xs
xsm
sm
md
lg

สุขจากการให้ (ธรรมะ) เด็กโต๋ ...ของ "ป๊อบ อารียา"

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ป๊อบ อารียา
ดูเหมือนว่าภาพของนางสาวไทย กับเด็กคือสิ่งที่หลายคนจับคู่เอาไว้ ว่าคือคุณสมบัติหนึ่งในความงามที่สตรีพึงมี และภาพของนางสาวไทย ชื่อ "ป๊อบ อารียา สิริโสดา" กับเด็กก็เกิดขึ้นหลังจากที่เธอผลิตหนังสารคดีเรื่องเด็กโต๋ มาให้ได้ชมกันเมื่อ 5 ปีก่อน ที่ป๊อบทำร่วมกับเพื่อนร่วมอุดมการณ์ อย่าง "นก นิสา คงศรี" อดีตนักศึกษาทุน มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ พร้อมกับการมีกองทุนช่วยเหลือเด็กโรงเรียนบ้านแม่โต๋ พ่วงขึ้นมา

จนล่วงเข้าวันนี้ เงินทุนดังกล่าวเริ่มร่อยหรอ และเด็กบางคนใกล้ถึงฝั่งฝันแล้ว แม้เธอจะออกตัวมาเสมอว่าไม่ใช่มูลนิธิ หรือยูนิเซฟ แต่ภาระในการหาเงินเพื่อช่วยเหลือเด็กครั้งนี้ เธอเลือกออกหนังสือ ชื่อ "จดหมายรักจากภูเขา" คำบอกเล่าจากเธอ "ความอิ่มใจ" คือสิ่งเดียวที่ทำให้เธอเสียสละและเข้าถึงชีวิตลึกซึ้งกว่าที่ผ่านมา

"คนเราเกิดมาในโลกนี้นะ ถ้าเราเป็นประโยชน์ให้คนอื่นเนี่ย มันทำอะไรที่ดีกว่านี้หรือ ป๊อบไม่ต้องการอะไรแล้วที่เรียกว่า บ้านก็มีแล้ว รถก็มีแล้ว หนี้สินไม่มี ไม่มีภาระอะไรแล้ว มีโอกาสก็เจอคนแบบนี้ ไม่รู้จะพูดอย่างไร พอเขาจบมา เขาก็เข้ามากอดเรา เขาเขียนจดหมายมา บางทีถ้าเราไม่ให้เงินเขาไปเรียน เขาอาจมีครอบครัว ท้องมีลูกไปแล้ว ทีนี้พอเขาได้เรียนมากขึ้น ก็ดูแลตัวเองได้ ไม่ต้องไปมีชีวิตอีกแบบ เราเองมีโอกาสเยอะมากกว่าเขา พ่อแม่ก็สนับสนุนในการเรียน มีเงิน ไปเรียนต่างประเทศ ไม่ต้องดิ้นรนเลย เราเห็นค่าของคนมากขึ้นเมื่อเราไปเห็นคนที่เขาลำบาก เฮ้ย 90 บาท หนึ่งอาทิตย์เขาอยู่ได้ ดื่มกาแฟแพงๆแก้วหนึ่งน้องเขาใช้ได้ทั้งอาทิตย์เลยนะ"

"ป๊อบเคยพาน้องๆ เข้ามาในเมือง พาไปกินสุกี้ เขาตาโต ไม่เคยกินอาหารแบบนั้น เด็กเนี่ยเขาเห็นอาหารเยอะ เขาจะกินทุกอัน เพื่อจำรสชาติ ว่ามันรสชาติอย่างไร หมูปิ้ง ไอศกรีม มันคือครั้งแรกของเขา เพราะปกติเขากินแบบพอเพียงจริงๆ เราบางทีกินทิ้งกินขว้าง ไม่รู้สึกอะไร เขาร้องไห้เลยนะ ขึ้นเครื่องบินครั้งแรก พาขึ้นเครื่องบิน เขาบริสุทธิ์มาก เราได้ความสุข เราเหมือนชาวนาที่แบบปลูกเมล็ดพันธุ์แล้วมันออกดอกออกผล"

