ปีนี้เป็นปีทองของ“สงกรานต์ เตชะณรงค์” โดยแท้
คงจะไม่เกินจริง หากจะบอกว่า ปัจจุบันเราสามารถเห็นหน้าและข่าวของเขาตามสื่อต่างๆ มากมาย มากกว่าดาราดังๆ บางคนซะอีก
และจากประวัติที่ผ่านๆ มาเขามีสาวข้างกายแบบไม่ซ้ำหน้าที่ผ่านมา จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่ว่า ข่าว (คาว) ซุบซิบๆ ส่วนใหญ่ร้อยละ 99 มักจะเป็นข่าวทำนองรักใคร่ๆ
จากเด็กเกเรติดยา ใช้เงินวันละแสน มีแฟนมากมาย และเคยทำให้บุพการีร้องไห้แทบทุกวัน
จนวันนี้เขากลายเป็นนักธุรกิจพันล้านที่บ้างานขนาดหนัก แถมยังมีเวลานอนพักผ่อนน้อยลง
และนี่คือ มุมมองปัจจุบัน ในทุกๆ บทบาทที่เขาเลือกแสดง ตั้งแต่ ดารา หมาบ้า (งาน) คาสโนวา นักธุรกิจพันล้าน นักบริหาร นักกีฬา และอื่นๆ อีกมากมาย
สิ่งที่ต้องเลือก : นักฟุตบอลทีมชาติ - นักบริหารพันล้าน
เห็นหน้าผมเบลอๆ แบบนี้ อย่านึกว่าผมหยิ่ง...
ไม่ได้หยิ่ง, สงกรานต์ เตชะณรงค์ หนุ่มฮอตแห่งปี ทายาทคนโตของพ่อ ไพวงษ์ เตชะณรงค์ ออกตัวทันทีที่พบกัน พร้อมกับขออนุญาตทำหน้าเหนื่อย เพราะไม่เพียงงานหลักที่หนักหนาแบบสม่ำเสมอ เรียกได้ว่าความ “ฮอต” ของเขาทำให้งานบันเทิง ซึ่งถือเป็นงานรองยังเข้ามา “มะรุมมะตุ้ม” ถาโถมเข้าใส่เขามากมาย มากมายชนิดที่ว่าสงกรานต์เองก็คาดไม่ถึง
“ปัจจุบันผมดูแลธุรกิจของบ้านเป็นหลัก ตอนนี้กำลังทำโปรเจ็คซ์ใหญ่กับการรีโนเวทโรงแรมโบนันซ่า รีสอร์ตเขาใหญ่ ชีวิตก็เลยวุ่นวายกับการขับรถไปโน่นมานี่พื่อตรวจงานที่ออฟฟิศกรุงเทพฯ และมอบนโยบายให้แก่ลูกน้อง ไหนจะต้องเผชิญกับงานบันเทิง ออกอีเวนต์ ถ่ายแบบ ให้สัมภาษณ์หนังสือ อัดรายการทีวีมากมาย เรียกว่าขับรถไป-กลับ กรุงเทพฯ-เขาใหญ่วันละหลายเที่ยวเป็นว่าเล่น”
“ยุ่งมากขนาดที่เวลานอนส่วนมากผมจะต้องนอนคุดคู้อยู่ในรถยนต์แทน” ใครว่าเป็น “สงกรานต์ เตชะณรงค์” แล้วจะนอนตีพุงกินสมบัติเก่าของครอบครัวสบายๆ
“ต้องเข้าใจอย่างหนึ่งว่า ปัจจุบันอาชีพหลักของผมคือ การทำงานบริการ ดังนั้นสิ่งหนึ่งที่ผมคำนึงตลอดระยะเวลาในการทำงานมา 3-4 ปีที่ผ่านมา ต้องเข้าใจว่า7 วันเราจะไม่มีหยุด โดยเฉพาะวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ของคนอื่นมันคือวันทำงานของพวกเรา” “กับความรับผิดชอบอันใหญ่หลวงถามว่าหนักไหมสำหรับคนในวัยนี้ ผมบอกได้เลยว่าหนักมากๆ แต่เนื่องจากผมทำงานหนักๆ แบบนี้มาระยะหนึ่งแล้ว ปัจจุบันก็เลยชิน ผมทำงานหนักๆ อยู่อย่างนี้ก็ดีครับ ไม่เบื่อดี”
