรรลุความร่วมมือกับ 3 บริษัทไทยได้แก่ บริษัทพาวิน โกลเด้นไรซ์ จำกัด บริษัทนัมยง เทอร์ มินัล จำกัด (บริษัทที่พินิจ เป็นที่ปรึกษา) และบริษัทโปทีม บิลเดอร์ จำกัด เพื่อลงทุนผลิตถ่านไร้ควัน โดยใช้วัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร เช่น ซังข้าวโพด แกลบ ต้นข้าวโพด กาบมะพร้าว ก้านไม้ และกากปาล์มน้ำมัน

นอกจากนี้ยังความร่วมมือด้านการศึกษาระหว่างมหาวิทยาลัย  Beijing Ren Wen University ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยเอกชนจากนครปักกิ่งกับมหาวิทยากรุงเทพธนบุรี

ก่อนหน้านี้ การจัดงานสัมมนาธุรกิจไทย-จีน (Thai'Chainese Business Forum) เพื่อจับคู่ลงทุนระหว่างนักธุรกิจชั้นนำของจีนจากสมาคมนักธุรกิจยอดเยี่ยมเชื้อสายจีนทั่วโลก 184 บริษัท จำนวน 238 คน กับนักธุรกิจไทย 209 บริษัท จำนวน 319 คน ภายใต้การสนับสนุนของกระทรวงอุตสาหกรรม มีการลงนามในบันทึกความตกลงในความร่วมมือทางธุรกิจระหว่างกัน (MOU) มากเป็นประวัติการณ์ถึง 42 ฉบับ คิดเป็นมูลค่าการลงทุน 6,248 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือประมาณ 212,432 ล้านบาท (34 บาทต่อดอลลาร์) ทั้งๆ ที่เอ็มโอยู มีความสำคัญในทางธุรกิจไม่มากนัก

กระนั้นก็ตาม พินิจ เริ่มพูดจาภาษาเศรษฐศาสตร์มากขึ้น ต่างจากพินิจคนเดิมที่เคยพูดเรื่องการเลือกตั้งและปรับครม. โดยเฉพาะการบอกว่า “ความต้องการใช้ไทยเป็นฐานการผลิตป้อนสินค้าของจีน” แม้ว่าจะไม่ตรงกับ “ต้นทุนค่าเสียโอกาสที่แท้จริง” มากสักเท่าไหร่

อย่างไรก็ตาม ความชำนาญด้านธุรกิจทางน้ำของพินิจ ทำให้ บริษัทนามยง เทอร์มินัล จำกัด ของตระกูลเหลือสุวรรณ ซึ่งมีรายได้เกือบ 1,000 ล้านบาทต่อปี ต้องอาศัยความช่วยเหลือของ “พินิจ” โดยเฉพาะ“เทพรักษ์ เหลืองสุวรรณ” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทนามยง เทอร์มินัล จำกัด คนที่นับถือพินิจมากคนหนึ่ง

แต่กระนั้น ถึงแม้พินิจ จะสะสมทุนไว้พร้อมสำหรับช่วงเวลาพ้นพันธนาการ “ห้ามเล่นการเมือง 5 ปี” แต่พินิจ ก็ยังไม่พร้อมที่จะยกระดับตัวเอง “หัวหน้าพรรคการเมือง” เพราะเพียงแค่ ความมั่งคั่งทางการเมือง และเครือข่ายที่มีอยู่ ยังไม่เพียงพอสำหรับการเสนอตัวเอง ต่อสังคมในสนามเลือกตั้งที่ต้องอาศัยหลักการตลาด และต้นทุนที่สูงกว่านี้

โดยเฉพาะ “พรรคการเมือง” ที่ไม่ใช่พรรคเพื่อแผ่นดิน ซึ่งไม่มีโอกาสครั้งที่สองอีกแล้ว!!
พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ - พล.อ.วิชิต ยาทิพย์
กำลังโหลดความคิดเห็น