เดิมทีเดียวไม่ใช่คนฟุ้งเฟ้อ จึงทำให้การปรับเปลี่ยนชีวิตนางงามคนนี้ ถ้าให้เลือกกระเป๋าแบรนด์เนมสักใบกับความสุขของเด็กโต๋ เธอเลือกอย่างหลัง

"ป๊อบเป็นคนที่ใช้ชีวิตง่ายอยู่แล้ว แล้วก็เป็นคนที่ตั้งแต่จำความได้ คือป๊อบไม่ใช่คนฟุ่มเฟือยอยู่แล้ว การจะไปซื้อกระเป๋าแบรนด์เนมสักใบหนึ่ง เอาเงินไปให้เด็กมีโอกาสเรียนต่อดีกว่าค่ะ มันอิ่มใจกว่าเยอะ มันอิ่มใจกว่าการไปช็อปปิ้งน่ะ"

และแม้บางครั้งต้องแลกมาด้วยเงินของตัวเองเธอก็พร้อมยอมทำ และภูมิใจที่มีคนร่วมอุดมการณ์ ช่วยบริจาคเงินร่วมด้วย

"รายได้จากหนังสือมันอาจจะน้อยก็จริง แต่ว่าถ้าวางตลาด หนังสือมันโดนจริงๆขายได้ดี ราคาค่อนข้างสูง แต่มันหนา ถ้าเรื่องมันดี พูดปากต่อปาก คนก็อาจจะซื้อเยอะ ตอนนี้พิมพ์ส่วนตัวแล้วก็มีสปอนเซอร์บ้างก็ทำไป ช่วยเขาให้ถึงฝั่ง มีผู้ใหญ่ใจดีมาช่วยนะคะ มีพี่คนหนึ่งตั้งชื่อลูกสาวว่าน้องป๊อบด้วย เจอเราก็ทำบุญแล้วบอกว่าลูกสาวสองคน มีค่าขนมต่อเดือน 5 พันบาทสองคนนะ แล้วเขาก็บอกว่า เนี่ยน้องๆเขาตัดสินใจจะลดเหลือแค่ 2 พันบาท อีก 3 พันบาท จะส่งให้โรงเรียนแม่โต๋ ใครมาที่บ้านเราก็มีกองจดหมายมาให้อ่าน อ่านเสร็จก็เท่านั้นแหละ ร้องไห้ เขาก็ตัดจากค่ากาแฟแก้วละแพงๆมาให้เลยก็มี แล้วเขารู้สึกว่ามันต่อเนื่องนะ"

ท่ามกลางการช่วยเหลือเด็กโต๋ เธอยอมรับว่าเสียงวิพากษ์วิจารณ์ทั้งบวกและลบ แต่ยอมรับว่าความผูกพันร่วม 10 ปี ตั้งแต่หาข้อมูลทำหนังเด็กโต๋ ทำให้เธอหนักแน่นกับสิ่งที่ทำ

"ท้อมั้ย มันมีนะ โดนวิจารณ์ก็มีตลอดเวลา แต่เราเชื่อมั่นในสิ่งที่เราทำ แล้วเราทำในสิ่งที่เราชอบ เราค่อนข้างจะเหนียวแน่นกับสิ่งที่เรายืนอยู่ บอกตามตรงว่าทำหนังเด็กโต๋มา ก็ไม่ได้กำไรอะไรนะ เอาเงินตัวเองมาทำ คือถ้าเป็นนักธุรกิจเจ๊งไปตั้งนานแล้ว ถ้าไม่ได้ถ่ายแบบ ทำงานเก็บสะสมมาเนี่ยคงไม่มีเงินบางส่วนไปช่วยเขา เราทำไปด้วยความอิ่มใจ วันหนึ่งก็ไม่มีป๊อบ อารียาแล้วล่ะ วันหนึ่งเราก็ต้องจบสิ้นลง แล้วเราโอเคกับสิ่งที่เราทำแล้ว ตายไปก็คงไม่เสียใจ"