สงกรานต์บอกว่า เขาบ้างานขนาด วันไหนไม่ทำงาน นอนอยู่เฉยๆ จะรู้สึกหงุดหงิด มีลักษณะเป็นเหมือนหมาบ้าที่ถูกขังเดียวไว้ในกรงแคบๆ
“เมื่อเราได้ลองทำงานแล้วเห็นการตอบรับที่ดี ทุกๆ คนชอบสิ่งที่เราทำ ยิ่งทำผมยิ่งรู้สึกว่าตัวเองมีเอนเนอร์จี มีพลังในการทำงานเยอะเป็นเท่าทวีคูณ”
เห็นเล่าเรื่องการเผชิญหน้ากับงานหลักที่หนักหนาสาหัสในสายตาคนอื่น ด้วยท่าทางสนุกสนานแบบนี้ เชื่อหรือเปล่าเด็กๆ สงกรานต์ไม่เคยมีความฝันแม้สักครั้งเลยว่า โตขึ้นอยากจะเป็นนักธุรกิจพันล้านที่ต้องมาดูแลกิจการโรงแรมโบนันซ่า รีสอร์ตเขาใหญ่ กว่า 5,000 ไร่ ของครอบครัว
แต่ทว่า สมัยก่อนเขาฝันว่าอยากเป็นนักฟุตบอลทีมชาติ
“คือตอนเด็กๆ ผมเชียร์แมนยูฯ ผมชอบ เอริค คันโตน่า ชอบเพราะเขากวนตีนดี ปีนี้แมนยูฯ ก็ฟอร์มดีนะ ไม่เหมือนกับลิเวอร์พูลผมว่าไม่ไหว จริงๆ ผมแนะนำว่าให้ไล่โค้ช เบนิเตซ ออกไป ยิ่งช่วงนี้ เจอร์ราร์ด กับ ตอร์เรสก็เจ็บ ลิเวอร์พูลยิ่งฟอร์มไม่ดีลุ้นแชมป์ลำบาก”
แน่นอนว่า...เมื่อเขาชื่นชอบและเชียร์ทีมแมนยูฯ สโมสรดังแห่งเกาะอังกฤษขนาดนี้ ผีแดงจึงเป็นแรงบันดาลใจให้เขาชอบเล่นเตะฟุตบอล จนกระทั่งปัจจุบัน
“จริงๆ ผมเล่นตำแหน่งกองหลัง สไตล์ดุดันหน่อย แต่ก็...น่าเสียดายหัวเข่าบิดจากการปะทะหนักๆ มาเมื่อไม่นาน ซึ่งคุณหมอบอกว่าถ้าอยากจะหายขาดผมก็ต้องผ่าตัดเพราะอาการมันสะสมมานานแล้วครับ” แต่นี่ก็ไม่ใช่อุบัติเหตุหนักๆ ครั้งแรก เพราะกองหลังสไตล์ Rio Ferdinand แบบเขา ตอนไปเรียนต่อที่ประเทศนิวซีแลนด์ สงกรานต์เคยโดนปะทะหนักๆ ขนาดต้องนอนพักที่โรงพยาบาลหลายวัน แต่นั่น...ก็ไม่ได้ทำให้เขาหยุดเล่นได้
ทั้งนี้ ความฝันที่ว่าจะใส่เสื้อฟุตบอลในนามทีมชาติของ สงกรานต์ก็หมดไป ด้วยเหตุผลที่เขาคำนวณศักยภาพตัวเองแล้วว่า ไม่มีความสามารถเพียงพอ
“ไม่ใช่คนไม่มั่นใจนะครับ จริงๆ ผมเป็นคนที่ชอบเอาชนะ แต่เรารู้สึกว่านักฟุตบอลทีมชาติ ผมไม่มีความสามารถถึงขั้นนั้น” หนุ่มมาดนักกีฬาบอกว่า ที่สุดแล้วอาชีพนักบริหารธุรกิจพันล้านที่เขากำลังรับผิดชอบอยู่ ณ ปัจจุบันเป็นสิ่งที่เขาคิดว่าตัวเองเลือกเส้นทางที่ไม่ผิด
เมื่อวันนี้ เป็นวันสงกรานต์ฟีเวอร์
