สัก 5 ปีมาแล้ว เหลนซึ่งเป็นลูกชายของหลานสาว กล่าวถามขณะเข้ามาเคล้าเคลียอยู่บนตักผมว่า “ตา ตาเอาเรือบินจอดไว้ตรงไหน จอดไว้ตรงหลังกอไผ่ฝั่งโน้นจริงหรือเปล่า”
เหลนกล่าวพร้อมกับชี้มือ และทอดสายตามองข้ามไปยังซุ้มกอไผ่ ซึ่งขึ้นเรียงรายกันอยู่อีกด้านหนึ่งของฝั่งคลอง ผมมองตามเรียวมือน้อยๆ ของเขา คาดเดาว่าคงเป็นใครสักคนที่แกล้งหลอกบอกกับเหลนจอมซนว่า ผมจะกลับจากกรุงเทพฯ มาเยี่ยมบ้านเกิดด้วยการนั่งเครื่องบินที่เห็นตัวลำอยู่ลิบๆ กลางน่านฟ้าเหนือหลังคาบ้าน
ผมไม่รู้ว่าจินตนาการของเหลนเกี่ยวกับ ‘เรือบิน’ เป็นเช่นไร กระนั้นมันกลับทำให้ผมย้อนทวนหวนนึกถึงจินตนาการของตัวเองเกี่ยวกับ ‘เรือบิน’ ในขณะที่เริ่มจำความได้
แน่นอน นั่นต้องย้อนเวลากลับไปไกลกว่า 40 ปี....
“กูเห็นมากับตา โน่น...” ผู้ใหญ่คนหนึ่งซึ่งบอกว่าเขาเคยเห็นเครื่องบินในระยะใกล้แค่เอื้อมมือจับ พูดขณะชี้นิ้วไปที่โอ่งมังกร แล้วย้ำอีกว่า “มันใหญ่เท่าโอ่งน้ำนั่นเลยเชียวแหละ”
เพื่อนๆ รุ่นราวคราวเดียวกับผมที่นั่งฟังเรื่องเครื่องบินจากปากคำของผู้ใหญ่จอมรู้ประจำหมู่บ้าน หันมองไปยังโอ่งน้ำใบเขื่องด้วยสายตาเบิกกว้าง ลักษณะท่าทางประหนึ่งบ่งบอกว่าพวกเขาทุกคนกำลังเห็นเครื่องบินจอดสงบอยู่จริงๆ
ผิดกันกับผมที่เชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง
ครึ่งหนึ่งที่ผมไม่เชื่อว่าขนาดของ ‘เรือบิน’ ลำเล็กจ้อยที่เห็นลิบๆ รำไรอยู่กลางเวิ้งฟ้า จะใหญ่โตโอฬารเท่ากับโอ่งน้ำตามที่ผู้ใหญ่จอมรู้ประจำหมู่บ้านอวดอ้าง เป็นเพราะว่าก่อนหน้านี้ผมเพิ่งถูก ‘ผู้ใหญ่’ หลอกจนเชื่อสนิทใจมาเรื่องหนึ่งแล้ว
‘ผู้ใหญ่’ ที่สร้างเรื่องมาหลอกให้ผมเชื่อ และผมนำเรื่องไม่จริงนั้นไปยืนยันกับเพื่อนที่เรียนชั้นประถมปีที่ 1 ด้วยกัน ไม่ใช่ใครที่ไหน
แม่ของผมเอง
ผมถามแม่ระหว่างที่แกกำลังป้อนข้าวใส่ปากให้ผมในเย็นวันหนึ่ง ว่า “แม่ หนูคลอดออกมาทางไหน”
“ทางปาก” แม่ตอบด้วยสีหน้าปกติ
ผมมองปากแม่ ส่ายหน้า ไม่เชื่อว่าตัวเองจะลอดออกมาจากปากเล็กๆ นั้นได้
“ไม่เชื่อ” ผมมองหน้าแม่ “ปากแค่นี้ ตัวหนูจะออกมาได้ยังไง”
“เอ้า!...” แม่ชะงักมือ หยุดป้อนข้าว แล้วกล่าวด้วยสีหน้าเรียบเฉยเหมือนเดิมว่า
“พวกพี่ชายมึงทั้ง 8 คน มันก็เกิดทางปากกันทั้งนั้น ตอนอยู่ในปากตัวไม่เท่านี้หรอก เพิ่งจะขยายใหญ่ก็ช่วงที่โดนลมนี่แหละ มันจะค่อยพองขึ้นๆ” แม่กางมือประกอบคำบอกเล่า
รุ่งเช้าผมนำเรื่องนี้ไปเล่าให้เพื่อนคนหนึ่งที่เรียนห้องเดียวกันฟัง มันเถียงคอเป็นเอ็น
“กูไม่เชื่อ” เพื่อนโบกมือ สะบัดหัว “ก็แม่กูพูดเองว่าออกมาจาก...” เพื่อนพูดตรงเผง
ผมเองก็เถียงสะบัด “ไม่จริงหรอกพี่กูตั้ง 8 คน ตัวโตๆ ทั้งนั้น จะออกมาจากตรงนั้นได้ไงวะ เออ ถ้าตัวเล็กๆ อย่างกูก็ว่าไปอย่าง”
“เอางี้ พรุ่งนี้มึงมาเถียงกูใหม่ แต่เย็นนี้มึงต้องไปถามแม่มึงดูอีกที ถ้าไม่ออกมาจาก...กูยอมให้เตะ”
ดีที่ได้เถียงกับเพื่อน มิฉะนั้นอีกไม่รู้กี่ปีที่ผมคงจะยังเชื่อว่าคนเราคลอดออกมาทางปากอยู่เช่นเดิม
(อ่านต่อครั้งหน้า)