แม้บางครั้งการทำดีของเธอ เจ้าตัวหลุดว่า "ยาก" และ "เหนื่อย" เหลือเกิน แต่ก็หาได้ละความพยายาม

"เราไม่ได้ต้องการเป็นยูนิเซฟหรืออะไรประมาณนั้นนะ เราไปเจอเขามาตาดำๆ เราก็อยากจะช่วยเขานะคะ มันเหนื่อยมาก แต่น้องๆ กำลังจะจบ บางคนเขามีโอกาสเป็นพยาบาล สาวบัญชี บางคนอยากเรียนดีไซน์ เราก็ไม่รู้ว่าจะช่วยไปได้ถึงไหน เงินหมด เมื่อไหร่ก็คงจบเมื่อนั้น ช่วยจนสุดแรงค่ะ มันอบอุ่น สิ่งที่เราทำเห็นผล แล้วถ้ามันออกมาดี ตายไปแล้วก็ยังมีผลงานอันนี้ ส่งให้นักเรียน เรียนต่อ เราภูมิใจแล้วนะ"

"เรื่องมูลนิธิในประเทศนี้ ทำดีทำยาก ทำชั่วง่ายมากเลยนะ คือถ้าเป็นมูลนิธิ ต้องมีใบเสร็จ ต้องมีบิล เด็กไปซื้อกระเทียม กะหล่ำ จะมีใบเสร็จมั้ย เราต้องใช้ชื่อเสียงเรา หน้าเราค้ำว่าไม่โกง ใช้ความเชื่อใจกัน ถ้าทำมูลนิธิ ทุกอย่างต้องมีใบเสร็จ เราก็เชื่อมั่นว่าเด็กโทรศัพท์มาก็โอนเข้าบัญชีเขา ซึ่งเขาจะทำรายรับรายจ่ายมาให้เราดูเลย"

ส่วนภาระหน้าที่ในวงการบันเทิงอาจเห็นเธอในรายการทีวี แนวสารคดีอีกครั้ง และทิ้งท้ายไว้เพียงว่า ชีวิตที่เหลืออยู่ในวงการบันเทิงคือการทำงานที่มีความสุข ไม่ใช่เพื่อให้คนจำได้ แต่อยากคงไว้ซึ่งความดีที่คนไม่ลืมเธอ

"ทุกวันนี้เข้าใจในอาชีพมากขึ้น ว่าต้องทำมาหากินทุกคนแหละ งานบันเทิงไม่ได้ลดลงนะ จะมีรายการทีวี ถึงจุดหนึ่งของชีวิตเวลามันมีค่ามากกว่าเงินทองนะ เราไม่มีหนี้สิน ไม่มีภาระ เราได้ทำอะไรที่เราชอบ ท้าทายและสนุก ถ้าไม่สนุกมันไม่น่าทำ เราจะทำเพื่อไม่ให้คนลืมเหรอ วันหนึ่งเขาก็ต้องลืม เพราะฉะนั้นทำแต่สิ่งที่ดี สิ่งที่ชอบดีกว่า ช่วยคนดีกว่ามั้ย"
***

"น้ำที่ไหลแรงที่สุดคือน้ำใจ น้ำใจที่ปรารถนาจะช่วยคนทำให้คนจำนวนมากข้ามน้ำข้ามทะเลไปช่วยเพื่อนมนุษย์ ที่ตกยากได้อย่างไม่กลัวเหนื่อยล้า พรมแดนของประเทศก็ไม่สามารถขัดขวางน้ำใจคน"

… 1 ใน 30 คำคมจากธรรมะโมบาย โดย ว.วชิรเมธี

นก นิสา -ป๊อบ อารียา กับหนังสือที่เธอทำขึ้น


กำลังโหลดความคิดเห็น