แม้สงกรานต์จะยุ่งกับงานบริหารหลัก ในการบริหารโรงแรมโบนันซ่า รีสอร์ต เขาใหญ่วุ่นมากมายสักขนาดไหน
แต่ทว่าภาพที่หลายคนแปลกใจก็คือว่า ไม่ว่าจะเป็น การออกงานอีเว้นต์ งานถ่ายโฆษณา งานเปิดตัวสินค้า การเป็นพรีเซนเตอร์ การไปเป็นแขกรับเชิญให้กับรายการทีวีดังๆ มากมาย เรียกได้ว่าแทบจะทุกช่องทุกๆ รายการดัง
กระทั่งล่าสุด “สงกรานต์” เตชะณรงค์” ก็กำลังก้าวเข้าสู่วงการหนังใหญ่ เป็นหนังเรื่องแรกของเขา คำถามก็คือเขาบาลานซ์สิ่งที่วิ่งเข้ามาได้ยังไงถึงจะไม่ทำให้งานหลักและภาพนักบริหารธุรกิจพันล้านด้อยลง
“ผมถือว่างานทุกๆ อย่างเป็นงานอดิเรกครับ อย่างงานอีเวนต์ งานบันเทิงต่างๆ หรือแม้กระทั่งงานหนังเรื่องล่าสุด มันก็เป็นสิ่งที่ท้าทายสำหรับตัวผม”
“จริงๆ ผมเป็นคนพูดไม่ค่อยเก่ง แถมยังพูดไม่ค่อยจะรู้เรื่องอีก (หัวเราะ) ดังนั้นเรื่องเป็นนักแสดงในวงการบันเทิงผมไม่เคยฝันจะเป็นนักแสดงเต็มรูปแบบ แบบเป็นจริงเป็นจังเลย ตอนอายุ 15-16 ปีผมก็แค่รับงานถ่ายแบบชั่วครั้งชั่วคราว ไปงานอีเวนต์ต่างๆ บ้างนิดหน่อย แต่ก็ไม่ใช่ถือว่าเป็นนักแสดงเพราะผมรู้ตัวเองว่าผมทำไม่ได้”
โดยเฉพาะเรื่องแอ๊กติ้ง สงกรานต์ออกตัวว่า เขาเป็นคนแอ็กติ้งแข็ง แถมยังร้องเพลงก็ไม่เป็น ร้องเพลงที่ไรน้องๆ ก็บอกว่า ให้หยุดดีกว่า
“แต่ผมถือว่างานทั้งหมดที่ผมมีโอกาสทำมาถือว่าเป็นโอกาสที่ดี อีกหน่อยเราก็คงไม่มีโอกาสแบบนี้แล้วก็น่าจะลองดูเพื่อเป็นประสบการณ์ เพื่อจะได้เป็นเมมโมรี่เป็นความทรงจำดีๆ ของเรา”
เกิดติดใจวงการบันเทิงทำยังไง...?
“ไม่หรอกครับ เพราะว่าผมยังมีงานหลักที่ต้องรับผิดชอบมากมาย ผมรู้สึกว่าถ้าเราจะเอาดีด้านวงการบันเทิง ผมว่าต้องพร้อมจริงๆ แต่สำหรับผมไหนจะต้องดูแลธุรกิจหัวหมุนอยู่แบบนี้ทุกวัน เวลาที่เหลือผมแค่อยากให้สิ่งที่ผมทำนอกเหนือจากงานหลักมันเป็นประสบการณ์ที่ดีๆ ที่วิ่งเข้ามาหาได้ไม่นานมากกว่า”
อย่างไรก็ดี สงกรานต์ย้ำว่า ผมตั้งใจจะทำทุกๆ อย่างที่เข้ามาให้พอดี เพราะถึงที่สุดแล้ว ผมก็ยังอยากให้คนจดจำ สงกรานต์ เตชะณรงค์ ว่าเป็นนักธุรกิจมากกว่าเป็นดารา หรือ เป็นนักร้องแน่นอน
ข่าวร้ายมากมายกว่าข่าวดี
เมื่อเลือกเฉียดที่จะเข้ามาในวงการมายาแบบนี้ สิ่งหนึ่งที่หลีกเลี่ยงได้ยาก คือการที่คุณต้องเป็นข่าว
เรื่องนี้สงกรานต์ออกตัวว่า เขาเข้าใจกับข่าวที่ออกไปว่าหน้าที่ใครหน้าที่มัน แม้จะเป็นข่าวร้ายๆ ที่ซัดใส่ตัวเขายังไงก็ไม่โกรธ
“ผมเป็นคนที่ชอบติดตามข่าวสารบ้านเมืองมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว ยิ่งปัจจุบันเข้ามาในวงการแบบนี้ การติดตามข่าวสารทุกๆ ช่องทางจึงเป็นเรื่องที่สำคัญมากๆ” ไม่ว่าจะเป็น หนังสือพิมพ์ นิตยสาร ทีวี วิทยุ หรือแม้กระทั่งอินเตอร์เน็ต
“ตลอดระยะเวลาที่ผมเข้ามาในวงการนี้ ผมรู้สึกว่า ส่วนใหญ่ข่าวของผมที่ออกมาค่อนข้างแรงเยอะ ซึ่งผมก็ไม่รู้ว่าทำไมแต่ผมก็พยายามจะทำความเข้าใจเพราะเราหลีกเลี่ยงข่าวพวกนี้ไม่ได้ เพราะว่าผมเลือกที่จะเดินบนเส้นทางนี้แล้ว เราก็ต้องพยายาม รับมือกับมันให้ได้”
“จริงๆ ผมเป็นคนไม่ยึดติดอยู่แล้ว ผมเป็นคนไม่ค่อยคิดอะไรอยู่แล้ว แล้วเราก็อ่านเอาไว้ให้รู้ แต่ก็ไม่ได้เครียด ตามหรือคล้อยตาม เพราะที่สุดแล้วผมก็ยึดหลักในการเดินสายกลาง เพราะเราไม่สามารถชี้นำให้เขาคิดแบบเราโกรธไม่ ผมก็เข้าใจ เพราะว่าอันนั้นมันเป็นหน้าที่ของเขา หาข่าวสาร คนก็มีหน้าที่ของแต่ละคนผมไม่มีสิทธิ์ โกรธเขาอยู่แล้ว หน้าทีใครหน้าที่มัน”
“บางทีก็อ่านข่าวในอินเตอร์เน็ต อ่านคอมเมนต์แรงๆ ที่เขาด่าเราแล้วก็ขำๆ” เขาพูดถึงข่าวร้ายโดยเฉพาะในสื่ออินเตอร์เน็ต
“โดยเฉพาะซ้อ 7 ที่ด่าผมแรงๆ ผมก็ไม่มีความจำเป็นจะต้องโกรธ เพราะเราโกรธไปก็เท่านั้น ผมเป็นคนที่ไม่ยึดติดอะไรปล่อยว่างได้เสมอ อย่างไรก็ดีเรื่องนี้ครอบครัวและคนใกล้ชิดของผมก็เข้าใจดีและไม่ได้ว่าอะไร แค่นี้ก็พอ”
แต่สิ่งหนึ่งที่เขาขอร้องก็คือ "ด่าผมได้แต่อย่าด่าคนที่ผมรัก
"
“ด่าคนที่ผมรัก (หมายถึง ทักษอร ภักดิ์สุขเจริญ) ผมโกรธนะ ด่าผมผมไม่ว่า เพราะผมสงสารเขาไม่ใช่อะไร ตั้งแต่คุยมาผมรู้สึกว่าเขาเป็นผู้หญิงที่ดีมากๆ เรียบร้อยมากๆ เป็นผู้หญิงที่ดีจริงๆ ถามเป็นเมื่อก่อนผมโกรธแล้วจะโวยวายไม่เหมือนตอนนี้ที่สุขุมมากขึ้น สุขุมเพราะ ว่า เหมือนเราทำงานเหมือนมันมีคนที่ต้องค่อยดูเราอยู่ ทำนิสัยเด็กๆ ไม่ได้ มันกระทบไปหมด”
อย่างไรก็ดี สิ่งหนึ่งที่สงกรานต์บอกว่าทำให้เขาหนีจากความเครียดจากข่าวคราวต่างๆ ที่ประเดประดังเข้ามา ก็คือการออกกำลังกายและไปท่องเที่ยว
“เครียดมากๆ เหนื่อยมากๆ ก็ออกไปเที่ยวทำงานเก็บเงินอย่างเดียวผมว่ามันไม่ใช้การใช้ชีวิต โดยส่วนใหญ่ถ้ามีเวลาวางจริงๆ ผมจะไปเล่นกีฬา ไม่ว่าจะเป็นขี่ม้า ฝึกมวย, เล่นบีบี กัน, เตะฟุตบอล, ตีกอล์ฟบ้าง กับเพื่อนๆ ที่บ้ากีฬาบ้าง บางทีว่างนานก็ไปเที่ยวเพื่อชาร์ตแบตครับ กีฬาและการท่องเที่ยวผมรู้สึกว่าเป็นการฆ่าความเครียดได้เป็นอย่างดีครับ”
สงกรานต์กับภาพคาสโนว่า
นอกจากนี้ สิ่งหนึ่งที่ไม่อาจจะปฏิเสธได้ว่าภาพลักษณะของสงกรานต์กับคำว่าคาสโนวา แยกกันไม่ออก เจน-ชมพูนุช ปิยะภาณี, พลอย - เฌอมาลย์ บุญยศักดิ์, โบ-สุรัตนาวี สุวิพร, อี๊ฟ-กมลชนก เวโรจน์ หรือแม้แต่สาวในตาแขกอย่าง พิ้งกี้ สาวิกาไชยเดช ทั้งหมดคือรายชื่อแฟนเก่าของเขาแค่ส่วนหนึ่ง
และล่าสุดก็ ทักษอร ภักดิ์สุขเจริญ แฟนใหม่ แล้ว ณ ปัจจุบันนี้คาสโนวาคนเก่ายังสบายดีอยู่ไหม...!
“เมื่อก่อนผมอาจจะเป็นคาสโนวาเป็นที่เขาพูดๆ กัน แต่ปัจจุบัน ผมไม่ใช่แล้วครับ” อดีตคาสโนวาย้ำและว่าปัจจุบันนิยามความรักของเราต่างจากสมัยก่อนมากๆ ครับ เมื่อก่อนความรักของผมอาจจะเป็นแบบ Puppy Love คือชอบหน้าตา รูปร่าง ก็คบกันเฮฮาปาร์ตี้สนุกสนาน แต่ปัจจุบันผมก็เริ่มโตแล้ว เราก็ดูอะไรหลายๆ อย่างแค่ ชอบภายนอก เท่านั้นไม่พอ ปัจจุบันตอนเรามาทำงานเราเริ่มมีความรับผิดชอบเยอะ ผมอาจจะมองไปที่ปลายทางไม่ได้มองแบบฉาบฉวย
“ถามว่าทัศนะคิดแบบนี้ เปลี่ยนไปนานไหม ค่อยๆ เปลี่ยนไปเหมือนกันเริ่มแบบ เหมือนเรายังเด็กตอนนั้นเรายังมีคนค่อยซัพพอร์ตเรา ตอนนั้นก็ไม่ได้ทำงานก็ปาร์ตี้ไปเรื่อยๆ พอเราเริ่มโตขึ้นเรื่อย เมื่อมีประสบการณ์ชีวิตมากขึ้นเรื่อยๆ ได้เรียนรู้อะไรหลายๆ อย่างๆ มันก็ค่อยๆ เปลี่ยนไป ความรักของผมปัจจุบันเป็นความรักแบบมองเพื่ออนาคต” ไม่ใช่แบบฉันจับเธอจีบฉันไปมาเหมือนกับเมื่อตอนเด็กๆ
พูดแบบนี้เขาบอกว่าไม่ได้มีนัยยะว่าจะแต่งานเร็วนี้แต่อย่างใด เพราะเรื่องแต่งงานเป็นเรื่องของอนาคต
“คือถามผมเจอคนที่เราคิดว่าใช่ ทุกๆ อย่างใช่ก็แต่งได้เลย ไม่ต้องรอเวลาให้เป็นปีๆ แล้วค่อยแต่งงานหรอกครับ คือเมื่อเราคิดว่าใช่แล้วทุกๆ อย่างลงตัวก็ OK ...ถามว่าคนล่าสุดลงตัวหรือไหม ผมว่ากำลังดูอยู่ยังอยู่ในช่วงคุยคบกันมาศึกษา มาสักพักหนึ่งเขาเป็นคนน่ารักไนซ์ ผมว่าไม่เพียงคุณพ่อที่ชอบ ผมว่าทุกๆ คนเห็นเขาก็จะชอบหมดทุกคน ไม่ใช่ผมคนเดียว ทุกคน เขาเป็นคนที่ไม่คิดร้ายกับใคร”
“ถือว่าเป็นคนที่ใช่ที่สุดตั้งแต่คบมาหรือเปล่า” สงกรานต์บอกว่า สำหรับผมก็ใช่...แต่ถามว่าใช่ที่สุดสำหรับเขาไหม ผมว่าต้องไปถามเขา แต่สำหรับผมใช่...แล้วครับ”
อนาคต
สงกรานต์ บอกว่า จริงๆ ก็คงจะทำอะไรไม่แตกต่างไปจากปัจจุบันไม่ว่าจะเป็นงานเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ งานบริการ คือผมอยากรับผิดชอบหน้าที่ปัจจุบันให้มันดีขี้นไปอยาก
“เร็วๆ นี้สิ่งที่ผมฝันเอาไว้ก็คืออยากจะมีรีสอร์ตในทะเลเป็นของตัวเอง”
ทำมาหลายอย่างแล้วมีสักแวบไหมที่อยากจะลงเล่นการเมือง...? เรื่องนี้เขาบอกว่าขอเอาไว้ ไม่เอาดีกว่า (หัวเราะ) เพราะว่านักการเมืองต้องพูดเก่ง พูดจากฉะฉาน แต่ผมพูดจาไม่รู้เรื่อง
จากเด็กเกเร ใช้เงินวันละแสน ติดยาเสพติด ทำให้ครอบครัวเสียใจ พ่อแม่แอบไปร้องไห้บ่อยครั้ง หนุ่มที่เคยขึ้นชื่อว่าเป็นคาสโนวามีแฟนมากมาย ถ้าย้อนไปแก้ไขอดีตได้คุณอยากแก้ไขอะไรไหม..?
“ไม่แก้ครับ (ตอบเร็ว) เพราะว่าผมรู้สึกว่าทุกๆ อย่างเป็นประสบการณ์เป็นบท เรียนที่สนุกดีครับ” หนุ่มฮอตแห่งปีหัวเราะทิ้งท้าย แต่ทว่าในดวงตาเขาคล้ายมีความล้า ก่อนจะขอตัวลาไปเตรียมตัวเพื่อออกงานอีเวนต์ต่ออีกทีหนึ่ง หลังจากนั้นก็จะขับรถไปที่เขาใหญ่เพื่อนรับแขกผู้ใหญ่อีกต่อหนึ่ง
ใครว่าเป็น สงกรานต์ เตชะณรงค์ แล้วจะสบาย...?
อ้างอิงข้อมูลส่วนหนึ่งจาก นิตยสาร gossipstar http://www.oknation.net/blog/sutku/2009/08/28/entry-1
******************************
เคล็ดลับการเปลี่ยนตัวเอง ฉบับ สงกรานต์
-ถ้าคนเราจะเปลี่ยนมันต้องใช้เวลา สำหรับเคล็ดลับของผมก็ไม่มีอะไรมาก คือโชคดีที่ผมมีพ่อ-แม่ที่ดี ถึงแม้เราจะเลวขนาดไหน ท่านก็อุตสาห์ประคับประคองเรามาท่านก็อุตสาห์ให้โอกาสกับผม ทำให้ผมมีวันนี้ได้
-อีกอย่างหนึ่งที่ทำให้ผมเปลี่ยนไปในทิศทางที่ดี ก็คือ โชคดีที่ผมได้เจอเพื่อนดีๆ ซึ่งเขาก็ช่วยผลัดดันเรา แน่นอนว่าเมื่อมองย้อนกลับไปเราเข้าใจว่าเด็กๆ มันเปลี่ยนตัวเองยาก แต่ไม่ใช่ว่าจะเปลี่ยนไม่ได้เลย ถ้ามีคนช่วยที่สำคัญอย่างปล่อยให้เขาเคว้ง อย่าปล่อยให้อยู่กับสังคมเดิมๆ สิ่งเดิมๆ ไม่อย่างนั้นโอกาสในการเปลี่ยนแปลงมันยาก
-วิธีหาตัวเองให้เจอสำหรับผมก็คือ ง่ายๆ คุณต้องก็ถามตัวเองก่อนว่าอยากจะ
ทำ อยากจะเป็นอะไร เพราะเดียวนี้มันมีอาชีพมันมีทางเลือกมากมาย ไม่เหมือนเมื่อ
ก่อนที่มีแต่หมอ วิศวะ เท่านั้นที่จะเป็นอาชีพที่หาเลี้ยงตัวเองได้
-ปัจจุบันมันมีทางเลือกให้เยอะขึ้นมากมาย งานเกี่ยวสื่อ งานศิลปะ เดี๋ยวนี้มัน
ก็หาเลี้ยงตัวเองได้ไม่เหมือนเมื่อก่อน อะไรหลายๆ อย่างก็ลองค้นหาแล้วก็มุ่งมันไป
ให้ถึงสิ่งนั้น ที่สำคัญผมแนะนำว่า “ยิ่งคุณหาตัวเองเจอเร็วยิ่งได้เปรียบ ยิ่งเริ่มเร็วเรา
ก็ยิ่งมีประสบการณ์มาก และมีสิทธิ์ประสบความสำเร็จกว่าคนที่หาสิ่งที่ตัวเองรักไม่
เจอ
//////////////////////////////////////////
จากใจ สงกรานต์ ถึง ซ้อ 7
คุณติดตามซ้อ 7 มานานไหม
ไม่ค่อยครับ อย่างข่าวที่เขาว่าผม กับเขา (หมายถึง ทักษอร ภักดิ์สุขเจริญ) ผมก็ไม่ได้อ่านเอง เพื่อนๆ ที่ผ่านมาก็ส่งลิงค์มาให้ผมก็อ่านดู
โกรธข้อเขียนของซ้อ 7 เขียนไหมที่ทำให้ใครๆ รู้สึกว่าคนที่เขาว่าในนั้น คือ คุณ กับ ทักษอร ภักดิ์สุขเจริญ
จริงๆ เขาด่าผมไม่โกรธนะ และก็ไม่มีความจำเป็นจะต้องโกรธเขา โกรธไปก็เท่านั้น เพราะผมเป็นคนที่ไม่ยึดติดอะไร เป็นคนที่ค่อนข้างจะปล่อยวาง และที่สำคัญกับข่าวร้ายๆ ที่เกิดขึ้น ครอบครัวและคนใกล้ชิดของผมก็เข้าใจดีและไม่ได้ว่าอะไร แค่
นี้ก็พอแล้วครับ
แต่ถ้าถามว่าซ้อ 7 ว่าเขา (หมายถึง ทักษอร ภักดิ์สุขเจริญ) ผมโกรธไหม...ผมโกรธนะ จริงๆ ผมสงสารเขามากเลย เพราะเขาเป็นคนดี พูดง่ายๆ ตั้งแต่คุยกันมาผม
รู้สึกว่าเขาเป็นผู้หญิงที่ดีมากๆ เรียบร้อยมากๆ เป็นผู้หญิงที่ดีจริงๆ
แต่จากที่ผมอ่านคอมเมนต์ต่างๆ ผมว่าปัจจุบันคนแยกแยะออกมากขึ้นว่าอะไรเป็นอะไร ซึ่งคนที่อ่านคมลัมน์นี้ส่วนใหญ่ เขาก็ไม่คล้อยตามไปซะหมด พวกเขาแยกแยะได้ และส่วนใหญ่ก็ด่าเขา (หมายถึงซ้อ 7) กลับไปก็มี ผมว่าเดี๋ยวนี้คนมีวิจารณญานขึ้นเยอะ แยกแยะออกว่าอันไหนจริงหรือไม่จริง
ถ้่าเจอหน้าซ้อ 7 อยากจะถามเขาว่าอะไร
ก็อยากจะถามเขาว่าทำไมเขาปากจัดแบบนี้
ถ้าซ้อ 7 ขอสัมภาษณ์...?
เขาก็มีหน้าที่ของเขา ที่สำคัญเขาก็ไม่ได้มาฆ่าแกงอะไรเรา ยังไงฝากบอกเขา
ว่าถ้าจะมาสัมภาษณ์ก็ยินดีครับ
/////////////////////////////////////////////
หนังเรื่องแรกของสงกรานต์ชื่อเรื่อง ''มาย เบสท์ บอดี้การ์ด'' ของบ.โอเรียนทัล อายส์ ซึ่งได้รับพระกรุณาธิคุณจาก ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี ทรงแสดงนำ ร่วมด้วย ชาคริต แย้มนาม, ธีรภัทร์ สัจจกุล ขณะที่สงกรานต์รับบทเป็นผู้ร้ายในเรื่องอีกด้วย